Perfect Superstar – ตอนที่ 454 นางเอก

ตอนที่ 454 นางเอก

โจวอี้เป็นนักธุรกิจโดยแท้ เขาเกิดในครอบครัวชนชั้นกลาง ได้รับการสั่งสอนที่ดีมาตั้งแต่เด็ก หลังจากเรียนจบกลับมาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังต่างประเทศ เขาก็ทำงานเกี่ยวกับการค้าต่างประเทศก่อนเป็นอย่างแรก ธุรกิจก็ไปได้สวย

หลังจากเก็บเงินก้อนแรกในชีวิตได้แล้ว เขาก็ย้ายเข้าสู่อุตสาหกรรมการเงินอย่างรวดเร็ว ในปี 2002 ผ่านสภาวะตลาดหุ้นล้ม และในปี 2005 เมื่อตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มเติบโตขึ้น ทรัพย์สินก็สะสมเพิ่มขึ้นเป็นหลักร้อยล้านอย่างรวดเร็ว กลายเป็นนักลงทุนทางการเงินที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง

สิบปีผ่านไป โจวอี้สร้างกองทุนเงินลงทุนเป็นของตัวเอง ลงทุนในหน่วยงานธุรกิจและอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตหลายโครงการ และส่วนใหญ่ก็ทำกำไรมาก

ในฮ่องกง โจวอี้ไม่ใช่คนที่ร่ำรวยที่สุด และไม่นับว่าเป็นระดับแถวหน้า แต่เขาได้รับคำวิจารณ์ที่สูงมากในวงการธุรกิจ และขึ้นชื่อว่ามีสายตาที่แม่นยำและฝีมือที่ยอดเยี่ยม

จากคำพูดของเฉินเหวินเฉียง โจวอี้เป็นหุ้นส่วนที่น่าเชื่อถือ แต่ไม่เหมาะที่จะคบเป็นเพื่อน

เพราะเขามองเรื่องผลประโยชน์มาก่อน หากเสียหายถึงผลประโยชน์ของตัวเอง ถึงแม้จะเป็นเพื่อนเก่าเขาก็หักหน้าได้ ดังนั้นเจ้าของกิจการเจียหยางพิคเจอร์สผู้นี้จึงมีชื่อเสียงในวงในที่แย่ไปเกือบครึ่ง บางคนก็รู้สึกประทับใจ แต่ก็มีบางคนที่ไม่ชอบเขาเอามากๆ

ลู่เฉินเห็นโจวอี้ครั้งแรก ความรู้สึกแรกคืออีกฝ่ายไม่เหมือนนักธุรกิจที่เห็นแก่เงินเลย

เขาอายุสี่สิบกว่าปี รูปร่างสูง ดูสุภาพมีมารยาท สวมแว่นตากรอบดำอันหนึ่ง ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นนักวิชาการ ใบหน้าขาวไร้หนวดเคราแลดูอ่อนโยน นัยน์ตาเรียวยาวทั้งสองข้างฉายแววตาอมภูมิ

และคนที่นั่งอยู่ในออฟฟิศของลู่เฉิน นอกจากโจวอี้แล้ว ยังมีผู้ชายและผู้หญิงอีกอย่างละหนึ่งคน ผู้ชายน่าจะเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของโจวอี้ รูปร่างแข็งแรงกำยำ ฉายแววฉลาด ยืนอยู่มุมข้างๆ ไม่พูดสักคำ

ส่วนผู้หญิงคนนั้น ลู่เฉินจ้องมองเธอสามวินาที

ไม่ใช่ว่าลู่เฉินเป็นพวกลามก แต่ผู้หญิงคนนี้สวมกระโปรงยาว คิ้วตางดงามราวกับภาพวาด ดูสงบเสงี่ยมเรียบร้อยยากที่จะบรรยายด้วยคำพูดได้ เธอนั่งเงียบๆ อยู่บนโซฟา ราวกับเป็นภาพวาดสตรีรูปหนึ่งที่วางอยู่ตรงนั้น

“คุณโจว ให้คุณต้องรอนานเลยครับ…”

ลู่เฉินเดินเข้าไป และเป็นฝ่ายยื่นมือไปหาโจวอี้ก่อน “ขอโทษด้วยที่มาต้อนรับช้าครับ!”

โจวอี้เผยรอยยิ้มออกมา จับมือลู่เฉินอย่างแน่นแล้วตอบว่า “คุณลู่พูดเกินไปแล้วครับ ผมต่างหากที่มากะทันหัน”

โดยทั่วไปแล้ว การพบหน้าของทั้งสองคนน่าจะนัดเวลาล่วงหน้าให้เรียบร้อย โจวอี้กับคุณนายจินที่มาก่อนหน้านั้นมาอย่างกะทันหัน รู้สึกเหมือนถูกลอบโจมตีไม่ทันตั้งตัวเล็กน้อย

ลู่เฉินถามว่า “สองคนนี้คือ?”

โจวอี้ยิ้มเอ่ยว่า “ผมขอแนะนำก่อนครับ คนนี้เป็นน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของผม เนี่ยหมิงจู”

ผู้หญิงชุดกระโปรงขาวคนนั้นลุกขึ้นอย่างช้าๆ ยื่นมือไปทางลู่เฉินแล้วเอ่ยว่า “สวัสดีค่ะคุณลู่”

เสียงของเธอไพเราะมาก อ่อนหวานน่าฟัง และพูดภาษาจีนกลางได้ชัดมาก

มีสำเนียงเหมือนคนเจียงหนาน

“สวัสดีครับ”

ลู่เฉินจับมือเล็กของเธอ และรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “คุณเนี่ยเคยอยู่ที่ซูโจวเจ้อเจียงมาก่อนไหมครับ”

เนี่ยหมิงจูยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ฉันเกิดที่ฮ่องกงค่ะ แต่ตอนมัธยมกับมหาวิทยาลัยเคยอยู่ที่จินหลิง และเคยทำงานที่ซูหยางหนึ่งปี ถือว่าเป็นคนเจียงหนานครึ่งหนึ่งค่ะ”

เธอยิ้มมุมปากเล็กน้อยแฝงไปด้วยความขี้เล่นซุกซน ทำให้เธอดูมีชีวิตชีวาและสดใสด้วยเหตุนี้

ลู่เฉินแอบตกใจเล็กน้อย หากพูดถึงรูปร่างหน้าตา ผู้หญิงที่เขาเคยพบมาก่อน มีเพียงเฉินเฟยเอ๋อร์และฉินชิงที่พอเอามาเปรียบเทียบได้ เป็นศูนย์รวมความงดงามแห่งฟ้าดินโดยแท้

ลู่เฉินมั่นใจว่าครอบครัวของอีกฝ่ายต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ครอบครัวธรรมดาทั่วไปไม่อาจเลี้ยงดูสาวงามที่โดดเด่นเช่นนี้ได้

เมื่อเก็บความคิดเอาไว้ในใจแล้ว ลู่เฉินจึงเชิญคนทั้งสองนั่งลง แล้วให้หลีเจินยกน้ำชามาเสิร์ฟใหม่

บรรยากาศการเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นดีมาก โจวอี้ก็ไม่ได้อธิบายถึงจุดประสงค์ที่เขามาหาด้วยตัวเอง แต่พูดคุยเกี่ยวกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์โทรทัศน์ของฮ่องกงในตอนนี้ รวมทั้งปัญหาที่มีอยู่กับทิศทางการพัฒนาในอนาคต

เขาเน้นหนักไปที่นโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เพิ่งออกมาจากรัฐบาลฮ่องกง ซึ่งมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมทั้งหมด

เห็นได้ชัดว่าโจวอี้ไม่ใช่คนพูดคุยโวโอ้อวดหรือพูดเป็นต่อยหอย เขาพูดไม่มาก แต่ทุกคำล้วนตรงประเด็น ทัศนคติหลายอย่างทำให้ลู่เฉินรู้สึกถึงความแปลกใหม่

จากหัวข้อสนทนานี้ โจวอี้จึงพูดถึง ‘โปเยโปโลเย’ ภาพยนตร์ของลู่เฉิน เขาคิดว่าลู่เฉินเลือกมาเติบโตที่ฮ่องกงเป็นจังหวะที่ดีมาก และความสำเร็จหรือล้มเหลวของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็สำคัญมาก โดยเฉพาะด้านคุณภาพ ที่จะสะเพร่าไม่ได้เลยสักนิด

เนื่องจากข่าวที่ได้มาในตอนนี้ ภาพยนตร์ที่ผลิตจากฮ่องกง สามารถเข้าไปฉายในประเทศจีนได้โดยตรงผ่านทางช่องทางสีเขียวที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เบื้องต้นกำหนดที่ยี่สิบสี่เรื่องเท่านั้น ซึ่งเท่ากับสองเรื่องต่อหนึ่งเดือน

เมื่อเทียบกับปริมาณภาพยนตร์ที่ผลิตจากฮ่องกงในทุกปี ถือว่าน้อยมากแบ่งกันไม่พอดั่งพระเยอะขึ้นโจ๊กย่อมน้อยลงอย่างแท้จริง การแข่งขันจึงดุเดือดยากที่จะหาสิ่งใดมาเทียบได้ และการที่จะได้มาซึ่งโควตาก็ไม่สามารถอาศัยเพียงเส้นสายอย่างเดียวเท่านั้น ที่สำคัญมากกว่านั้นคือคุณภาพของภาพยนตร์

สินค้าหยาบคุณภาพต่ำ ต่อให้ผ่านอนุมัติออกฉายในท้องถิ่นได้ก็ยังขายหน้า รัฐบาลฮ่องกงไม่ยอมตกลงแน่นอน

ลู่เฉินก็เข้าใจอย่างลึกซึ้ง เขาพอเข้าใจเงื่อนไขนโยบายของทางนี้พอสมควร แต่ไม่ได้อินมากเหมือนโจวอี้

และในเวลานี้ เนี่ยหมิงจูที่รับบทผู้ฟังมาโดยตลอดก็เริ่มพูดแทรกเข้ามา แต่เธอกลับพูดถึงบทภาพยนตร์เรื่อง ‘โปเยโปโลเย’

สตูดิโอลู่เฉินได้ส่งบทภาพยนตร์ไปให้ทางเจียหยางพิคเจอร์สนานแล้ว ดังนั้นเนี่ยหมิงจูเห็นแล้วจึงเป็นเรื่องปกติ เห็นได้ชัดว่าเธอมีความสนใจเรื่องราวที่ดัดแปลงมาจาก ‘เรื่องประหลาดในห้องหนังสือ’ เป็นอย่างมาก จึงถามคำถามค่อนข้างเยอะ

ลู่เฉินตอบเธอทีละข้ออย่างอดทน

เขาเข้าใจเจตนาที่แท้จริงของโจวอี้แล้ว อีกฝ่ายไม่พูดตามตรง เพราะไม่อยากตกเป็นฝ่ายถูกกระทำเมื่อต้องเจรจากันหลังจากนี้ แต่อยากให้สิทธิ์ในการเลือกอยู่กับฝ่ายตน

สุดท้ายโจวอี้จึงกล่าวว่า “หมิงจูเรียนจบจากวิทยาลัยภาพยนตร์จินหลิง เรียนสาขาการแสดง เดิมทีเธออยากจะทำงานที่ประเทศจีนต่อ แต่ที่บ้านไม่วางใจ ดังนั้นจึงกลับฮ่องกง”

ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้

ลู่เฉินพยักหน้า แสดงให้เห็นว่าตัวเองเข้าใจแล้ว

การสนทนากับคนฉลาดไม่จำเป็นต้องพูดตรงนัก จากการสนทนาครั้งนี้ ถึงแม้จะไม่ได้พูดถึงเงื่อนไขใดๆ อันที่จริงการเจรจาของทั้งสองฝ่าย ก็ก้าวหน้าไปสู่ความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งแล้ว

ความคืบหน้าต่อจากนี้ก็พิสูจน์ในจุดนี้ด้วย จากนั้นอีกสองสามวัน สตูดิโอลู่เฉินกับเจียหยางพิคเจอร์สก็เริ่มเจรจารอบใหม่ สุดท้ายก็บรรลุข้อตกลงในวันที่เจ็ดที่ลู่เฉินมาถึงฮ่องกง

สำหรับข้อตกลงฉบับนี้ ทั้งสองฝ่ายพอใจเป็นอย่างมาก ลู่เฉินยืนหยัดและรักษาเส้นขีดจำกัดของตัวเองเอาไว้ได้ ฝ่ายเจียหยางพิคเจอร์สนอกจากการแบ่งปันผลประโยชน์บางส่วนแล้ว ก็ยังได้รับบทนางเอกกับปีศาจแม่เฒ่าซึ่งเป็นตัวประกอบสำคัญอีกบทหนึ่ง

ผู้ที่แสดงเป็นเนี่ยเสี่ยวเชี่ยน ก็คือเนี่ยหมิงจู

วันที่สองของการเซ็นสัญญาร่วมงานกับเจียหยางพิคเจอร์ส ลู่เฉินมอบงานที่เหลือให้แก่เฉินเหวินเฉียงกับวั่นเสี่ยวเฉวียนสองคนจัดการ ส่วนตัวเองพาจางเสี่ยวฟางบินไปที่เมืองฮู่ไห่ จากนั้นก็ต่อเครื่องไปที่เมืองอูเหมิง

…………………………………………………………………………

Perfect Superstar

Perfect Superstar

Perfect Superstar
Status: Ongoing
อ่านนิยายPerfect Superstarลู่เฉิน ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาวัย 22 ปี จำต้องหยุดเรียนออกมาทำงานหาเงินในเมืองหลวง เพื่อช่วยครอบครัวปลดหนี้จำนวนมหาศาล วันหนึ่งเขาฝัน...เป็นความฝันที่ยาวนานมาก โลกแห่งความฝันทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้า ตัวละครแสดงต่างก็มีสีสันที่ไม่เหมือนกัน นักร้อง นักแสดง นักเขียนอิสระ เขามีประสบการณ์กับช่วงชีวิตที่ต่างกันทั้งสามนี้ในโลกความฝัน เมื่อตื่นขึ้น ลู่เฉินมุ่งหน้าสู่ความฝันของตัวเองพร้อมกับทักษะที่ได้รับมา เป้าหมายคือกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่สมบูรณ์แบบ!!!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset