ตอนที่ 381 เยวี่ยต้งมีเดีย
วันที่ 18 มิถุนายน ตามปฏิทินจันทรคติคือวันที่ 14 เดือน 5 วันเสาร์ ชงกับฉลู (ปีฉลูธาตุไม้) ทิศตะวันตกอัปมงคล
เหมาะสม ‘แต่งงาน เซ่นไหว้ ขอพร ขอลูก เดินทาง’
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์รีบมาถึงเมืองหังโจว โดยนั่งรถไฟความเร็วสูงเที่ยวล่าสุด ใช้เวลาไป 1 ชั่วโมง 5 นาที
ต้องขอบคุณประเทศจีนที่มีระบบรถไฟความเร็วสูงที่เรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งของโลก ระยะห่างระหว่างสองเมืองไม่เคยใกล้กันเท่านี้มาก่อน เดินทางก็สะดวกรวดเร็ว หากเป็นเมื่อสิบกว่าปีก่อนคงยากที่จะจินตนาการได้
คนที่มารับที่สถานีรถไฟความเร็วสูงหังโจวก็คือเถียนเถียน
ครั้งนี้ทั้งสองคนเจียดเวลามาจากการถ่ายทำที่ตึงเครียดเพื่อมาที่หังโจว แน่นอนว่าไม่ได้มาเที่ยว
เรื่องแรกก็คือบริษัทมีเดียของเถียนเถียนได้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการ และในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งสอง ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์จึงมีเหตุผลที่ต้องมา พวกเขาต้องเซ็นเอกสารสำคัญสองสามฉบับ ปรึกษาและวางแผนการพัฒนาบริษัทในอนาคต เป็นต้น
การก่อตั้งบริษัท ‘เยวี่ยต้ง’ มีเดีย จำกัด มีต้นกำเนิดมาจากแนวคิดของลู่เฉิน เน้นผลิตและส่งเสริมรายการบันเทิงประเภทวาไรตี้เป็นหลัก และโปรเจกต์แรกก็คือ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ที่เสนอโดยลู่เฉิน
เรื่องที่สอง นั่นก็คือวันนี้เป็นวันมหามงคลเป็นวันแต่งงานของเกาเฮ่อและหวังเสี่ยวหลิงเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของลู่เฉิน เมื่อเดือนที่แล้วเกาเฮ่อได้โทรศัพท์มาหาลู่เฉินเพื่อเชิญเขามาร่วมงานแต่งงานของทั้งสองคน
ลู่เฉินกับเกาเฮ่อเป็นเพื่อนรักและเป็นรูมเมตกัน คำเชิญนี้เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ ต่อให้ยุ่งก็ต้องมา
“ไปบริษัทใหม่ของพวกเราก่อน…”
เถียนเถียนขับรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีแดงคันหนึ่ง พลางเอ่ยอย่างสดใสมีชีวิตชีวา “แล้วค่อยไปกินข้าวด้วยกัน”
คราวก่อนที่ลู่เฉินเจอเถียนเถียนคือเมื่อต้นเดือนที่แล้ว ตอนนั้นอดีตพิธีกรสถานีโทรทัศน์เจ้อตงคนนี้จิตใจหดหู่มาก หน้าที่การงานก็ไม่ราบรื่น เธอไปพักอยู่ที่บ้านในเมืองปักกิ่งของทั้งสองคนและมีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้หญิงติดบ้าน
จากนั้นห่างเพียงครึ่งเดือน เธอเหมือนกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน พูดคุยสนุกสนานแต่งหน้าทำผมใหม่ ดูเด็กและสวยมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีกลิ่นอายของความมั่นใจแผ่กระจายออกมา ยิ่งมีเสน่ห์มาก
สิ่งนี้ทำให้ลู่เฉินต้องแอบอุทานอย่างช่วยไม่ได้ ที่แท้การทำงานสามารถทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งสวยได้ขนาดนี้
บริษัทใหม่ของเถียนเถียนอยู่ใกล้กับสถานีโทรทัศน์เจ้อตง เป็นอาคารสำนักงานสูงสิบห้าชั้น พื้นที่ถึงแม้จะไม่ใหญ่มาก แต่ตกแต่งได้มีสไตล์ ตอนนี้มีพนักงานทั้งหมดสิบกว่าคน
ภายในบริษัทใหม่แห่งนี้ ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ได้ลงทุนคนละห้าล้านหยวน ถึงแม้ทุกคนจะสนิทกัน แต่เถียนเถียนก็ต้องคำนวณบัญชีอย่างชัดเจน และแจ้งพวกเขาให้ทราบว่าใช้เงินทุนไปอย่างไรบ้าง
ดังนั้นเธอจึงยืนกรานว่าต้องเชิญทั้งสองคนมา ‘เยี่ยม’ ที่หังโจวสักหน่อย
“ประธานเถียนสวัสดีค่ะ!”
เมื่อเห็นเถียนเถียนพาคนมาที่หน้าประตูบริษัท พนักงานหน้าเคาน์เตอร์จึงลุกขึ้นโค้งคำนับและทักทาย
จากนั้นก็อ้าปากค้างทันที “ว้าว!”
คนที่เธอเห็นคือลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์…ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ!
เถียนเถียนหัวเราะเหอะๆ เมื่อเข้าประตูไปแล้วจึงออกแรงปรบมือ แล้วเอ่ยเสียงดัง “ขอให้ทุกคนหยุดงานในมือก่อน ฉันจะแนะนำทุกคนให้รู้จักกรรมการบริษัททั้งสองคนของบริษัทเรา!”
พนักงานที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานเหล่านั้นทยอยลุกขึ้น คนที่อยู่ในออฟฟิศก็เดินมาแล้วเช่นกัน
เถียนเถียนยิ้มพรายแล้วเอ่ยว่า “นี่คือคุณลู่เฉิน นี่คือคุณเฉินเฟยเอ๋อร์ ฉันคิดว่าฐานะของพวกเขาฉันไม่จำเป็นต้องพูดแล้วนะ ทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้ว ขอให้พวกเราปรบมือต้อนรับกรรมการบริษัทสองดาราดังที่มาเยี่ยมบริษัทท่ามกลางตารางงานที่ยุ่งมากๆ ด้วยค่ะ!”
แปะๆๆ!
เสียงปรบมือคึกคักระเบิดออกมา พวกพนักงานของเยวี่ยต้งมีเดียต่างมีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ
พวกเขาคิดไม่ถึงว่า บริษัทใหม่ที่ตัวเองเพิ่งเข้ามาทำงาน จะมีกรรมการบริษัทระดับซูเปอร์สตาร์ถึงสองคน คนหนึ่งเป็นราชินีแห่งวงการเพลงที่มีชื่อเสียงมายาวนาน อีกคนหนึ่งเป็นศิลปินไอดอลหน้าใหม่ ไม่ว่าไปที่ไหนก็เป็นบุคคลที่สำคัญมาก
ที่นี่คือเมืองหังโจวไม่ใช่เมืองหลวง เถียนเถียนเป็นประธานกรรมการสาวสวยที่มีความสามารถเยอะมาก ชนิดที่ทำให้ทุกคนต้องเปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อเธอใหม่ และก็ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจกับอนาคตของบริษัท
ถ้าหากพูดว่าเดิมทีพนักงานใหม่เหล่านี้มีความเชื่อมั่นและซื่อสัตย์ต่อบริษัทใหม่แค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ละก็ เช่นนั้นตอนนี้ได้พุ่งขึ้นไปถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างรวดเร็ว ถึงขนาดเต็มจนล้น
หากใครกล้าพูดว่าเยวี่ยต้งมีเดียไม่รอด ทุกคนจะอัดเขาให้น่วมหัวฟูไปเลย!
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยและเอ่ยว่า “ขอบคุณ”
เถียนเถียนพูดต่อ “กรรมการทั้งสองคนจะไม่เข้ามาบริหารงานประจำวันของบริษัท ดังนั้นทุกคนแค่รู้ไว้ก็พอ ห้ามเอาไปพูดข้างนอก ห้ามโพสต์ลงโมเมนต์และในบล็อก เข้าใจแล้วใช่ไหม”
เยวี่ยต้งมีเดียเพิ่งจะก่อตั้ง โปรเจกต์แรกยังไม่ได้เริ่ม ดังนั้นจำเป็นมากที่ไม่ควรทำตัวเป็นจุดสนใจ อนาคตหากยืนในวงการได้อย่างมั่นคงแล้ว จะทำอะไรก็ได้
พวกพนักงานตอบพร้อมกับ “เข้าใจแล้วค่ะ/ครับ”
มีบางคนพูดเสริมหนึ่งประโยค “ถ้างั้นขอลายเซ็นจากทั้งสองคนได้ไหมคะ”
ทุกคนอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
พนักงานพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว และมีบางคนที่เพิ่งเรียนจบ ดังนั้นจึงมีความกล้ามากกว่า
เถียนเถียนยิ้มตอบ “ขอลายเซ็นไม่มีปัญหา พวกเธอไปทำงานก่อนนะ”
หลังจากแนะนำให้พนักงานรู้จักแล้ว เถียนเถียนก็พาลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ไปแนะนำให้รู้จักกับผู้ชายวัยสามสิบคนหนึ่งเป็นการส่วนตัว “รุ่นพี่ของฉันเซียวไห่เฉา แต่ก่อนเขียนสคริปต์รายการให้ช่องสองของสถานีโทรทัศน์หังโจว ตอนนี้ถูกฉันดึงมาทำงานด้วย”
ลู่เฉินยื่นมือไปหาอีกฝ่ายอย่างอัตโนมัติ “สวัสดีครับพี่เซียว!”
“สวัสดีๆ”
เซียวไห่เฉาทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย จับมือของลู่เฉินอย่างลนลาน “ผม…ผมรู้จักคุณ”
เฉินเฟยเอ๋อร์หลุดหัวเราะพรืดอย่างกลั้นไม่อยู่ รู้สึกว่ารุ่นพี่คนนี้ที่เถียนเถียนแนะนำให้รู้จักจะเป็นคนตลกเล็กน้อย
เซียวไห่เฉารูปร่างผอมสูงสวมแว่นตา ดูสุภาพมีมารยาท เห็นได้ชัดว่าเป็นคนซื่อๆ ไม่ถนัดสื่อสารกับใคร คาดว่าพอได้เห็นคนดังในวงการอย่างลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ จึงลนลานทำตัวไม่ถูก สื่อความหมายด้วยคำพูดไม่เก่ง
เถียนเถียนอดกลอกตาไม่ได้ แล้วพูดกับเฉินเฟยเอ๋อร์ว่า “รุ่นพี่ของฉันคนนี้เป็นนักเรียนเกียรตินิยมของมหาวิทยาลัยการสื่อสารมวลชนห่งประเทศจีน เรียนจบก็เข้ามาทำงานที่สถานีโทรทัศน์หังโจว ทำมาเจ็ดแปดปีแล้วก็ยังย่ำอยู่กับที่ เพราะพูดไม่เก่งประจบสอพลอไม่เป็น ผลงานที่ได้ถูกหัวหน้าแย่งไปหมด เขาไม่ได้อะไรเลย แม้แต่พนักงานประจำก็ยังไม่ได้เป็น!”
“ฉันทนดูไม่ไหวจริงๆ เลยดึงรุ่นพี่กับพี่สะใภ้มาทำงานที่บริษัทด้วยกัน ให้เขาเป็นผู้อำนวยการผลิต”
ลู่เฉินรู้สึกทึ่งในตัวของเซียวไห่เฉาเป็นอย่างมาก
นักศึกษาที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยการสื่อสารมวลชนแห่งประเทศจีนทำงานในสถานีโทรทัศน์หังโจวเจ็ดแปดปีก็ยังไม่ได้เป็นพนักงานประจำ ถ้าหากไม่ใช่เพราะไร้ความสามารถ เช่นนั้นก็ต้องเป็นคนซื่อที่ถูกรังแก เถียนเถียนไม่มีทางดึงรุ่นพี่ที่ไร้ความสามารถเข้ามาทำงานในบริษัทใหม่เด็ดขาด แถมยังให้เขารับตำแหน่งสำคัญเป็นผู้อำนวยการผลิต
เซียวไห่เฉาต้องมีความสามารถมากแน่นอน
สำหรับคำพูดเหน็บแนมของเถียนเถียน เซียวไห่เฉาได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่น
และแล้วก็เป็นท่าทางของคนถูกรังแกจริงๆ
เถียนเถียนพูดกับลู่เฉินอีกว่า “ฉันเล่าคอนเซ็ปต์ของเดอะวอยซ์ไชน่าให้รุ่นพี่ฟังแล้ว เขาทำแผนการผลิตรายการออกมาอย่างละเอียด ส่งไปลงทะเบียนลิขสิทธิ์กับจดสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องแล้ว ถ้าหากอนุมัติก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการผลิตได้เลย”
เมื่อพูดถึงเดอะวอยซ์ไชน่า เซียวไห่เฉามีสีหน้าสดใสขึ้นมาทันที เขาจ้องลู่เฉินพลางเอ่ยว่า “อาจารย์ลู่เฉิน เถียนเถียนบอกผมว่าคุณเป็นคนเสนอแนวคิดนี้ สุดยอดมากๆ ครับ ผมคิดว่าจะต้องดังมากแน่นอน!”
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ขอให้สมพรปากนะครับ ทุกคนมาสู้ด้วยกันนะครับ”
…………………………………………………………………………