บทที่ 23 ฤดูใบไม้ผลิของเสี่ยวจิงจิง
หวังกุ้ยเฟิงได้ตัดสินใจเดินออกไป เพราะเขาเข้าใจสถานการณ์ของที่หางโจวดีว่ามันเป็นยังไง ถึงแม้ว่าเขาจะเห็นซูเถาโชว์ทักษะต่างๆ แต่นั่นก็ไม่สำคัญในสายตาของเขา
ตระกูลหวังนั้นได้ร่ำเรียนวิชาแพทย์มาตั้งแต่สมัยราชวงค์ถังแล้ว ถึงแม้จะมีหลายตระกูลที่ล้มเลิกไป แต่ตระกูลหวังยังคงร่ำเรียนและฝึกฝนวิชาการแพทย์มาเรื่อยๆจนวิชาของพวกเขานั้นแข็งแกร่ง พ่อของหวังกุ้ยเฟิงเป็นหัวหน้าของทีมสาธารณสุขแห่งรัฐ และตัวเขาเองก็ได้สืบทอดวิชาการแพทย์มาจากพ่อด้วยเช่นกัน และด้วยฝีมือของเขาในตอนนี้ สามารถสืบทอดตำแหน่งต่อจากพ่อของเขาได้อย่างง่ายดาย
หวังกุ้ยเฟิงเป็นคนที่เข้าถึงยาก ในสายตาของเขาแล้ว ซูเถาเป็นเพียงแค่แพทย์ที่มีความสามารถเท่านั้น ซึ่งเทียบกับเขาไม่ได้เลย
“อาจารย์ใหญ่ถง ผมมีเรื่องจะแจ้งให้คุณทราบ อีกหนึ่งเดือนนับจากนี้ ที่นี่จะถูกวางให้เป็นเจ้าภาพในงานแข่งขันที่จะถึง และหากสถานการณ์ที่หางโจวยังเป็นแบบนี้ ที่นี่จะถูกยุบ”
ถงเมิ่งูฉู่ขมวดคิ้วก่อนที่จะตอบกลับ
“ถึงกับยุบทิ้งนี่มันไม่ไร้เหตุผลไปหน่อยเหรอ ?”
หวังกุ้ยเฟิงตอบกลับ “เราได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว ปัญหามันอยู่ที่ว่าวิทยาเขตหางโจวนั้นอ่อนแอเกินไป วิทยาลัยการแพทย์เจียงหัวกำลังจะรวมเข้ากับมหาลัยอื่นๆ ดังนั้นจำเป็นจะต้องกำจัดส่วนที่อ่อนแอทิ้งไปก่อนที่การรวมจะเริ่มขึ้น”
เมื่อได้ยินดังนั้นสายตาของถงเมิ่งูฉู่ก็เต็มไปด้วยความกังวล แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ถามกลับไป
“แล้วถ้าวิทยาเขตหางโจวพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นล่ะ มันจะเป็นยังไง ?”
หวังกุ้ยเฟิงยิ้ม “ที่นี่ก็จะไม่ถูบยุบ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนที่มากขึ้นด้วย ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถล่ะนะ แต่หากตัดสินจากสภาพของที่นี่ในตอนนี้ ผมมองว่ามันยากมากๆ”
พอเห็นว่าหวังกุ้ยเฟิงสบประมาทที่นี่ ถังเมิ่งฉู่รู้สึกไม่พอใจ หลังจากที่รถออดี้ได้ขับออกไป ดูเหมือนว่าเขาจะต้องคุยกับถังหนานเชงเรื่องนี้ซักหน่อย
ความวุ่นวายยังคงเกิดขึ้นในชั้นเรียน ถึงแม้เสียงกริ่งหมดคาบจะดังแล้ว แต่ก็ยังคงมีเหล่านักเรียนคอยถามคำถามซูเถาอยู่เป็นระยะๆ
ดวงตาของหลิวเฉียนเปล่งประกาย เธอกระซิบ “นี่ฟ้าส่งเขามาเกิดหรือไงเนี่ย ? เขา….ช่างน่าทึ่งจริงๆ”
เสี่ยวจิงจิงมองดูซูเถาด้วยใจที่เต้นระรัว เธอพยายามสงบสติอารมณ์ก่อนที่จะตามหาเขาหลังหมดคาบเรียนเพื่อที่จะขอเป็นลูกศิษย์ของเขา
หลังซูเถาตอบปฏิเสธนักเรียนคนสุดท้าย เขาก็ได้พูดขึ้น “ชั้นต้องขอบคุณศาสตราจารย์ถังที่ได้ให้โอกาสในการสอนครั้งนี้ ชั้นไม่ใช่อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยนี้หรอก เหตุผลที่ชั้นมาที่นี่เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจถึงการแพทย์แผนจีนและได้แบ่งปันประสบการณ์ให้ได้สัมผัสกันว่ามันน่าสนใจแค่ไหน”
“วิธีการสอนของคุณมันเจ๋งกว่าอาจารย์คนอื่นๆซะอีก !” มีนักเรียนตะโกนขึ้นมา
ซูเถาโบกมือเพื่อให้ทุกคนเงียบก่อนที่เขาจะพูดต่อ “หนึ่งนาทีบนเวทีนั้น ต้องทำงานถึงสิบปีเพื่อให้เทียบเท่า ไม่มีผลผลิตถ้าไม่มีการเก็บเกี่ยว หากพวกคุณทุกคนต้องการเป็นแบบชั้น จงมุ่งมั่นตั้งใจฝึกฝนเข้าไว้ !”
เขาหยุดไปชั่วขณะก่อนจะหันไปมองถังหนานเชงและพูดต่อ “ขออนุญาตโฆษณาซักครู่ , พอดีตอนนี้ชั้นเปิดร้านขายยาอยู่ และชั้นกำลังมองหานักเรียนที่มีความฝันและต้องการอยู่ภายใต้การฝึกสอนของชั้น ถ้าสนใจทิ้งข้อความมาหรือไม่ก็โทรติดต่อชั้นได้เลย”
ถึงแม้ซูเถาจะลงจากหน้าเวที เสียงปรบมือยังดังขึ้นไม่หยุด เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าการสอนครั้งนี้จะประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้
ถังหนานเชงเดินมาที่ซูเถาก่อนจะยิ้ม “นักเรียนพวกนี้ติดใจเธอซะแล้วสิ”
ซูเถาตอบกลับ “ผมแค่พูดไปตามที่คิดเท่านั้นเอง”
ถังหนานเชงถอนหายใจ “เมื่อก่อนชั้นก็เป็นเหมือนนายนี่แหละ หลงไหลในการแพทย์จีน แต่มันพลิกผันไปอย่างมากทีเดียวในช่วงปีที่ผ่านมา แค่ชั้นคนเดียวทำอะไรไม่ได้เลย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ชั้นรับตำแหน่งอาจารย์กิตติมศักดิ์ของที่นี่เพื่อที่จะค้นหาเมล็ดพันธุ์ที่สามารถช่วยแพทย์แผนจีนได้”
ซูเถายิ้ม “ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ”
ถังหนานเชงพูดกับซูเถาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นายคิดจะมาเป็นอาจารย์ของที่นี่มั้ยล่ะ ? ถ้าเป็นนาย จะต้องทำได้ดีกว่าชั้นแน่นอน”
ซูเถาไม่ได้ตอบคำถามนั้น พวกเขาทั้งสองได้พูดคุยกันขณะเดินออกจากห้องไป
ถงเมิ่งฉู่ได้ยืนรอพวกเขาอยู่พร้อมกับรอยยิ้ม “คุณถัง , ลูกศิษย์ของคุณช่างยอดเยี่ยมจริงๆ !”
ถังหนานเชงชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะรีบอธิบาย “เขาไม่ใช่ลูกศิษย์ของผมหรอก , ถ้าจะให้พูด เขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่โรงพยาบาลผมที่เจียงหัว เขามีชื่อว่าซูเถา”
ถงเมิ่งฉู่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “งั้นแสดงว่าเขาต้องจบมาจากโรงเรียนชั้นยอดอย่าง
แน่นอน”
ถังหนานเชงเดินต่อไปในขณะที่เขาแนะนำถงเมิ่งฉู่ให้ซูเถา “นี่คืออาจารย์ใหญ่ของวิทยาเขตหางโจว”
ถงเมิ่งฉู่ยิ้ม “ตอนแรกชั้นคิดว่าอาจารย์ถังจะเข้ามาดำเนินการสอนโดยพาพวกหัวกะทิเข้ามาด้วยเท่านั้นเอง , แต่การสอนของมิสเตอร์ซูนั้นช่างน่าทึ่งจริงๆ ชั้นอยากจะเชิญนายให้มาเป็นอาจารย์พิเศษของที่นี่ได้ไหม ถ้านายสนใจล่ะนะ”
ซูเถารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าจะถูกเชิญให้เป็นอาจารย์เพียงแค่การสอนแค่คาบเดียวเท่านั้น เขารู้ดีว่าในฐานะอาจารย์กิตติมศักดิ์ของถังหนานเชงนั้นไม่ได้มีอำนาจอะไรมากนัก ดังนั้นซูเถาจึงยังไม่รีบตอบในทันที ถึงแม้ว่าเขาจะเห็นด้วยกับคำแนะนำของถังหนานเชงก็ตาม อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องผ่านกระบวนการตามระเบียบของมหาวิทยาลัย ซึ่งหลังจากที่ถงเมิ่งูฉู่เชิญเขานั่นแหละ ถึงจะได้ข้อสรุป
ซูเถาไม่ได้รู้สึกละอายใจ เขาจำเป็นต้องทำงานอย่างอื่นไปด้วยหากต้องการที่จะพัฒนาตำหนักของเขา โรงพยาบาลเจียงหัวจึงได้จัดหากลุ่มลูกค้าให้กับเขา ถึงแม้ว่าคุณภาพของนักเรียนที่นี่จะไม่ได้ดีมากนัก แต่ก็มีบางคนที่ยังใช้ได้
ซูเถาแสดงสีหน้ากังวลก่อนจะตอบกลับ “อาจารญ์ใหญ่ถง ผมไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการเป็นอาจารย์รับเชิญหรอก เพียงแต่ผมมีวิธีการสอนของผม ดังนั้นอยากให้ทางมหาลัยให้ความร่วมมือกับผมด้วย”
พอเห็นซูเถาดูเหมือนจะตอบตกลง ถงเมิ่งฉูู่รู้สึกดีใจอย่างมาก่อนจะตอบกลับกลับ “ได้โปรดว่ามาเลย เราจะจัดให้ตามที่คุณขอ !”
ซูเถาตอบ “ผมจะคัดเลือกนักเรียนห้าคนจากชั้นเรียนฝึกงานระยะสั้นเพื่อจะให้พวกเขาได้สัมผัสประสบการณ์ภาคปฏิบัติจริงที่ตำหนักของผม”
ถงเมิ่งฉู่คิดว่าซูเถาจะขอเงินจำนวนมากซะอีก เขาไม่คิดว่าซูเถาต้องการแค่คนห้าคนเท่านั้นเอง “ไม่มีปัญหา , ผมจะบอกพวกนักเรียนให้ความร่วมมือกับคุณเอง เชิญคุณเลือกได้เลย แต่ผมก็มีเรื่องจะขอร้องเหมือนกัน”
ซูเถาถาม “คุณต้องการออะไรงั้นเหรอ ?”
“วิทยาลัยเจียงหนานแผนกแพทย์แผนจีนจะจัดให้มีการแข่งขันเร็วๆนี้ ผมอยากให้คุณเป็นตัวแทนของวิทยาเขตหางโจวเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้” ถงเมิ่งฉู่วางแผนเอาไว้ ซูเถาอายุยังน้อย และเขาต้องการให้ซูเถาเข้าร่วมการแข่งขันในฐานะนักเรียนซึ่งมันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
แม้แต่หวังกุ้ยเฟิงยังยอมรับในเทคนิคของซูเถา ซึ่งถ้าเขาสามารถเป็นตัวแทนของวิทยาเขตหางโจวได้ พวกเขาก็จะชนะได้อย่างง่ายดาย
ซูเถาได้คิดชั่วครู่ก่อนจะตอบกลับ “ผมไม่ใช่นักเรียนของวิทยาเขตหางโจว มันคงไม่เหมาะเท่าไหร่ถ้าผมจะไปเป็นตัวแทน แต่ได้โปรดวางใจ ผมจะฝึกฝนเหล่านักเรียนให้กลายเป็นสุดยอดนักเรียนภายในหนึ่งเดือนเพื่อที่พวกเขาจะได้เข้าไปโชว์ทักษะของตัวเองในการแข่งขันครั้งนี้”
ถงเมิ่งฉู่แปลกใจเล็กน้อยกับการตัดสินใจของซูเถา แต่เขาก็ตอบตกลง ด้วยพรสวรรค์ของซูเถา มันไม่เสียหายอะไรในการที่ให้เขาได้ลองทำดู ซึ่งถ้าหากเหล่านักเรียนยังคงไร้ความสามารถ เขาก็จะส่งซูเถาไปเป็นตัวแทนอยู่ดี
หลังจากแยกตัวกับถังหนานเชงและถงเมิ่งฉู่แล้ว ซูเถาได้ยืนรอเรียกแท็กซี่อยู่ ในตอนนั้นเอง จู่ๆได้มีนักเรียนหญิงสองคนเดินมาที่ซูเถาซึ่งเขาจำทั้งสองได้เพราะทั้งคู่นั่งอยู่แถวด้านหน้าในคาบเรียนของเขา
“พ่อรูปหล่อ , ชั้นอยากจะฝึกงานที่ตำหนักของนาย” หลิวเฉียงกล่าวอย่างมั่นใจ “ที่จริงพ่อของชั้นได้เตรียมที่ฝึกงานไว้ให้ชั้นแล้ว แต่ของคุณดูหน้าสนใจกว่าเยอะ ชั้นจึงอยากฝีกงานที่ร้านขายยาของนาย”
ถึงแม้ซูเถาจะไม่ได้ขัดแย้งอะไรกับหลิวเฉียง แต่เขาก็ตอบปฏิเสธกลับไป “ที่ตำหนักงานเยอะนะ คนธรรมดารับไม่ไหวหรอก”
“ชั้นทำได้ !” มีเสียงตอบกลับดังขึ้นหลังจากที่ซูเถาพูดจบ เป็นเสียงของเสี่ยวจิงจิง “ขอแค่คุณรับชั้นเป็นศิษย์ไม่ว่างานหนักแค่ไหนชั้นก็จะทำ !”
ซูเถามองไปยังหลิวเฉียงก่อนจะหันไปมองเสี่ยวจิงจิง หลังจากนั้น เขาก็เดินไปที่เสี่ยวจิงจิง “เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เลย ตอนนี้เธอเป็นแพทย์ฝึกหัดของตำหนักแล้ว”
“ทำไมเป็นหล่อนไม่ใช่ชั้นล่ะ ?” หลิวเฉียงไม่พอใจ ตอนแรกเธอมากับเสี่ยวจิงจิงเพื่อให้มาเป็นตัวเปรียบเทียบเท่านั้น หากมองจากบุคลิคแล้ว เธอย่อมเหนือกว่าเสี่ยวจิงจิงแน่นอน
ซูเถาส่ายหัวก่อนจะยิ้ม “เธอสามารถจำตำราแพทย์แผนจีนได้ แต่เธอทำไม่ได้ นั่นหล่ะเหตุผล”
หลังจากรถแท็กซี่จอดรับซูเถาขึ้นไป หลิวเฉียงมองไปยังเสี่ยวจิงจิงด้วยสายตาริษยาและความโกรธแค้น “มันจะมากเกินไปแล้ว”
ในมุมมองของหลิวเฉียว เสี่ยวจิงจิงเป็นคนทำลายแผนการของเธอ
เสี่ยวจิงจิงอธิบาย “แต่ชั้น…ชั้นอยากจะเรียนกับเขาจริงๆนะ”
หลิวเฉียนพูดกับเสี่ยวจิงจิงด้วยความอารมณ์เสีย “ชั้นไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะโดนคนแบบนั้นปฏิเสธได้ ชั้นได้ฝึกงานที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด ส่วนเธอฝึกงานกับร้านยาเล็กๆ อนาคตของเธอเทียบกับของชั้นไม่ได้หรอก”
เสี่ยวจิงจิงส่ายหัวก่อนจะตอกกลับ “ถึงแม้จะเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด มันก็ไม่ได้มีทักษะการแพทย์มากไปกว่าเขาหรอก ฉันสามารถเรียนรู้หลายๆอย่างได้จากเขา !”
หลิวเฉียวโกรธมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เสี่ยวจิงจิงกล้าเถียงเธอ ก่อนที่เธอจะหันกลับและเดินออกไป อย่างไรก็ตาม เธอเดินสะดุดเนื่องจากมันเป็นทางต่างระดับก่อนที่หล่อนจะลุกขึ้นมาและเดินกะเผลกออกไป
เสี่ยวจิงจิงยังคงตกตะลึงด้วยความประหลาดใจ ซูเถารู้ได้ยังไงว่าเธอจำตำราแพทย์แผนจีนได้
เธอไม่รู้เลยว่าซูเถานั้นได้เล็งนักเรียนเอาไว้แต่แรกแล้ว ซึ่งนั่นรวมถึงเสี่ยวจิงจิงด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้คุยกับเสี่ยวจิงจิงเลยในชั้นเรียน ซูเถาก็รู้ว่าเธอนั้นจำตำราแพทย์แผนจีนได้ในตอนที่เธอพึมพำเกี่ยวกับมันก่อนที่ชั้นเรียนจะเริ่ม
ด้วยความสามารถของเขานั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่นักเรียนธรรมดาจะกลายเป็นหมอได้ภายในหนึ่งเดือน