ตอนที่ 177 รู้สึกยังไงบ้าง?
ในเมืองหลวง มีนักร้องที่ร้องเพลงตามถนนอยู่มากมาย
พวกเขามาจากทุกทิศทุกทาง ส่วนใหญ่มีความฝันที่จะได้มีชื่อเสียงโด่งดังจึงได้เดินทางมาอยู่ในเมืองใหญ่ ด้วยหวังว่าวันหนึ่งจะใช้ความสามารถของตัวเองเข้าสู่เส้นทางนักร้อง ยืนอยู่บนเวทีใหญ่เป็นที่จับตามอง ให้ผู้คนเคารพนับถือ
แต่ในบรรดาคนเหล่านี้ ร้อยละเก้าสิบเก้าไม่มีทางสมหวัง ความฝันและความทะเยอทะยานของพวกเขาถูกชีวิตเมืองใหญ่ขูดรีด บ่อนทำลาย สุดท้ายก็ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด
นักร้องหลายคนหาทางออกไม่พบ ได้แต่พเนจรอยู่ตามท้องถนน ร้องเพลงยังชีพทั้งในศูนย์การค้า ทางในรถไฟใต้ดิน ข้างทางม้าลาย
ด้านหนึ่งเพื่อหาเงินมาจุนเจือชีวิตของตัวเอง อีกด้านหนึ่งยังหวังจะได้พบกับแมวมอง
ในวงการนักร้องและเพลงป็อปสมัยใหม่ ยังมีนักร้องข้างทางมากมายที่ได้โด่งดังมีชื่อเสียง
ในบรรดานักร้องพเนจร บางคนมีทั้งความสามารถและพรสวรรค์
เพียงแต่พวกเขาโชคไม่ดี
นักร้องข้างทางที่ร้องเพลง ‘ดวงดาวที่สุกสกาวที่สุดบนฟากฟ้าราตรี’ ยังดูอายุน้อยมาก ไม่เกินยี่สิบปี รูปร่างของเขาผอมบาง ตัวไม่สูงนัก หน้าตาธรรมดาดูอ่อนเยาว์
เขาถือกีตาร์ ขาตั้งไมโครโฟน และลำโพงเครื่องเสียง ที่พื้นเป็นกระเป๋าใส่กีตาร์ที่วางเปิดออก
รูปแบบมาตรฐานของนักร้องข้างทาง
น่าเสียดายที่นักร้องคนนี้ดีดกีตาร์ได้ไม่เลว เสียงก็ตรงชัด แต่เทคนิคการร้องและน้ำเสียงธรรมดา
ดังนั้นการแสดงจึงไม่ได้ดึงดูดให้ผู้คนสนใจได้เท่าไหร่ เพื่อให้พวกเขาหยุดยืนฟัง หรือใส่เงินลงในกล่อง
นักร้องที่ขายเสียงตามข้างทาง ในเมืองหลวงมีมากมายมหาศาล ทุกคนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องแปลก
นอกจากจะมีจุดเด่นหรือไม่เหมือนใคร ไม่เช่นนั้นคนธรรมดาก็ไม่อยากควักเงินให้
แม้จะไม่ได้รับการชื่นชมและรางวัล นักร้องหนุ่มน้อยยังคงตั้งใจร้องเพลงต่อไป เข้มแข็งยืนหยัดร้องเพลงอยู่ตรงนั้น
มองดูเขาแล้วลู่เฉินนึกถึงตัวเองเมื่อก่อนตอนที่มาถึงเมืองหลวงใหม่ๆ
รู้สึกสะท้อนใจอย่างมาก
ถ้าไม่มีโลกแห่งความฝันเหล่านั้น เกรงว่าเขาคงยังเป็นบริกรควบกับหน้าที่นักร้องเสริมอยู่ในบาร์เดย์ลิลลี่ ทำงานหนักเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเองและใช้หนี้ มองไม่เห็นแสงสว่างในชีวิต
ตอนที่ลู่เฉินกำลังมองนักร้องคนนั้น เฉินเฟยเอ๋อร์ก็มองลู่เฉินอย่างสนใจ
ราชินีหน้าหยกคนนี้พูดขึ้นว่า “เขาร้องเพลงไม่เพราะ ทำให้เพลงของนายเสียหมดเลย น่าจะไปสอนเขา!”
สายตาของเธอฉายแววเจ้าเล่ห์ ราวกับอยากให้เรื่องสนุกเกิดขึ้น
ลู่เฉินตกใจ “แบบนี้ไม่ดีมั้ง?”
เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะ “มีอะไรไม่ดี ความจริงแบบนี้จะเป็นการช่วยเขานะ ไม่อย่างนั้นฉันเห็นว่าเขาหาเงินไม่ได้ ไม่แน่ว่าวันนี้ต้องจ่ายค่าเช่าที่แล้วยังต้องหิวเพราะไม่มีเงินซื้อข้าว”
ในเมืองหลวงนี้ไม่ใช่ว่าจะร้องเพลงขายเสียงทั่วไปได้ง่าย ต้องทำเรื่องขอจากองค์กรผู้ดูแลเมืองก่อน เมื่อได้ใบอนุญาตแล้วถึงจะไปร้องเพลงในที่ๆ กำหนดได้ สถานที่แตกต่างกันจำนวนเงินที่ต้องจ่ายก็ไม่เท่ากัน
บางที่ฟรี บางที่แพงมาก
ที่นี่มีคนเดินพลุกพล่าน การจะทำเรื่องขอให้ได้ที่ตรงนี้ไม่ง่ายนัก และราคาย่อมไม่ถูก!
ถ้าหาเงินมาไม่พอค่าเช่า ก็จำต้องแขวนท้องหิว
“ถือว่า…”
เฉินเฟยเอ๋อร์เอียงหัวพูดว่า “ร้องเพลงนี้เพื่อฉันก็แล้วกัน!”
“เอ่อ…”
ลู่เฉินคิดไปคิดมาแล้วก็ยืนขึ้น เดินไปทางนักร้องหนุ่ม
ในเมื่อนักร้องหนุ่มเลือกร้องเพลงของตัวเอง แสดงว่าเขาต้องชอบเพลงนี้ ถือว่าเป็นแฟนคลับคนหนึ่ง
ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยเขาสักครั้ง สนับสนุนเขาสักคราว!
เดินไปหยุดตรงหน้านักร้องหนุ่ม รอจนฝ่ายนั้นร้องจบท่อน ลู่เฉินยิ้ม เอ่ยทักทาย “สวัสดี ผมอยากร้องเพลงนี้ด้วย คุณช่วยร้องประสานให้ผมได้ไหม?”
นักร้องอึ้ง
ตอนแรกเขาไม่ได้สังเกตเห็นลู่เฉิน จนเมื่อลู่เฉินเสนอความคิดเห็นไป ถึงรู้สึกว่าลู่เฉินหน้าคุ้นมาก
“คุณ!”
นักร้องข้างงทางคนนี้ตะลึงอ้าปากค้าง ท่าทางทั้งตกใจทั้งประหลาดใจ “คุณคือ…”
เขาจำลู่เฉินได้แล้ว
ไม่รอให้ฝ่ายนั้นเอ่ยชื่อของตัวเองออกมา ลู่เฉินชิงถามเขาอย่างจริงจังว่า “ได้ไหม?”
“ได้ ได้ครับ!”
นักร้องหนุ่มตื่นเต้นจนหน้าแดง เขารีบพยักหน้า “ไม่…ไม่มีปัญหาครับ”
คิดไม่ถึงว่า เพลงดังที่เขานำมาร้องตอนนี้ ได้ดึงดูดเจ้าของเพลงตัวจริงเข้ามา
ลู่เฉิน!
อัตราส่วนในการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้…เหมือนกับการถูกล็อตเตอรี่?
เขาพูดเสริมจนจบประโยคอย่างติดขัด “ผม…ผมชื่อกัวฮั่น แซ่กัวตัวที่มาจากคำว่าตง…ตงกัว”
“สวัสดี ผมลู่เฉิน”
ลู่เฉินยิ้ม เขายื่นมือออกไปคว้าไมโครโฟนมา
ทั้งสองเริ่มพูดคุยสนทนากัน ผ่านไมโครโฟนและเครื่องเสียง ดึงดูดผู้คนรอบข้างที่สงสัยให้หันมาสนใจ
กัวฮั่นออกแรงหายใจอยู่หลายครั้ง จากนั้นกัดฟันอ้าปากร้องเพลงท่อนแรก
ลู่เฉินพยักหน้าตามจังหวะเบาๆ แล้วอ้าปากเริ่มร้องเพลง
“ดาวส่องแสงสุดสว่างกลางฟ้า ยังนึกออกไหม ว่าเคยเดินทางร่วมไปกับฉัน เงานั้นหายไปในสายลม
เสียงใสกังวานของเขาสะท้อนก้องไปทั่วทั้งถนน ลอยเข้าหูของคนที่อยู่ในละแวกนั้น
“ดาวส่องแสงสุดสว่างกลางฟ้า ยังนึกออกไหม ว่าเคยเดินทางร่วมไปกับฉัน เงานั้นหายไปในสายลม”
“ฉันอธิษฐานขอให้มีหัวใจที่ใสสว่าง กับดวงตาที่หลั่งน้ำได้…”
“ให้ฉันมีความเชื่อในความกล้าอีกครา โอ้ ละเลยความโกหกเพื่อโอบกอดเธอ!”
