Perfect Superstar – ตอนที่ 33 การยั่วโมโหจากหนุ่มเมโทร

สิ่งที่เรียกว่าโซนวีไอพีนั้น ความจริงก็แค่เป็นระเบียงโล่งด้านนอกตรงชั้นบนกับชั้นล่างของร้านเท่านั้น ตั้งโต๊ะที่กางร่มกันแดดไว้แถวละสิบตัว สามารถมองจากที่สูงลงมาดูได้ทั่วทั้งลานจอดรถ ตำแหน่งของทัศนวิสัยนั้นดีเยี่ยมที่สุดแน่นอน

 

เทียบกับฝูงชนที่เขย่งเท้าเบียดกันดูการแสดงแล้ว นั่งอยู่ตรงนี้ก็รู้สึกสบายกว่ามากจริงๆ

 

โต๊ะวีไอพีที่ฝั่งบลูโลตัสมอบให้ลู่เฉินนั้นเยี่ยมมาก เป็นโต๊ะ5ที่อยู่เกือบกลางๆ เพียงแต่เด็กเสิร์ฟที่พาเขาขึ้นมาบอกว่าเพราะมีลูกค้ามากเกินไป ดังนั้นจึงต้องร่วมโต๊ะกับคนอื่นไม่อาจดูคนเดียวได้

 

แต่ไม่ว่าจะเป็นลู่เฉินหรือหลี่เฟยอวี่ ต่างก็ไม่มีความเห็นอะไรเรื่องนี้

 

หลังเด็กเสิร์ฟจากไป หลี่เฟยอวี่ก็หย่อนก้นลงนั่งที่ของตัวเอง สองมือจับพนักเก้าอี้นุ่มออกแรงบิดตัว จากนั้นก็ยกน้ำเปเปอร์มิ้นท์แช่เย็นที่เพิ่งได้รับมาดื่มไปอึกหนึ่งอย่างสบายอารมณ์

 

เขาหรี่ดวงตา มองดูเวทีที่สต๊าฟกำลังรีบร้อนจัดเตรียมอยู่ด้านล่างนั้น เผยให้เห็นสีหน้าสดชื๊นสดชื่น!

 

ลู่เฉินเปิดกล่องที่นำมาด้วย หยิบเอาของอย่างขาตั้งกล้องและคอมพิวเตอร์ออกมาจากด้านใน

 

“ให้ฉันทำเหอะ!”

 

หลี่เฟยอวี่สดชื่นพอแล้ว จึงวางแก้วเปล่าไว้บนโต๊ะ แล้วเด้งตัวขึ้นมาในทันที

 

งานเตรียมไลฟ์กลางแจ้งนั้นง่ายมาก แค่ติดตั้งกล้องเว็บแคม ไมค์รวมทั้งอุปกรณ์กรองเสียงใส่เข้าไปในโน๊ตบุ๊ค ก่อนอื่นก็ตั้งขาตั้งกล้องก่อน ค่อยปรับองศาแล้วลองถ่ายดูก็โอเคแล้ว

 

ไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถเฉพาะทางอะไร เปิดคอมแล้วเชื่อมต่อกับ Free-Wifi ของร้าน เพียงสั้นๆไม่กี่นาทีก็ล็อกอินเข้าไปในห้องไลฟ์ของ【วาฬTV】ได้อย่างราบรื่นแล้ว

 

“ต้งเยาต้งเยา ฉันคือต้งไกว่ ได้ยินแล้วตอบด้วย!”

 

หลี่เฟยอวี่เลียนน้ำเสียงของตัวเอกในละครทหาร แล้วตะโกนใส่ไมค์อย่างขึงขังว่า “ได้ยินแล้วตอบด้วย!”

 

เขาตะโกนสามรอบในอึดใจ ในที่สุดบนหน้าจอก็มีคนตอบมา

 

“ได้ยินแล้วว้อย ไอ้หมู!”

 

“สวรรค์ ใครวะเนี่ย? เสียงโคตรระคายหูเลย”

 

“ฉันกลัวเสียงผีสาง!”

 

“อี๋? ทำไมเริ่มไลฟ์ตอนนี้แล้วล่ะ ไม่ใช่ว่างานค่ำคืนดนตรีเริ่มไลฟ์ตอนทุ่มหนึ่งหรือเปล่า?”

 

“ดูเหมือนจะเทสเสียงกันอยู่มั้ง ฉันเห็นเวทีแล้วล่ะ งานใหญ่ขนาดนี้เชียว!”

 

“ลู่เฟยต้าต้าล่ะ? พิธีกรไปไหนซะละ?”

 

“ใช่ใช่…”

 

หลี่เฟยอวี่หัวเราะฮาฮา หมุนกล้องเว็บแคมเล็งมาทางลู่เฉิน

 

“ตรึมตรึมตรึมตรึม~พิธีกรคนสำคัญของทุกคน ลู่เฟยต้าต้าของพวกเรามาแล้ว ทุกคนมาต้อนรับโหน่ยริ้ว!”

 

ลู่เฉินหัวเราะเหอะๆ หันไปโบกไม้โบกมือกับกล้องเว็บแคมแล้วพูดว่า “สวัสดีทุกคน ผมลู่เฟย ตอนนี้กำลังลองเทสอุปกรณ์กันอยู่ครับ เวลาไลฟ์ยังคงเป็นเวลาทุ่มหนึ่ง จำไว้อย่าพลาดเชียวล่ะ!”

 

จำนวนปลาป่นที่ติดตามห้องไลฟ์ลู่เฟยนั้นเกินหนึ่งแสนสองหมื่นแล้ว คนออนไลน์ยังมีไม่เท่าไหร่ แต่หลังจากเห็นลู่เฉิน ทุกคนก็คึกคักกันทันที กระสุนข้อความหลายแถวสาดออกมาอย่างรวดเร็ว

 

นอกจากทักทายแล้ว สิ่งที่ทุกคนสนใจที่สุดยังคงเป็นสถานการณ์ในการไลฟ์ครั้งนี้

 

ลู่เฉินตอบคำถามพวกเขาอย่างอดทน แล้วบอกว่าตนเองจะขึ้นเวทีแสดงแน่นอน ส่วนจะร้องเพลงอะไร ตอนนี้ของอุบไว้ก่อนชั่วคราว แน่นอนว่าทำให้ทุกคนตื่นเต้นยินดีในทันที

 

“รออย่างใจจดใจจ่อเลยล่ะ จะเป็นเพลงใหม่หรือเปล่า?”

 

“ความจริงฉันยังอยากฟังเธอที่นั่งข้างฉันอยู่นะ ฟังร้อยรอบก็ไม่เบื่ออะ!”

 

“ซินเดอเรลล่า! ซินเดอเรลล่า! ซินเดอเรลล่า! ซินเดอเรลล่า! ซินเดอเรลล่า! ซินเดอเรลล่า!”

 

“เลิกฟลัดน่าอายสักที ลู่เฟยต้าต้าสู้ๆนะ!”

 

“อะไรก็ไม่ต้องพูดแล้ว คืนนี้ฉันจะยกเลิกนัดกับแฟนฉัน เตรียมรอดูนายพลลู่ขึ้นเวทีเท่านั้น!”

 

“แฟนของนายไม่ใช่น้องนางทั้งห้าหรือไง? ก็พามาด้วยไม่ใช่”

 

“ฮะฮะฮะ!”

 

เริ่มนอกเรื่องแล้วนะo(︶︿︶)oเฮ้อ!

 

คุยเล่นกันไม่กี่นาที ก็เห็นว่าใกล้ต้องเตรียมตัวแล้ว ลู่เฉินจึงกล่าวอำลากับเหล่าปลาป่น นัดกันว่าไว้ค่อยเจอกันอีกทีตอนหนึ่งทุ่ม

 

“พี่หลี่ พวกเราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ!”

 

ลู่เฉินเห็นว่าห้าโมงนิดๆแล้ว จึงพับคอมปิดแล้วกล่าวว่า “เดี๋ยวฉันจะพานายไปกินข้าวเนื้อสันตุ๋นแถวถนนคนเดินเอง รับรองอร่อยเหาะ!”

 

หลี่เฟยอวี่ได้ยินแล้วน้ำลายสอ พลางลูบท้องแล้วเอ่ยว่า “หิวหน่อยๆแล้วละ อย่างนั้นพวกเราไปกันเหอะ แล้วคอมล่ะจะทำยังไง?”

 

ลู่เฉินพูดอย่างไม่สนใจว่า “วางไว้ตรงนี้นั่นล่ะ คงไม่มีใครขโมยไปหรอก ข้างในก็ไม่มีข้อมูลสำคัญอะไรด้วยนี่?”

 

โน๊ตบุ๊คเป็นของหลี่เฟยอวี่ และใช้มาหลายปีแล้ว ถึงยกให้พวกที่จะมานั่งโต๊ะวีไอพีเหล่านี้เปล่าๆ บางทีอีกฝ่ายอาจจะระแวงด้วยซ้ำ ส่วนพวกไมค์และกล้องเว็บแคมอะไรพวกนี้ก็ยิ่งไม่ต้องให้พูดถึงเลย

 

หลี่เฟยอวี่หัวเราะแฮะๆ “ข้อมูลสำคัญก็มีอยู่ไม่น้อยนะ เป็นเอกสารขนาด500GBเลยแน่ะ หากหายไปก็นับเป็นความเสียหายอย่างใหญ่หลวง!”

 

ลู่เฉินอับจนถ้อยคำ รีบลากไอ้อัปลักษณ์นี่ออกจากร้านไป

 

กินข้าวเนื้อสันตุ๋นหอมๆเสร็จ พอกลับมาที่บลูโลตัสอีกครั้ง ก็เกือบจะหกโมงเย็นแล้ว

 

ตอนนี้ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง หลอดไฟก็สว่างขึ้นมา แต่จำนวนยังมีไม่มากนัก

 

ด้านในพื้นที่จัดงาน ล้อมรอบไปด้วยผู้ชมอย่างน้อยมากกว่าพันคน พวกเขานั่งอยู่เก้าอี้พลาสติกขนาดเล็กที่ร้านจัดมาให้ ส่วนมากเป็นคู่รักที่มากันเป็นคู่ๆ เฝ้าคลอเคลียกระซิบกันซาบกัน แทบทำให้เหล่าหมาโสดตาบอดไป

 

หน้าจอใหญ่ตรงเวทีกำลังฉายMV เสียงถูกปรับจนเบามาก สต๊าฟยังคงทำงานยุ่งอยู่ไม่น้อย

 

ด้านในร้าน วงดนตรีและนักร้องที่เข้าร่วมงานมากันไม่น้อยแล้ว บ้างก็กำลังพูดคุย บ้างก็ทักทาย บ้างก็ดื่มเหล้ากันอยู่

 

ลู่เฉินมองหาที่นั่งตัวเอง วงผั่งหวงกับพี่สาวนายังไม่โผล่มา

 

กลับเป็นบนโต๊ะที่เพิ่มกระดาษมาแผ่นหนึ่ง เห็นหัวข้อพิมพ์ด้วยตัวหนาสีดำน่าจะเป็นตารางการแสดงที่จัดไว้ในคืนนี้

 

เขาเองก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน เลยพูดกับหลี่เฟยอวี่ว่า “พี่หลี่ นายไปก่อนเถอะ อยากดื่มอะไรก็สั่งอันนั้น ทั้งหมดลงบิลที่ฉัน ไลฟ์คืนนี้ต้องพึ่งนายแล้ว!”

 

“วางใจได้!”

 

หลี่เฟยอวี่ตบหน้าอกพูดว่า “ถ้าหากของขวัญได้ไม่ถึง5T พี่น้องจะหิ้วหัวมาพบ!”

 

ลู่เฉินหัวเราะไม่ได้ร่ำไห้ไม่ออก รีบไล่เจ้าคนชอบแสดงตลกคนนี้ไป

 

เขานั่งลงประจำที่ของตัวเอง ยื่นมือไปหยิบตารางการแสดงใบนั้นที่วางเอาไว้บนโต๊ะ

 

การแสดงของงานค่ำคืนดนตรีบลูโลตัสนั้น นอกจากจะส่งนักร้องสังกัดร้านเหล้าแล้ว ยังเชิญคนในวงการมาเข้าร่วมด้วย

 

การแสดงในครั้งนี้ไม่มีการเตรียมตัวล่วงหน้า เป็นการอ้างอิงตามจำนวนนักร้องและวงดนตรีมาจัดตารางการแสดง และงานนี้ก็ไม่มีการจูนเสียงอีกด้วย นักร้องไม่อาจลิปซิ้งก์ได้ ต้องใช้ความสามารถของตนเองมาเอาชนะใจผู้ชมล้วนๆเลย

 

เนื่องจากชางเว่ยตัดสินใจทุ่มทุน อีกทั้งเขายังมีเส้นสายกว้างขวาง ด้วยเหตุนี้ชื่อเสียงของงานค่ำคืนดนตรีบลูโลตัสจึงยิ่งมายิ่งโด่งดัง กระทั่งยังสามารถเชิญนักร้องดังมาเข้าร่วมด้วยได้อีกต่างหาก การจัดงานทุกๆครั้งนั้นจึงมีคนดังในแวดวงมาสังเกตการณ์ด้วยไม่น้อย ในจำนวนนั้นย่อมไม่ขาดแคลนกรรมการระดับสูงของบริษัทสื่อบันเทิงไปแน่ๆ

 

ดังนั้นลำดับการขึ้นเวทีแสดงจึงค่อนข้างสำคัญ ลู่เฉินจึงอยากดูว่าตัวเองจะได้ขึ้นเวทีเป็นลำดับที่เท่าไหร่

 

เขาเพิ่งหยิบตารางการแสดง ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มสี่ห้าคนเดินเข้ามา

 

คนที่นำมาข้างหน้าเป็นหนุ่มน้อยอายุประมาร 20 ปีคนหนึ่ง สูงประมาณ 160 เซ็นติเมตร เขาตัดทรงผมแบบเนี๊ยบๆที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนั้น ผิวขาวหน้าตาหล่อเหลา แถมหูซ้ายยังห้อยตุ้มหูเพชรด้วย แววตาดูเลวร้ายจมูกเองก็เชิดขึ้นฟ้า

 

ตอนที่หนุ่มเมโทร*คนนี้เดินมา ส้นเท้าคล้ายกับติดสปริง จะโดดจะเด้งอยู่นั่นล่ะ จากนั้นแผ่นโลหะที่ติดเอาไว้บนเสื้อแจ๊กเก็ตก็ส่งเสียงดังกรุ้งกริ้ง โซ่เงินเส้นหนาเส้นหนึ่งนั้นห้อยไว้ตั้งแต่ช่วงเอวจนถึงปลายขากางเกง

*(Metrosexual ประมาณว่าหนุ่มชาวกรุงอ้ะ)

 

เขาหยุดอยู่ตรงหน้าลู่เฉิน ปากเคี้ยวหมากฝรั่งไม่หยุด กล่าวถามว่า “นายเป็นคนของเดย์ลิลลี่?”

 

ลู่เฉินไม่ชอบอีกฝ่ายที่ไร้มารยาทพูดฉอดๆเอาเองแบบนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้ลุกขึ้น เพียงพยักหน้าตอบรับเรียบๆ

 

“ชื่อลู่เฉินใช่ไหม?”

 

หนุ่มเมโทรเผยให้เห็นรอยยิ้มถากถาง พูดว่า “ได้ยินว่านายเล่นกีตาร์ได้ไม่เลว แถมคนยังหยิ่งด้วย ตอนนี้ดูท่าว่าจะจริงแฮะ รู้จักพวกพี่หรือเปล่า?”

 

ลู่เฉินลุกขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อย พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “รู้จักแล้วยังไง ไม่รู้จักแล้วยังไง?”

 

ลู่เฉินไม่ชอบหาเรื่อง แต่ไม่ใช่จะกลัวเกิดเรื่อง

 

แม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมายั่วโมโหเขาทำไม แต่คิดว่าเขาจะอดทนไม่ตอบโต้ อย่างนั้นก็ตลกแล้ว!

 

หนุ่มเมโทรตกใจทันที ผงะไปข้างหลังสองก้าวโดยสัญชาตญาณ

 

ลู่เฉินมีความสูงเกิน 180 เซ็นติเมตร ด้วยความสูงขนาดนี้ย่อมเป็นฝ่ายได้เปรียบ ยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้เขายังฝึกฝนร่างกายอย่างไม่ย่อท้อ แม้ว่าจะยังไม่ถึงขนาดมีกล้ามเป็นมัดๆ แต่ก็มีเรี่ยวแรงและพละกำลังพอสมควรทีเดียว

 

หากทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันจริงๆ ลู่เฉินย่อมสามารถบดขยี้อีกฝ่ายได้แน่ๆ!

 

เมื่อตระหนักได้ถึงสีหน้าคล้ายยิ้มไม่เชิงยิ้มของลู่เฉิน หนุ่มเมโทรที่เผลอปล่อยไก่ของตัวเองออกมาก็อับอายเป็นอย่างมาก พูดเอะอะว่า “ทำไม? นายอยากมีเรื่องเหรอ?”

 

พวกที่ตามเขาต่างเลยสีหน้าไม่ดีออกมา

 

ลู่เฉินยิ้มอย่างสงบ พูดว่า “มีเรื่อง? ถ้าอยู่ข้างนอก ผมคงน้อมสนองทันที แต่ที่นี่ไม่ได้!”

 

ที่นี่เป็นบาร์บลูโลตัส เป็นถิ่นของเถ้าแก่ใหญ่ชางเว่ย

 

ใครจะกล้าลงมือที่นี่วะ?

 

“นับว่านายรู้สำนึก!”

 

รอบข้างมีคนไม่น้อยสนใจความเคลื่อนไหวทางด้านนี้จึงเดินเข้ามาดู หนุ่มเมโทรไม่กล้าที่จะเอะอะต่อไป จึงคำรามด้วยความสีหน้าเคร่งเครียดจิตใจอ่อนแอว่า “พวกเราไป ต้องมีสักวันที่นายจะเสียใจ!”

*(บทพูดกีกี้ก็มา…)

 

เขาพาเพื่อนๆจากไป แต่เดินไปไม่กี่ก้าวก็หันหน้ากลับมา แล้วทำท่าปาดคอใส่ลู่เฉิน!

 

ไอ้เด็กเปรตนี่!

 

ลู่เฉินโมโหจนหัวเราะ เด็กร้านไหนวะ?

 

Perfect Superstar

Perfect Superstar

Perfect Superstar
Status: Ongoing
อ่านนิยายPerfect Superstarลู่เฉิน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาวัย 22 ปี จำต้องหยุดเรียนออกมาทำงานหาเงินในเมืองหลวง เพื่อช่วยครอบครัวปลดหนี้จำนวนมหาศาล วันหนึ่งเขาฝัน...เป็นความฝันที่ยาวนานมาก โลกแห่งความฝันทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้า ตัวละครแสดงต่างก็มีสีสันที่ไม่เหมือนกัน นักร้อง นักแสดง นักเขียนอิสระ เขามีประสบการณ์กับช่วงชีวิตที่ต่างกันทั้งสามนี้ในโลกความฝัน เมื่อตื่นขึ้น ลู่เฉินมุ่งหน้าสู่ความฝันของตัวเองพร้อมกับทักษะที่ได้รับมา เป้าหมายคือกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่สมบูรณ์แบบ!!!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset