Perfect Superstar – ตอนที่ 147 ตัดหน้าไม่สำเร็จ

ตอนที่ 147 ตัดหน้าไม่สำเร็จ

ถังเฉียวเฉี่ยวเป็นหญิงสาวที่มีความหยิ่งทะนงมาตลอด

แต่ความทะนงตัวของเธอนั้นจะเก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกสุดของหัวใจ ไม่เคยเปิดเผยออกมาง่ายๆ

เพราะฐานะทางบ้านของเธอแสนจะธรรมดา ถ้าหากแสดงความหยิ่งออกมาบนใบหน้า ไม่รู้ว่าจะเจอความยุ่งยากอีกเท่าไร

ถังเฉียวเฉี่ยวก็เป็นหญิงสาวที่ฉลาดมากคนหนึ่ง

นับตั้งแต่เธอเซ็นสัญญากับบริษัทแผ่นเสียงอีเอ็มไปแล้ว เธอก็ขยันเรียนรู้มาตลอด พยายามคว้าโอกาส ขอเพียงบริษัทจัดงานให้ ต่อให้เป็นงานเหนื่อยยากลำบากแค่ไหนเธอก็จะทำมันให้สำเร็จด้วยความตั้งใจ

แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ การจะเด่นดังท่ามกลางคนเก่งมีความสามารถในบริษัทจึงยากเกินไป และหลี่จื้อเกาผู้จัดการส่วนตัวที่บริษัทจัดให้เธอก็มีนิสัยดีซื่อสัตย์มาก ไม่ถนัดวางกลอุบาย จึงช่วยอะไรเธอไม่ได้เยอะ

หลายครั้งที่ถังเฉียวเฉี่ยวต้องอาศัยตัวเอง

ดังนั้นตอนที่เธอเผอิญรู้ว่า จางฉงกับจางซูฮุ่ยบีบบังคับให้เวินจื้อหย่วนล้มเลิกการซื้อเพลงจากลู่เฉิน เธอจึงตัดสินใจแน่วแน่ดึงหลี่จื้อเกาไปหาคนหลังเพื่อยื่นเรื่องขอเงินทุน

เธออยากควักเงินของตัวเอง ซื้อผลงานของลู่เฉิน

เพราะลางสังหรณ์ของเธอบอกว่า โอกาสที่เธอรอคอยอย่างยากลำบากมาถึงแล้ว!

การตัดสินใจสู้ตายของถังเฉียวเฉี่ยว เป็นผลทำให้เวินจื้อหย่วนตอบรับคำขอของเธอ ช่วยยื่นเสนอขอเงินทุน เพื่อให้เธอได้ผลงานใหม่ของลู่เฉินได้สำเร็จ

ทะนงตัว!

ชื่อเพราะจริงๆ ถึงแม้เพลงนี้จะไม่มีความหมายแฝงมากนัก ท่วงทำนองก็ไม่ได้อยู่ในระดับยอดเยี่ยมมาก แต่มันก็เพราะดี หลังจากที่ถังเฉียวเฉี่ยวร้องไปหนึ่งรอบ เพลงนี้จึงเหมาะสมกับตัวเองมากจริงๆ

“แต่ฉันก็ยังยิ้มให้คุณเสมอ ทำไมคุณยังไม่เห็นความดีของฉันสักที~”

ความหมายของเนื้อเพลงนี้ดูผิวเผินเหมือนบรรยายถึงความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง มีหรือจะไม่ได้กล่าวถึงประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาของเธอ

ถังเฉียวเฉี่ยวอดทนรอคอยด้วยความลำบากมาเนิ่นนาน เทพีแห่งความโชคดีก็เพิ่งเผยรอยยิ้มให้กับเธอเป็นครั้งแรก

ความฝันของเธอคือทำให้ตัวเอง “หัวใจเต้นแรงอย่างไม่เป็นสุข จนได้ยินไปทั้งโลก!”

ถังเฉียวเฉี่ยวกำไมค์แน่น ราวกับกำโลกทั้งใบเอาไว้

ณ เวลานี้ เธอสามารถเผยความหยิ่งทะนงตัวทีละนิดของตัวเองออกมาต่อหน้าทุกคนได้ในที่สุด!

เสียงปรบมือดังขึ้นภายในห้องทดสอบเสียง ดังติดต่อกันอย่างคึกคัก

ทำอย่างไรได้ ซ่งซุนปรบมือตลอดเวลา พวกหัวหน้าผู้จัดการที่เป็นลูกน้องมีใครกล้ามองค้อนไม่ทำตามบ้าง

แม้แต่จางฉงที่เสียเปรียบก็ยังต้องปรบมือแปะๆ สองสามที

ใบหน้าที่แต่งหน้าสวยงามแทบจะบูดเบี้ยว กัดฟันกรอด

ซ่งซุนเดินไปข้างหน้าสองก้าว ยื่นมือไปหาลู่เฉินแล้วกล่าวว่า

“อาจารย์ลู่เฉิน ขอบคุณที่คุณสร้างผลงานที่เยี่ยมยอดให้กับศิลปินในบริษัทของพวกเราครับ คุ้มค่าเกินราคาจริงๆ!”

ท่าทีของเขาไม่เหมือนในตอนแรก

ตอนแรกที่เกรงใจก็เพราะเป็นมารยาท แต่ไม่ได้ให้ความนับถือที่ออกมาจากใจ

ตอนนี้ลู่เฉินได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเองแล้ว ต่อให้เป็นรองผู้จัดการทั่วไปของบริษัทจัดหานักแสดงคนนี้ก็ต้องปฏิบัติตัวอย่างจริงจังกับเขา

เพลงดีเพลงหนึ่งสามารถทำให้เด็กใหม่ดังขึ้นมาได้!

ลู่เฉินยิ้มจางๆ จับมือแล้วเอ่ยว่า “ผู้จัดการซ่งเกรงใจเกินไปแล้ว การเสนอผลงานที่ดีคือหน้าที่ของผมครับ”

ลู่เฉินไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งถือตัว ซ่งซุนจึงแอบชื่นชมอยู่ในใจ และยิ่งมุ่งมั่นมากขึ้นในความคิดที่จะสร้างความสัมพันธ์ร่วมงานระยะยาวกับเขา

นักแต่งเพลงที่ยอดเยี่ยมที่อยู่ในยุคที่เจริญรุ่งโรจน์คนหนึ่ง ก็คือเหมืองทองคำแห่งหนึ่งอย่างแท้จริง!

หากคนที่เคยผ่านยุค 80-90 ซึ่งเป็นยุคทองของวงการเพลงป็อปของประเทศมาก่อน ล้วนเข้าใจในจุดนี้

ซ่งซุนจึงพูดกับถังเฉียวเฉี่ยวที่อยู่ข้างๆ อีกครั้ง “เธอชื่อถังเฉียวเฉี่ยวใช่ไหม เธอร้องเพลงนี้ได้ดีมาก ค่าใช้จ่ายในการซื้อเพลงบริษัทจะเบิกคืนให้ทั้งหมด และจะออกซิงเกิลให้เธอก่อน ถ้าหากทำผลงานได้ดีก็จะพิจารณาทำเป็นอัลบั้มต่อไป”

ความไม่ราบรื่นที่ปรากฏขึ้นในกระบวนการซื้อเพลงจากลู่เฉินครั้งนี้ ซ่งซุนรู้เรื่องทุกอย่าง

จางฉงฉวยโอกาสก็ไม่สำเร็จแถมยังขาดทุนอีกต่างหาก รองผู้จัดการทั่วไปคนนี้จึงดูเรื่องตลกอย่างมีความสุข เขาเองก็ไม่กลัวที่จะเปิดเผยเรื่องแย่ๆ ของบริษัทตัวเอง

ในเมื่อจะชนะแล้ว เช่นนั้นก็ต้องทำให้เต็มที่ ไม่อย่างนั้นจะมีประสิทธิผลที่ดีได้อย่างไร

ถังเฉียวเฉี่ยวดีใจจนหัวใจแทบกระโดดออกมา รีบโน้มตัวและกล่าวว่า

“ขอบคุณผู้จัดการซ่งค่ะ หนูจะพยายามค่ะ!”

เธอยังอ่อนหัดเกินไป คิดไม่ถึงว่าการซื้อเพลงด้วยเงินของตัวเองจะได้รับผลประโยชน์ที่สอดคล้องกันขนาดนี้ ซ่งซุนไม่ต้องเสี่ยงอะไรก็ได้ประโยชน์กลับไปแบบชิวๆ เหมือนเป็นการลงโทษอย่างหนึ่ง

แน่นอนว่าหากมองในมุมกลับ ถ้าหากไม่มีการสนับสนุนของบริษัท แม้ว่าจะมีเพลงทีดีสักหนึ่งเพลง แต่ก็เป็นเรื่องที่ยากมากถ้าเธออยากจะมีชื่อเสียงโด่งดัง ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อสิบยี่สิบปีก่อน เพราะแพ็กเกจและการโปรโมทสร้างกระแสล้วนเป็นกุญแจสำคัญ

เพราะฉะนั้นถึงแม้ถังเฉียวเฉี่ยวจะรู้ว่าเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ก็ไม่มีความคิดเห็นคัดค้าน

ซ่งซุนพยักหน้า จากนั้นก็สั่งงานกับลูกน้องสองสามคน

“เหล่าเฉิน คุณกับซิงกั๋วไปปรึกษากัน การเรียบเรียงเพลงและดนตรีประกอบของเพลงนี้มอบให้ทางเทียนไล่เวิร์กชอปจัดการ และต้องทำตามมาตรฐานสูงสุด เพื่อรับประกันคุณภาพที่ยอดเยี่ยม!”

“เหล่าหวัง ฝ่ายของพวกคุณรีบทำแผนการโปรโมทมาให้ผม โดยยึดตามลักษณะพิเศษของถังเฉียวเฉี่ยวกับเพลงนี้”

“แล้วก็คุณ…คุณคือผู้จัดการส่วนตัวของถังเฉียวเฉี่ยวใช่ไหม”

หลี่จื้อเกาที่ถูกเรียกชื่อรู้สึกดีเหมือนได้รับความเมตตา แล้วพูดติดอ่างว่า “ชะ…ใช่ครับ ผู้จัดการซ่ง”

ในฐานะผู้จัดการที่เพิ่งทำงานสายนี้ การมีตัวตนอยู่ของเขาในบริษัทอีเอ็มไอแห่งนี้ต่ำมากจริงๆ ซ่งซุนรู้ว่าเขาได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของถังเฉียวเฉี่ยวก็ไม่ง่าย จึงนึกชื่อของเขาไม่ค่อยออกเป็นธรรมดา

ซ่งซุนไม่ได้ถือสา พูดว่า “คุณกับถังเฉียวเฉี่ยวมาด้วยกัน แล้วไปคุยกับผมที่ออฟฟิศหน่อย”

ผู้จัดการแผนกและหัวหน้าสองสามคนมองไปที่หลี่จื้อเกาด้วยสายตาแปลกๆ ไม่ใช่เพราะอิจฉา แต่เหมือนจะสื่อว่า ‘ไอ้หมอนี่โชคดีแล้วล่ะสิ’

พวกเขารู้จักหลี่จื้อเกา รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ในบริษัทนี้เหมือนเป็นตัวแทนของคำว่าผู้จัดการดวงซวย

แต่ผลลัพธ์ใครก็คาดไม่ถึง เพราะเขากำลังจะเจอจุดเปลี่ยนในชีวิตแล้ว!

ซ่งซุนเรียกทั้งสองคนไปหาจะต้องคุยเรื่องสัญญาใหม่แน่นอน แบบนั้นก็หมายความว่าบริษัทต้องการสนับสนุนถังเฉียวเฉี่ยวแล้ว!

ผู้จัดการส่วนตัวดวงซวย หากได้เจอดาวรุ่งดวงใหม่ ตัวเองก็จะได้ดีไปด้วย

ตัวอย่างแบบนี้ในวงการบันเทิง มีให้เห็นบ่อยนัก

ซ่งซุนกำชับเวินจื้อหย่วนอีกครั้ง “เหล่าเวิน คุณดูแลต้อนรับอาจารย์ลู่เฉินให้ดี ครั้งนี้คุณทำได้ดีมากๆ”

ทำงานดีก็ควรได้รับคำชื่นชม ซ่งซุนไม่ขี้เหนียวที่จะชื่นชมลูกน้องต่อหน้าสาธารณะชนแน่นอน

แม้ว่าคำพูดของเขาอาจจะทำให้ใครบางคนทนไม่ได้

“ขอบคุณผู้จัดการซ่งครับ…”

เวินจื้อหย่วนรู้สึกเหมือนตือโป๊ยก่ายกินผลทารกน้อย รู้สึกสบายไปทั่วทุกอณูรูขุมขนของร่างกาย

เขาจึงรีบพูดว่า “คุณวางใจได้ครับ!”

เขาต้องเอาใจเทพลู่เฉินที่ทำให้ตัวเองได้เลื่อนขั้นและเพิ่มเงินเดือนแน่นอนอยู่แล้ว โดยที่ซ่งซุนไม่จำเป็นต้องบอกด้วยซ้ำ

เมื่อสั่งงานเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายซ่งซุนจึงพูดกับลู่เฉินว่า

“อาจารย์ลู่เฉิน ต้องขอโทษจริงๆ ครับ ผมยังมีงานอื่นต่อ ดังนั้นจึงอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่ไม่ได้แล้ว ยินดีต้อนรับ คุณมาเยี่ยมและชี้แนะบริษัทของพวกเราได้ตลอดเวลานะครับ”

ในฐานะรองผู้จัดการทั่วไปของบริษัทอีเอ็มไอ ซ่งซุนต้องรักษามารยาทของตัวเองอยู่แล้ว เขาหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมงานกับลู่เฉินในระยะยาว แต่จะไม่รีบร้อนยื่นข้อเสนอให้ลู่เฉินทันที

การทำเช่นนี้จะทำให้คนอื่นดูถูกเรา และเขาก็อยากให้โอกาสลู่เฉินได้เสนอเงื่อนไขและราคาที่สูงขึ้น

ส่วนรายละเอียดในการร่วมงานค่อยคุยทีหลังอีกที

ดังนั้นคำพูดที่สวยหรูของเขา ไม่ใช่แค่คำพูดที่สวยงามอย่างเดียวเท่านั้น

ลู่เฉินอมยิ้ม “เชิญผู้จัดการซ่งตามสบายครับ”

ซ่งซุนพาทีมงานใหญ่ออกไป ไม่ช้าก็เหลือแมวน้อยสามตัวอยู่ในห้องทดสอบเสียง

ตอนนี้จางฉงจึงเดินเข้ามา พูดกับลู่เฉินว่า “อาจารย์ลู่เฉิน ฉันอยากคุยเรื่องการซื้อเพลงกับคุณค่ะ”

จางฉงรู้สึกเสียใจเป็นที่สุด

เธอไม่ได้เสียใจที่พลาดเพลงของลู่เฉิน แต่เสียใจที่เป็นการให้โอกาสเวินจื้อหย่วนได้พลิกตัวต่างหาก แถมยังทำให้หลานสาวของตัวเองเกิดความโกรธเคือง ทุกอย่างล้วนเป็นความผิดซ้ำซาก

เพราะฉะนั้นจางฉงจึงอยากชดเชยความผิดพลาดของตัวเอง เธอจึงชิงลงมือกับลู่เฉินก่อน

ขอเพียงแค่ได้เพลงที่ดีมาจากลู่เฉิน อย่างนั้นจางซูฮุ่ยก็จะไม่โกรธเธออีก เธอจะได้กู้ความเสียหายกลับมา ไม่กลายเป็นตัวตลกในบริษัท

เธอกระทั่งหวังว่า เพลงที่ลู่เฉินขายให้ตัวเองจะดีกว่าและแกร่งกว่าเพลง ‘ทะนงตัว’ เพลงนี้!

ความคิดของจางฉงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมอยู่บนใบหน้า

แต่ลู่เฉินกลับไม่แสดงความสนใจหรือมีสีหน้าดีใจเหมือนอย่างที่เธอคิด

เขาหันหน้ามา แล้วถามเวินจื้อหย่วนอย่างสงสัย “คนนี้คือ”

ตอนแรกเวินจื้อหย่วนไม่ได้แนะนำจางฉงสองคนนี้ให้ลู่เฉินรู้จัก เขาจึงไม่รู้ว่าใครเป็นใคร!

แต่การเปลี่ยนสีหน้าที่รุนแรงของเวินจื้อหย่วน ลู่เฉินก็เห็นอยู่ในสายตา

เมื่อเห็นจางฉงวิ่งเข้ามาอยากตัดหน้า เวินจื้อหย่วนจึงเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ

คำถามของลู่เฉินกลับทำให้อารมณ์ของเขาเปลี่ยนทิศทางอย่างฉับพลัน

หัวหน้าฝ่ายจัดหานักแสดงคนนี้ยิ้มกริ่มแล้วตอบว่า

“คนนี้คือคุณจางฉง เป็นผู้จัดการส่วนตัวศิลปินของผมครับ”

“อ้อ…”

ลู่เฉินแสดงท่าทีว่าเข้าใจแล้ว พูดกับจางฉงว่า “คุณจางฉงครับ ถ้าหากคุณอยากซื้อเพลงล่ะก็ เชิญคุณปรึกษากับหัวหน้าเวินก่อน ตอนนี้สตูดิโอของพวกเรากำลังอยู่ในระหว่างการติดต่อทำธุรกิจด้านนี้กับหัวหน้าเวินอยู่ ขออภัยด้วยนะครับ”

ลู่เฉินไม่ได้โง่ มีหรือจะมองไม่ออกถึงการรับมือของจางฉงกับเวินจื้อหย่วน

ในเมื่อเป็นผู้จัดส่วนตัวของศิลปินใต้สังกัดของเวินจื้อหย่วน แต่เธอกลับมองข้ามหัวหน้าของตัวเองและมาหาเขาโดยตรง ดูไม่มีระเบียบมากเกินไปแล้ว

ผู้หญิงคนนี้มีความหยิ่งยโสอย่างชัดเจน ถึงแม้จะพูดจาเกรงอกเกรงใจ แต่กลับซ่อนความโอหังอวดดีจนเคยชินเอาไว้ไม่อยู่

ลู่เฉินรู้สึกไม่ดีกับเธอ และไม่อยากคุยกับเธอเท่าไร

ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธจางฉงทางอ้อม

ถือเป็นการไว้หน้าเวินจื้อหย่วน!

จางฉงตกตะลึงนิ่งอึ้ง

เธอคิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะไม่ไว้หน้าตัวเองเลย ไม่คิดจะคุยกับตัวเองเลยสักนิด

เวินจื้อหย่วนเกือบหัวเราะเสียงดังออกมา พอเห็นจางฉงถูกบังคับให้ยอมแพ้เขารู้สึกสบายไปทั้งตัว รีบพูดกับลู่เฉินว่า

“อาจารย์ลู่เฉิน ไปที่ออฟฟิศของผมดีกว่าครับ ผมยังมีเรื่องต้องคุยกับคุณอีกนิดหน่อย”

หัวหน้าฝ่ายจัดหานักแสดงของบริษัทอีเอ็มไอคนนี้ รู้สึกขอบคุณลู่เฉินเป็นอย่างมาก คนหลังไม่เพียงแต่ช่วยดึงเขากลับมาจากขอบเหว แถมยังให้โอกาสที่ล้ำค่าที่สุดกับเขา

ขอเพียงจับลู่เฉินไว้ได้ เขาเวินจื้อหย่วนก็สามารถสร้างรากฐานมั่นคงในบริษัทนี้ได้แล้ว

จางฉงมีคนหนุนหลังแล้วยังไงเล่า

ผู้จัดการซ่งคอยจับตามองอยู่นะ!

“ครับ”

ลู่เฉินตอบรับ พูดคุยหัวเราะพลางเดินตามเวินจื้อหย่วนออกมาจากห้องทดสอบเสียง

เหลือเพียงจางฉงที่มีสีหน้าอับอายขายหน้าและเคียดแค้นกับจางซูฮุ่ยที่เสียใจและผิดหวังอยู่สองคน

…………………………………………………………………………

Perfect Superstar

Perfect Superstar

Perfect Superstar
Status: Ongoing
อ่านนิยายPerfect Superstarลู่เฉิน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาวัย 22 ปี จำต้องหยุดเรียนออกมาทำงานหาเงินในเมืองหลวง เพื่อช่วยครอบครัวปลดหนี้จำนวนมหาศาล วันหนึ่งเขาฝัน...เป็นความฝันที่ยาวนานมาก โลกแห่งความฝันทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้า ตัวละครแสดงต่างก็มีสีสันที่ไม่เหมือนกัน นักร้อง นักแสดง นักเขียนอิสระ เขามีประสบการณ์กับช่วงชีวิตที่ต่างกันทั้งสามนี้ในโลกความฝัน เมื่อตื่นขึ้น ลู่เฉินมุ่งหน้าสู่ความฝันของตัวเองพร้อมกับทักษะที่ได้รับมา เป้าหมายคือกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่สมบูรณ์แบบ!!!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset