ตอนที่ 351 วันสุดแสนพิเศษ
เมืองฮู่ไห่ เหมยข่าตี้เซ็นเตอร์
เหมยข่าตี้เซ็นเตอร์อันลือชื่อตั้งอยู่ในเขตผู่ตงใหม่ ภาพลักษณ์ภายนอกเหมือนฝาหอยเชลล์สีเงิน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชมทิวทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำหวงผู่ที่สวยงาม
พื้นที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก อย่างมากจุผู้ชมได้ 1,500 คน แต่ด้านในตกแต่งอย่างทันสมัย โคมไฟ ฉากหลัง และเครื่องเสียงรอบทิศทางในฮอลล์ ไม่มีชิ้นไหนที่ไม่เป็นอุปกรณ์รุ่นใหม่ล่าสุด
สิ่งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือเวทีสีเงินยวงรูปตัวทีภายในฮอลล์ บนพื้นถูกจัดวางด้วยคริสตัลสวารอฟสกีมากกว่าล้านเม็ด ล้อแสงไฟเป็นประกายระยิบระยับ
ดังนั้นการโปรโมตผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ใหญ่ การแสดงของดารา กิจกรรมเดินแบบมากมายล้วนเลือกจัดขึ้นที่นี่ เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือเอฟเฟกต์ของเวทีนี้
เวลาหนึ่งทุ่มเพิ่งผ่านพ้นไป ในเหมยข่าตี้เซ็นเตอร์ทั้งห้าพันที่นั่งแทบไม่เหลือที่ว่าง ภายในฮอลล์คึกคัก ในมือของผู้ชมหนุ่มสาววัยรุ่นหลายคนถือแท่งไฟสีแดง และยังมีป้ายไฟด้วย
ทั้งเหมยข่าตี้เซ็นเตอร์กลายเป็นทะเลสีแดง
คืนนี้กิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นงานแฟนมีตติ้งที่เมืองฮู่ไห่ของเฉินเฟยเอ๋อร์ ผู้ชมทั้งหมดล้วนเป็นแฟนคลับของเธอ และสีแดงกุหลาบก็คือสีประจำตัวของเฉินเฟยเอ๋อร์!
“เฉินเฟยเอ๋อร์!” “เฉินเฟยเอ๋อร์!”
ถึงแม้ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนที่งานแฟนมีตติ้งจะเริ่มต้นขึ้น แต่แฟนคลับหลายคนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว แหกปากตะโกนเรียกชื่อเธอ ทำให้คนอื่นๆ ตะโกนตามไปพร้อมกัน
คลื่นเสียงสะท้อนไปมาทั่วทั้งฮอลล์ ดังเข้าไปถึงห้องแต่งตัวของเฉินเฟยเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังเวที
ช่างแต่งหน้าเพิ่งจะแต่งหน้าให้เฉินเฟยเอ๋อร์เสร็จ
ปกติเธอไม่ชอบแต่งหน้าจัด แต่การแต่งหน้าอ่อนเป็นธรรมชาติก็ต้องพิถีพิถัน การจะแต่งหน้าออกมาให้ขึ้นกล้อง ต้องใช้เวลามากอยู่เหมือนกัน
ส่องกระจกมองซ้ายมองขวา เฉินเฟยเอ๋อร์พอใจมาก
ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่ดังมาจากข้างนอก เธอไม่ได้ตื่นเต้นหรือได้ใจ กลับแอบทอดถอนใจเบาๆ
วันนี้เป็นวันแสนพิเศษ วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบยี่สิบเก้าปีของเธอ
ตอนเช้าเธอโทรศัพท์หาลู่เฉิน ไม่ได้บอกอะไรแก่เขา ลู่เฉินน่าจะลืมไปแล้ว เธอไม่ได้ยินคำว่า ‘แฮปปี้เบิร์ธเดย์’ เลย
ทำให้วันนี้เฉินเฟยเอ๋อร์อารมณ์ไม่สู้ดีนัก
ความรักของเธอกับลู่เฉินสร้างความกดดันให้เธออยู่ไม่น้อย ปัญหาหลักคือเรื่องอายุ
แม้จะบอกว่าความรักต่างวัยแบบพี่สาวน้องชายเป็นเรื่องปกติ เหล่าแฟนคลับต่างร่วมยินดีกับความรักของทั้งสองคน แต่ในวงการบันเทิงมักเกิดข่าวซุบซิบมากมาย ยังมีข่าวลือว่าพวกเขาจะคบกันได้ไม่นาน
เฉินเฟยเอ๋อร์มั่นใจในตัวลู่เฉินมาก เพียงแต่เมื่อความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก้าวข้ามด่านสุดท้ายไปแล้ว กลับทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวไม่มั่นคง…เพราะคนเราเมื่อได้สิ่งที่ต้องการมาอยู่ในมือแล้วมักจะไม่ค่อยทะนุถนอมนัก
ดังนั้นเฉินเฟยเอ๋อร์จึงหวังว่าลู่เฉินจะดีกับเธอมากกว่านี้ โดยเฉพาะวันนี้ แต่เธอไม่อยากบอกลู่เฉินตรงๆ ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ ความลังเลสับสนแบบนี้มีแต่ผู้หญิงที่เข้าใจ
“เฉินเฟยเอ๋อร์!” “เฉินเฟยเอ๋อร์!”
เสียงตะโกนเรียกดังขึ้นอีกครั้ง เหล่าแฟนคลับที่กำลังฮึกเหิมคึกคักราวกับอดทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว
“เตรียมตัวให้ฉันขึ้นเวทีเถอะ!”
เฉินเฟยเอ๋อร์หันไปสั่งผู้ช่วย ก่อนจะยืนขึ้นแล้วเดินไปสู่ประตูทางออก
ด้วยประสบการณ์ทางการแสดงอันโชกโชนของเธอ อีกทั้งเคยจัดงานแฟนมีตติ้งมาแล้วหลายครั้ง เธอรู้ว่าเมื่ออารมณ์ของแฟนคลับถูกจุดประกายขึ้นมาแล้ว ปล่อยเอาไว้นานเกินไปจะเกิดปัญหา ดังนั้นจึงตัดสินใจขึ้นเวทีก่อนเวลา
งานแฟนมีตติ้งไม่ใช่งานคอนเสิร์ต การจัดการด้านเวลามีความยืดหยุ่นมากกว่า
เธอรีบเข้าสู่โหมดทำงานทันที เก็บซ่อนความอึดอัดในใจเอาไว้มิดชิด ออกไปพบกับแฟนคลับในฮู่ไห่ด้วยอารมณ์ที่ดีที่สุด
ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน เฉินเฟยเอ๋อร์จากเมืองปักกิ่งมาเพื่องานทัวร์โปรโมตทั่วประเทศ ใช้กำลังทั้งหมดไปกับการโปรโมตอัลบั้มใหม่ จนถึงวันนี้วันที่ 29 เมษายนเป็นอันสิ้นสุด ก่อนหน้านี้เธอไปมาแล้วหกเมือง ได้แก่ ไห่จิน จินหลิง ซาเฉิง เซินไห่ กว่างโจว และหังโจว
เมืองฮู่ไห่เป็นแห่งที่เจ็ด และเป็นเมืองสุดท้าย
เมืองฮู่ไห่มีประชากรมากกว่าเมืองหลวง เป็นเมืองใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศ มีศักยภาพทางการตลาดสูง เฉินเฟยเอ๋อร์มีแฟนคลับมากมายอยู่ในเมืองนี้ ดังนั้นงานแฟนมีตติ้งจึงต้องจัดให้ยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ
เงินทุนที่จัดงานในคืนนี้มากกว่าหนึ่งล้านหยวน เชิญบริษัทออร์แกไนเซอร์มืออาชีพมาจัดงาน แฟนคลับที่มาร่วมงานล้วนผ่านการคัดเลือกจากระบบคอมพิวเตอร์ ไม่เพียงแต่ค่าเข้างานฟรี ยังมีการจับฉลากรางวัลด้วย
“ต่อไปขอเชิญทุกท่านพบกับนางเอกของค่ำคืนนี้ คุณเฉินเฟยเอ๋อร์!”
หลังจากเสียงของพิธีกรดังขึ้น เสียงดนตรีเปลี่ยนเป็นจังหวะตื่นเต้นเร้าใจ เสียงกลองรัวกระทบหัวใจ แสงไฟทั้งฮอลล์ถูกดับลง มีเพียงแสงวิบวับเหมือนดวงดาวจากเวทีรูปตัวที
ลำแสงสปอตไลต์สาดลงมาตกกระทบร่างของเฉินเฟยเอ๋อร์ที่สวมใส่ชุดสวยงามเดินขึ้นมาบนเวที พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
บรรยากาศภายในเหมยข่าตี้เซ็นเตอร์พุ่งสู่จุดสูงสุดทันที แฟนคลับร้องตะโกนเรียกชื่อเธออย่างบ้าคลั่ง!
แท่งไฟระยิบระยับถูกชูสูงขึ้น โบกไปมาซ้ายขวาดูเหมือนคลื่นในท้องทะเล
เมื่อแสงไฟสว่าง เฉินเฟยเอ๋อร์กอดกับพิธีกรอย่างอบอุ่น “ขอบคุณมาก เถียนเถียน!”
พิธีกรคนนี้คือเพื่อนสนิทในวงการของเฉินเฟยเอ๋อร์ เถียนเถียน ตอนแรกเธอต้องไปเป็นพิธีกรให้เฉินเฟยเอ๋อร์ในงานแฟนมีตติ้งที่เมืองหังโจว แต่โชคร้ายที่ทางสถานีโทรทัศน์ของเธอมอบหมายงานนอกสถานที่ให้เธอ เธอจึงเลื่อนมาเป็นพิธีกรในงานที่เมืองฮู่ไห่แทน
“สวัสดีค่ะทุกคน เพื่อนๆ ชาวฮู่ไห่สวัสดีค่ะ!”
ผละจากเถียนเถียนแล้ว เฉินเฟยเอ๋อร์กล่าวทักทายแฟนคลับ “ดีใจมากที่ได้มาพบกับพวกคุณในวันนี้!”
ตอนนี้เสียงผู้ชมกรีดร้องอย่างยินดี ราวกับจะทำให้เพดานของเหมยข่าตี้เซ็นเตอร์พังลงมา!
สำหรับเหตุการณ์เช่นนี้ เฉินเฟยเอ๋อร์ควบคุมตัวเองได้ดี เธอพูดคุยกับแฟนคลับถึงอัลบั้มใหม่ของเธอ พูดถึงความยากลำบากในการจัดทำ พร้อมกับเล่าเรื่องตลกไปด้วย
รอจนอารมณ์ของแฟนคลับสงบลง เธอถึงจะเริ่มร้องเพลง
งานแฟนมีตติ้งกับงานคอนเสิร์ตไม่เหมือนกัน ไม่ต้องร้องเพลงมากมาย แต่ต้องทำให้ผู้ชมพอใจได้อย่างที่พวกเขาคาดหวัง เฉินเฟยเอ๋อร์เลือกเพลงของตัวเองเพลงหนึ่งขึ้นมาร้อง เป็นเพลงจากอัลบั้ม ‘บุปผานารี’ ซึ่งเป็นอัลบั้มใหม่ของเธอ
เพลงนี้มีชื่อว่า… ‘สวัสดีวันพรุ่งนี้’
“มองดูวันวานของพวกเราที่จากมานานแล้ว
รอคอยอยู่กลางลานแห่งชีวิต
บ่าอันเลือนราง
ยิ่งวิ่งตามยิ่งไกลออกไป
คนที่เคยอยู่เคียงข้าง
หลังจากชนแก้วแล้วก็จากไป
เพียงแต่ค่ำคืนนั้น
ฉันยังคงกักเก็บไว้ในส่วนลึกของหัวใจ
หลังจากเติบโตฉันได้แต่วิ่งทะยานไป
ฉันกลัวว่าจะหกล้มในที่มืด
สวัสดีวันพรุ่งนี้ มีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา
ยิ่งสวยงามยิ่งกลัวว่าจะได้มา!
ทุกครั้งที่ร้องไห้
จะยิ้มและออกวิ่งไปอีกครั้ง
ทางหนึ่งหล่นหายอีกทางหนึ่งตามหา
สวัสดีวันพรุ่งนี้ เสียงช่างเบาบาง
แต่กลับเตือนฉันว่า
ความกล้าหาญคืออะไร!
…”
เพลง ‘สวัสดีวันพรุ่งนี้’ เป็นเพลงที่เฉินเฟยเอ๋อร์ร้องให้แฟนคลับในที่นี้ และร้องให้ตัวเองฟัง
ในวันครบรอบวันเกิดอายุครบยี่สิบเก้าปีของเธอ
……………………………………………………
หมายเหตุ: เพลง ‘สวัสดีวันพรุ่งนี้’ (明天你好) เนื้อร้อง: หวังไห่เทา (王海涛) / ทำนอง: หนิวหน่ายคาเฟย (牛奶咖啡)