“เมื่อฉันหาเหตุผลในการดำรงอยู่ไม่มี เมื่อฉันหลงอยู่ในวังวนอันมืดมน โอ้~ดาวส่องแสงสุดสว่างกลางฟ้า”
“ขอเธอช่วยชี้ทางให้ฉันไปใกล้เธอ~”
เสียงร้องเพลงของลู่เฉิน ทำให้คนที่นั่งอยู่ตามม้านั่งรอบข้างเงยหน้าขึ้นมามอง หญิงสาวหลายคนทำท่าตื่นตกใจ เหมือนเจอเรื่องไม่คาดฝัน
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างก็หยุดลง สายตาของพวกเขาหยุดอยู่ที่ลู่เฉินและกัวฮั่น
ด้วยความแปลกใจ ตกใจ สงสัย…
บางคนได้ยินเสียงเพลงก็วิ่งเข้ามา ล้อมคนทั้งสองไว้
“ฟังแล้วเหมือนเพลงต้นตำรับเลย…”
“เหมือนอะไรล่ะ เธอดูไม่ออกเหรอ? คนๆ นั้นคือเจ้าของเพลงลู่เฉิน เพลงนี้เขาเขียนเอง”
“จริงหรือเปล่า?”
“เหมือนจะจริงนะ ฉันเคยดูการแข่งขันรายการขับร้องให้ก้องจีน เขาคือคนที่ได้รางวัลชนะเลิศ ลู่เฉิน!”
“หล่อจังเลย ร้องเพลงก็เพราะ!”
บรรดาผู้ที่รุมล้อมเข้ามา ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาว พวกเธอจำลู่เฉินได้ จึงยิ่งตื่นเต้นดีใจ!
แต่อารยธรรมของคนเมืองหลวงสูงส่ง ทุกคนล้วนรักษาระยะห่าง เวลาซุบซิบพูดกันด้วยเสียงเบา
หญิงสาวหลายคนหยิบมือถือของตัวเองออกมาถ่ายลู่เฉิน ยืนอยู่หน้าสุดหรือไม่ก็ย่อตัวลง เพื่อไม่ให้บังคนที่อยู่ด้านหลัง
คนที่มุงเข้ามา เยอะขึ้นเรื่อยๆ!
ภาพแบบนี้ลู่เฉินเองก็คิดไม่ถึง
เพราะเขาเพิ่งเข้าวงการจริงๆ ได้ไม่นาน ลู่เฉินจึงยังไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นดารา เขาออกมาเดินเที่ยวข้างนอกได้ ไม่สวมแว่นกันแดด ไม่มีอะไรปิดบังใบหน้า ไม่คิดว่าเขาจะดึงดูดคนมาได้มากมาย
แต่ลู่เฉินประเมินอิทธิพลเพลงของตัวเองต่ำไป ไม่ต้องพูดถึงเรตติ้งสูงของรายการขับร้องให้ก้องจีน ไม่นานมานี้อัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นผู้ร่วมโต๊ะของฉัน’ ได้ออกมาแล้ว และนำพาความนิยมมากมายมาสู่เขา
เพลงที่รับรางวัลนี้รวมอยู่ในอัลบั้มแล้ว ไม่ว่าจะทางอินเทอร์เน็ตหรือทางวิทยุต่างได้รับความนิยมอย่างสูง ดังนั้นการที่เจ้าของเพลงร้องเพลงเอง ย่อมดึงดูดผู้คนเข้ามาสนใจได้มาก!
ดีที่ทุกคนรุมล้อมเข้ามาอย่างเป็นระเบียบ ลู่เฉินจึงร้องเพลงต่อไปได้อย่างราบรื่น
เขาเห็นเฉินเฟยเอ๋อร์ปรากฎตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชน ยิ้มด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ท่าทางได้ใจถึงที่สุด
“ดาวส่องแสงสุดสว่างกลางฟ้า จะได้ยินหรือไม่ คนที่แหงนมองคนนั้น ยังอ้างว้างและทอดถอนใจ!”
เสียงเบาๆ นุ่มๆ จบเพลงลง ลู่เฉินถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ก้มโค้งให้คนดู
ฮู้ว~
เสียงปรบมือดังขึ้นมาทันที
ลู่เฉินยิ้มน้อยๆ “ขอบคุณทุกคนครับ…”
บางคนนึกขึ้นได้ รีบเปิดกระเป๋าเงินหยิบเงินใส่ลงไปในกล่องเครื่องดนตรีที่พื้น
คนอื่นๆ ทำตาม ในกล่องดนตรีที่เดิมทีมีเศษธนบัตรอยู่ไม่กี่ใบถูกกองเต็มไปด้วยธนบัตรมากมาย
กัวฮั่นหน้าแดง ปลาบปลื้มจนพูดไม่ออก
หญิงสาวใจกล้าคนหนึ่งเดินเข้ามา ถามว่า “ลู่เฉิน ฉันขอถ่ายรูปกับคุณได้ไหมคะ?”
