ตอนที่ 250 จริงใจร้อยเปอร์เซ็นต์
มีบางคนบอกว่าถ่ายภาพฟิตติ้งเหมือนถ่ายภาพแต่งงาน ดูแล้วสวยงาม แต่แท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่ลำบากมากเรื่องหนึ่ง
ภาพฟิตติ้งของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ ใช้เวลาสองวันเต็มถึงถ่ายเสร็จ
แต่ทั้งสองคนไม่รู้สึกลำบากอะไร เฉินเฟยเอ๋อร์รู้สึกมีความสุขยิ่งกว่า สุดท้ายเธอเลือกรูปถ่ายที่ยังไม่ได้ตกแต่งไปหนึ่งเซต เธอบอกว่าจะเอาไปโปรโมตในบล็อกของตัวเอง
ถ่ายภาพฟิตติ้งเสร็จแล้ว ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ก็ปรากฏตัวอย่างเป็นทางการในตอนที่สามของละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’
สิ่งที่รอต้อนรับทั้งสองคนอยู่ คือการถ่ายทำที่ต้องใช้เวลายาวถึงสองเดือน
และสิ่งที่ทำให้ลู่เฉินคาดไม่ถึงก็คือ ตอนบ่ายของวันนั้น ลู่ซีพี่สาวของเขาได้มาที่จินหลิง
คนที่มาด้วยยังมีจางเต๋อผู้จัดการใหญ่ของกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์ส แล้วก็ยังมีหัวหน้าฝ่ายรายการของสถานีโทรทัศน์ไห่จิน!
เย็นวันนั้น ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์สองคนเป็นเจ้าภาพ จัดเลี้ยงอาหารต้อนรับแขกในโรงแรมใหญ่ที่พวกเขาอาศัยอยู่
ความจริงหากจะพูดให้ถูก แขกที่แท้จริงมีเพียงตัวแทนของสถานีโทรทัศน์ไห่จินเท่านั้น
เนื่องจากละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เป็นการลงทุนถ่ายทำของทั้งสามฝ่ายคือกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์ส สตูดิโอเฉินเฟยเอ๋อร์ และสตูดิโอลู่เฉิน ส่วนจุดประสงค์ที่สถานีโทรทัศน์ไห่จินส่งตัวแทนมาเจรจา ก็เพราะต้องการสิทธิ์ในการออกอากาศละครเรื่องนี้เป็นเจ้าแรก!
ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะเป็นกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สหรือว่าสตูดิโอลู่เฉินต่างให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยมีผู้จัดการใหญ่สองคนร่วมเดินทางมาด้วยเพื่อพบปะเจรจากับกับลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์
จางเต๋อผู้จัดการใหญ่ของกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สอายุสี่สิบปีกว่า ตัวเล็กเตี้ยหน้าเหลี่ยมคิ้วบาง สีหน้าเต็มไปด้วยความฉลาดหลักแหลม พูดจาห้วนเล็กน้อย แต่เขากลับมีมารยาทและสุภาพมากต่อลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์
ตอนที่เจอหน้า จางเต๋อจับมือกับเฉินเฟยเอ๋อร์เบาๆ จับแล้วรีบปล่อยมือทันที
แต่เขากลับจับมือลู่เฉินแรงนิดหน่อย พูดจาอย่างร่าเริงสดใส “ได้ยินชื่อเสียงของคุณลู่เฉินมานานแล้ว วันนี้ได้เจอหน้าเป็นครั้งแรก สมคำร่ำลือจริงๆ ขอบคุณมากๆ ที่คุณให้โอกาสร่วมงานกับกานเต๋อบราเธอร์ส์พิคเจอร์สของพวกเราในครั้งนี้นะครับ!”
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อยและเอ่ยว่า “ผู้จัดการจางเกรงใจไปแล้วครับ!”
จางเต๋อกล่าวว่า “ต้องเกรงใจอยู่แล้วครับ เพราะครั้งนี้ได้ดึงดูดหงส์ทองมาด้วย ผมขอแนะนำให้คุณรู้จักก่อน…”
เขากำลังแนะนำ จงเยวี่ย หัวหน้าฝ่ายรายการของสถานีโทรทัศน์ไห่จิน
จงเยวี่ยอายุสามสิบปีกว่า เป็นผู้ชายรูปร่างกำยำสูงใหญ่แบบคนเหนือ หน้าเหลี่ยมตามมาตรฐาน คิ้วหนาตาโตโครงหน้าชัดเจน หากอยู่ในละครจะต้องได้รับบทคนดีแน่นอน
อายุสามสิบกว่าปีก็ได้นั่งตำแหน่งนี้แล้ว แสดงว่าจงเยวี่ยไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
เขาสุภาพกับลู่เฉินเป็นอย่างมาก แถมยังเอ่ยชมลู่เฉินสองสามประโยค
ฝ่ายลู่เฉินก็กล่าวคำทักทายปราศรัยอย่างสุภาพ ส่วนเฉินเฟยเอ๋อร์ก็พูดคุยกับลู่ซี
เฉินเฟยเอ๋อร์เคยไปสตูดิโอลู่เฉิน แน่นอนว่ารู้จักลู่ซี ถึงแม้ทั้งสองคนจะไม่สนิทถึงขั้นนับเป็นพี่สาวน้องสาว แต่พอเจอหน้ากันก็มีเรื่องให้คุยกันมากมาย
ทว่าการเจอหน้าลู่ซีครั้งนี้ เฉินเฟยเอ๋อร์ที่ไม่เกรงกลัวอะไรกลับกังวลเล็กน้อย หน้าแดงระเรื่อขึ้นมา พูดจาระมัดระวังมากขึ้น
หลังจากแนะนำให้รู้จักกันแล้ว ทุกคนจึงนั่งลงพร้อมกัน แล้วคุยเรื่องงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในประเทศมีสถานีโทรทัศน์น้อยใหญ่สามสี่พันสถานี แต่สถานีโทรทัศน์สัญญาณดาวเทียมมีเพียงสี่สิบกว่าสถานีเท่านั้น และสถานีโทรทัศน์ไห่จินก็คือหนึ่งในนั้น ขนาดและความสามารถจึงไม่ด้อยแน่นอน
ทว่าในสถานีโทรทัศน์สี่สิบกว่าแห่งนี้ สถานีโทรทัศน์ไห่จินมีตัวตนน้อยมาก
พูดอีกอย่างก็คืออัตราเฉลี่ยเรตติ้งผู้ชมไม่สูงเลย
ยังไม่ต้องนำมาพูดเทียบเคียงกับสถานีโทรทัศน์เซียงหนานที่เป็นที่นิยมอยู่ตอนนี้ เพราะแม้แต่สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมหลายแห่งในมณฑลทางภาคตะวันตกเฉียงใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็ยังไม่มีข้อได้เปรียบในการแข่งขัน ไม่เคยมีโปรแกรมเด็ดๆ อะไรให้เอาไปอวดได้เลย
สถานีโทรทัศน์ไห่จินในฐานะหนึ่งในสี่สถานีโทรทัศน์ใหญ่ที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาล จึงรู้สึกขายหน้าจริงๆ
มีคนเคยวิเคราะห์ว่า สาเหตุที่เกิดสถานการณ์แบบนี้ นอกจากปัญหาที่ตัวของสถานีโทรทัศน์ไห่จินแล้ว สาเหตุสำคัญก็คืออยู่ใกล้กับเมืองหลวงเกินไป เมื่อมีสถานีโทรทัศน์กลาง (ซีซีทีวี) กับสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งสองเจ้าใหญ่อยู่แล้ว จึงสูญเสียคนเก่งมีความสามารถไปอย่างง่ายดาย
ยังไม่ต้องพูดว่าความคิดนี้ถูกต้องหรือไม่ จุดอ่อนของสถานีโทรทัศน์ไห่จินมองเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่มีรายการวาไรตี้เด็ดๆ ที่มีเรตติ้งผู้ชมสูง และพวกเขาก็ไม่ได้สิทธิ์ออกอากาศครั้งแรกของละครโทรทัศน์ยอดนิยม จึงได้แต่กินของเหลือเดน
แน่นอนว่าสถานีโทรทัศน์ไห่จินย่อมไม่ยอมตกต่ำแบบนี้ รายการประกวดจึงถูกจัดขึ้นอย่างอลังการเมื่อปีที่แล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือเรตติ้งผู้ชมต่ำลงถึงขีดสุด สุดท้ายต้องจบอย่างลวกๆ และรายได้จากโฆษณาก็ไม่พอจ่ายค่าต้นทุน
ตอนนี้หัวหน้าฝ่ายรายการของสถานีโทรทัศน์ไห่จิน จึงมาเจรจาธุรกิจเพื่อละครโทรทัศน์เรื่องนี้ด้วยตัวเอง ซึ่งเกินความคาดหมาย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่ออะไร
ตอนนี้สถานีโทรทัศน์ที่สนใจอยากจะออกอากาศละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เป็นครั้งแรกมีสถานีโทรทัศน์ขนาดใหญ่อย่างเช่นสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งและสถานีโทรทัศน์เจ้อตงด้วย แต่เงื่อนไขที่ทั้งสองเจ้าเสนอมาไม่สูงมาก อย่างน้อยก็ไม่ถึงเป้าที่ผู้ลงทุนทั้งสามฝ่ายตั้งไว้
ซึ่งเป็นเรื่องปกติมาก ถ้าหากไม่มีคนดังอย่างเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นจุดขาย ต่อให้ลู่เฉินกับกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สเป็นฝ่ายไปหาถึงที่ ก็ใช่ว่าทั้งสองสถานีจะให้ความสนใจ หากยินดีที่จะเจรจาก็คงให้สัญญาที่เอาเปรียบมาก
จำนวนละครที่ถ่ายทำในแต่ละปีของประเทศจีนมีเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะออกอากาศในสถานีโทรทัศน์เล็กๆ ของเมืองระดับสามระดับสี่เท่านั้น การแข่งขันดุเดือดจนยากที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้
สถานีโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่มีทรัพยากรคุณภาพย่อมคัดเลือกอย่างระมัดระวัง รอเงื่อนไขที่ดีแล้วจึงค่อยตกลงเว้นเสียแต่ว่าเป็นดาราเบอร์ใหญ่ ผู้กำกับใหญ่ หรือผลงานหนังและละครที่ดังมากๆ ไม่อย่างนั้นน้อยมากที่พวกเขาจะลดอัตตาลงไปคุยด้วย
ขณะนี้ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เป็นหัวข้อฮิตอยู่ในบล็อกล่างฉาว นอกจากการโฆษณาอย่างเต็มที่ของลู่เฉินแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือมันเป็นละครโทรทัศน์ที่เฉินเฟยเอ๋อร์รับบทนางเอกเป็นเรื่องแรก
ตอนนี้การโปรโมตขนานใหญ่ยังไม่ทันเริ่มขึ้น สถานีโทรทัศน์ไห่จินก็มาหาถึงที่ สงสัยคงคิดจะมาเก็บของดี
หลังจากสั่งอาหารและเหล้าไวน์เรียบร้อยแล้ว ทุกคนจึงรับประทานและพูดคุยไปพร้อมๆ กัน ด้วยบรรยากาศที่สนิทสนมปรองดองกันเป็นอย่างมาก
การเจรจาธุรกิจบนโต๊ะอาหารเป็นประเพณีนิยมในประเทศจีน ดื่มเหล้าครบสามแก้วแล้ว จากคนแปลกหน้าก็กลายเป็นเพื่อนกัน คำพูดที่ไม่น่าฟังทั้งหลายสามารถพูดเปิดอกออกมาโดยอาศัยความมึนเมา ถือว่าเป็นวัฒนธรรมธุรกิจที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ระหว่างต่างฝ่ายต่างยกเหล้าให้กันนั้น ลู่เฉินก็ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเสนอราคาครั้งแรกของสถานีโทรทัศน์ไห่จิน
จงเยวี่ยเป็นตัวแทนของสถานีโทรทัศน์ไห่จิน เสนอซื้อสิทธิ์ในการออกอากาศครั้งแรกเพียงเจ้าเดียวของละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ โดยซื้อขาดที่ราคาสามแสนหยวนต่อหนึ่งตอน
ทั้งหมดยี่สิบตอนรวมเป็นหกล้านหยวน
ในฐานะที่ซื้อขาดเพียงเจ้าเดียว ราคาถือว่าไม่สูงอย่างไม่ต้องสงสัย กระทั่งต่ำไปนิดหน่อยด้วยซ้ำ
อย่างอื่นยังไม่ต้องพูดถึง แค่ค่าจ้างของเฉินเฟยเอ๋อร์คนเดียวก็หลายล้านแล้ว บวกกับลู่เฉินและนักแสดงคนอื่นๆราคาหกล้านหยวนแทบจะไม่พอจ่ายต้นทุนค่าจ้างนักแสดง
แน่นอนว่าสิทธิ์ในการออกอากาศครั้งแรกเพียงเจ้าเดียวจำกัดอยู่ที่สถานีโทรทัศน์เท่านั้น แต่สิทธิ์ในการออกอากาศออนไลน์เพียงเจ้าเดียวยังสามารถขายได้อีก
นอกจากนี้ถ้าหากออกอากาศครั้งแรกประสบความสำเร็จ เช่นนั้นการออกอากาศซ้ำก็สามารถขายได้ในราคาที่ดีกว่านี้
ละครโทรทัศน์หลายเรื่องก็อาศัยการทำกำไรจากการขายสิทธิ์ออกอากาศซ้ำ
การเสนอราคาแบบนี้ ไม่มีข้อดีใดๆ เมื่อเทียบกับสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งและสถานีโทรทัศน์เจ้อตง
แต่ในเมื่อจงเยวี่ยมาด้วยตัวเอง เช่นนั้นก็ต้องมาด้วยความจริงใจ
สถานีโทรทัศน์ไห่จินนอกจากเสนอราคาซื้อขาดสามแสนหยวนต่อหนึ่งตอนแล้ว ยังให้ข้อเสนอที่ไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งหรือสถานีโทรทัศน์เจ้อตงก็ให้ไม่ได้
นั่นคือข้อตกลงเงื่อนไขขึ้นราคาตามเรตติ้ง
เรตติ้งเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 0.25% เป็นจุดหลัก ทุกครั้งที่เพิ่มขึ้น 0.10% ราคาซื้อขาดต่อหนึ่งตอนจะจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งหมื่นหยวน!
ซึ่งหมายความว่าละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ที่ออกอากาศครั้งแรกในสถานีโทรทัศน์ไห่จิน ถ้าหากเรตติ้งเฉลี่ยทั่วประเทศของยี่สิบตอนต่ำกว่า 0.25% เช่นนั้นราคาซื้อขาดของสถานีโทรทัศน์ไห่จินก็คือสามแสนหยวนต่อหนึ่งตอน
แต่ถ้าหากเพิ่มถึง 0.35% นั่นก็คือราคาสี่แสนหยวนต่อหนึ่งตอน และไม่มีการจำกัดเพดาน!
นอกจากนี้ไม่ว่าเรตติ้งจะสูงหรือต่ำ สถานีโทรทัศน์ไห่จินก็จะซื้อในราคาขั้นต่ำที่หกล้านหยวน
เนื่องจากสถานีโทรทัศน์ไห่จินให้ข้อเสนอที่จริงใจแบบนี้ ดังนั้นผู้จัดการใหญ่จางเต๋อของกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สกับลู่ซี จึงยอมมาที่จินหลิงเป็นเพื่อนจงเยวี่ย
เพระว่าข้อตกลงเสนอราคาแบบนี้ สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งหรือสถานีโทรทัศน์เจ้อตงนั้นไม่มีทางให้
บางทีในสายตาของคนนอกอาจจะเข้าใจยาก เพราะข้อตกลงเงื่อนไขแบบนี้เป็นข้อตกลงที่ได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด เรตติ้งยิ่งสูงการขายโฆษณาก็ยิ่งสูงขึ้น แล้วทำไมสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งกับสถานีโทรทัศน์เจ้อตงถึงไม่ตกลงล่ะ
เหตุผลง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์ส ลู่เฉิน หรือแม้กระทั่งเฉินเฟยเอ๋อร์ต่างไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเสนอเงื่อนไขแบบนี้
ซึ่งจะทำผิดกฎเกณฑ์ไม่ได้
แต่ที่สถานีโทรทัศน์ไห่จินพูดแบบนี้ได้ ก็เพราะว่ามีตำแหน่งในวงการที่ไม่มั่นคงพอ ดังนั้นจึงยอมลดตัวและอัตตาลง
ราคาซื้อขั้นต่ำหกล้านหยวนถือว่ามีความจริงใจมากพอ และเงื่อนไขการเพิ่มราคาก็แค่อยากลองเดิมพันสักครั้ง!
สำหรับละครสุดสัปดาห์นั้น ถ้าอยากจะได้เรตติ้งทั่วประเทศที่ 0.25% นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพิ่มเรตติ้งได้ 0.1% ก็ถือว่ามีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากแล้ว มีประโยชน์ในการส่งเสริมโฆษณาอย่างชัดเจน
เมื่อทำความเข้าใจการเสนอราคาในขั้นแรกของสถานีโทรทัศน์ไห่จินแล้ว ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์จึงมองหน้ากันและกัน
เฉินเฟยเอ๋อร์ใช้สายตาบอกลู่เฉินว่า…ราคานี้สามารถคุยกันได้!
ลู่เฉินเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ถึงแม้จะรู้สึกพอใจมาก แต่สีหน้าของเขาก็ยังนิ่งเหมือนเดิม ยกแก้วขึ้นแล้วพูดกับจงเยวี่ยว่า “หัวหน้าจงครับ ผมขอดื่มให้คุณหนึ่งแก้ว ขอบคุณที่คุณชื่นชอบละครเรื่องนี้ของพวกเรา!”
“แต่ผมยังเด็กมาก ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไร เอาอย่างนี้ดีกว่าวันพรุ่งนี้คุณมาดูละครตัวอย่างของพวกเราก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีดีไหมครับ”
การเจรจาธุรกิจไม่ใช่เรื่องถนัดของลู่เฉิน เรื่องเฉพาะทางก็ควรให้มืออาชีพเป็นคนจัดการ ถ้าหากเขาเผลอแบไต๋อย่างนั้นการเจรจาหลังจากนี้ก็คงลำบาก ทำให้ตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ไม่ว่าจะเป็นการซื้อในราคาขั้นต่ำหรือว่าข้อตกลงเงื่อนไขการเพิ่มราคา ต้องเจรจาใหม่อีกครั้ง
และนั่นก็เป็นเรื่องของจางเต๋อกับลู่ซี
จงเยวี่ยตาเป็นประกายแวบหนึ่ง ยกแก้วขึ้นมาชนกับลู่เฉิน และยิ้มพลางเอ่ยว่า “คุณลู่เฉินเกรงใจไปแล้ว ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ!”
เขาไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ กระทั่งแอบชื่นชมอยู่ในใจว่าเป็นเด็กรุ่นหลังที่มีพลังน่าเคารพเลื่อมใส
ไม่ใช่แค่จงเยวี่ยเท่านั้น แม้แต่จางเต๋อก็ยังมองลู่เฉินในมุมมองที่แปลกออกไป เมื่อครู่เขายังเป็นห่วงว่าลู่เฉินยังเด็กจะหุนหันพลันแล่น ตื่นเต้นกับข้อเสนอของอีกฝ่ายแล้วตอบตกลงทันที หากเป็นแบบนั้นเราจะเสียเปรียบ
ตอนนี้ลู่เฉินดูเหมือนจะมีความชำนาญมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้
ลู่เฉินยิ้มตอบ “นอกจากนี้ผมกับพี่เฟยเอ๋อร์จะบันทึกเสียงเพลงประกอบหลักในวันพรุ่งนี้ด้วย ยินดีต้อนรับคุณจงมาช่วยชี้แนะและเสนอความคิดเห็นอันมีค่าด้วยนะครับ!”
จงเยวี่ยแสดงสีหน้าประทับใจ “อย่างนั้นผมจะไปฟังแน่นอนครับ ยิ่งหาโอกาสยากอยู่”
เขามาที่จินหลิงนอกจากเจรจาธุรกิจแล้ว ยังต้องการทำความเข้าใจสถานการณ์ในการถ่ายทำอย่างแท้จริง ถือว่าประจวบเหมาะพอดี
ทุกคนหัวเราะขึ้นมา บรรยากาศของงานเลี้ยงดำเนินไปอย่างคึกคักสนิทสนมและกลมเกลียวกัน
…………………………………………………………………………