Perfect Superstar – ตอนที่ 209 เข้าใจเธอ

ตอนที่ 209 เข้าใจเธอ

ลู่เฉินขายหุ้นของบริษัทระดมทุนมู่เฉินให้หลี่มู่ซือหรือเรียกว่าขายให้ตระกูลหลี่ไป 41%

จำนวนเงินที่แลกเปลี่ยนทั้งหมดคือ ยี่สิบล้านห้าแสนหยวน

หลังจากหักภาษี ค่าทนาย ค่าหนังสือรับรอง และค่าใช้จ่ายยิบย่อยอื่นๆ แล้วก็จะเหลือเงินสิบเจ็ดล้านห้าแสนหยวน

เงินจำนวนนี้เกินกว่าหนี้สินมากมาย แต่ถ้าอยากไถ่ถอนบ้านวิลล่าที่เคยเป็นของครอบครัวออกมา

ยังไม่พอจริงๆ

เมืองปินไห่แม้เป็นเพียงเมืองระดับเทศมณฑล แต่อยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจติดทะเลเจ้อตง ดังนั้นราคาบ้านจึงสูง ราคาเฉลี่ยเกินหนึ่งแสนห้าหมื่นหยวน หากซื้อบ้านหลังใหญ่จะต้องใช้เงินมากถึงสองสามล้านหยวน

บ้านวิลล่าของตระกูลลู่ที่ถูกธนาคารยึดไปนั้น อยู่ในเขตชุมชนจิ่งเซิ่งซี่งดีที่สุดของเมืองปินไห่ ตอนนี้ราคาตลาดเกินสิบล้านหยวน น่าจะอยู่ที่ประมาณสิบสองล้านหยวน!

ดังนั้นกลับมาครั้งนี้ ลู่เฉินจึงให้ลู่ซีนำเงินออกมาจากบัญชีของสตูดิโออีกจำนวนหนึ่ง

ซึ่งทำให้เงินในบัญชีเกือบหมดเกลี้ยง

แต่บ้านวิลล่าหลังเดิมของตระกูลลู่ เขาต้องไถ่มันออกมาให้ได้

ในบ้านใหญ่หลังนั้นเคยมีอดีตของการพบกัน การพลัดพราก ความสุข ความเศร้า และความทรงจำอีกนับไม่ถ้วน!

เมื่อก่อนลู่เฉินยังไม่มีปัญญาทำอะไรได้ ตอนนี้เขาหาเงินได้มากแล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องมาเสียใจภายหลัง

โชคดีที่บ้านหลังนี้ยังไม่ถูกธนาคารขายทอดตลาดไป

ไม่ใช่เพราะธนาคารไม่อยากขาย แต่การประมูลหลายครั้งก่อนหน้านี้ได้หลุดประมูลไป

บ้านวิลล่าราคาสิบสองล้าน ไม่ใช่ว่าใครก็ซื้อได้ มีเงินจำนวนนี้สามารถซื้อบ้านดีๆ ในเมืองหลวงได้เลย แม้เมืองปินไห่จะรุ่งเรือง แต่คนมีเงินจริงๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องที่อยู่อาศัย

ตั้งแต่ธุรกิจของตระกูลลู่มีปัญหา ลู่ชิ่งเซิงได้เสียชีวิตลงในบ้านหลังนี้ สำหรับคนที่มีกำลังซื้อ บ้านหลังนี้เป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงอย่างไม่ต้องสงสัย

ทางธนาคารบอกว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังมาแรง ราคาพุ่งสูงขึ้น แน่นอนว่าไม่อยากประมูลขายบ้านที่หายากหลังนี้ในราคาต่ำ ดังนั้นบ้านจึงยังอยู่

มิฉะนั้นในสภาวะปกติคงถูกขายทิ้งไปนานแล้ว ไม่รอให้ลู่เฉินเก็บเงินมาไถ่ถอนหรอก

ลู่เฉินใช้โทรศัพท์มือถือเช็กบัญชีธนาคาร แล้วให้ฟางอวิ๋นดูยอดเงินในบัญชี เธอถึงเชื่อเขา

ความรู้สึกหลากหลายประดังประเดเข้าใส่ฟางอวิ๋น ขณะเดียวกันก็ดีใจจนพูดไม่ออก

สิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขที่สุดไม่ใช่การใช้หนี้ของครอบครัวได้หมดและไถ่ถอนบ้านออกมา แต่เป็นลู่เฉินที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นเสาหลักให้กับตระกูลลู่ได้แล้ว!

ฟางอวิ๋นเชื่อว่าหากวิญญาณของลู่ชิ่งเซิงยังอยู่ เขาจะได้ตายตาหลับเสียที

ดวงตาของเธอมีน้ำตารื้นขึ้น ทั้งดีใจ ทั้งปลาบปลื้ม และรู้สึกว่าดวงใจที่เศร้าโศกของเธอได้รับการปลอบประโลม

ลู่เฉินยกแก้วไวน์ขึ้นมา แล้วพูดว่า “มา! พวกเราชนแก้ว หวังว่าอนาคตของครอบครัวเราจะสดใสสวยงาม”

ลู่เสวี่ยรีบยกแก้วขึ้นสูง “หมดแก้ว!”

ฟางอวิ๋นเช็ดน้ำตา แล้วยกแก้วไวน์ของตัวเองขึ้นเช่นกัน “หมดแก้ว…”

เสียงแก้วใสทั้งสี่ใบกระทบกันเสนาะหู ของเหลวสีแดงเข้มในแก้วพลิ้วไหวอย่างสวยงาม

เชื่อว่าอนาคตจะต้องดียิ่งขึ้นไป!

ลู่เฉินกับลู่ซีอยู่ที่ปินไห่สี่วัน หลักๆ เพื่อไปใช้หนี้เป็นเพื่อนฟางอวิ๋นและไถ่ถอนบ้าน

การใช้หนี้นั้นง่ายมาก ส่วนของเจ้าหนี้รายเล็กได้คืนไปหมดแล้ว เหลือแต่เจ้าหนี้รายใหญ่ แค่นำโทรศัพท์มือถือไปโอนเงินเข้าบัญชีคืนต่อหน้า และเตรียมของขวัญไปแสดงความขอบคุณสักชิ้น

หลายปีมานี้หนี้ที่ตระกูลลู่ติดค้าง มีเจ้าหนี้ไม่กี่รายเท่านั้นที่มาตามทวง ทุกคนรู้ว่าตระกูลลู่ไม่ใช่ไม่อยากคืนแต่ไม่มีปัญญาคืน เจ้าหนี้หลายรายคิดจะยกหนี้ให้ด้วยซ้ำ

วันนี้พวกเขากลับยินดีอย่างคาดไม่ถึง

ในที่สุดตระกูลลู่ก็ฝ่าฟันผ่านพ้นไปได้

การไถ่ถอนบ้านนั้นค่อนข้างยุ่งยากหน่อย แต่ในธนาคารยังพอมีคนรู้จัก ตอนแรกที่ธุรกิจประสบปัญหานั้นช่วยอะไรไม่ได้ ตอนนี้การไถ่ถอนบ้านคืน กลับง่ายกว่ามาก

เช้าวันที่สี่หลังจากลู่เฉินกลับมาที่ปินไห่ เขาได้รับกุญแจบ้านวิลล่าคืนมา

ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์บ้านยังคงดำเนินการอยู่ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

เมื่อกลับมาถึงเขตชุมชนจิ่งเซิ่ง มาถึงบ้านวิลล่าที่เขาเคยอยู่มาหลายปี ความรู้สึกของลู่เฉินในตอนนี้ไม่สามารถพรรณนาเป็นคำพูดได้

ทั้งปลาบปลื้ม ตื่นเต้น ดีใจ…และหวั่นใจนิดหน่อย

เขตชุมชนจิ่งเซิ่งเป็นเขตชุมชนที่ดีที่สุดของเมือง แม้สร้างมานานแล้ว แต่ไม่ว่าทำเลหรือสิ่งแวดล้อมล้วนดีกว่าเขตที่พักอาศัยใหม่ที่เพิ่งพัฒนาเมื่อไม่กี่ปีมานี้อย่างเทียบไม่ได้

ดังนั้นราคาย่อมสูงเป็นพิเศษ ราคาบ้านมือสองแพงกว่าบ้านใหม่ที่อื่นเสียอีก

บ้านเดี่ยวของตระกูลลู่หลังนี้ซื้อเมื่อปี 2002 ตอนนั้นยังราคาถูก เพียงแค่ล้านกว่าเท่านั้น บวกค่าตกแต่งแล้วก็สองล้านต้นๆ มีพื้นที่ทั้งหมด 350 ตารางเมตร

ลู่เฉินอยู่ที่บ้านหลังนี้สิบปีเต็ม!

เรียกได้ว่าเขากับลู่เสวี่ยเติบโตมาในบ้านหลังนี้ คุ้นเคยกับต้นไม้ทุกต้น ใบหญ้าทุกใบของที่นี่

สองปีนี้ไม่มีคนดูแล สวนดอกไม้เล็กๆ หน้าบ้านมีแต่หญ้าขึ้นรกร้าง เถาวัลย์ที่เลื้อยสูง ประตูหน้าต่างมีร่องรอยความเสียหาย

โชคดีที่ประตูบ้านยังเปิดออกได้

กลิ่นอากาศอับๆ ภายในบ้านลอยปะทะออกมา!

เฟอร์นิเจอร์ในห้องรับแขกยังอยู่ครบ ทั้งหมดถูกคลุมไว้ด้วยผ้าขาวกันฝุ่น รวมทั้งเปียโนที่ลู่เฉินได้เป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุสิบสามปีด้วย ราวกับกาลเวลาหยุดนิ่งอยู่ที่เก่าไม่ได้เปลี่ยนแปลง

ข้าวของทุกชิ้นล้วนช่วยปลุกความทรงจำของลู่เฉิน

แม้จะถูกปกคลุมด้วยฝุ่นหนาๆ แต่ฟางอวิ๋น ลู่ซี และลู่เสวี่ยที่กลับมาพร้อมกับลู่เฉินนั้นดีใจยกใหญ่…นี่สิถึงจะเรียกว่าบ้านของพวกเธออย่างแท้จริง!

ลู่เสวี่ยไม่กลัวฝุ่นสกปรก เธอวิ่งขึ้นบันไดไป พุ่งเข้าไปในห้องของตัวเอง

เสียงหัวเราะสดใสราวระฆังแก้ว

ลู่เฉินเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “แม่ครับ ผมว่าคงต้องตกแต่งใหม่สักหน่อย เอาแบบเรียบง่ายไม่ต้องใช้เงินเยอะ”

ฟางอวิ๋นต้องการแค่หาคนมาทำความสะอาดสักรอบก็พอแล้ว เพราะช่วงนี้ใช้เงินไปมาก ประหยัดได้ก็ควรประหยัด

เธอส่ายหัว บอกว่า “เอาไว้ก่อนเถอะ…”

ลู่เฉินส่งสัญญาณให้ลู่ซี ให้พี่สาวพูดกล่อมแม่ของเขา

เขาเดินมาเปิดผ้าขาวที่คลุมเปียโนไว้ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้เปียโน

เปิดฝาครอบเปียโนออก ลู่เฉินค่อยๆ พรมนิ้วลงไป

เปียโนหลังนี้ซื้อมาเกือบสิบปี เขาเล่นมันน้อยมาก ถือว่าเป็นของเล่นชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่ง

วันนี้เปียโนหลังเดิม แต่คนไม่เหมือนเดิม

เขานั่งหลังตรง เริ่มตั้งใจเล่นเพลงออกมา

ตอนนี้ ที่นี่ เขามีเพลงที่อยากร้องให้แม่และพ่อผู้ล่วงลับของเขาได้ฟัง

เพื่อแม่คนนี้ที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อครอบครัว!

“เธอจากไปอย่างเงียบๆ

เงาอันโดดเดี่ยวก้าวไปทีละก้าว

อยากอยู่ข้างกายเธอเหลือเกิน

บอกเธอว่าฉันรักเธอเพียงใด

ดอกไม้ผลิบานอย่างเงียบๆ

ในคืนที่ฉันคิดถึงเธอขึ้นมา

อยากบอกเธอเหลือเกิน

ความจริงเธอเป็นปาฏิหาริย์ของฉันเสมอ!

เดือนปีที่ผ่านลบเลือนรอยยิ้ม

หัวใจที่อ้างว้างของเธอมีใครรับรู้ได้

หรือว่าดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิ พระจันทร์ฤดูใบไม้ร่วงไร้น้ำใจ

ฤดูใบไม้ผลิผ่านพ้น ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน แต่รักของเธอยังเงียบงัน!

มอบความรักให้ฉัน มอบโลกทั้งใบให้ฉัน

นับแต่นี้ไม่รู้เธอจะเป็นทุกข์หรือสุข

อยากอิงแอบเธอไว้เหลือเกิน

ในอ้อมกอดที่อบอุ่นเปลี่ยวเหงาของเธอ

บอกเธอว่าที่จริงแล้วฉันเข้าใจเธอมาตลอด!

อยากบอกเธอเหลือเกิน

ความโดดเดี่ยวของเธอกับความปวดใจของฉันอยู่ด้วยกัน!”

เพลงนี้มีชื่อว่า ‘เข้าใจเธอ’ ในโลกแห่งความฝันของลู่เฉิน เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง

มันบ่งบอกถึงความคิดถึงและความรักของลูกที่มีต่อพ่อแม่

ความโหดร้ายของคืนวัน พัดพาความสดใสของแม่ไป จนผมกลายเป็นสีขาว ปีแล้วปีเล่า ฤดูใบไม้ผลิผ่านไปฤดูใบไม้ร่วงเข้ามา ฤดูหนาวมาถึงเมื่อฤดูร้อนสิ้นสุด ลูกๆ สยายปีกโบยบิน มีท้องฟ้าเป็นของตัวเองได้ เพราะคนเป็นแม่ทุ่มเทแรงกายแรงใจดูแลมาค่อนชีวิต

ผมหงอกขาวไม่อาจกลบรอยยิ้มได้ ชีวิตทั้งหมดของแม่รู้เพียงแค่ ‘มอบความรักทั้งหมดให้ลูก มอบโลกทั้งใบให้ลูก’ โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน…แม่เคยชินกับการเป็นผู้ให้ เธอไม่เคยอยากได้รับสิ่งใดตอบแทน

ขณะที่ลูกๆ โบยบินไปตามความฝัน เคยเข้าถึงจิตใจของผู้เป็นแม่หรือไม่ เคยเข้าไปทำความเข้าใจหัวใจของแม่ หรือเปล่า

เมื่อครอบครัวเกิดวิกฤต พ่อจากโลกนี้ไป ลู่เฉินกลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวภายในคืนเดียว

ตอนนั้นเขาทั้งโกรธทั้งแค้น

ลู่เฉินในตอนนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมฟางอวิ๋นต้องยอมแบกหนี้สินก้อนโตเอาไว้

ในความคิดพื้นฐานของคนทั่วไป เมื่อคนตายหนี้ก็เป็นอันสิ้นสุด เพราะคนที่ติดหนี้คือลู่ชิ่งเซิง

แต่ตอนนี้ลู่เฉินเข้าใจทั้งหมดแล้ว ฟางอวิ๋นเลือกที่จะเผชิญหน้าและแบกรับทุกสิ่งเอาไว้ เพราะเธอไม่อยากให้ตระกูลลู่ได้ชื่อว่าเป็นคนไม่รู้บุญคุณคน ไม่อยากให้พ่อของเขาถูกผู้คนด่าทอเกลียดชังทั้งที่จากโลกนี้ไปแล้ว

เธอกำลังบอกเขาว่า เกิดเป็นคนต้องไม่ลืมบุญคุณ ต้องรักษาคุณธรรมความดีในจิตใจเอาไว้!

หวนคิดถึงเพื่อนฝูงที่ได้รับเงินคืนเหล่านั้น สีหน้าท่าทางดีใจรู้สึกเหมือนปลดภาระหนักอึ้งออกจากบ่า… …

เขาเข้าใจแล้วจริงๆ

ฟางอวิ๋นกับลู่ซียืนเคียงกันอยู่ในห้องรับแขก ฟังเพลงที่ลู่เฉินเล่นและร้องอย่างเงียบๆ

พวกเธอไม่เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อน แต่เข้าใจความหมายของเพลงดี

ฟางอวิ๋นยิ้มน้อยๆ น้ำตาเอ่อล้นออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ไหลหยดลงบนเสื้อจนเปียก

เธอรู้ว่าลู่เฉินร้องเพลงนี้ให้เธอ

รู้สึกว่าสิ่งที่ทุ่มเทมาตลอดชีวิต ตอนนี้ได้รับกลับคืนมาหมดแล้ว!

แปะๆๆ!

เมื่อตัวโน้ตตัวสุดท้ายของลู่เฉินจบลง มีเสียงปรบมือดังขึ้น

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หน้าบ้านมีคนมามุงดูอยู่ไม่น้อย ล้วนแต่เป็นเพื่อนบ้านของตระกูลลู่ทั้งนั้น

พวกเขาเข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกพร้อมๆ กับตระกูลลู่ รู้จักคนในครอบครัวนี้มานาน ความสัมพันธ์เป็นไปด้วยดีเสมอมา และรู้ว่าตระกูลลู่เผชิญกับเรื่องอะไรมาบ้าง

ทุกคนคิดว่าตระกูลลู่คงไม่มีวันกลับมาอยู่ที่นี่อีก คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเจอกันอีกครั้ง

ทุกคนถูกเสียงเปียโนและเสียงร้องเพลงของลู่เฉินดึงดูดเข้ามา

บ้านที่เงียบงันมาหลายปีในที่สุดก็คึกคักขึ้น ฟางอวิ๋นและลู่ซียิ้มแย้มทักทายเพื่อนบ้าน บอกทุกคนว่าได้ไถ่บ้านออกมาแล้ว และจะรีบย้ายเข้ามาอยู่ในเร็ววัน

พวกเพื่อนบ้านต่างแสดงความยินดีอย่างอบอุ่น

ตระกูลลู่ฟื้นตัวกลับมาได้นั้นไม่ง่ายเลย!

ลู่เฉินเป็นคนดังของเมืองปินไห่ไปแล้ว แน่นอนว่าเป็นที่จับตามองของทุกคน

ถึงขั้นมีคนอยากทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชัก แนะนำลูกสาวของป้าคนโน้น หลานสาวของยายคนนี้ให้ลู่เฉิน

เมื่อเป็นแบบนี้ ลู่เฉินจึงได้แต่หลบหนีออกมา

วันรุ่งขึ้นหรือก็คือวันที่ 18 ตุลาคม เขากับลู่ซีรีบนั่งรถไฟความเร็วสูงไปถึงเมืองหังโจว

เพราะคืนนี้จะต้องขึ้นคอนเสิร์ตแล้ว

……………………………………………………………………………

Perfect Superstar

Perfect Superstar

Perfect Superstar
Status: Ongoing
อ่านนิยายPerfect Superstarลู่เฉิน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาวัย 22 ปี จำต้องหยุดเรียนออกมาทำงานหาเงินในเมืองหลวง เพื่อช่วยครอบครัวปลดหนี้จำนวนมหาศาล วันหนึ่งเขาฝัน...เป็นความฝันที่ยาวนานมาก โลกแห่งความฝันทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้า ตัวละครแสดงต่างก็มีสีสันที่ไม่เหมือนกัน นักร้อง นักแสดง นักเขียนอิสระ เขามีประสบการณ์กับช่วงชีวิตที่ต่างกันทั้งสามนี้ในโลกความฝัน เมื่อตื่นขึ้น ลู่เฉินมุ่งหน้าสู่ความฝันของตัวเองพร้อมกับทักษะที่ได้รับมา เป้าหมายคือกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่สมบูรณ์แบบ!!!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset