ปลาปะการังรอในเฟยซวิ่นอยู่ก่อนแล้ว
เธออยากส่งข่าวให้กับลู่เฉินตั้งหลายเรื่อง แต่รอแล้วรอเล่าข้อความตอบกลับของลู่เฉินก็ไม่ส่งมาสักที ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวเลยต้องโทรศัพท์มาหาตรงๆ นี่ล่ะ
เรื่องที่อู่ชานชานต้องการจะบอกกับลู่เฉินนั้นเป็นเรื่องที่ดีมากเรื่องหนึ่ง เพราะอีกไม่นาน【วาฬทีวี】จะจัดอีเว้นท์ประกวดขึ้น ของรางวัลนั้นเรียกได้ว่ามากมายยิ่ง ซึ่งในฐานะตัวแทนของพิธีกรใหม่ ลู่เฉินเองก็ถูกเชิญให้เข้าร่วมงานด้วยเช่นกัน
ไม่ผิด ลู่เฉินในตอนนี้เป็นเบอร์หนึ่งของพิธีกรหน้าใหม่ใน【วาฬทีวี】แล้ว!
เวลาสั้นๆ เพียงไม่ถึงครึ่งเดือน เขาก็ทะยานจากพิธีกรมือใหม่ถอดด้ามกลายเป็นพิธีกรดังของ【วาฬทีวี】ในก้าวเดียว ด้วยสถานการณ์ที่ไม่ได้รับการแนะนำจากเว็บไซต์มากนัก กลับสร้างสถิติความเร็วในการเพิ่มขึ้นของความนิยมอย่างมหาศาล ยอดรวมของขวัญเองก็สูงขึ้นเป็นเท่าทวี แถมยังมีฐานแฟนคลับที่ซื่อสัตย์เป็นจำนวนมากเสียอีกแน่ะ
แม้ว่าจำนวนคนออนไลน์และจำนวนปลาป่นของลู่เฉินในตอนนี้จะยังไม่อาจเปรียบเทียบกับพิธีกรดังอีกหลายคนได้เลย แต่ระดับการเติบโตของเขานั้นรวดเร็วจนน่ากลัว อีกทั้งยังไม่ได้ใช้วิธีเลวๆ อย่างการดันยอดดันจำนวนเลยสักนิด ด้วยเหตุนั้นจึงได้รับการดูแลจาก【วาฬทีวี】มาก
ยิ่งไปกว่านั้นการไลฟ์สดจากงานค่ำคืนดนตรีคืนก่อน ห้องไลฟ์ลู่เฟยก็เข่นฆ่าขึ้นไปจนถึงชาร์ทยอดนิยมหน้าแรก แถมสร้างความฮือฮาเล็กๆขึ้นในแผนกปฎิบัติการของวาฬทีวีด้วย และอู่ชานชานยังดูไลฟ์ตั้งแต่ต้นยันจบเสียอีก
ด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ ดังนั้นลู่เฉินจึงกลายเป็นหนึ่งในผู้ประกวดพิธีกรทั้ง 24 คนไปในที่สุด
ต้องทราบว่าคนที่มีคุณสมบัติจะเป็นผู้ประกวดได้นั้น หากไม่ใช่พิธีกรดังของ【วาฬทีวี】 หรือความนิยมของพวกเขามีไม่เกินล้าน หรือค่าเซ็นสัญญาไม่สูงถึงล้าน หรือว่าไม่ได้มีอาวุโสในวงการแล้วละก็ คนใหม่ที่เพิ่งเข้าสังกัดได้ไม่นานเช่นลู่เฉินนั้นก็มีเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น
ลู่เฉินน่าจะมีคุณสมบัติตื้นเขินที่สุดแน่ๆ
“อีเว้นท์ประกวดครั้งนี้ถูกตั้งชื่อไว้ว่า วาฬPKประชันธีม…”
อู่ชานชานพูดกับลู่เฉินว่า “รูปแบบนั้นง่ายมาก ก็แค่ให้พิธีกรที่เข้าแข่งเลือกธีมของตัวเองมาหัวข้อหนึ่ง แล้วทำการไลฟ์ภายในเวลา 90 นาที สุดท้ายจะอ้างอิงตามสถิติความฮอตฮิต การโหวตของผู้ชม และการตัดสินของคณะกรรมการมาจัดอันดับ เลือกผู้ชนะออกมา 5 อันดับ!”
ลู่เฉินถามกลับว่า “ดูเหมือนจะน่าสนใจมากเลยนะครับ เรื่องธีมนี่ให้ผมคิดได้เองเลยหรือครับ?”
อู่ชานชาน:“ใช่ค่ะ อย่างเช่นธีมคิดถึง ธีมเศร้า ธีมขำขัน ธีมปลุกเร้าอะไรอย่างนี้ก็ได้นะคะ แต่จำเป็นต้องมีหัวข้อชัดเจนค่ะ เพราะพอถึงเวลาจะมีการโฆษณาเอาไว้ที่หน้าแรก ดังนั้นธีมยิ่งสะดุดตาก็ยิ่งดี แน่นอนว่าเงื่อนไขแรกคือห้ามผิดกฎ ไม่อย่างนั้นจะถูกถอนคุณสมบัติในการประกวดทันทีนะคะ”
ลู่เฉินเข้าใจทั้งหมดแล้ว “รับทราบ ขอบคุณครับพี่สาวชานชาน”
อู่ชานชาน “(*^__^*) ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ คุณเป็นคนที่ฉันดูแล ยิ่งคุณแสดงได้โดดเด่น อย่างนั้นหน้าฉันก็ยิ่งแวววาว ดังนั้นต้องพยายามเข้านะคะ ถ้าหากมีเรื่องอะไรไม่เข้าใจก็แค่ถามฉัน!”
ลู่เฉิน “รางวัลห้าอันดับแรกมีอะไรบ้างครับ?”
อีเว้นท์แบบนี้ย่อมไม่อาจพลาดได้ แต่เขาก็ยังสนใจรางวัลของเว็บไซต์มากยิ่งกว่าอยู่ดีนั่นล่ะ
มีรางวัลก็ย่อมมีแรงยังไงล่ะ!
อู่ชานชาน:“แชมป์PKจะได้เงินรางวัลสามแสน ประกาศแนะนำพิธีกรดังหน้าแรก 3 ครั้ง รองแชมป์PKจะได้เงินรางวัลสองแสนรวมกับ+ประกาศแนะนำ 2 ครั้ง อันดับสามได้เงินหนึ่งแสน+ประกาศแนะนำ 1 ครั้ง อันดับสี่และอันดับห้าต่างได้รับเงินรางวัลห้าหมื่น”
【วาฬทีวี】ใจป้ำไม่น้อยเลยแฮะ!
ลู่เฉินเห็นข้อความแล้วก็ให้มีแรงเพิ่มอีกมาก “อย่างนั้นงานอีเว้นท์จะจัดขึ้นเมื่อไหร่ครับ?”
อู่ชานชาน “ลืมบอกเรื่องสำคัญไป วันจัดงานวาฬPKประชันธีมคือวันที่ 30 พฤษภาคมนะ หรือก็คือวันเสาร์หน้าตอนสองทุ่มถึงสี่ทุ่ม เพียงแต่วันที่ 29 คุณจะต้องส่งเนื้อหาธีมมาให้กับฉัน”
“จำไว้ว่าต้องอุนเครื่องให้พร้อม ทำให้แฟนคลับทั้งหมดรู้ว่าคุณจะได้เข้าร่วมงานอีเว้นท์ครั้งด้วย!”
ลู่เฉิน “OK!”
พูดกับอู่ชานชานจบ ลู่เฉินก็เริ่มตอบข้อความจำนวนมหาศาลในเฟยซวิ่น
คืนนี้ลู่เฉินไม่ได้ไลฟ์ แม้จะประกาศทั้งในกลุ่มและห้องไลฟ์ก่อนแล้ว แต่ก็ยังคงมีแฟนๆที่กระตือรือร้นไม่น้อยส่งข้อความมาถามอย่างเป็นห่วง เขาจึงต้องตอบกลับไปกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ขณะที่ตอบวนไปเวียนมานั้น ลู่เฉินก็คิดไปด้วยว่าจะใช้ธีมอะไรเข้าร่วมงานPKในครั้งนี้ดี
ห้วงสมองของเขามีความคิดเบื้องต้นแล้ว
พอจัดการกับข้อความในเฟยซวิ่นและอีเมลล์เสร็จ ก็สี่ทุ่มกว่า
ลู่เฉินจึงรีบปิดคอมออกจากห้องใหม่ของตัวเอง จากนั้นก็ข้ามถนนโบกเรียกแท็กซี่เพื่อให้ไปส่งที่ร้าน
ตอนนี้เวลาที่เขาจะขึ้นเวทีในบาร์เดย์ลิลลี่ เลื่อนมาเป็นช่วงประมาณห้าทุ่มแล้ว เช่นนี้จึงจะสามารถหลีกเลี่ยงเงื่อนเวลากับการไลฟ์ออนไลน์ได้ รับรองว่าเวลาทั้งสองด้านไม่ตีกันเองแน่
แน่นอนลู่เฉินทราบดีว่าเวลาที่ตนจะอยู่ในเดย์ลิลลี่คงเหลืออีกไม่มากนัก ฟ้าดินของที่นั่นนั้นช่างกระจ้อยร่อยยิ่ง
กระจ้อยร่อยเสียจนไม่อาจบรรจุรับจิตใจอันทะเยอทะยานของเขาไว้ได้!
แต่คืนนี้ก็สำคัญมากด้วยสิ ลู่เฉินไม่คิดจะไปสาย
คืนนี้เป็นคืนวันอาทิตย์ บาร์เดย์ลิลลี่ในตอนกลางคืนยังคงมีกิจการดียิ่ง โต๊ะทั้งหมดต่างมีลูกค้านั่งจนเต็ม กระทั่งหน้าเคาน์เตอร์บาร์ก็มีคนนั่งเรียงกัน เห็นได้ชัดว่าคึกคักยิ่ง
บนเวทีมีนักร้องหญิงกำลังร้องเพลงโฟล์คอยู่ เพลงที่ร้องก็เป็นเพลงเก่าที่คุ้นหูมาก แต่ใบหน้านั้นกลับแปลกแยกเป็นอย่างยิ่ง
ลู่เฉินรู้ว่าคนๆนี้เป็นนักร้องที่มาวิ่งรอกร้องที่เดย์ลิลลี่นั่นเอง
สำหรับนักร้องที่คลุกคลีทำงานอยู่ในแวดวงร้านเหล้านั้น แม้กระทั่งนักร้องเซ็นสัญญายังต้องไปวิ่งรอกขึ้นเวทีร้านอื่นอยู่เป็นประจำเลย ซึ่งการแลกเปลี่ยนนักร้องในวงการนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ไม่อย่างนั้นไปๆมาๆจะเห็นแค่หน้าเดิมๆไม่กี่คนเท่านั้น อาจทำให้ลูกค้าเก่าเกิดความเบื่อหน่ายได้ง่าย
“OH เถ้าแก่เสี่ยวลู่ของพวกเรามาแล้วหรือเนี่ย!”
ลู่เฉินกำลังเตรียมจะแว่บเข้าไปห้องหลังเวที แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกเดวิดที่กำลังชงเหล้าให้ลูกค้าเจอเข้าให้ แถมไอ้หมอนี่ยังตะโกนเสียงแปล่งๆเสียอีก จนดึงดูดความสนใจจากเหล้าลูกค้าที่นั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ทั้งหมดให้ต้องหันมามอง
“เป็นเสี่ยวลู่จริงๆด้วย!”
“ตอนนี้ควรจะเรียกว่าเถ้าแก่เสี่ยวลู่สิ ฮะฮะ!”
“เถ้าแก่เสี่ยวลู่ คืนก่อนฉันได้ดูการแสดงของนายบนเวทีด้วยนะ สองเพลงนั่นร้องได้ยอดเยี่ยมมาก!”
“น่าจะให้เถ้าแก่เสี่ยวลู่ให้ส่วนลดพวกเรา!”
“เสี่ยวลู่…”
คนที่ชอบมานั่งเฝ้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์นั้นส่วนมากต่างเป็นโซเฟอร์เก่า ส่วนใหญ่จึงรู้จักมักคุ้นกับลู่เฉิน และเริ่มหยอกล้อตามเดวิดไปด้วย
“ต้าแหย*ทั้งหลายได้โปรดละเว้นข้าน้อยด้วยเถอะ!”
*(นายใหญ่)
ลู่เฉินถลึงตาใส่เดวิดแว่บหนึ่งอย่างร้องไห้ไม่ได้ร่ำไห้ไม่ออก จากนั้นจึงพนมมือขอโทษเหล่าลูกค้าเก่า “ผมขอเลี้ยงทุกคนแก้วหนึ่ง แต่ช่วยเรียกผมว่าเสี่ยวลู่ทีเถอะครับ คำว่าเถ้าแก่นี่ไม่กล้ารับจริงๆ!”
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องที่ตัวเองได้หุ้นส่วนเดย์ลิลลี่มันจะลือกันได้เร็วขนาดนี้ ลือกันจนทุกคนต่างรู้กันหมด หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเดวิดมันปากสว่างมากเกินไปก็ได้
ความจริงหุ้นที่ลู่เฉินมีมันก็แค่ 5% เองนะ เรียกได้ว่าเป็นหุ้นส่วนน้อยๆๆๆเลยก็ว่าได้ ซึ่งฉินฮั่นหยางและพี่สาวนาเองก็มีหุ้นเดย์ลิลลี่อยู่นิดหน่อยด้วย เพียงแค่เถ้าแก่ใหญ่ไม่ถึงกับยกหุ้นออกมาเป็นเงินโบนัสเท่านั้นเอง
เหล่าโซเฟอร์เก่าเมื่อได้รับผลประโยชน์ หัวเราะเอิ๊กอ๊ากปล่อยละเว้นลู่เฉินไป
ส่วนด้านในห้องใหญ่หลังเวทีเดย์ลิลลี่นั้นก็คึกคักไม่แพ้กัน นอกจากพี่สาวนา หลี่หง เย่เจิ้นหยาง และหวังเสี่ยวช่วยแล้ว สมาชิกวงผั่งหวงที่ปกติไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกมากนักต่างก็อยู่ด้วย นอกจากนั้นยังมีเพื่อนร่วมอาชีพที่มาวิ่งรอกอีกหลายคน
“เสี่ยวลู่มาแล้ว!”
เมื่อเห็นลู่เฉินเดินเข้ามา พี่สาวนาก็เอ่ยปากทักทายอย่างร้อนแรงเป็นคนแรก “ทุกคนเขารอเธออยู่นะ!”
ลู่เฉินหัวเราะพลางกล่าวว่า “คืนนี้ผมย้ายบ้านน่ะครับ เลยมาสายไปหน่อย คงไม่ได้พลาดฟังเพลงของพี่สาวนาไปหรอกนะ?”
คืนนี้พี่สาวนาจะร้องเพลงที่เขาเป็นคนแต่งให้กับเธอเพลงนั้นเป็นครั้งแรก
เดิมทีเพลงนี้กะจะร้องในงานค่ำคืนดนตรีเมื่อคืนก่อน แต่เพราะวงจื่อเป่ยเจินยอมแพ้ที่จะขึ้นเวทีต่อจากลู่เฉิน ดังนั้นพี่สาวนาจึงต้องเปลี่ยนคิวเพลงกะทันหัน เพราะไม่อยากแย่งซีนของลู่เฉินไป
ด้วยเหตุนั้นเพลงใหม่ที่เธอเตรียมตัวมาอย่างยาวนานมากเพลงนี้ จึงจะร้องที่บาร์เดย์ลิลลี่เป็นครั้งแรกในคืนนี้
พี่สาวนากล่าวตำหนิ “เธอไม่มาฉันจะต้องได้ยังไง? ถ้าเธอไม่อยู่ ฉันก็จะไม่เปิดปากร้องแล้ว…ฮะฮะฮะ!”
พูดไปพูดมาเธอก็หัวเราะเสียอย่างนั้น หัวเราะเสียจนเบิกบานใจ
คนอื่นๆไม่ว่าจะคุ้นเคยหรือไม่ ต่างก็เข้ามาทักทายลู่เฉินอย่างเร้าร้อนและมีมารยาท
ผ่านค่ำคืนดนตรีไลท์บลูเมื่อคืนก่อน ลู่เฉินก็มีชื่อเสียงโด่งดังในแวดวงโฮ่วไห่แห่งนี้แล้ว ทักษะการร้องอันโดดเด่นของเขาได้รับการยอมรับจากคนทั้งหมด ตำแหน่งฐานะจึงเกินกว่านักร้องทั่วไปอย่างไม่ต้องสงสัย
อายุน้อยทั้งยังมีพรสวรรค์ บุคคลเช่นนี้จะมีใครไม่อยากคบค้าสมาคมด้วยเล่า?
บางทีตรงนั้นอาจจะมีเพียงเย่เจิ้นหยางที่ไม่กล้าพูดกับลู่เฉินมากนัก คำพูดมีมารยาทต่างแห้งแล้งสิ้นดี คนที่ไม่รู้ยังเข้าใจว่าคนทั้งสองไม่รู้จักกันมาก่อนเลย แถมแววตายังแฝงความริษยาไว้เสียอีก
ลู่เฉินทราบดีว่าอีกฝ่ายมีผีอยู่ในใจ แต่ขี้เกียจจะไปโต้เถียงอะไรด้วย
ถ้าหากเมื่อก่อนลู่เฉินยังคงอิจฉาเย่เจิ้นหยางอยู่ อย่างนั้นตอนนี้เขาก็ไม่ใส่ใจฝ่ายตรงข้ามโดยสมบูรณ์
สำหรับเย่เจิ้นหยางที่ใช้แผนเล็กๆอย่างขอให้คนไปเล่นงานในค่ำคืนดนตรีไลท์บลูนั้น นั่นไม่เพียงแต่ไม่มีผลกระทบต่อลู่เฉิน กลับยิ่งทำให้เขามีความคิดต่อสู้มากยิ่งขึ้น สามารถปลดปล่อยฝีมือของตนเองออกมาได้บนเวทีได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
เย่เจิ้นหยางเป็นเพียงแค่คนต่ำช้า
โลกทรรศน์ของลู่เฉินนั้นทอดยาวไปในโลกกว้างขวางยิ่งกว่าเนิ่นนานแล้ว!