ตอนที่ 211 เรื่องใหญ่
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ในที่นี้ไม่มีใครปัญญาอ่อน
ชายในเสื้อแจ็กเก็ตเข้ามาอย่างประสงค์ร้าย ใส่หน้ากากปกปิดใบหน้าเหลือแต่ดวงตาปานสัตว์ร้าย ในมือถือขวดแก้ว ทำให้ผู้คนคิดไปถึงเหตุร้ายที่จะต้องเกิดขึ้น…การสาดน้ำกรดทำลายโฉม!
เพราะความรักที่ไม่สมหวังหรือความแค้น การสาดน้ำกรดทำลายโฉมจึงไม่ใช่เรื่องที่พบเห็นได้ยาก ในวงการบันเทิงมีผู้รับเคราะห์จำนวนไม่น้อย เป้าหมายของชายคนนี้ชัดเจนมาก
ตอนนี้กำลังประเมินความชั่วร้ายของฝ่ายตรงข้าม ทุกคนรู้สึกถึงความกลัวสุดขีด
เมื่อก่อนเคยเห็นแต่ในข่าว ตอนนี้เกิดขึ้นตรงหน้า จะไม่ให้กลัวได้อย่างไร
ดังนั้นไม่ว่าแขกที่เพิ่งเดินลงมาจากเวทีหรือเดินอยู่บนบันได ทั้งหญิงชายต่างร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ ก้าวหลบไปข้างหลังเพื่อหลบหนีจากอันตรายตรงหน้า
ถึงพวกเขาไม่ใช่เป้าหมาย แต่ถ้าโดนลูกหลงก็เป็นหายนะครั้งใหญ่เช่นกัน ถึงขั้นหมดอนาคตเลยทีเดียว!
การหนีจากอันตรายเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ ทั้งด้านบนและด้านล่างเวทีชุลมุนวุ่นวายไปหมด
เถียนเถียนที่ถูกชายหนุ่มสวมเสื้อแจ็กเก็ตจ้องมอง ถึงกับรู้สึกสมองกลวงว่าง! สัญชาตญาณบอกเธอว่า ฝ่ายนั้นตรงเข้ามาหาเธอ ในมือคือขวดน้ำกรดที่จะสาดใส่ใบหน้า ทำลายรูปโฉมของเธอ
เธอควรจะหนีไปเดี๋ยวนี้!
แต่เถียนเถียนหวาดกลัวและตกใจจนเกินไป เธอตัวแข็งอยู่กับที่ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เบิ่งตามองฝ่ายนั้นยกมือขึ้นสาดของเหลวในขวดแก้วใส่ร่างกายของเธอ
จบกัน!
ดวงตาของเถียนเถียนปิดลง
แต่หายนะจากของเหลวอันน่าหวาดผวานั้น กลับไม่โดนตัวเธอ
ตอนหน้าสิ่วหน้าขวาน เสื้อสูทสีดำตัวหนึ่งพุ่งแหวกอากาศออกมาขวางกั้นน้ำมรณะในขวดนั้นตรงหน้าเธอพอดี!
คนที่ช่วยเถียนเถียนคือลู่เฉิน
ท่ามกลางความวุ่นวายนั้นมีแต่ลู่เฉินที่ใจเย็นมีสติอยู่คนเดียว
เมื่อครู่ตอนที่เห็นชายสวมเสื้อแจ็กเก็ตพุ่งตัวผ่านเชือกกั้นเข้ามา เขาก็รู้สึกแล้วว่าผิดปกติ
ขณะที่คนอื่นได้แต่ถอยหลังหลบกันหมด ลู่เฉินกลับยื่นแขนสองข้างออกไปข้างหน้าทันใด โก่งหลังกำหมัดทั้งสองข้าง เสื้อสูทอาร์มานีราคาเกินหมื่นถูกสะบัดหลุดออกจากตัวโดยพลัน
ท่านี้เรียกว่าฌ้อปาอ๋องถอดเกราะ เป็นท่าสำหรับหลบหนีถ้าถูกฝ่ายตรงข้ามคว้าเสื้อผ้าของตัวเองได้
ลู่เฉินสะบัดเสื้อผ้าออกไปเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นต้องการทำร้ายเถียนเถียน
แน่นอนว่าเขาจะไม่เอาตัวเองไปเป็นโล่กำบัง
ลู่เฉินว่องไวที่สุด ท่าฌ้อปาอ๋องถอดเกราะนี้เด็ดขาดสวยงามมาก สามารถบดบังของเหลวได้ทั้งหมด
ฉ่า~
ของเหลวที่ชายสวมแจ็กเก็ตสาดออกมาตกลงบนเสื้อสูท เสื้อสูทตกลงบนพื้น เสียงการกัดกร่อนดังฉี่ฉ่า พร้อมกับควันสีขาวลอยขึ้น
กลิ่นกรดรุนแรงลอยขึ้นมาทำให้สำลัก
เป็นน้ำกรดจริงๆ ด้วย แถมยังเป็นน้ำกรดชนิดรุนแรงอีกต่างหาก!
ถ้าของเหลวนี้ถูกราดลงบนใบหน้า เสียโฉมยังถือว่าเบาไป อาจถึงขั้นเสียชีวิต
หลังจากที่ลู่เฉินสะบัดถอดเสื้อสูทออก เขาสาวเท้าออกไปด้านหน้า มือเอื้อมไปคว้าเอวบางของเถียนเถียนที่ยืนตัวแข็งอยู่ให้มาหลบอยู่ด้านหลังเขา
เขากำลังเผชิญหน้ากับคนร้าย!
ชายสวมแจ็กเก็ตคิดไม่ถึงว่าดำเนินการมาได้ครึ่งทางแล้วจะถูกลู่เฉินทำลายแผนการทั้งหมด เขาตกตะลึง ล้วงมือเข้าไปในเสื้ออีกครั้ง ต้องการหยิบของบางสิ่งออกมา
แต่ลู่เฉินเร็วกว่า ขาหนึ่งของเขาเพิ่งลงถึงพื้น ขาอีกข้างก็ยกขึ้นมา บิดเอวส่งลูกเตะอันสวยงามออกไปโจมตีโดนคอของชายสวมแจ็กเก็ตพอดี
ผัวะ!
ลู่เฉินเกลียดชังที่คนร้ายทำเรื่องน่าไม่อาย ดังนั้นจึงออกแรงไปที่ลูกเตะเต็มกำลัง ชายสวมแจ็กเก็ตล้มลง ร่างกระแทกพื้นอย่างหนักหน่วง
ขณะเดียวกัน มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนที่ตั้งสติได้พุ่งตัวกันเข้ามา กดตัวชายสวมแจ็กเก็ตไว้กับพื้นแน่น
ฝ่ายหลังโดนลูกเตะของลู่เฉินเข้าไปหมดสติแน่นิ่งไปแล้ว
แสดงแฟลชนับไม่ถ้วนสว่างวาบ หลังจากนักข่าวและฝูงชนที่ห้อมล้อมอยู่ดึงสติกลับมา
เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!
ลู่เฉินเก็บขาที่ส่งลูกเตะออกไปกลับมา แล้วหันหลังกลับมาพูดกับเถียนเถียนว่า “ไม่เป็นไรแล้ว”
สาวสวยหน้าซีดเผือดถึงขีดสุด แววตาตระหนกแตกตื่น เห็นได้ชัดว่ายังไม่ได้สติจากภาวะตกใจหวาดกลัว ร่างกายบอบบางสั่นระริกไม่หยุด
ลู่เฉินกุมมือเธอไว้ ปลอบอย่างหนักแน่นว่า “ไม่เป็นไรแล้วครับ คุณไม่ต้องกลัว…”
“ฮือ!”
ลู่เฉินยังพูดไม่ทันจบ เถียนเถียนก็กระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของเขา ร้องไห้ออกมายกใหญ่
ช่างเป็นอ้อมกอดที่ทั้งหอมอบอุ่นและนุ่มนิ่ม!
ลู่เฉิน “เอ่อ…”
เขารู้สึกว่ามันไม่ใช่ อยากจะดันตัวเธออกไป อีกฝ่ายกลับกอดเขาไว้แน่นแกะไม่ออก
สุดท้ายหลังจากลังเลเล็กน้อย ไม่รู้ว่าถูกถ่ายรูปไปกี่ใบแล้ว
เรื่องนี้ทำเอา…
ลู่เฉินรู้สึกกระอักกระอ่วน และก็รู้สึกกลัวนิดๆ เมื่อนึกย้อนกลับไป
ถ้าเมื่อครู่เขาช้าไปนิดเดียว น้ำกรดอาจจะสาดใส่ร่างของเถียนเถียน
เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงเข้าใจความรู้สึกของเธอ
แต่กอดแน่นขนาดนี้มันไม่ดีนะ!
โชคดีที่เถียนเถียนมีสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว รีบปล่อยตัวลู่เฉิน กลั้นสะอื้นพูดว่า “ขอบคุณ…”
เธอตื้นตันใจต่อการช่วยเหลือของลู่เฉินอย่างไม่อาจบรรยายได้
ตอนนี้เองที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนมากและเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นๆ มาถึง ทั้งงานชุลมุนวุ่นวายไปหมด
เพื่อนร่วมงานของเถียนเถียนก็มาถึงแล้ว ปลอบเธอและรีบพาเธอออกไปจากตรงนี้
ส่วนลู่เฉินและศิลปินคนอื่นก็ถูกเจ้าหน้าที่พาเข้าไปในสนามกีฬา
เหตุการณ์เมื่อครู่น่าตระหนกเหลือเกิน มีหลายคนที่ยังสติแตกอยู่ คนที่ทำงานอยู่หลังเวทีก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานแล้ว แต่ละคนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรศัพท์และส่งข่าว
ลู่ซีที่อยู่หลังเวทีเข้ามาถามเขาด้วยความตกใจว่า “เสี่ยวเฉิน เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
ตอนนี้ด้านหลังเวทีวุ่นวายเหมือนวันสิ้นโลกกำลังจะมาถึง!
ลู่เฉินยิ้มแหย “อย่าพูดถึงเลย…”
เขาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้พี่สาวฟังรอบหนึ่ง
ไม่มีเหตุผลให้ต้องปิดบัง อีกไม่นาน คนทั้งประเทศก็จะได้รับรู้แล้ว
นับว่าเจ้าของงานขายหน้าครั้งใหญ่!
การแสดงคอนเสิร์ตคืนนี้ยังจะจัดต่อได้อย่างราบรื่นหรือไม่ น่าจะเป็นปัญหา
ลู่ซีฟังจบแล้วหน้าซีดลง โพล่งออกมาว่า “แกนี่ใจกล้าเกินไปแล้วนะ แบบนี้ยังออกไปอีก ถ้าเป็น…”
เธอไม่อยากจะคิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นเลยหากลู่เฉินเป็นอะไรไป
ลู่เฉินอธิบายว่า “ผมไม่ควรจะยืนมองคนอื่นถูกทำร้ายอยู่เฉยๆ หรอกใช่ไหม”
ที่จริงแล้วตอนนั้นลู่เฉินไม่ได้คิดอะไร ไม่ว่าฝ่ายนั้นเป็นใคร เขาก็ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ
“มันก็จริง…”
ลู่ซีพยักหน้า “คนคนนั้นน่ากลัวจริงๆ”
เธอเองก็เป็นผู้หญิง จึงเข้าใจถึงความร้ายแรงของการถูกทำให้เสียโฉม เธอสงสารเถียนเถียนและเกลียดชังคนร้าย
“สมควรประหารชีวิต!”
ลู่เฉินอดหัวเราะไม่ได้ ประหารชีวิตคงเป็นไปไม่ได้ ไม่รู้ว่าจุดมุ่งหมายในการก่อเหตุของคนร้ายคืออะไร
“ขอถามหน่อยค่ะ คุณคือลู่เฉินใช่ไหมคะ”
ตอนนั้นเอง คนกลุ่มใหญ่มุ่งหน้าเข้ามาหาเขา
ผู้นำขบวนคือชายอกสามศอกคนหนึ่งกับหญิงสาวสะสวยอีกคน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคือซูเปอร์สตาร์ตัวหลักของคอนเสิร์ตในค่ำคืนนี้…หลีซิ่งและหลิวจงฮั่น!
มีผู้ช่วยของทั้งสองคนติดตามอยู่ด้านหลัง ยังมีศิลปินคนอื่นๆ อีก
สายตาที่พวกเขามองดูลู่เฉินนั้นมีแต่ความนับถือ
ลู่เฉินรีบลุกขึ้นยืน เอ่ยคำทักทาย “พี่หลี พี่หลิว สวัสดีครับ ผมคือลู่เฉิน”
หลิวจงฮั่นอายุเกือบสี่สิบปีแล้ว แต่ดูแลตัวเองดีจนดูเหมือนคนอายุยี่สิบกว่าๆ หน้าตาของเขาหล่อเหลา ดูเหมือนเป็นลูกครึ่ง เพียงแต่เตี้ยไปหน่อย
เขายื่นมือให้ลู่เฉิน “เมื่อครู่โชคดีที่ได้คุณช่วย คุณฝีมือดีมาก!”
ตอนที่เกิดเรื่องหลิวจงฮั่นอยู่บนเวที มองเห็นความเป็นไปทั้งหมดอย่างชัดเจน
เขานับถือลู่เฉินมาก
หลีซิ่งยิ้มน้อยๆ “คุณลู่กล้าหาญมาก!”
เธอไม่ได้เห็นเรื่องนี้กับตา แต่ได้ยินคนอื่นพูดกันแล้วยังอดหวั่นใจไม่ได้
เรื่องแบบนี้น่ากลัวเหลือเกิน เธอเองก็มีแฟนคลับที่บ้าคลั่งอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน!
ลู่เฉินถ่อมตัว “คุณชมเกินไปแล้วครับ ผมแค่วู่วามไปชั่วขณะ ตอนนี้คิดแล้วยังกลัวไม่หาย”
ทุกคนหัวเราะขึ้นมา บรรยากาศดูผ่อนคลายลงมาก
หลีซิ่งยิ้ม “คุณลู่ถ่อมตัวเกินไปแล้ว ความจริงไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น”
“ตอนนี้เหตุการณ์ค่อนข้างวุ่นวาย แต่พวกเราเหล่าศิลปินไม่ควรว้าวุ่นตามไปด้วย ฉันกับจงฮั่นจึงปรึกษากันแล้ว แนะนำให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ทำการแสดงต่อไป ไม่อย่างนั้นจะผิดต่อผู้ชม”
ลู่เฉินตอบว่า “ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง!”
ได้ซูเปอร์สตาร์ทั้งสองอย่างหลีซิ่งและหลิวจงฮั่นออกโรงควบคุมสถานการณ์ ทางผู้บริหารของผู้จัดงานก็รีบมาถึง ในห้องแต่งตัวศิลปิน ทุกคนจึงสงบลง
ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองหังโจว คนของสถานีโทรทัศน์เจ้อตง และตำรวจประจำเมืองหังโจวก็มากันหมด
ลู่เฉินเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ต้องให้ปากคำกับตำรวจด้วย
คอนเสิร์ตเลื่อนออกไปครึ่งชั่วโมง แต่ทุกการแสดงยังแสดงจนจบ
ลู่เฉินขึ้นเวทีตอน 21.27 น. เขาร้องเพลง ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ กับเพลง ‘ดวงดาวที่สุกสกาวที่สุดบนฟากฟ้าราตรี’
โดยเฉพาะตอนที่ร้องเพลง ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ถึงท่อนพีก ผู้ชมมากมายพากันร้องตาม
โดยรวมแล้วการแสดงเป็นไปอย่างราบรื่นไม่ติดขัด
แต่ขณะเดียวกันในโลกออนไลน์ กลับแทบระเบิด!
เนื่องจากตอนนั้นมีผู้คนมุงดูอยู่มาก ทั้งถ่ายรูป ทั้งอัดวิดีโอ ตอนที่ชายสวมเสื้อแจ็กเก็ตเข้าโจมตี จนถึงตอนที่ถูกลู่เฉินขัดขวางไว้นั้น ถูกคนถ่ายเก็บเอาไว้ได้ทั้งหมด และไม่ใช่แค่คลิปเดียว
คลิปวิดีโอจำนวนมากถูกอัปโหลดลงบล็อก เว็บบอร์ด หน้าเว็บ และกลุ่มในเฟยซวิ่นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็แพร่กระจายขยายวงกว้างเหมือนเชื้อไวรัส มีชาวเน็ตมหาศาลเข้ามาวิจารณ์ การวิเคราะห์อย่างชั่วร้ายก็มีไม่เว้น!
บางคนเดาว่าเถียนเถียนไปมีปัญหาส่วนตัวกับใครจึงถูกล้างแค้น บางคนเชื่อว่าคนร้ายคือแฟนเก่าของเธอ การสาดน้ำกรดส่วนใหญ่สาเหตุมาจากเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ทั้งนั้น แต่บางคนบอกว่าเถียนเถียนไม่มีแฟน
สรุปคือก่อนที่ทางตำรวจจะประกาศผลการสอบสวน ความคิดเห็นต่างๆ มีมากมาย เรื่องนี้กลายเป็นข่าวเด่นในบล็อก ศิลปินในวงการหลายคนออกมาแสดงความเห็นตำหนิการกระทำของคนร้าย
เชื่อว่าพาดหัวข่าวบันเทิงของพรุ่งนี้เช้าคงหนีไม่พ้นเรื่องนี้
ลู่เฉินผู้ยื่นมือเข้าช่วย จึงถูกผลักให้ไปยืนอยู่ท่ามกลางกระแสลมปากที่แหลมคม!
………………………………………………………………