วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม อากาศแจ่มใส
ท้องฟ้าคล้ายเพิ่งถูกชะล้างไป แจ่มใสจนคาดไม่ถึง ม่านสีน้ำเงินบริสุทธิ์ไม่ได้ถูกฉาบด้วยปุยเมฆขาว รู้สึกเหมือนไม่จริงยิ่ง
ถึงไม่กี่ปีมานี้เมืองหลวงจะปรับปรุงสิ่งแวดล้อมและขจัดมลภาวะเป็นการใหญ่ จนสลัดหลุดจากสมญานาม“นครฝุ่น”มาได้นานแล้วก็ตาม แต่วันธรรมดานั้นท้องฟ้าสีครามแบบนี้ก็ไม่ค่อยได้พบเห็น ทำให้จิตใจคนอดที่จะเบิกบานขึ้นมาไม่ได้
แม้ว่าจะยังไม่ถึงช่วงที่ร้อนที่สุดของปี แต่เหล่าหญิงสาวในเมืองก็เปลี่ยนมาสวมชุดหน้าร้อนอันงดงามนานแล้ว กระโปรงสั้นพริ้วไสวบนท้องถนน โชว์ขายาวและความเป็นวัยรุ่นของพวกเธอตามอำเภอใจ
“ต้าเฉิน!”
หลี่เฟยอวี่หิ้วกล่องหนังวิ่งหอบตามมา แล้วหันมาพูดเอะอะกับลู่เฉินที่กำลังชื่นชมวิวทิวทัศน์ข้างทางว่า “พวกเรารีบไปกันเถอะ ไปช้าบางทีที่นั่งอาจถูกคนยึดไป!”
*(ฮั่นแน่~ ลู่เฉินแอบส่องกระโปรงสาวๆละสิ!)
“ต้าเฉิน”เป็นคำเรียกใหม่ที่สหายเสี่ยวเฟยเกอใช้เรียกลู่เฉิน เดิมทีเขามักจะเรียกว่า“ซุปเปอร์สตาร์”บ้าง “เสี่ยวลู่”บ้าง “พี่น้อง”บ้าง มั่วๆไปหมด ตอนนี้เมื่อพิจารณาถึงสถานะของลู่เฉินที่ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงครุ่นคิดให้รอบคอบ สุดท้ายจึงตัดสินใจเรียกด้วยชื่อที่เข้าใจไปเองว่าจะแสดงความสนิทสนมนี้
อ้างอิงตามสำนวนการพูดของหลี่เฟยอวี่แล้ว คนที่มีฐานะต่างต้องมีคำว่า“ต้า”หรือ“แหย*”ผสมชื่อด้วย ตอนนี้ลู่เฉินยังไม่ถึงกับระดับ“แหย”ชั่วคราว แต่คำว่า“ต้า”นั้นกลับไม่มีปัญหาเลย เรียกไปก็ไม่มีใครดูแคลน
*(ใช้เรียกปู่หรือใช้เรียกเจ้านายซึ่งเป็นคำเก่าๆ สรุป หลี่เฟยอวี่นายแก่นี่!)
ลู่เฉินๆ พอเรียกต้าลู่(แผ่นดิน)ก็ไม่เพราะและอาจเข้าใจผิดอีก ครั้นแล้วจึงเรียกว่าต้าเฉินนั่นเอง
พอเป็นแบบนี้แล้วลู่เฉินก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีจริงๆ จนใจที่หลี่เฟยอวี่นั้นปากตลาดมาก ปากตลาดระดับที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเจ็ดอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งตลาดนัด เขาไหนเลยจะพูดห้ามได้ ด้วยเหตุนี้จึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
“ฉันว่าฉันพูดสามครั้งแล้วนะ ที่นั่งเราเขากำหนดไว้แล้ว…”
ลู่เฉินพูดอย่างจนใจ “คงไม่ถูกคนอื่นแย่งหรอก ตอนนี้ก็แค่โผล่ไปดูลาดเลาก่อนสักหน่อยแค่นั้นละ”
คืนนี้บาร์บลูโลตัสในโฮ่วไห่จะจัดกิจกรรมค่ำคืนดนตรี บริษัทสปอนเซอร์ก็คือบริษัทไลท์เรนมีเดีย ว่ากันว่างานที่จัดในครั้งนี้นั้นจัดได้ยิ่งใหญ่มาก เป็นครั้งหนึ่งที่จัดงานยิ่งใหญ่กว่าครั้งก่อนๆ ทั้งยังเชิญคนในวงการมาไม่น้อย
ลู่เฉินเองก็อยู่ในรายชื่อนักร้องรับเชิญ ตอนที่คนฝั่งบลูโลตัสถามเขาว่ามีข้อเรียกร้องอะไรบ้าง เขาก็คิดแล้วจึงขอที่นั่งวีไอพี พร้อมกับหวังว่าบลูโลตัสจะยอมอนุญาตให้เขาทำการไลฟ์สดในค่ำคืนดนตรีอีกด้วย
ไม่ผิด โปรแกรมของห้องไลฟ์ลู่เฟยในคืนนี้ จะเป็นการไลฟ์ในค่ำคืนดนตรี!
ความคิดนี้เกิดขึ้นในตอนที่เฉินเจี้ยนฮ่าวบอกลู่เฉินเกี่ยวกับคำเชิญ สำหรับรูปแบบเนื้อหาของการไลฟ์ออนไลน์ตอนนี้นั้นยิ่งมาก็ยิ่งหลากหลายมากขึ้น ซึ่งหากให้แต่ละวันมานั่งอยู่หน้าคอมร้องเพลงเล่าเรื่อง เหล่าแฟนๆและผู้ชมก็อาจจะเบื่อได้ง่าย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเพิ่มลูกเล่นใหม่ๆเข้ามา
การที่เขาขึ้นเวทีแสดงในค่ำคืนดนตรีนั้น ย่อมต้องเป็นมุขที่ยอดเยี่ยมยิ่งแน่นอน!
เพื่อบรรลุเป้าหมาย ลู่เฉินไม่เสียดายสักนิดเลยที่จะเอ่ยต่อคนฝั่งบลูโลตัสว่าจะแลกกับการไม่ขอรับค่าตัว
เขาเชื่อว่าของขวัญของพวกปลาป่นเหล่านั้นเพียงพอที่จะชดเชยค่าตัวของเขาได้
แต่สต๊าฟทางด้านนั้นใจใหญ่มากๆ ไม่เพียงแต่จะเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของลู่เฉินทั้งหมดเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นค่าตอบแทนส่วนหนึ่งก็ไม่น้อยเลยด้วย!
ค่ำคืนดนตรีของบลูโลตัสนั้นแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยห้ามถ่ายวิดีโอ กระทั่งยังถ่ายทอดสดปล่อยไปบนอินเตอร์เน็ตให้รับชมกันก่อนอีกต่างหาก เพราะอย่างนี้เลยสามารถเพิ่มผลเชิงบวกให้กับอีเว้นท์ได้
ครั้นแล้วลู่เฉินจึงได้ที่รับที่นั่งวีไอพีมาโต๊ะหนึ่งอย่างราบรื่น ที่นั่งนี้เขาไม่ได้นั่งเอง แต่จะมอบให้กับหลี่เฟยอวี่
เพราะการไลฟ์สดนั้นจะต้องมีคนมาช่วย เสี่ยวเฟยเกอย่อมเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด และเป็นเพียงตัวเลือกเดียวที่มีอีกด้วย
ซึ่งหลังจากที่หลี่เฟยอวี่รับรู้ เขาก็ยินดีเป็นอย่างมาก สองวันก่อนจึงเริ่มเตรียมตัวล่วงหน้าแล้ว
ความจริงการไลฟ์กลางแจ้งนั้นง่ายดายมาก แค่ใช้สมาร์ทโฟน4Gเครื่องหนึ่งก็ทำได้แล้ว ซึ่งหลี่เฟยอวี่นั้นกลับไม่สะเพร่าเลยสักนิด นอกจากจะเตรียมกล้องเว็บแคมHDและไมค์คุณภาพสูงที่มีอยู่แต่เดิมแล้ว เขายังซื้ออุปกรณ์ต่างๆอย่างขาตั้งกล้อง กล่องถ่ายวิดีโอ และอุปกรณ์กรองเสียงแบบครบชุดมาเพิ่มอีกต่างหาก
แน่นอนว่าของพวกนี้ย่อมเป็นลู่เฉินจ่ายเงินให้ หลังจากนี้อาจจะมีประโยชน์ก็ได้
“เวลาไม่เช้าแล้วรีบๆไปเตรียมตัวกันเหอะ!”
หลี่เฟยอวี่หัวเราะฮาฮาแล้วพูดว่า “ฉันเคยได้ยินคนอื่นพูดกันมานานแล้วนะว่าค่ำคืนดนตรีของบลูโลตัสเนี่ย คึกคักมาก เสี่ยวเหม่ยเองก็เคยมา ครั้งนี้ฉันเลยบอกเธอว่าจะได้นั่งโต๊ะวีไอพีทำไลฟ์สดด้วย เธอเลยพูดว่าจะเข้ามาดูห้องไลฟ์ของพวกเราคืนนี้น่ะ!”
เขาพูดจนหน้าบาน เผยหางออกมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ลู่เฉินกล่าวถามอย่างประหลาดใจว่า “เสี่ยวเหม่ยไม่ใช่ลาออกแล้วเหรอ? นายติดต่อหล่อนได้ยังไงน่ะ?”
เสี่ยวเหม่ยเป็นประชาสัมพันธ์ในร้าน4Sที่หลี่เฟยอวี่ทำงานอยู่ เธอเป็นคนสวยที่มีคนไล่ตามจีบมากมาย และหลี่เฟยอวี่เองก็เป็นหนึ่งในคนที่แอบหลงรักเธอด้วยเช่นกัน
จะว่าไปตอนแรกที่หลี่เฟยอวี่เล่นไลฟ์นั้น เป็นเพราะได้รับผลกระทบจากเสี่ยวเหม่ยนี่ล่ะ ว่ากันว่าฝ่ายหลังตั้งแต่ไลฟ์ก็มีรายได้หลายแสน กระทั่งงานในร้าน4Sก็ไม่อยากทำอีกต่อไปแล้ว จะหันมาทำอาชีพไลฟ์สตรีมเมอร์แทน
“อย่าพูดถึงเลยน่า!”
หลี่เฟยอวี่พูดอย่างเสียดายว่า “ห้องไลฟ์ของเสี่ยวเหม่ยน่ะละเมิดกฎจนโดนแบนไปแล้ว เธอเลยไม่ลาออกน่ะ”
แม้น้ำเสียงจะดูเสียดาย แต่ใบหน้าของเขากลับไม่ได้แสดงสีหน้าเสียใจเลยสักนิด กลับมีท่าทางเบิกบานเสียมากกว่า
ลู่เฉินหลุดหัวเราะพรืด ไม่ได้พูดมากอะไร
เสี่ยวเหม่ยที่รู้จักแต่ไม่เคยเห็นหน้าคนนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ได้สวยมาก แต่หลี่เฟยอวี่ก็ชอบไปแล้ว เขาจึงไม่ได้พูดอะไรมากนัก
“แท็กซี่!”
หลี่เฟยอวี่โบกมือขวางแท็กซี่ที่เพิ่งผ่านมาคันหนึ่ง
คนทั้งสองรีบไปโฮ่วไห่ด้วยกัน คนขับแท็กซี่ในเมืองหลวงก็ไม่ใช่ไม่คุ้นเคยแถวนั้น หลังจากบอกที่อยู่จึงแล่นมาจนถึงลานจอดรถนอกบาร์บลูโลตัสอย่างรวดเร็ว
แต่เดิมพื้นที่บาร์บลูโลตัสเป็นโรงงานเล็กๆข้างถนน ต่อมาหลังจากปรับปรุงเมืองหลวงก็มีรูปร่างเช่นเดียวกับในปัจจุบัน ด้านหน้าร้านเป็นถนนคนเดินที่คึกคัก ส่วนด้านหลังก็เป็นทะเลสาบเทียมที่มีคลื่นซัดสาด
ไม่เหมือนกับบาร์เดย์ลิลลี่ ลานจอดรถที่เป็นของบาร์บลูโลตัสนั้นมีกระทั่งถนนลาดยางสองเลนเลยด้วยซ้ำ เพราะทางเข้าออกสะดวกสบายเช่นนี้เอง ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเวลาธรรมดา วันหยุดสุดสัปดาห์ หรือมาช้าก็จะไม่มีที่นั่งว่างเหลือ กิจการนั้นเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างยิ่ง
แต่สิ่งที่ทำให้คนอิจฉากันสุดๆนั้นก็คือ กรรมสิทธิ์ที่ดินร้านขนาดใหญ่รวมทั้งลานจอดรถที่มีพื้นที่กว้างขวางทั้งหมดต่างก็ถูกชางเว่ยเถ้าแก่บาร์บลูโลตัสซื้อไว้นานแล้ว ถ้าหากเขาลาวงการไม่ทำงานต่อ แค่ขายอสังหาริมทรัพย์ก็ใช้ได้ไปสามชั่วรุ่นแล้ว!
แต่ชางเว่ยไม่เคยมีความคิดนี้เลย เขาบริหารร้านเหล้าของตัวเองอย่างตั้งใจมาโดยตลอด ด้วยความประพฤติเช่นนี้ก็ยิ่งส่องประกายความหาญกล้าของเขา คนในวงการธุรกิจเมื่อพูดถึงทีไร ก็ยังอดยกนิ้วโป้งให้เขาไม่ได้
ค่ำคืนดนตรีจะเริ่มงานตอนทุ่มหนึ่ง ตอนนี้ยังไม่ถึงห้าโมงเย็นเลย แต่ก็มีคนมากมายล่วงหน้ามาถึงก่อนเหมือนกับคนทั้งสองแล้วเช่นกัน พวกเขาบางคนก็เป็นเพื่อนร่วมอาชีพของลู่เฉิน เพียงแต่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นผู้ชม
พื้นที่กับเวทีนั้นถูกจัดเตรียมเอาเสร็จแล้ว ระบบไฟระบบเสียงรวมถึงจอLEDขนาดใหญ่ก็ติดตั้งไปไม่น้อย สต๊าฟหลายคนกำลังเร่งทำงานปรับแต่งเครื่องเสียง และมีบางคนกำลังตรวจเช็คสภาพช่วงสุดท้ายอยู่
พอลงจากรถตรงทางเข้า หลี่เฟยอวี่ก็มองจนตาตั้ง “ถล่มมัน นี่ยังนับเป็นงานอีเว้นท์ร้องเพลงอยู่อีกไหมเนี่ย!”
พื้นที่ลานจอดรถนั้นกว้างขวางเพียงพอ แม้จะแยกเวทีไว้ส่วนหนึ่ง การจุรับผู้ชมสองสามพันคนก็ยังคงไม่มีปัญหา ทั่วโฮ่วไห่ก็มีแค่ที่นี่เท่านั้นที่มีความสามารถพอจัดอีเว้นท์ขนาดใหญ่แบบนี้ได้
“ทั้งสองท่านมาเข้าร่วมการแสดงด้วยใช่ไหมครับ?”
สต๊าฟของงานคนหนึ่งเดินเข้ามาสอบถามอย่างสุภาพ
“ใช่ครับ!”
ลู่เฉินหยิบบัตรประชาชนกับตั๋ววีไอพีของตัวเองส่งให้อีกฝ่ายตรวจสอบ ซึ่งค่ำคืนดนตรีของบลูโลตัสนั้นได้จัดมาหลายครั้งแล้ว และมักจะเกิดเรื่องขึ้นเป็นประจำ ดังนั้นหากไม่มีบัตรประชาชนหรือตั๋วผู้ชมก็จะเข้างานไม่ได้
กระทั่งเขายังเห็นรถตำรวจสีขาวสลับน้ำเงินจอดอยู่ไม่ไกลนักด้วย น่าจะเป็นตำรวจที่สถานีตำรวจท้องที่ส่งมา
หลังจากสต๊าฟตรวจบัตรกับตั๋วแล้ว ก็พูดว่า “เชิญตามผมมาได้เลยครับ”
จากการนำทางของอีกฝ่าย ลู่เฉินและหลี่เฟยอวี่ทั้งสองคนก็เดินทะลุลานจอดรถ เข้ามาข้างในบาร์บลูโลตัส
การตกแต่งของบาร์บลูโลตัสนั้นให้บรรยากาศหรูหรากว่าเดย์ลิลลี่มาก เพียงแค่ความยาวของเคาน์เตอร์บาร์ที่ทำเป็นลูกคลื่นก็ยาวกว่าฝ่ายหลังสองเท่าแล้ว ตรงหิ้งเหล้าวางเหล้าหลากหลายสีสันจนเต็ม แก้วทรงสูงที่ห้อยลงมาหลายใบส่องแสงระยิบภายใต้แสงแวววาวของหลอดไฟ
ร้านแบ่งเป็นสามชั้น เวทีรูปตัวTเป็นแบบสากลมาก จอภาพด้านหลังก็มีขนาดอย่างน้อย500นิ้ว หลอดไฟแต่ละชนิดติดตั้งได้ชาญฉลาด อุปกรณ์ลำโพงทำให้คนอุทานอย่างชื่นชม
เนื่องจากคืนนี้มีการจัดงานอีเว้นท์ ดังนั้นภายในร้านจึงยังไม่ได้เปิดกิจการ ซึ่งห้องโถงชั้นล่างก็ถูกใช้เป็นพื้นที่หลังเวทีชั่วคราว โซนที่แบ่งออกมาได้ไม่เท่ากันนั้นมีไว้ให้นักร้องและวงดนตรีที่มาร่วมแสดงไว้ใช้
ตำแหน่งของบาร์เดย์ลิลลี่อยู่ติดฝั่งซ้ายด้านในเคาน์เตอร์ โต๊ะสามโต๊ะจัดรวมเป็นโต๊ะยาว พื้นที่ที่มอบให้นับว่าไม่น้อยเลย
ตัวแทนของบาร์เดย์ลิลลี่ที่จะขึ้นเวทีแสดงคืนนี้นั้นย่อมไม่ได้มีแค่ลู่เฉินคนเดียว แต่สมาชิกวงผั่งหวงกับพี่สาวนายังไม่มา ส่วนนักร้องร้านเหล้าร้านอื่นที่มาก็ไม่นับว่ามากนัก
หลังจากลู่เฉินวางกีตาร์ของตัวเองเอาไว้ ก็ขึ้นมาโซนวีไอพีตรงชั้นสองกับหลี่เฟยอวี่