บทที่ 27 จิตใจของหญิงสาวนั้นยากจะคาดเดา
หยานจิ้งตะคริวกิน ถึงแม้ว่าจะมีทักษะการว่ายน้ำที่ดีเยี่ยมขนาดไหน ก็สามารถที่จะจมน้ำได้เช่นกัน
ในขณะที่เธอเพิ่งจะเริ่มว่ายน้ำแข่งกับเวร่า การออกแรงมากเกินไปทำให้เธอนั้นเป็นตะคริว
หยานจิ้งดื่มน้ำในสระมากเกินไป ก่อนที่เธอจะรูสึกได้ว่ามีคนพาเธอขึ้นมาจากสระและเธอก็สลบไป
การจมน้ำนั่นน่ากลัวมาก ในหนังหรือนิยายนั้นมักจะทำให้คนเข้าใจผิดว่าการช่วยคนที่จมน้ำเป็นเรื่องง่าย โดยหากช่วยภายในหนึ่งชั่วโมงก็รอดตายแล้ว แต่ความเป็นจริงนั้น แค่จมน้ำ 2 นาทีก็มีโอกาสที่จะเสียชีวิตได้แล้ว
นักกีฬามืออาชีพนั้นจะต้องใช้เวลาประมาณ 30 วินาทีในการวอร์มร่างกายก่อนว่ายน้ำระยะ 50 เมตร ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาที่ซูเถาใช้ในการช่วยหยานจิ้ง
ซูเถาดึงหยานจิ้งขึ้นมาจากน้ำ ถึงแม้ว่าเธอจะสวมชุดว่ายน้ำแนวอนุรักษ์นิยม มันก็ยังเผยให้เห็นถึงต้นขาของเธอ อีกทั้งชุดว่ายน้ำนั้นยังแนบติดกับตัวเธอจนทำให้เห็นถึงรูปร่างโค้งเว้าได้รูป
“มีไลฟ์การ์ดแถวนี้บ้างมั้ย ?” เวร่าขึ้นมาจากสระก่อนจะถามด้วยความประหลาดใจ
“พวกเขาสองคนถูกสั่งให้อยู่ข้างนอกเนื่องจากเมื่อกี้พวกเราคุยธุระสำคัญกันอยู่” ซูเถาจับจุดเร็นจง(จุดใต้จมูก)ของหยานจิ้ง แต่เธอก็ไม่มีปฏิกิริดาใดๆเลย ทำให้เขาขมวดคิ้ว
วิธีทั่วไปในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแก่ผู้ที่จมน้ำคือการทำ CPR เนื่องจากคนธรรมดานั้นไม่รู้จุดฝังเข็ม ดังนั้น การทำ CPR คือการกระตุ้นการทำงานขอองหัวใจของเหยื่อที่จมน้ำ
ซูเถามีหลายทางเลือกในการปฐมพยาบาล แต่เนื่องจากความแตกต่างทางเพศ มันทำให้เขาลำบากใจที่จะจับหน้าอกของเธอ ดังนั้น เขาจึงใช้นิ้วโป้งวางไปบนบริเวณท้องน้อยและค่อยๆกดลงไปอย่างเบามือ
สุดท้าย ซูเถาได้เลือกใช้จุดฉีซงก่อนจะถ่ายพลังฉี (พลังแห่งชีวิตซึ่งไหลเวียนภายในร่างกายของคน คล้ายๆกับพลังลมปราณ) เข้าไปที่ลำคอของหยานจิ้งก่อนที่เธอจะสำลักน้ำออกมา
แต่พอเธอรู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นมา เธอกลับรู้สึกว่าเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าเธอนั้นค่อนข้างน่าอึดอัดใจ เธอจึงแกล้งทำเป็นสลบต่อ
ซูเถานั้นไม่รู้ว่าหยานจิ้งนั้นแกล้งสลบอยู่ เขาจึงหันไปพูดกับเวร่า “ไปบอกพวกข้างนอกให้เรียกรถพยาบาลมาเร็วเข้า !”
