บทที่ 16 เรียกชั้นว่าเจ้าหนูจอมเจ้าเล่ห์
ดวงตาของเซี่ยเฉงเปิดกว้างขึ้น เขาหายใจอย่างยากลำบากพลางเอามือจับคอตัวเอง เขาทำได้แค่หายใจออกเท่านั้น ไม่สามารถหายใจเข้าได้ก่อนที่เขาจะทรุดลงไปกองกับพื้น
ไม่ใช่เพียงแค่เฉาจุนกับพรรคพวกของเขาเท่านั้นที่ตกใจกับเหตุการณ์นี้ แม้แต่ตี้ชีหยวนเองก็รู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน ก่อนที่เขาจะกระโจนเข้ามาห้ามซูเถาไว้
“ซูเถา , อย่าใจร้อน ให้ชั้นจัดการเอง อย่าทำร้ายคนอื่นนะ”
หลังจากเห็นซูเถาเคลื่อนไหวแบบนั้น รอยยิ้มอันแยบยลได้ปรากฎขึ้นที่มุมปากของเฉียวเต้อหาว เขารู้อยู่แล้วว่าซูเถาจะต้องฟิวส์ขาดและตกหลุมพรางที่เขาวางเอาไว้ และยิ่งซูเถาตอบโต้ เขาก็ยิ่งน่าสงสัยขึ้นไปอีก
บริษัทเภสัชกรรมหงหมิงนั้นไม่ได้เป็นบริษัทในท้องและได้ทำงานร่วมกันกับโรงพยาบาลเจียงหัวมาหลายปีแล้ว ผู้อำนวยการของหงหมิงนั้นเป็นเพื่อนสมัยมหาวิทลัยกับตี้ชีหยวน ในตอนนั้นที่โรงพยาบาลเจียงหัวมีผลประกอบการที่ไม่ค่อยดี บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆก็ไม่อยากจะร่วมธุรกิจด้วย ดังนั้น ตี้ชีหยวนจึงได้ไปหาเพื่อนของเขาแล้วขอชุดตัวอย่างยาฟรีมาจากเพื่อนของเขาา
ในทุกๆปี บริษัทเภสัชกรรมหงหมิงนั้นเป็นบริษัทผู้จัดจำหน่ายยารายใหญ่ที่สุดของโรงพยาบาลเจียงหัว และบริษัทอื่นได้ถูกตี้ชีหยวนตัดออกไปเมื่อพวกเขาต้องการเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งแม้แต่บริษัทยาที่เฉียวเต้อหาวแนะนำมาก็ถูกปฏิเสธเช่นกัน
เฉียวเต้อหาวจึงคิดว่าบางทีตี้ชีหยวนอาจจะมีข้อตกลงลับๆบางอย่างกับบริษัทเภสัชกรรมหงหมิงก็ได้ เมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาได้ส่งรายงานเรื่องนี้ให้กับสำนักอนามัยเมือง เขาฟ้องว่าตี้ชีหยวนใช้อำนาจในทางไม่ชอบเพื่อที่เขาจะได้รับเงินค่าส่วนแบ่ง
เนื่องจากตี้ชีหยวนนั้นมีสถานะบางอย่างในโลกของวงการเภสัช แต่ทว่าสำนักอนามัยเมืองได้นิ่งเงียบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นเฉียวเต้อหาวจึงได้ใช้ปมความขัดแย้งระหว่างซูเถาและเซี่ยเฉงในการจุดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง
ตราบใดที่สำนักอนามัยเมืองตั้งใจที่จะสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เฉียวเต้อหาวก็มั่นใจได้ว่าตี้ชีหยวนนั้นจะไม่มีทางเป็นผู้บริสุทธิ์ หรือหากมองในมุมมองของคนอื่นแล้ว ถ้าเขา(หมายถึงบุคคลภายนอก)ได้เป็นประธานของโรงพยาบาลเจียงหัว เขาจะปฏิเสธข้อเสนอที่น่าดึงดูดได้อย่างไร
เฉียวเต้อหาวยืนขึ้นก่อนจะชี้ไปยังซูเถา “อวดดีนัก นอกจากจะมีความผิดแล้วยังจะอาละวาดอีก จับเขาเร็วเข้า !”
พวกตำรวจได้ตอบสนองด้วยการหยิบกระบองออกมา อย่างไรก็ตาม พวกตำรวจควงกระบอง พลางสายตาของพวกเขากลับมองไปทางเซี่ยเฉง
บางที ที่ตำรวจเอากระบองตีเซี่ยเฉงอาจจะยังบอกอะไรไม่ได้ แต่การที่ตำรวจคนเดิมนั้นได้เอากระบองนั้นไล่ตีตำรวจคนอื่น เขารู้ได้ในทันทีว่านี่เป็นฝีมือของซูเถา !
หลังจากเห็นเซี่ยเฉงกำลังถูกจับ ถ้าซูเถาไม่ได้ยั้งมือเอาไว้บางทีเซี่ยเฉงอาจจะขาดอากาศหายใจตายไปแล้วก็ได้ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนมาเตะเซี่ยเฉงแทน เซี่ยเฉงรู้สึกโล่งใจพลางหายใจเข้าลึกๆ ในตอนนั้นเขารู้สึกราวกับกำลังก้าวเข้าไปสู่ประตูแห่งความตาย
จุดฝังเข็มนั้นสามารถใช้รักษาอาการป่วยได้ และในขณะเดียวกันก็สามารถใช้ทำร้ายคนได้เหมือนกัน ที่จุดเทียนถูนั้นไม่ใช่แค่รักษาโรคฮิสเทียเรีย แต่มันสามารถทำให้คนหายใจไม่ออกได้ด้วย
เมื่อเซี่ยเฉงรู้สึกตัวว่าเขาได้กลับมาสู่โลกของมนุษย์แล้ว ซูเถาก็ได้ประเคนลูกเตะเข้าไปที่กระดูกสันหลัง ทันใดนั้น เขาก็ลงไปนอนตัวขดด้วยอาการปากสั่น
ความเจ็บปวดที่ไร้ซึ่งเสียงทำให้ทุกคนรู้สึกกะโหลกศรีษะชา ในขณะที่เฉียวเต้อหาวอ้าปากค้างด้วยความอึ้งในสิ่งที่เกิดขึ้น
ทุกคนต่างเปลี่ยนท่าทีของตัวเองเมื่อรู้ว่าซูเถานั้นไม่ได้อ่อนแออย่างที่เห็น
หลังจากที่เขาได้ระบายโทสะออกมา ซูเถาได้ใจเย็นลงและนั่งยิ้มอย่างสบายๆ “หัวหน้าเฉา , ก่อนหน้านี้เฉียวเต้อหาวกับเซี่ยเฉงได้พูดแล้ว คราวนี้ผมจะขอพูดบ้าง”
เฉาจุนมีเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผาก “หมอซู เล่าซะ”
ซูเถาค่อยๆอธิบายอย่างช้าๆ “เรื่องมันก็ง่ายๆ , เฉียวเต้อหาวกับเซี่ยเฉงได้สมรู้ร่วมคิดกันกำไฟล์บันทึกเสียงปลอมขึ้นมา พวกเขาแอบเอาของมาวางไว้ที่ห้องของผมในตอนที่ผมไม่อยู่ ถ้าผมเดาไม่ผิด พวกเขาจะต้องสมรู้ร่วมคิดกันกับตัวแทนคนนั้นด้วย ดังนั้นถึงแม้ว่าประธานตี้จะคุยกับตัวแทนนั่นแบบซึ่งๆหน้าก็คงจะติดกับที่พวกนั้นวางเอาไว้อยู่ดี”
เฉียวเต้อหาวยิ้ม “ปากกล้านักนะ นี่นายคิดจะใส่ร้ายชั้นแทนหรือยังไงกัน ?”
สีหน้าของตี้ชีหยวนดูจริงจัง ซูเถาวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง ซึ่งตัวเขาเองนั้นก็ได้ติดกับที่อีกฝ่ายวางไว้ไปก้าวนึงแล้ว
เฉาจุนพูดด้วยความลำบากใจ “หมอซู , นี่มันเป็นแค่การกล่าวหาฝ่ายเดียว ยังไม่มีหลักฐานอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าเราพาตัวแทนนั่นมาที่นี่ เขาก็จะเป็นพยานในทุกเรื่องได้”
ซูเถายิ้ม “ผมก็มีหลักฐานเหมือนกัน”
เฉาจุนถามด้วยความแปลกใจ “หลักฐานอะไร ?”
ซูเถาพูดต่อ “ผมจะพาทุกคนไปยังที่สำนักงานของผม”
พอเห็นว่าซูเถาพูดด้วยความมั่นใจ เฉียวเต้อหาวก็คิดว่าซูเถานั้นแกล้งทำเป็นมั่นใจไปอย่างนั้นแหละ แผนการของเขานั้นสมบูรณ์แบบไม่มีช่องโหว่ และเขาก็ได้ติดสินบนตัวแทนคนนั้นเอาไว้ด้วยเช่นกัน ซึ่งหากเริ่มเปิดไฟล์สอบสวนอีกครั้ง ทั้งซูเถาแล้วตี้ชีหยวนก็ไม่สามารถดิ้นหลุดได้
เฉาจุนพยักหน้าก่อนที่จะพูดต่อ “แต่ก่อนอื่นช่วยปฐมพยาบาลให้เซี่ยเฉงก่อน”
ซูเถาส่ายหัวปฏิเสธ “ความเจ็บปวดทางกายนั้นเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดทางใจ ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ เขายังไม่ตายในทันทีหรอก ผมจะกลับมารักษาเขาหลังจากที่จัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว”
ซูเถานำทุกคนไปยังสำนักงานของเขา พวกตำรวจอาการดีขึ้นแล้ว พวกเขาต่างมองไปยังซูเถาด้วยความกลัวจนไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขา
เซี่ยเฉงดูน่าสงสารในตอนที่เขานอนกระตุกอยู่ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น
ก็ยังมีส่วนที่น่ารังเกียจอยู่ดี
หลังจากที่คนอื่นๆออกไปกันหมดแล้ว เฉียวเต้อหาวมองไปยังเซี่ยเฉงที่นอนกระตุกอยู่บนพื้นพลางถอนหายใจ
ทุกคนตามซูเถาเข้าไปในสำนักงาน เมื่อซูเถาเดินไปเปิดไฟล์ที่คอมของเขา หลังจากเปิดไฟล์วิดีโอ เริ่มมีเหงื่อปรากฏขึ้นมาบริเวณหน้าของเฉียวเต๋อเหาในตอนที่เขาเห็นไฟล์ดังกล่าว
ซูเถาเลื่อนเม้าส์ไปยังเวลา 20.40 น. เป็นตอนที่เซี่ยเฉงเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋า และใส่มันไว้ในลิ้นชัก
ความจริงได้ปรากฎขึ้นแล้ว ในตอนแรกเฉียวเต้อหาวคิดว่าแผนการของเขานั้นสมบูรณ์ แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าซูเถาจะเจ้าเล่ห์ถึงขนาดแอบติดตั้งกล้อง cctv เอาไว้ในห้องด้วย ซึ่งได้บันทึกเหตุการณ์ที่เซี่ยเฉงพยายามใส่ร้ายซูเถาเอาไว้
เมื่อเทียบกับ “เทปบันทึกเสียง” แล้ว อันนี้ดูมีน้ำหนักกว่าเยอะ ซึ่งในเวลาออันสั้นแบบนี้ไม่สามารถตัดต่อวิดีโอได้แน่นอน
เฉาจุนมองไปยังเฉียวเต้อหาวก่อนที่จะพูด “นี่เหรอคือความจริงที่คุณว่า ?”
เฉียวเต้อเหาไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเฉาจุน เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เซี่ยเฉงหลอกผม , เขามาหาผมในตอนเช้าและบอกว่าเขามีหลักฐานบางอย่างเกี่ยวกับการที่ซูเถานั้นตกลงอะไรบ่างออย่างกับตัวแทนของบริษัทเภสัชกรรมหงเชงก่อนที่จะเอาเทปบันทึกเสียงมาให้ผม ผมไม่คิดว่าเขาจะโกหกผม”
“ผมนึกออกแล้ว ! , เขาจะต้องไม่พอใจที่ตำแหน่งหัวหน้าแผนกนั้นถูกแย่งไปแน่ๆ” เฉียวเต้อเหาแก้ตัว เขาได้โยนความผิดไปให้คนอื่นแทน
เขาได้บอกเซี่ยเฉงเอาไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว ว่าหากเรื่องนี้ถูกเปิดโปงขึ้นมา ให้เซี่ยเฉงออกหน้ารับไปโดยเป็นคนทำเรื่องนี้ทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว
อย่างไรก็ตาม เฉียวเต้อเหาได้รับประกันกับเซี่ยเฉงไว้แล้วว่าจะแนะนำเขาให้โรงพยาบาลอื่น
เฉาจุนขมวดคิ้วก่อนที่จะเดินไปมา “ความจริงได้ถูกเปิดเผยแล้ว โดยที่เซี่ยเฉงนั้นเป็นตัวการ เขาจะต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝ่ายวินัยของโรงพยาบาลจะเป็นคนตัดสินเองว่าเขาจะยังอยู่ที่นี่หรือจะถูกไล่ออก”
คำพูดของเฉาจุนได้ตัดสินความผิดของเซี่ยเฉงแล้ว
ตี้ชีหยวนพูดขึ้นมา “เรื่องนี้มันยังไม่จบหรอก , ทางสำนักความมั่นคงจะร่วมกับกรรมการสอบวินัยของทางเราในการสืบสวนว่ามีสมรู้ร่วมคิดอีกเหรอไม่ , ผมคิดว่าเซี่ยเฉงไม่กล้าพอที่จะลงมือคนเดียวแน่ เราจะต้องสืบหาผู้บงการตัวจริง!”
เฉาจุนส่ายมือก่อนที่จะปฏิเสธ “ไม่จำเป็นต้องสืบเพิ่มเติมหรอก ให้เรื่องมันจบแค่ตรงนี้เถอะ”
ทุกคนสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะพอแค่นี้ถ้าหากเขาเป็นเฉาจุน , ท่าหากมีปัญหาเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลเจียงหัว ภาระความรับผิดชอบของเขาจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้เป็นแน่ นอกจากนี้ เฉียวเต๋อเหาก็ยังเป็นตัวหมากที่สำคัญสำหรับเขาในโรงพยาบาลแห่งนี้ เขาจะเสียมันไปในตอนนี้ไม่ได้
เมื่อตี้ชีหยวนได้ยินเฉาจุนพูดอย่างนั้น เขาก็จ้องมองด้วยสายตาที่เย็นชา
ซูเถารู้ว่าเรื่องนี้มันจะต้องมีเบื้องหลังแน่ๆ แต่เขาไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับมันอีก เขาจึงพูดขึ้น “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อน วันนี้เป็นคิวให้คำปรึกษาของผม ยังมีคนไข้อีกมากที่ผมต้องดูแล”
แต่ก่อนที่เขาจะออกไป ตี้ชีหยวนได้เรียกซูเถา “แล้วเซี่ยเฉงล่ะ ?”
ซูเถายิ้ม “อีกครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นแล้ว”
ตี้ชีหยวนถอนหายใจพลางนึกไปว่าซูเถาเป็นคนที่ยากจะหยั่งถึงจริงๆ ในตอนแรกเขาคิดว่าซูเถานั้นยังเด็กและไร้เดียงสา แต่พอมองดูตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่ยากจะยากแท้หยั่งถึงไปซะแล้ว
ก่อนหน้านี้ , ทุกคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับซูเถาที่เขาลงมืออัดเซี่ยเฉงไปโดยไร้เหตุผล
แต่หารู้ไม่ว่าทั้งหมดนั้นอยู่ในมือซูเถาแล้ว ใครจะไปคิดว่าซูเถาจะติดกล้อง cctv เอาไว้ในสำนักงานของตัวเอง ?
หลังจากที่ความจริงปรากฎ , ทุกคนก็มองเซี่ยเฉงด้วยสายตารังเกียจและขยะแขยง
ในขณะเดียวกันตี้ชีหยวนก็ได้ชื่นชมซูเถามากขึ้นไปอีกจากเหตุการณ์ โรงพยาบาลนั้นเปรียบเสมือนสังคมๆหนึ่งที่มีผู้คนอยู่ทุกประเภท ซึ่งมีเพียงคนที่ใจเย็นและรู้จักป้องกันตนเองเท่านั้นที่สามารถเจริญก้าวหน้าที่สุด
ตี้ชีหยวนมองไปที่เฉียวเต๋อเหาและรู้ว่าเฉียวเต๋อเหานั้นคิดเช่นเดียวกับตนแน่ พอพวกเขากลับไปที่สำนักงาน ก็ได้ตรวจสอบดูว่ามีใครแอบเอากล้องสอดแนมมาติดตั้งไว้หรือเปล่า
ผู้ป่วยจำนวนมากได้มีการจองคิวแผนก TCM ไว้เนื่องจากการรักษานั้นค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร และการรักษาแบบฉุกเฉินนั้นเปรียบได้กับแพทย์แผนตะวันตก ดังนั้น ซูเถาจึงได้เลือกการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อรักษาผู้ป่วย
เขาเข้าใจดีว่าถ้าอยากให้ตำหนักของเขานั้นเป็นที่รู้จัก มันจะต้องไม่ดูเงียบเกินไป โรงพยาบาลเจียงหัวให้สร้างฐานลูกค้าให้กับเขาและเขาจะค่อยๆย้ายฐานลูกค้าของเขาไปที่ตำหนักแทน
หลายคนจะจำได้เพียงหมอเทวดาประจำตำหนัก ซูกวงเฉิงเท่านั้น ไม่ใช่ที่ตัวซูเถาเอง ซึ่งสำหรับผู้ป่วย ความรู้และประสบการณ์ของหมอนั้นดูมีน้ำหนักว่าร้านขายยาและคลีนิค ดังนั้นหลังจากซูกวงเฉิงตาย ลูกค้าจึงลดลง ในตอนนี้ซูเถาจำเป็นต้องสร้างความนิยมในตัวเขาอย่างเร่งด่วน