ตอนที่ 289 72H
พร้อมกันกับที่อุตสาหกรรมบันเทิงใหญ่โตขึ้น ตอนนี้ในประเทศมีเทศกาลดนตรีอยู่ไม่น้อย
72H เป็นหนึ่งในเทศกาลดนตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดงานหนึ่ง ทั้งยังมีประวัติมายาวนาน สามารถสืบอายุขึ้นไปจนถึงยุค 90
ยุค 90 ตอนต้น ค่ายเพลงในประเทศหลายแห่งร่วมกับคนมีชื่อเสียงในวงการเจ็ดคนจัดงานขึ้นมาที่สวนสาธารณะเฉาหยางในเมืองปักกิ่งเป็นครั้งแรก ชื่องานว่า ‘เทศกาลดนตรีกลางแจ้งเฮซซาวด์’ ตอนนั้นมีนักร้องที่ได้รับเชิญมาทั้งหมดสามสิบสองคน และมีวงดนตรีอีกสิบเอ็ดวงมาร่วมแสดงในงาน มีผู้เข้าชมงานเทศกาลดนตรีครั้งนั้นมากกว่าหมื่นคน
ตัวแทนวงร็อกอย่างวงเดอะแบล็กโครว์ วงสกาย เป็นต้น ต่างมาร่วมงานเทศกาลดนตรีครั้งนั้น
เทศกาลดนตรีกลางแจ้งเฮซซาวด์ในตอนนั้นทำให้เกิดกระแสอย่างใหญ่หลวงในวงการเพลงของประเทศ และมันก็คือชื่อเดิมของเทศกาลดนตรีในทุ่งหญ้า 72H ซึ่งต่อมาได้ย้ายมาจัดที่สวนสาธารณะเหยี่ยซานในเขตศูนย์ศิลปะยุคใหม่
จนมาถึงวันนี้ เทศกาลดนตรีในทุ่งหญ้า 72H จัดขึ้นมาแล้วสิบเก้าครั้ง แม้จะขาดตอนไปหลายครั้ง แต่มันยังมีอิทธิพลต่อวงการเพลงป็อบในประเทศอย่างมหาศาล โดยเฉพาะกับคนที่รักในเพลงป็อบอย่างแท้จริง
นักร้องที่เทศกาลดนตรี 72H เชิญมา หลักๆ จะเป็นนักร้องและวงดนตรีที่มีจุดเด่น ไม่ว่าจะเป็นระดับซูเปอร์สตาร์หรือนักร้องมือสมัครเล่นที่ร้องเพลงเปิดหมวก ขอแค่มีผลงานเพลงชิ้นเอกหรือมีแนวการร้องเพลงที่เป็นเอกลักษณ์ ล้วนมีโอกาสได้มายืนอยู่บนเวที แสดงความสามารถที่แท้จริงของตัวเองต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก
ในประวัติศาสตร์ของเทศกาลดนตรี 72H มีวงไร้ชื่อและนักร้องระดับล่างมากมายที่เคยมาแสดง แล้วได้เซ็นสัญญากับบริษัทเอเจนซี่บันเทิง เดินเข้าสู่เส้นทางแห่งความมีชื่อเสียง
ตามประเพณี เทศกาลดนตรี 72H จะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เที่ยงวันศุกร์ในสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม จนถึงตอนเที่ยงวันจันทร์ของสัปดาห์ถัดไป ต่อเนื่องกันเป็นเวลาเจ็ดสิบสองชั่วโมงพอดี
นักร้อง วงดนตรี และผู้เข้าชมงานล้วนมาจากทั่วทุกสารทิศ คณะกรรมการจัดงานเทศกาลดนตรีรับผิดชอบทั้งค่าเดินทางและค่าที่พักให้กับนักร้องและวงดนตรีที่มาร่วมงาน แต่ไม่ได้ให้ค่าแรงค่าเหนื่อยต่างหาก
สถานที่แสดงคือเวทีกลางแจ้งที่ตั้งขึ้นชั่วคราว เหล่าผู้ชมสามารถตั้งเต็นท์บนสนามหญ้าหน้าเวที ดื่มเบียร์ไปพลาง กินเนื้อย่างไปพลาง ฟังเพลงไปพลาง ติดต่อกันเป็นเวลาสามวันสองคืน
เพราะบรรยากาศที่พิเศษเช่นนี้ กลิ่นอายเชิงธุรกิจของเทศกาลดนตรี 72H จึงเจือจางมาก ค่อนข้างมีความบริสุทธิ์และไม่ตามกระแส เพลงที่ได้รับความนิยมของที่นี่ไม่ใช่เพลงเร็วเพลงดังอะไรพวกนั้น ต่อให้เฉินเฟยเอ๋อร์มาขึ้นเวทีก็คงไม่ได้รับเสียงปรบมือสักเท่าไร
เพราะเพลงที่เธอร้องเป็นเพลงรักหวานซึ้ง ผู้ชมในเทศกาลดนตรี 72H ชอบเพลงร็อก เพลงแจ๊ส เพลงอาร์แอนด์บี เพลงแร็ป เป็นต้น
ผู้ชมในเทศกาลดนตรี 72H มีความต้องการสูง จะได้รับการยอมรับจากพวกเขานั้นไม่ง่าย พวกเขาชอบก็จะปรบมือส่งเสียงตะโกน หากไม่ชอบก็จะโห่ไล่ลงจากเวที
นักร้องที่โด่งดังหรือวงดนตรีหลายวงมักจะถูกผู้ชมในเทศกาลดนตรี 72H โห่ไล่จนตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก อับอายขายหน้าจนแทบแทรกแผ่นดินหนี
ดังนั้นคนในวงการที่ได้รับคำเชื้อเชิญ ต่างพินิจพิจารณาอย่างตั้งใจ
คนที่เก่งจริงไม่กลัว และยินดียอมรับคำท้าทาย แต่คนที่เก่งไม่จริงนั้น…
ลู่ซีถาม “แกจะไปหรือเปล่า”
หลังจากเธอได้รับบัตรเชิญก็ตั้งใจทำความเข้าใจในเทศกาลดนตรี 72H นี้ รู้สึกว่าบรรยากาศภายในนั้นไม่ค่อยถูกต้องนัก เพราะลู่เฉินไม่ใช่นักร้องในแบบฉบับที่เทศกาลดนตรี 72H ต้องการ
วัตถุประสงค์หนึ่งของเทศกาลดนตรีในทุ่งหญ้า 72H คือให้นักร้องระดับล่างหรือนักร้องใต้ดินที่มีความสามารถอย่างแท้จริงมีโอกาสได้แสดงออก
แน่นอนว่าอย่างวงเฮสิเทชั่น พวกเขาก็ยินดีต้อนรับเช่นกัน
ลู่เฉินยิ้มบาง “ทำไมจะไม่ล่ะ”
เขารู้จักเทศกาลดนตรีกลางแจ้งเฮซซาวด์ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้น และเคยตั้งใจที่จะไปดู
ตอนนี้ฝ่ายนั้นส่งคำเชิญมาก่อน เป็นโอกาสที่จะทำความฝันในวัยเยาว์ให้เป็นจริง
ส่วนปัญหาที่คนอื่นกังวล…
ลู่เฉินแทบไม่ต้องกังวลเลย!
ลู่ซีก็ไม่ค่อยกังวลเช่นกัน ในเมื่อลู่เฉินอยากไป เธอจะไม่ห้าม “ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้คำตอบกับพวกเขา”
เรื่องงานเทศกาลดนตรีในทุ่งหญ้า 72H จึงเป็นอันว่าตกลงแล้ว
ลู่ซียื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ลู่เฉิน
กระดาษถ่ายเอกสาร A4 แผ่นบางๆ บนนั้นเขียนว่ายอดเรตติ้งละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ตอนล่าสุด
วันที่ 5 และ 6 กุมภาพันธ์ สถานีโทรทัศน์ไห่จินได้ออกอากาศตอนที่สิบเจ็ดและสิบแปดติดต่อกัน ได้เรตติ้ง 2.23% และ 2.47% เป็นยอดเรตติ้งที่น่ากลัว สร้างปรากฏการณ์อย่างต่อเนื่องจากครั้งก่อน
ต้องรู้ว่าทั้งสองวันนั้นเป็นวันก่อนวันขึ้นปีใหม่ ปกติแล้วเรตติ้งของละครโทรทัศน์จะลดลงในวันนั้น แต่ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับผลกระทบ กลับยังได้ยอดสูงขึ้น เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ
ส่วนในเฟยซวิ่นวิดีโอ ยอดการกดเข้าดูละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ นั้นมากกว่าสองพันล้านครั้ง เอาชนะคู่แข่งทั้งหมดอย่างราบคาบ!
สองตอนสุดท้ายที่เป็นตอนจบของเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ จะออกอากาศในวันที่ 13 และ 14
ซึ่งตรงกับวันวาเลนไทน์!
ลู่เฉินอยากหัวเราะ “แบบนี้จะดีเหรอ”
ลู่ซีรู้ตอนจบดี เธอใคร่ครวญอย่างตั้งอกตั้งใจแล้วหัวเราะออกมา “แกจะต้องถูกด่าตายแน่!”
ลู่เฉินพูด “อาจจะนะ แต่ผมคิดว่าคงมีหลายคนที่จะจดจำวันวาเลนไทน์ปีนี้ได้”
เขาเผยยิ้มออกมา
เป็นยิ้มที่เจือปนความชั่วร้าย
“ใช่แล้ว…”
ลู่ซีเอ่ยขึ้น “สำนักพิมพ์ซานไห่กับสำนักพิมพ์ฉวินเหวิน ยังมีสำนักพิมพ์จิงตี้ติดต่อเข้ามา หวังว่าจะได้พิมพ์หนังสือนิยายเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ออกขาย ทั้งสามสำนักพิมพ์ต่างให้เงื่อนไขที่ไม่เลว”
“ยังมีคลับการ์ตูนมังงะที่อยากได้ลิขสิทธิ์ในการวาดการ์ตูนเรื่องรักนี้ชั่วนิรันดร์…”
“ยังมี…”
เรตติ้งของละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ สูงจนกลายเป็นปรากฏการณ์ มีผู้ชมติดตามเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้กลายเป็นงานลิขสิทธิ์ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าองค์กรและบริษัทต่างๆ ล้วนอยากได้ลิขสิทธิ์ในการตีพิมพ์หนังสือจากลู่เฉิน
นิยายและการ์ตูนเป็นแค่ส่วนหนึ่ง เป็นการบ่งบอกถึงผลกำไรมหาศาล
ลู่เฉินคิดไปคิดมาแล้วก็บอกว่า “สิทธิ์ในการตีพิมพ์สองอย่างนี้พี่ดูเอาเองเถอะ รายไหนให้เยอะก็ให้รายนั้น เรื่องนิยายเราทำควบคู่ไปกับการระดมทุนทางออนไลน์ได้ ออกหลายๆ แพ็กเกจให้เลือกหน่อย”
เรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เวอร์ชันนิยายในบล็อกของเขาลงเนื้อหาไปสองในสามส่วนก็หยุดลงแล้ว เพื่อเหลือช่องทางให้ขายนิยายฉบับตีพิมพ์ แล้วใช้การระดมทุนออนไลน์เพื่อกระตุ้นยอดขาย
จากเดิมลู่ซีเคยประมาณการไว้ว่า เรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ จะสร้างรายได้ให้สตูดิโอลู่เฉินประมาณสิบห้าล้านหยวน แต่ตอนนี้ดูแล้วประเมินต่ำไปมาก การที่ตลาดให้ความสนใจงานลิขสิทธิ์ที่กำลังดังนั้นบ่งบอกว่าจะได้ผลประโยชน์สูงขึ้นไปอีก
“อืม ฉันรู้แล้ว…”
ลู่ซีจดบันทึก ก่อนจะบอกต่อว่า “แกอย่าลืมเตรียมตัวสำหรับงานในวันที่ 14 นะ”
วันที่ 14 กุมภาพันธ์หรือวันแห่งความรัก ลู่เฉินจะไปร่วมพิธีเปิดสาขาใหญ่ของแบรนด์เซินฉีในกรุงปักกิ่ง
เขาเซ็นสัญญาพรีเซ็นเตอร์กับแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาเจ้านี้หนึ่งปี งานสำคัญแบบนี้เขาต้องไปเข้าร่วม แบรนด์เสื้อผ้าเซินฉียังเปิดตัวสินค้าใหม่เป็นชุดออกกำลังกายคู่รักในวันนั้นด้วย ลู่เฉินต้องไปเป็นนายแบบ
และในฐานะนักร้อง ลู่เฉินต้องขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีแน่นอน เนื่องจากเป็นวันพิเศษ การเลือกเพลงก็สำคัญ
ลู่เฉินยิ้ม “ไม่ลืมหรอก”
เขาคิดเอาไว้แล้วว่าวันนั้นจะร้องเพลงอะไร ต้องเตรียมตัวล่วงหน้าสักหน่อย
………………………………………………………………..