ถูกแฟนคลับขอถ่ายรูป เป็นเรื่องที่แปลกใหม่สำหรับลู่เฉินมาก
เขายิ้มและพยักหน้า “ได้อยู่แล้วครับ”
“อ๊า!”
เสียงหญิงสาวกรี๊ดอย่างดีใจ เข้าไปกอดแขนลู่เฉินทันที ซบศีรษะลงบนไหล่ของเขา
ท่าทางดูคล่องแคล่วเป็นพิเศษ
เพื่อนของเธอใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายอยู่หลายรูป
จนพอใจแล้วก็ถึงคราวคนต่อไป นอกจากการถ่ายรูปแล้วยังมีขอลายเซ็น
น่าสนใจ แฟนคลับของลู่เฉินล้วนแต่เป็นหญิงสาวทั้งนั้น
ในบรรดาผู้ที่มุงดูอยู่มีผู้ชายอยู่ไม่น้อย แต่พวกเขาสงวนท่าที ไม่ได้เข้ามาขอถ่ายรูปกับลู่เฉิน
เพราะตอนนี้ลู่เฉิน เป็นเพียงศิลปินที่เพิ่งเริ่มมีชื่อเสียงเท่านั้น ยังไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์
ในเมืองหลวงอันศิวิไลซ์ การปรากฏตัวของเขายังไม่ถึงกับทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือน
ถ้าเป็นเฉินเฟยเอ๋อร์ ก็ไม่เหมือนกัน!
กว่าจะเป็นที่พอใจของเหล่าหญิงสาว ในที่สุดลู่เฉินก็หาโอกาสปลีกตัวออกมาได้
เขาพูดกับกัวฮั่นว่า “สู้ๆ พยายามเข้า!”
กัวฮั่นพยักหน้าต่อเนื่อง ท้ายที่สุดก็ละล่ำละลักเอ่ยคำว่า “ขอบคุณ!” ออกมาจากปาก
ลู่เฉินยิ้มตบบ่าเขาเบาๆ แล้วเดินจากไปมุ่งหน้าไปทางศูนย์การค้า
ครู่ต่อมา เฉินเฟยเอ๋อร์ตามมาจากด้านหลัง เดินเคียงไปกับเขา
ราชินีเพลงรักถามเขาว่า “รู้สึกยังไงบ้าง?”
ลู่เฉินตอบอย่างจริงใจว่า “ไม่เลว”
ความรู้สึกของการถูกคนชอบถูกคนรักบูชานั้น ดีมาก ดีเป็นพิเศษ!
เฉินเฟยเอ๋อร์ทอดถอนใจ “แต่นายต้องทำตัวให้ชินกับมัน เรื่องแบบนี้เจอบ่อยๆ จะรู้สึกรำคาญและทุกข์ทรมาน”
“แต่ถ้าถึงตอนนั้น ถ้านายต้องการละทิ้งมันไป เกรงว่าคงจะทำไม่ได้แล้ว”
ลู่เฉินถามว่า “แล้วพี่ว่าควรจะทำยังไง?”
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้ม “ง่ายมาก ตอนนี้ถ้ามีเหล้าก็ให้เมามาย จงสนุกไปกับมันเถอะ พ่อหนุ่ม!”
ลู่เฉินพูดไม่ออก
เฉินเฟยเอ๋อร์บอกอีกว่า “ฉันอยากดื่ม ดื่มเบียร์ แก้วใหญ่ๆ!”
ลู่เฉินตกใจ “พี่เฟย พี่ยังดื่มลงอีกเหรอ? อีกอย่างคืนนี้ทั้งกินเผ็ดทั้งดื่มเหล้า เดี๋ยวคอ…”
ลูกคอของเฉินเฟยเอ๋อร์ ถือว่าเป็นคอเสียงทองคำของวงการเลยก็ว่าได้!
เฉินเฟยเอ๋อร์ถลึงตาใส่เพื่อให้เขาหยุดพูด “นายจะบอกว่าไม่ยอมไปกับพี่แล้วใช่ไหม!”
ลู่เฉินคิดอย่างตั้งใจอีกครั้งแล้วตอบว่า “ไม่ไปครับ!”
……………………………………………………………………………………..
ไอคอนเหรียญทอง