ตอนที่ 462 เข้าอกเข้าใจ
จำนวนแฟนคลับในบล็อกล่างฉาวของเฉินเฟยเอ๋อร์เกินยี่สิบล้านคนนานแล้ว ตอนนี้กำลังเฉียดเข้าใกล้สามสิบล้านคน และยังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดได้ผลประโยชน์มาจากความสำเร็จของการโปรโมตละครดังสองเรื่องและอัลบั้มใหม่
ตอนนี้ในวงการเพลงป็อปเรียกได้ว่าเธอโด่งดังเจริญรุ่งเรืองเหมือนดวงตะวันที่อยู่กลางท้องฟ้า พอเข้าสู่วงการภาพยนตร์โทรทัศน์ก็ราบรื่นทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุด มีแววว่าจะกลายเป็นราชินีดังทั้งเรื่องร้องเพลง เล่นหนังจอแก้วและจอเงิน
ดังนั้นถึงแม้แฟนคลับในบล็อกของเฉินเฟยเอ๋อร์จะไม่ได้เยอะที่สุด มีคนอื่นที่นำหน้าเธอไม่น้อย แต่แฟนคลับของเธอมีความเคลื่อนไหวสูงมาก สัดส่วนของยอดคลิกต่อหนึ่งโพสต์ ยอดการแสดงความคิดเห็น ยอดแชร์ และยอดกดไลก์ล้วนมีชื่อติดอยู่อันดับต้นๆ จำนวนแฟนคลับปลอมต่ำมาก ไม่เหมือนศิลปินดาราอีกหลายคนที่เร่งปั่นยอด ทำให้แฟนคลับปลอมมีสัดส่วนเยอะกว่า
ยอดรวมสูง การเคลื่อนไหวสูง มีผลประโยชน์ต่อธุรกิจสูงมาก พวกที่อยากทำโฆษณาผ่านบล็อกของเฉินเฟยเอ๋อร์หากค่าจ้างไม่ถึงหนึ่งล้านหรือสองล้านหยวนอย่างนั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ นอกจากสินค้าที่เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์อย่างเป็นทางการแล้ว เฉินเฟยเอ๋อร์ใช้โพสต์บล็อกหาเงินจาก ‘งานนอก’ แบบนี้น้อยมาก เธออยากใช้บล็อกล่างฉาวเป็นแพลตฟอร์มสำหรับสื่อสารกับแฟนๆ ไม่อยากใช้เป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ
และด้วยสาเหตุนี้ พวกแฟนคลับจึงชอบมาดูบล็อกของเฉินเฟยเอ๋อร์ โดยเฉพาะช่วงนี้ เฉินเฟยเอ๋อร์ชอบโพสต์รูปอวดแฟนอยู่บ่อยๆ ดึงดูดคำวิจารณ์ได้เป็นจำนวนมาก
และที่น่าสนใจก็คือ ชาวเน็ตที่มาดูบล็อกของเฉินเฟยเอ๋อร์ หลายคนเป็นแฟนคลับของลู่เฉิน แถมยังเป็นแฟนเพลง เพราะถ้าดูผ่านบล็อกของเฉินเฟยเอ๋อร์ พวกเขาก็จะได้ฟังผลงานเพลงที่มาจากลู่เฉินก่อนใคร
วันนี้ตอนที่โพสต์วิดีโอนี้ออกไป เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอชอบเก๋อเกินถ่าน่ามากๆ จากนั้นก็รู้สึกว่าภาพที่ลู่เฉินสอนสาวน้อยเล่นดนตรีและร้องเพลงช่างสวยงามน่าประทับใจจริงๆ ดังนั้นเธอจึงถ่ายเก็บไว้เพื่อแบ่งปันให้พวกแฟนคลับได้ดู
เรื่องที่ดีและสวยงาม ก็อยากให้คนอื่นเห็นและชื่นชมเป็นธรรมดา
และด้วยความไม่ตั้งใจ เฉินเฟยเอ๋อร์ได้ช่วยสนับสนุนเก๋อเกินถ้าน่าไปแล้ว!
ในฐานะสาวน้อยชนเผ่ามองโกลคนหนึ่ง ความงามของเก๋อเกินถ่าน่าอย่างแรกคือรูปลักษณ์ภายนอกสามารถทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากตาเป็นประกาย ความไร้เดียงสาน่ารักของเธอ ประกอบกับเครื่องแต่งกายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของชนเผ่า และลูกคอที่ไพเราะดั่งเสียงสวรรค์ สามารถพิชิตใจผู้ชายโสดทั้งหลายได้ภายในพริบตาเดียว
ที่สำคัญที่สุดคือ คนที่อยู่ข้างเธอคือลู่เฉิน และคนที่อัดวิดีโอให้เธอก็คือเฉินเฟยเอ๋อร์ อิทธิพลของทั้งสองคนรวมกันนั้นยิ่งใหญ่มาก ไม่จำเป็นต้องตั้งใจโปรโมตโฆษณา ก็เกิดผลลัพธ์ที่น่าทึ่งเกินคาดเหมือนเดิม
นอกจากนี้ก็คือเพลง ‘ทุ่งหญ้าแสนงาม บ้านของฉัน’ เป็นเพลงที่มีเอกลักษณ์และท่วงทำนองเพลงหลักของชนเผ่าอย่างชัดเจน ใครที่ได้ฟังแล้วล้วนรู้สึกถึงความแปลกใหม่
ดังนั้นวิดีโอตัวนี้จึงถูกแชร์บนบล็อกล่างฉาวเป็นจำนวนมาก หลายคนในวงการที่เห็นก็เข้ามากดไลก์และแสดงความชื่นชม จากนั้นก็ถูกแพร่กระจายไปยังฟอรัม หน้าเว็บ และกลุ่มเฟยซวิ่น
นี่คือความยิ่งใหญ่และเสน่ห์ของอินเทอร์เน็ต เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ห่างออกไปนับพันกิโลเมตร สามารถกระจายไปทั่วทุกทิศได้ภายในพริบตาเดียว เหมือนดั่งผีเสื้อตัวหนึ่งกระพือปีกบนทุ่งหญ้า อาจทำให้เกิดพายุในแดนไกลได้
และทั้งหมดนี้ ก็ทำให้ทุกคนถามด้วยความสงสัย “สาวน้อยเผ่ามองโกลคนนี้เป็นใคร”
แต่น่าเสียดายหลังจากที่เฉินเฟยเอ๋อร์โพสต์เสร็จแล้วก็ปิดเครื่อง การถ่ายทำในวันนี้ของเธอสำคัญมาก จำเป็นต้องแต่งตัวล่วงหน้า ไม่มีเวลาสนใจฟีดแบ็กบนบล็อกอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นจึงไม่สามารถตอบคำถามของแฟนคลับได้
ส่วนการเจรจาของจางเค่อกับลู่เฉินก็ราบรื่นมาก
จางเค่อชอบเพลง ‘ทุ่งหญ้าแสนงาม บ้านของฉัน’ เหมือนกัน ละครโทรทัศน์ที่เขาถ่ายทำมีชื่อว่า ‘ลำนำศิวิไลซ์’ ดังนั้นจึงอยากได้ผลงานเพลงจำนวนมากมาเพิ่มสีสันให้กับตัวเรื่อง แน่นอนว่าจะขาดเพลงคลาสสิคและเพลงโบราณไม่ได้ เหมือนอย่างเพลง ‘ทุ่งหญ้าแสนงาม บ้านของฉัน’ ที่มีสไตล์ของชนเผ่าพื้นบ้านอย่างชัดเจน สามารถเข้าตากรรมการได้โดยสิ้นเชิง
สำหรับลู่เฉินแล้ว เพลงที่เขาแต่งขึ้นมาสดๆ เพลงนี้ต่างกับผลงานเพลงป็อปเพลงอื่นของเขา คุณค่าที่แท้จริงของมันไม่สามารถใช้เงินมาเทียบได้ และจริงๆ แล้วตำแหน่งของเขาในทุกวันนี้ เรื่องเงินก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป
ดังนั้นเพลงนี้ ลู่เฉินจึงใช้เงินหนึ่งหยวนเป็นสัญลักษณ์ในการมอบโอนสิทธิ์ให้สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีนำไปใช้
วิธีเช่นนี้ลู่เฉินไม่ได้คิดเป็นคนแรก
แน่นอนว่าลู่เฉินสามารถคิดราคาจริงตามตำแหน่งในวงการของตัวเอง เพื่อเจรจาค่าธรรมเนียมการโอนสิทธิ์กับสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีได้ เงินหลักหมื่นหรือหลักแสนทางสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีสามารถหยิบออกมาได้อยู่แล้ว
แต่การทำแบบนี้ อย่าหวังว่าสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีจะนำเงินลงทุนมาโปรโมตนักแต่งเพลงหรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับนักแต่งเพลงอีก
เพราะฉะนั้นการคิดเล็กคิดน้อยจึงไม่มีประโยชน์อะไร ค่าธรรมเนียมโอนสิทธิ์เพลงหนึ่งก็แค่ไม่กี่หมื่นเท่านั้น แลกกับมิตรภาพการร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี ถือเป็นเรื่องที่คุ้มค่ามาก
จางเค่อติดต่อฝ่ายที่เกี่ยวข้องของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี ลู่เฉินติดต่อสตูดิโอของตัวเอง ใช้แฟกซ์เพื่อเร่งทำสัญญาของทั้งสองฝ่ายให้เร็วขึ้น และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงกว่าเท่านั้น
จางเค่อรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง หลังจากเซ็นสัญญาแล้ว เขาจึงจับมือกับลู่เฉินแล้วเอ่ยว่า “คุณวางใจได้ ผมจะไม่ปล่อยให้ผลงานนี้ถูกฝังแน่นอน!”
ในสายตาของผู้กำกับใหญ่ ลู่เฉินเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจคนอื่นมาก ถ้าหากเขาทำตัวเป็นแมลงวันที่เห็นแก่ผลประโยชน์ตรงหน้าต่อรองราคากับตัวเองและสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี เช่นนั้นคงต้องเสียเวลาและกำลังของเขาไม่น้อย
แบบนั้นคงอารมณ์เสียน่าดู
เมื่อให้มาก็ต้องตอบแทนกลับไป ในเมื่อลู่เฉินยินดีที่จะทุ่มเท เขาก็จะตอบแทนอย่างเต็มที่
นี่คือกฎในวงการ
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “ขอบคุณความเมตตาของผู้กำกับจางครับ”
จางเค่อโบกมือ เขาครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “วันนี้คงไม่ได้แล้ว ถ้าเป็นวันพรุ่งนี้ ผมจะจัดคิวงานใหม่อีกที จะให้เฉินเฟยเอ๋อร์หยุดพักหนึ่งวัน พวกคุณจะได้ออกไปเที่ยวด้วยกัน!”
หากไม่มีเหตุการณ์ที่พิเศษหรือสาเหตุที่คาดไม่ถึง การปรับเปลี่ยนแผนการถ่ายทำเพื่อนักแสดงคนหนึ่งโดยเฉพาะ สำหรับจางเค่อผู้กำกับใหญ่คนนี้ เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากนัก
และเป็นเพราะเขาชื่นชมลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ บวกกับลู่เฉินอุตส่าห์บินมาเยี่ยมจากฮ่องกง ดังนั้นจึงควรปล่อยให้หนุ่มสาวคู่นี้ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันบ้าง
ดังนั้นลู่เฉินจึงรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก
วันที่สอง เฉินเฟยเอ๋อร์ได้โอกาสหยุดพักหนึ่งวันจริงๆ ดังนั้นลู่เฉินจึงขอยืมม้าพันธุ์ดีสองตัวจากลุงฉี่เหยียน แล้วไปเที่ยวเล่นรอบๆ ลานล่าสัตว์ด้วยกันกับเฉินเฟยเอ๋อร์ ชื่นชมและสัมผัสทิวทัศน์ที่สวยสดงดงามของทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไปพร้อมๆ กัน และแสดงความรักกันอย่างดูดดื่ม
น่าเสียดายช่วงเวลาอันสวยงามมักสั้นเสมอ วันที่สามที่มาถึงลานส่าสัตว์สุ่ยเฉวียน ลู่เฉินจำเป็นต้องกลับแล้ว
ตอนที่จากกัน เฉินเฟยเอ๋อร์อาลัยอาวรณ์เป็นอย่างมาก ส่วนเก๋อเกินถ่าน่าก็ร้องไห้ตาแดง
ถึงแม้ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันจะสั้นมาก แต่สาวน้อยชนเผ่ามองโกลคนนี้มีความรู้สึกที่พิเศษบางอย่างกับลู่เฉิน เธอจึงอยากให้ลู่เฉินอยู่ที่นี่นานกว่านี้ และสอนเธอเล่นดนตรีกับร้องเพลง
เมื่อเห็นเธอเสียใจมากขนาดนี้ ลู่เฉินให้สัญญากับเธอ หากเธอมีโอกาสให้มาที่เมืองหลวง
ลุงฉี่เหยียนเป็นตัวแทนของพวกคนเลี้ยงสัตว์ มอบผ้าพันคอให้เขาหนึ่งผืนเพื่ออวยพรให้เขาโชคดีมีความสุข
เมื่อบอกลาแฟนสาวสุดที่รัก บอกลาทุ่งหญ้าใหญ่แห่งมองโกเลียแล้ว วันที่ 7 พฤศจิกายน ลู่เฉินจึงเดินทางกลับเมืองหลวง
…………………………………………………………………………