ตอนที่ 66 คิดบัญชีย้อนหลัง
เมืองเซินไห่ เขตศูนย์กลางการค้าซีบีดี ชั้นที่หกสิบแปดของอาคารฟอร์จูนทาวเวอร์
สำนักงานใหญ่ ‘ลานแสงดาว’
เวลาสี่ทุ่ม แสงไฟที่นี่ยังคงสว่างจ้าเหมือนเดิม เป็นลักษณะการทำงานพิเศษเฉพาะของแพลตฟอร์มถ่ายทอดสดที่พนักงานต้องทำงานกะดึกเป็นประจำ
จางกว่างเจี๋ยนั่งเอนตัวครึ่งหนึ่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ จ้องจอยักษ์ขนาดสามสิบสองนิ้วที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาโหดเหี้ยม นัยน์ตาของเขาราวกับมีลมพายุขนาดใหญ่กำลังก่อตัว พร้อมที่จะระเบิดพลังออกมาได้ตลอดเวลา
ชายรูปร่างผอมสูงวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปีคนนี้ ถึงหน้าตาจะดูธรรมดา หากปล่อยเขาทิ้งไว้ในหมู่ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็หาไม่เจอ แต่เขากลับมีภาพลักษณ์ที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของพนักงานกว่าสองร้อยคนในซิงกวงมีเดีย
เพราะจางกว่างเจี๋ยเป็นซีอีโอของบริษัทซิงกวงมีเดีย เขาแข็งแกร่งและมีอำนาจ ทำงานเด็ดขาด หากพนักงานคนไหนไม่ระวังถูกเขาจับผิดได้ จุดจบมักจะน่าเศร้ามากทุกราย
ตั้งแต่เขาเข้ามาบริหารซิงกวงมีเดีย ก็ไล่พนักงานออกไปด้วยตัวเองเป็นจำนวนตัวเลขสองหลักแล้ว!
สีหน้าของซีอีโอคนนี้ในเวลานี้ดูอึมครึมมาก แสดงว่าความโกรธของเขาสะสมจนถึงจุดสูงสุด
และรอเพียงการปรากฏตัวของเหยื่อ!
กริ๊ง~
โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างคอมพิวเตอร์พลันดังขึ้นมา แสงสีแดงกะพริบบอกว่าเป็นสายภายใน
จางกว่างเจี๋ยยื่นมือไปกดปุ่มรับสาย
เสียงอ่อนโยนของเลขานุการดังขึ้นมาในสาย “ประธานจางคะ ผู้จัดการจ้าวมาแล้วค่ะ”
จางกว่างเจี๋ยพูดว่า “ให้เขาเข้ามา”
พูดจบ เขาก็ตัดสาย
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง ผู้ชายหน้าตอบตาเล็กจมูกงุ้มคนหนึ่งก็ผลักประตูออฟฟิศเดินเข้ามา พอเห็นจางกว่างเจี๋ยก็รีบถามอย่างมีมารยาท “ประธานจาง คุณเรียกหาผมเหรอครับ”
จางกว่างเจี๋ยพยักหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “นั่งสิ”
ผู้ชายหน้าตอบกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว แล้วนั่งลงตรงหน้าจางกว่างเจี๋ยด้วยความระมัดระวัง
จ้าวเต๋อผิงเป็นผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการของซิงกวงมีเดีย ในฝ่ายปฏิบัติการมีเขาเป็นที่หนึ่งไม่เป็นสองรองใคร แต่เมื่อเผชิญหน้ากับจางกว่างเจี๋ย เขาจึงหวาดกลัวไม่ต่างจากพนักงานธรรมดาเท่าไร
เขาเป็นหนู จางกว่างเจี๋ยเป็นแมว จึงแพ้ทางกันตามธรรมชาติ!
จ้าวเต๋อผิงรู้ตัวดี แค่ประโยคเดียวของจางกว่างเจี๋ย ตัวเขาเองก็กลิ้งลงมาจากบัลลังก์ของผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการได้เลย
หลังจากนั่งลง จางกว่างเจี๋ยไม่ได้จ้องจ้าวเต๋อผิง จนกระทั่งหน้าผากของคนหลังมีเหงื่อผุดออกมาด้วยความประหม่า
ทันใดนั้นจางกว่างเจี๋ยก็ถามว่า “ผู้จัดการจ้าว คุณมาทำงานที่ซิงกวงมีเดียนานเท่าไรแล้ว”
จ้าวเต๋อผิงรีบตอบทันที “สองปี ใกล้จะสองปีแล้วครับ”
ระยะเวลาการก่อตั้ง ‘รายการสตาร์โชว์’ ไม่นานมาก ดังนั้นจ้าวเต๋อผิงจึงถือว่าเป็นพนักงานเก่าแก่แล้ว
“จะสองปีแล้ว…”
จางกว่างเจี๋ยถอนหายใจพูด “ผมจำได้ว่าคุณย้ายงานมาจากจิงอวี๋ทีวีใช่ไหม และสองปีที่ผ่านมาก็ช่วยดึงคนเก่งมีความสามารถมาได้ไม่น้อย ลานแสงดาวขยายโมเดลได้มาถึงทุกวันนี้ ก็มีความดีความชอบของคุณเช่นกัน”
จ้าวเต๋อผิงฟังแล้วแทบจะร้องไห้น้ำตาอาบหน้า เขาคิดว่าตัวเองทำความผิดใหญ่หลวงอะไร แต่พอได้ยินน้ำเสียงของจางกว่างเจี๋ยแล้วดูเหมือนจะเลื่อนขั้นให้ตัวเอง!
เขาจึงอดผ่อนคลายลงไม่ได้ แล้วจึงแอบยิ้มกับความคิดที่สงสัยอยู่ในใจ
วินาทีต่อจากนั้น อารมณ์ของจ้าวเต๋อผิงกลับถูกทำให้ผิดหวังในชั่วพริบตา
“แต่มีฟีดแบ็กพนักงานจำนวนไม่น้อย บอกว่าคุณทำงานเอาตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ฟังความคิดเห็นของคนอื่น และช่วงนี้บริษัทก็ถูกฟ้องร้องจากผู้ดำเนินรายการสองสามคน แจ้งว่าได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมจากฝ่ายปฏิบัติการ”
จางกว่างเจี๋ยมองจ้าวเต๋อผิงด้วยสายตาเย้ยหยัน ถามว่า “ผู้จัดการจ้าวมีอะไรจะอธิบายกับเรื่องนี้บ้าง”
จ้าวเต๋อผิงมีเหงื่อผุดออกมาอีกครั้ง พูดอธิบายว่า “ประธานจางครับ พวกนั้นเป็น…”
“ไม่ต้องพูดเรื่องพวกนั้น…”
เขาอยากจะอธิบายสองสามประโยค ก็ถูกจางกว่างเจี๋ยตัดบทเสียดื้อๆ “คุณอธิบายหน่อยว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น”
ซีอีโอซิงกวงมีเดียคนนี้ยื่นมือมาจับหน้าจอแสดงผลตรงหน้าตัวเองแล้วหมุนหนึ่งร้อยแปดสิบองศา เอาให้ จ้าวเต๋อผิงดู
จ้าวเต๋อผิงสีหน้าเปลี่ยนเป็นแดงก่ำทันที!
หน้าจอที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนคือภาพฟอรัมของ ‘จิงอวี๋ทีวี’ จ้าวเต๋อผิงคุ้นเคยกับสิ่งนี้เป็นอย่างมาก เพราะเขาเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของ ‘‘จิงอวี๋ทีวี’ เมื่อสองปีก่อน
แต่นี่ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เขาหน้าแดงขนาดนี้ แต่เป็นเนื้อหาที่อยู่ในโพสต์ของฟอรัมนี้ต่างหาก
โพสต์นี้ถูกปักหมุดไว้บนสุดของกลุ่มแฟนคลับ ‘ขุนศึกตระกูลลู่’ ในเนื้อหายังมีสติ๊กเกอร์กับการฟ้องนับร้อยข้อความ บอกว่าห้องถ่ายทอดสดลู่เฟยของ ‘ลานแสงดาว’ ถูกผู้ดูแลระบบกดขี่มากเกินไป ถูกบังคับให้เซ็นสัญญาโหด สุดท้ายก็ถูกบล็อกแอคเคาท์ไม่มีทางฟ้องร้องได้!
ในภาพแคปจากหน้าจอคือผู้ดูแลระบบหมายเลข 002 ถ้าไม่ใช่เขาจ้าวเต๋อผิงแล้วจะเป็นใคร
ผู้ดูแลระบบหมายเลข 001 คือจางกว่างเจี๋ย
จ้าวเต๋อผิงแทบจะกระอักเลือด ณ ตอนนี้
เรื่องนี้เขาลืมไปสนิทแล้ว เพราะผู้จัดรายการตัวเล็กๆ ที่มองข้ามคนอื่นแบบนี้ แต่ก่อนเขาก็เจอมาเยอะ แต่ก็ไม่เคยเห็นใครจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาเลยสักนิด
บอกว่ากดขี่ข่มเหง บอกว่าบล็อกแอคเคาท์ ใครทำตามก็ราบรื่นใครคัดค้านก็เสียหาย!
คนจัดรายการที่อยู่ภายใต้ ‘ลานแสงดาว’ นอกจากตัวท็อปที่มีจำนวนน้อยนิดแล้ว มีคนไหนบ้างไม่ถูกเขาบดขยี้ตามอำเภอใจ
แต่ตอนนี้จ้าวเต๋อผิงรู้แล้วว่า ต่อให้เป็นผู้ดำเนินรายการคนใหม่ตัวเล็กๆ ก็ยังมีเด็กที่เป็นเสือหมอบมังกรซ่อนอยู่!
โพสต์ที่ถูกปักหมุดไว้บนสุดนี้เหมือนกับการตบหน้าของเขาอย่างแรง
เมื่อก่อนไม่รู้จึงไม่สนใจ แต่ตอนนี้ถูกจางกว่างเจี๋ยขุดคุ้ยขึ้นมา อย่างนี้จะให้เขาเอาหน้าไปวางไว้ที่ไหน
จางกว่างเจี๋ยพูดอย่างราบเรียบ “ผมไม่ยุ่งเรื่องของฝ่ายปฏิบัติการ เพราะผมเชื่อมั่นในตัวผู้จัดการจ้าวมาก…”
“ผู้ดำเนินรายการที่ชื่อลู่เฟยคนนี้ หลังจากถูกบล็อกแอคเคาท์จากลานแสงดาวของพวกเราไปแล้ว เขาก็ไปเซ็นสัญญากับจิงอวี๋ทีวี”
“แค่เวลาสั้นๆ ไม่ถึงหนึ่งเดือน ลู่เฟยก็ได้รับความนิยมสูงสุดทะลุล้านในจิงอวี๋ทีวี นอกจากนี้การแข่งขันแสดงที่เพิ่งจะจบไปเขาก็ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ ยอดผู้ติดตามตอนนี้มีมากกว่าเจ็ดแสนห้าหมื่นคนแล้ว”
“คนของฝ่ายจัดหานักแสดงก็ดูการแสดงถ่ายทอดสดของเขาแล้ว การประเมินผลคือเป็นคนรุ่นใหม่ยอดอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ทั้งการร้อง การเล่น และแต่งเพลงมากที่สุด”
“ดังนั้น ผู้จัดการจ้าวคุณมีความคิดเห็นว่ายังไงบ้าง”
ในที่สุดจ้าวเต๋อผิงก็เข้าใจจางกว่างเจี๋ยแล้ว ว่าทำไมถึงเรียกตัวเองเข้ามาคุยในออฟฟิศเป็นการส่วนตัว การตำหนิเรื่องพนักงานหรือการฟ้องร้องจากผู้ดำเนินรายการนั้นเป็นเรื่องเล็ก เพราะสิ่งที่สำคัญจริงๆ คือ เขาพลาดคนใหม่ที่มีอนาคตไร้ขีดจำกัดไปหนึ่งคน
ตอนนี้ ‘ลานแสงดาว’ ใช้เงินจำนวนมากในการดึงคนจากทั่วทุกสารทิศ ความผิดพลาดของเขายากที่จะให้อภัยจริงๆ!
นอกจากนี้ก็ยังไม่มีทางแก้ตัว…ในโพสต์พูดอย่างชัดเจนแล้ว มีทั้งภาพและความจริงยืนยัน!
จ้าวเต๋อผิงยิ้มขมขื่น เขาอยากจะแก้ตัวแต่ก็หาเหตุผลที่เหมาะสมไม่ได้ และจางกว่างเจี๋ยก็เป็นคนโหดไม่เห็นใครอยู่ในสายตา หากแก้ตัวต่อไปมีแต่จะทำให้ซีอีโอคนนี้ยิ่งไม่สบอารมณ์เข้าไปอีก
เขาก้มหน้า พูดอย่างเจ็บปวด “ประธานจางครับ เป็นความผิดของผมทั้งหมด ผมจะหาวิธีชดเชยให้ครับ!”
จางกว่างเจี๋ยถอนหายใจ นิ้วชี้มือขวาของเขาเคาะอยู่บนโต๊ะเบาๆ เหมือนกำลังครุ่นคิด
จ้าวเต๋อผิงเหมือนนักโทษที่รอการลงทัณฑ์ หวาดกลัวสุดขีด
ผ่านไปนานครู่หนึ่ง จางกว่างเจี๋ยจึงถามว่า “คุณคิดจะชดเชยยังไง”
จ้าวเต๋อผิงตื่นตัวขึ้นมาทันที เหมือนกับคนจมน้ำแล้วจับหญ้าฟางช่วยชีวิตไว้ได้ รีบพูดว่า “ในเซิร์ฟเวอร์น่าจะยังมีข้อมูลของผู้ดำเนินรายการคนนี้ ผมจะรีบติดต่อเขาไป แล้วให้เซ็นสัญญาที่มีเงินเดือนสูงขึ้นครับ!”
“อีกอย่างฝ่ายจัดหาก็ชอบเขาไม่ใช่เหรอครับ อย่างนั้นก็ให้สัญญาว่าจ้างศิลปินกับเขาอีกหนึ่งฉบับ ผมไม่เชื่อว่าจะดึงตัวมาไม่ได้!”
พูดถึงการดึงตัวคน จ้าวเต๋อผิงเหมือนกับเทพเข้าสิง เรียกความมั่นใจทั้งหมดกลับมาที่ตัวได้ในชั่วพริบตา
จ้าวเต๋อผิงมาจาก ‘จิงอวี๋ทีวี’ หลังจากย้ายมาอยู่ที่ ‘ลานแสงดาว’ ก็ดึงผู้ดำเนินรายการที่ ‘จิงอวี๋ทีวี’ มาได้สิบกว่าคน หากพูดถึงความสามารถในการดึงคนของจ้าวเต๋อผิงแล้ว เขาก็ไม่กลัวเกรงใครจริงๆ!
จางกว่างเจี๋ยพยักหน้า พูดว่า “ผมให้คนไปหาข้อมูลของเขาแล้ว ตอนนี้ลู่เฟยเซ็นสัญญาแบบธรรมดาเท่านั้น ค่าเซ็นสัญญาของเขาคือห้าหมื่น แต่จิงอวี๋ทีวีจะต้องเซ็นสัญญาใหม่กับเขาแน่นอน เวลาของคุณเหลือไม่มากแล้ว”
จ้าวเต๋อผิงรู้ว่าจางกว่างเจี๋ยจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของฝ่ายปฏิบัติการ ความจริงแล้วซีอีโอคนนี้มีอำนาจควบคุมในบริษัทสูงมาก และเขายังมีสายสืบภายในอยู่ในมือไม่น้อย เพราะฉะนั้นจึงหูตาไวเป็นพิเศษ
“อย่างนั้นก็ดี!”
เขาลุกขึ้นทันที แล้วพูดว่า “ผมจะรีบติดต่อลู่เฟย พรุ่งนี้จะไปคุยเรื่องสัญญาต่อหน้าเขาเลยครับ!”
จางกว่างเจี๋ยเอ่ย “เขาน่าจะอยู่ที่ปักกิ่ง คุณรีบไปรีบกลับ ช่วงนี้บริษัทก็กำลังจะจัดกิจกรรมแบบนี้เหมือนกัน”
จ้าวเต๋อผิงรู้ว่าตัวเองผ่านด่านมาแล้ว จึงรีบพูด “ผมจะรีบให้คนจองตั๋วเครื่องบินเดี๋ยวนี้เลยครับ!”
จางกว่างเจี๋ยพยักหน้าอีกครั้ง “เหล่าจ้าว ผมให้โอกาสคุณแค่นี้ ถ้าหากคุณทำเรื่องนี้พลาดอีก อย่างนั้นผมก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะช่วยคุณเก็บกวาดเสียงคัดค้านของคนในบริษัทให้ได้อีกแล้ว คุณเข้าใจไหม”
จ้าวเต๋อผิงได้ยินก็ใจสั่นวาบ
เขาพลันรู้สึกว่าอุณหภูมิแอร์ในออฟฟิศต่ำเกินไปแล้วจริงๆ!
…………………………………………………………………………