เวร่าพยักหน้า ก่อนที่เธอจะเดินออกไปที่ประตูทางออกของ Aqua Brook
ซูเถามองไปที่เอวของหยานจิ้ง ปั้นท้ายและกลีบอูฐของเธอ
ในขณะที่เขามองหยานจิ้งในสภาพนี้อยู่ เลือดในร่างกายของเขาก็ไหลพล่านสูบฉีดไปทั่วร่าง เขารีบใช้ผ้าเช็ดตัวคลุมเป้ากางเกงเอาไว้อย่างรวดเร็วเพื่อปกปิดความน่าอายและการตื่นของเจ้าน้องชายไม่ให้คนอื่นเห็น
หยานจิ้งรู้สึกตัวอยู่แล้ว เธอจึงเห็นว่าซูเถานั้นกำลังทำอะไรอยู่ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกสนุกมากทีเดียว
เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะนำตัวหยานจิ้งขึ้นวางไว้บนเปลพยาบาล เวร่ามองซูเถาก่อนจะแกล้งล้อเขา “ทำไมนายไม่ทำ CPR ล่ะ ? ชั้นว่าหน้าอกของประธานหยานจะต้องทำให้นายประทับใจแน่นอนเลยเชียวล่ะ”
ซูเถามีเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผาก ก่อนเขาจะตอบกลับอย่างลุกลี้ลุกลน “ชั้นเป็นหมอนะ , ถ้าใช้วิธีพื้นๆแบบนั้นมันก็ดูธรรมดาไปหน่อย ”
เวร่าทำเสียงดุเบาๆ “งั้นนายก็ควรจะยินดีซะเถอะที่ไม่ได้ทำแบบนั้น ขืนนายจับหน้าอกหล่อนละก็ รับประกันได้เลย นิ้วนายโดนชั้นกัดแน่ !”
ซูเถาประหลาดใจกับคำพูดของเวร่า “เธออิจฉาเหรอ ?”
เวร่าตอบกลับด้วยท่าทางรังเกียจ “บ้าสิยะ ชั้นแค่รู้สึกว่ามันจะไม่ยุติธรรมกับประธานหยาง ชั้นรู้ว่านายมีทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นชั้นจะรู้สึกผิดหวังและสมเพชนายมากหากนายคิดจะเอาเปรียบเธอ”
ซูเถาถอนหายใจ เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีร่างกายส่วนหนึ่งของเขาพยายามที่จะทำ CPR กับหยานจิ้ง สุดท้ายแล้ว ความงามของเธอนั้นจัดได้ว่ายากจะหาคนเปรียบเทียบด้วย แต่หากเวร่าสมเพชเขาเพราะเรื่องนี้มันจะทำให้เขานั้นรู้สึกแย่มากทีเดียว
ซูเถายืนยันเสียงแข็ง “ชั้นเป็นสุภาพบุรุษพอน่า”
เวร่าหัวเราะ “แต่นายเป็นไอ้โง่ที่ไม่ยอมฉวยโอกาสทองครั้งนี้จากประธานหยาน ฮ่าฮ่า”
ซูเถาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ไม่ว่าเขาจะทำอะไรดูเหมือนมันจะผิดไปหมดเลยในสายตาของเวร่า
หลังจากที่พวกเขาทั้งสองได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เมื่อพวกเขาออกมา เลขาของหยานจิ้งได้ยืนรออยู่และกล่าวคำขอโทษ “ท่านประธานหยานถูกนำส่งโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณมากที่ช่วยปฐมพยาบาลเธอให้”
ซูเถายิ้ม “เธอไม่เป็นไรหรอก , เดี๋ยวชั้นจะเขียนใบสั่งยาให้เธอ 1 เดือน มันน่าจะช่วยเกี่ยวกับอาการป่วยเก่าของเธอได้”
ซูเถารีบหยิบกระดาษและปากกาออกมาจากกล่องยาของเขาที่พกติดตัวไว้ตลอดไม่ว่าเขาจะไปไหน และได้เขียนใบสั่งยาไว้
จริงๆแล้ว ซูเถานั้นสังเกตเห็นอาการเจ็บป่วยของเธอได้ตั้งแต่ตอนที่เจอกันครั้งแรกแล้ว และเขาได้วินิจฉัยตรวจอย่างสมบูรณ์ในตอนที่เขาได้ช่วยชีวิตเธอไว้เมื่อกี้นี้ เขายังต้องพบกับหยานจิ้งอีกในอนาคต มันคงจะไม่เป็นไรถ้าเขาจะรักษาเธอเพื่อที่เขาจะได้สนิทกับเธอมากขึ้น
เมื่อพวกเขาทั้งสองขึ้นรถ เวร่ายิ้มในทันที “นายรู้มั้ยว่าหยานจิ้งแกล้งทำนะเมื่อกี้นี้น่ะ ?”
“เธอรู้อยู่แล้วเหรอเนี่ย ?” ซูเถาผงะ
เวร่ายิ้ม “ชั้นไม่ได้โง่ถึงขนาดดูไม่ออกหรอก , มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกปิดความอับอายของเธอ ดังนั้น ชั้นจึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น สุดท้ายแล้ว พวกเราก็ยังร่วมมือกันล่ะนะ”
“ก็ได้ เธอชนะ” ซูเถาตอบกลับ
เวร่าเงยหน้าขึ้น “แข่งกับหยานจิ้งนี่ทำให้ชั้นไม่มีเบื่อเลย”
ซูเถาพูดต่อ “เธอจริงจังกับการแข่งมากไปจนทำให้หยานจิ้งนั้นต้องฝืนออกแรกมากเกินไปจนเป็นตะคริว”
เวร่าพยักหน้าก่อนเธอจะกัดฟันยอมรับ “ผู้หญิงก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ เมื่อพวกเธอเจอใครซักคนที่เหมือนกัน พวกเธอก็อยากจะแข่งขันกันว่าใครดีกว่านั่นแหละ”
ซูเถาถอนหายใจ “ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริงๆ”
รถที่พวกเขาทั้งสองนั่งมานั้นไม่ได้มีจุดหมายปลายทางที่ตำหนัก แต่รถกลับเลี้ยวเข้าไปยังอาคารสูงแห่งซึ่งซูเถาคิดว่าน่าจะเป็นสำนักงานของเวร่าประจำสาขาหางโจว พวกเขาขึ้นลิฟท์ไปยังชั้น 17 มันเป็นสำนักงานที่ทันสมัยมาก มีขนาดประมาณ 500-600 ตารางเมตร คั่นด้วยกำแพงโปร่งใสซึ่งมีพนักงานประจำอยู่ราวๆ 200 คน
เมื่อเวร่าเข้ามาถึง พนักงานทุกคนยืนขึ้นและกล่าวทักทายเวร่ากันอย่างพร้อมเพรียง
สำนักงานของเวร่านั้นได้รับการปรับปรุงใหม่ในลักษณะที่ดูหรูหราโดยมีโปสเตอร์แขวนอยู่ที่ผนัง มีหน้าต่างอยู่ทางทิศตะวันออกซึ่งสามารถมองเห็นวิวของทั้งเมืองได้จากที่นี่
เวร่าได้ให้เลขาของเธอนำกาแฟมาให้ก่อนจะพูดเรื่องครอบครัวออกมา “พ่อชั้นชื่ออัลคาเทียร์ เป็นประธานกรรมการของเออร์มอนด์ คอเปอเรชั่น , ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ชั้นได้เริ่มขยายบริษัทไปยังภูมิภาคเอเชีย และเหตุผลที่เริ่มจากประเทศจีนก็เพราะว่ามันเป็นบ้านเกิดของปู่ชั้น”
ซูเถาถาม “เธอคิดจะลงทุนเท่าไหร่ล่ะ ?”
เวร่ายิ้ม “กะว่าจะเพิ่มอีก 1 พันล้านหยวน ปู่ชั้นสนับสนุนเงินทุนมาให้น่ะ ชั้นได้เล่าเรื่องของนายให้ท่านฟัง และดูเหมือนท่านจะสนใจในตัวนายมากเลยล่ะ”
ซูเถาถอนหายใจ “เธอนี่ยอดไปเลยแฮะ”
พอเทียบกับตระกูลเออร์มอนด์แล้ว ซูเถาสนใจในเรื่องของปู่ของเวร่ามากกว่า ถ้าปู่ของเธอไม่ได้มีอำนาจอะไร ดังนั้น มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแต่งเข้าตระกูลที่ทรงอำนาจแบบนั้นได้ ซูเถาจึงเดาไว้ว่าปู่ของเวร่านั้นน่าจะเป็นที่เคารพยำเกรงมากกว่าตระกูลเออร์มอนด์
เวร่ากล่าวต่อ “ปู่ของชั้นค่อนข้างเป็นคนที่เข้มงวดเชียวล่ะ ไว้ชั้นจะแนะนำนายให้ท่านรู้จักถ้ามีโอกาส”
ซูเถาพยักหน้า “ชั้นจะรอนะ”
เขากับเวร่านั้นได้กินอาหารค่ำกันที่ชั้นสามซึ่งมันดูเป็นทางการมากกว่าตรงย่านถนนเก่า เมื่อเธอเห็นซูเถาชำนาญในการใช้ส้อมและมีดของทางตะวันตก เวร่าถามขึ้นด้วยความงุนงง “ตอนนี้ชั้นชักสนใจเรื่องอดีตของนายขึ้นมาซะแล้วสิ พอเห็นพวกเครื่องใช้แบบตะวันตก คนจีนหลายคนก็ทำอะไรไม่ถูกเลย”
ซูเถาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบ “เมื่อก่อนสมัยเด็กชั้นจนมาก ที่บ้านไม่มีตะเกียบ ตาแก่ที่บ้านขว้างมีดมาให้ชั้น และชั้นก็ฝึกใช้มัน”
เขาพูดไปด้วยในขณะที่ใช้มีดหั่นสเต็คก่อนจะแบ่งให้เวร่า และเอาอีกครึ่งนึงไว้ จากนั้นเขาก็ชะลอจังหวะตัวเองลง
เวร่าไม่รู้จะพูดยังไงเกี่ยวกับคำตอบของซูเถา ก่อนเธอจะพูดขึ้น “แต่มีดมันแพงกว่าตะเกียบไม่ใช่เหรอ ?”
ซูเถายิ้ม “บางครั้งเราก็ไม่สามารถกินอาหารได้นะ ถ้าเกิดไม่รู้จักวิธีใช้มีด”
ในสายตาของเวร่า ซูเถานั้นเป็นหมอที่น่าทึ่งมาก แต่ถึงอย่างงั้น ซูเถาก็คุ้นเคยกับวิธีการผ่าตัดตามแบบฉบับตะวันตกและมีความเชี่ยวชาญในด้านศัลยแพทย์ผู้มากประสบการณ์อีกด้วย
หากเขาไม่รู้วิธีการใช้มีด เขาก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้กินอาหาร นั่นเป็นหนึ่งในความทรงจำอันเลวร้ายของเขาในการเรียนแพทย์แผนตะวันตก
พอเห็นซูเถานั่งเหม่อ เวร่าพยายามเคาะหัวของเขาด้วยช้อนซุป แต่เขาก็หลบได้ไม่ต้องมองด้วยซ้ำ “นายคิดอะไรอยู่งั้นเหรอ ? นี่นายกำลังเมินชั้นอยู่ด้วยการสร้างปราสาททรายด้วยอากาศเล่นงั้นสินะ !”
ซูเถายิ้ม “ชั้นแค่สงสัยน่ะ ว่าทำไมโลกนี้ถึงได้ดีกับชั้นนัก ในบรรดาผู้คนมากมายนั้น มันทำให้ชั้นได้มาเจอกับเธอ”
เวร่าเขินอายก่อนจะตอบกลับ “บางทีชาติที่แล้วนายอาจจะช่วยคนแก่ข้ามถนนเอาไว้เยอะล่ะมั้ง”
พอได้ยินดังนั้น ซูเถาหัวเราะเบาๆก่อนเขาจะตอบกลับ “มันไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นอะไร ชาติที่แล้วเราคงจะมีความสัมพันธ์อะไรที่เกี่ยวข้องกันซักอย่างแหละ ซึ่งน่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่ดูจะเป็นลางร้ายน่าดูเลยล่ะ”
ในวันที่มีแสงสว่างส่องลงมา ณ ยามค่ำคืนบนโลก ที่โรงพยาบาลเจียงหัว สำนักงานของประธาน ตี้ชีหยวนกำลังลิสต์รายชื่อออกมาพร้อมทั้งขมวดคิ้วไปพร้อมๆกัน เขาถอนหายใจก่อนจะส่งรายชื่อดังกล่าวให้ถังหนานเชง “พวกนี้คือรายชื่อที่เฉียวเต้อหาวทำขึ้นมา”
ถังหนานเชงกวาดตามอง “ชั้นเกรงว่านี่อาจจะเป็นความต้องการของหัวหน้าสำนักงานเมืองเฉาด้วยน่ะสิ”
ตี้ชีหยวนถอนหายใจ “ทั้งหัวหน้าเฉาและเฉียวเต้อหาวนั้นเป็นพวกเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นดีมากเลยทีเดียว และถึงแม้ว่าเขาจะหาชื่อของเหล่าผู้เชี่ยวชาญมาได้ 10 คน อย่างน้อยๆ7 ใน 10 นั่นก็ต้องมีความสนิทชิดเชื้อกับเฉียวเต้อหาวแน่”
ถังหนานเชงตอบ “และถึงแม้ว่าชั้นจะได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้า เกรงว่าชั้นจะไม่มีอำนาจอะไรด้วยเหมือนกัน”
ตี้ชีหยวนพูดต่อ “ผมพร้อมที่จะผลักดันซูเถาขึ้นเป็นรองหัวหน้าเพื่อขัดขวางแผนการของเฉียวเต้อหาว ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว คนที่เฉียวเต้อหาวพยายามผลักดันให้เป็นรองหัวหน้าก็ยังคงด้อยกว่าซูเถา”
ถังหนานเชงพยักหน้า “ถ้างั้นเดี๋ยวชั้นจะโทรไปหาหัวหน้าเฉาเอง หวังว่าเขาจะยอมเผชิญหน้ากับชั้นนะ”
ตี้ชีหยวนกล่าวด้วยความยินดี “ถ้าคุณเคลื่อนไหวได้แบบนั้นมันก็เยี่ยมไปเลย”
ถังหนานเชงยิ้ม “ชั้นไม่ได้ทำเพื่อนายหรอกนะ แต่ชั้นรู้สึกว่าซูเถานั้นเป็นคนที่มีศักยภาพมาก ชั้นได้เห็นการพัฒนาของแพทย์แผนจีนผ่านตัวเขา”