บทที่ 35 จุดอ่อนของแม่ม่ายพิษ
เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว กิจการของตำหนักซูเถาดูจะก้าวหน้าขึ้นไปมาก ด้วยความช่วยเหลือต่างๆ ซูเถาได้ดึงลูกค้าเก่าของซูกวงเฉิงกลับมาได้ และมีลูกศิษย์อีก 3 คน
แต่เดิมแล้ว พวกเขา(ซูเถา)มักจะระมัดระวังคำพูดอยู่เสมอ พวกเขาไม่สามารถที่จะบอกลูกค้าให้มาที่ตำหนักโดยตรงได้ และพวกเขาจำเป็นต้องใช้วิธีอื่น พวกเขาจำเป็นจะต้องแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยและใส่ใจในสุขภาพก่อนที่จะแนะนำพวกเขา(กลุ่มคนไข้)ให้มาตรวจที่ตำหนักได้
ได้มีรถออดี้ขับเข้ามาจอดที่หน้าตำหนักในตอนบ่ายที่คนเริ่มซาแล้ว ซูเถาเดินออกมาดูและพบหยานจิ้งนั่งอยู่ในรถพร้อมกับสวมแว่นกันแดด ก่อนที่เธอจะกวักนิ้วเรียกซูเถาให้เข้าไปในรถ
“เว่ยถิงยังคงไม่พูดอะไร ชั้นชักจะปวดหัวกับเรื่องนี้แล้วนะเนี่ย !” ทักษะการขับรถของเธอยังห่วยแตกเหมือนเดิม เธอเผลอเหยียบเบรกแม้กระทั่งตอนที่ไฟเขียวจนรถคันหลังเธอเกือบจะชนท้ายอยู่แล้ว
ซูเถาพูดขึ้น “ประธานหยาน , ตอนขับรถเนี่ยเราไม่พูดกันจะได้มั้ย เดี๋ยวก็ได้เกิดอุบัติเหตุหรอก !”
“โอ้ ?” หยานจิ้งพูดขึ้นมาด้วยออารมณ์หงุดหงิด “ไอ้รถคันหลังต้องเป็นพวกมือใหม่หัดขับแน่ๆ มันเกือบจะชนท้ายชั้นเลยนะเนี่ย”
เธอนี่มันปีศาจบนท้องถนนชัดๆ ยังจะมีหน้าไปว่าคนอื่นอีกเรอะ?!
ซูเถารีบคว้าเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้แล้วนั่งเงียบไม่พูดอะไรทั้งสิ้น
หยานจิ้งยังคงเย้าแหย่ซูเถาอย่างต่อเนื่อง แต่พอเธอเห็นซูเถาพยายามปิดปากเงียบ เธอจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากมุ่งสมาธิไปยังการขับรถ
เมื่อถึงที่หมาย ซูเถาได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “ประธานหยาน , คราวหน้าเธอให้คนขับรถมารับชั้นจะได้มั้ย ? คือ ก็ไม่ได้จะออกความเห็นเรื่องฝีมือการขับรถของเธอหรอกนะแต่…เธอเป็นผู้หญิงที่งานยุ่งมากๆ ไม่ควรจะเสียเวลาขับรถมารับชั้นก็ได้นี่”
หยานจิ้งขมวดคิ้วก่อนจะเดินตรงมายังซูเถาและบีบแก้มเขา ทำให้ซูเถาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
เธอปล่อยมือก่อนจะพูดต่อ “เจ้าหนู , พี่สาวคนนี้กำลังโกรธนายอยู่นะ การที่ชั้นไปรับนายเนี่ยถือเป็นวิธีที่ชั้นใช้เพื่อแสดงความเคารพต่อนายนะ นี่นายไม่สนใจถึงความพยายามของชั้นหน่อยเหรอ ?”
ซูเถาไม่อาจต้านการจู่โจมของเธอได้ แต่พอเขาลองคิดตามที่เธอพูด มันถือว่าเป็นสิ่งที่ค่อนข้างพิเศษสำหรับเขาเลยทีเดียว
เขาเอามือถูหน้าก่อนจะยิ้ม “ถ้าเธอกำลังมองหาครูสอนขับรถอยู่ เธอคงไม่ได้หมายถถึงชั้นใช่มั้ย ?”
หยานจิ้งเหลียวมองมาทางเขาก่อนจะยิ้ม “ฉลาดเกินไปมันไม่ดีนะจะบอกให้ ♥”
ซูเถาเดาถูก หยานจิ้งได้ลากซูเถามาเพื่อฝึกขับรถ ซูเถารู้สึกเสียวสันหลังวาบ เขาตัดสินใจแล้วว่าชาตินี้จะไม่นั่งรถที่หยานจิ้งขับอีกแล้ว
เมื่อพวกเขามาถึงชั้นสอง ซูเถามองเห็นเว่ยถิงจากระยะไกลในขณะที่เว่ยถิงกำลังนอนปิดตาอยู่บนเตียง
“ดูเหมือนเขาจะกลัวนายจนขึ้นสมองเลยล่ะ พอได้ยินชื่อนายก็หมดสติไปเลย” หยานจิ้งพูดออกมา
ซูเถายิ้ม “มันแกล้งทำต่างหาก !”
หยานจิ้งมองไปยังซูเถาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้ม “มันไม่สำคัญหรอกว่าชั้นจะมองนายยังไง ลูกแกะอย่างนายจะเป็นราชาปีศาจไปได้ยังไง ?”
ถ้าหยานจิ้งรู้ว่าซูเถาทรมานเว่ยถิงยังไง หล่อนจะไม่พูดแบบนั้นออกมาแน่นอน
“แล้ว , ถ้าชั้นทำให้เขาพูดได้ เธออยังจะกวนชั้นต่อไปอีกหรือเปล่าล่ะ ?” ซูเถาถาม
หยานจิ้งยิ้มพลางพยักหน้า “ไม่ใช่แค่ละเลิกกวนนายเท่านั้น แต่ชั้นยังช่วยนายในตอนที่นายตกที่นั่งลำบากได้อีกด้วย”
แววตาของซูเถานั้นดูจะตื่นตระหนกเล็กน้อย “หืม ? ตกที่นั่งลำบากนี่ยังไงเหรอ ?”
หยานจิ้งถอนหายใจ “เท่าที่ชั้นรู้มา ดูเหมือนลูกสาวเจ้าของร้านของเก่ามรกตจะพักอยู่ที่บ้านนายหลังจากที่ร้านนั้นปิดกิจการไปแล้วสินะ”
ซูเถายักไหล่ “แอบจับตาดูคนอื่นนี่ไม่ดีเลยนะ งานอดิเรกของเธอนี่แย่ชะมัด”
หยานจิ้งส่ายหัวก่อนจะยิ้มเล็กน้อย “ชั้นไม่ได้จับตาดูนายหรอก ย่านถนนเก่านั่นเพิ่งจะตกอยู่ภายใต้เขตอำนาจของชั้น มีคนมาหาชั้นพร้อมกับข้อเสนอราคางามให้ฆ่านายซะ”
ซูเถาตกใจ “แล้วอย่างชั้นเนี่ยมีค่าหัวเท่าไหร่ล่ะ ?”
“หนึ่งล้าน !” หยานจิ้งตอบ เธอเห็นว่าซูเถาดูจะผิดหวังเล็กน้อย ก่อนเธอจะพูดต่อ “แต่ข้อเสนอนั่นมันราคาถูกไปหน่อย ชั้นเลยปฏิเสธมันไป อย่างไรก็ตาม นายเคยช่วยชีวิตชั้นเอาไว้ครั้งนึง”
ซูเถาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ “ล้านนึง ? มันคิดว่าชั้นเป็นขยะหรือยังไง ?”
คำพูดของเขาทำให้หยานจิ้งถึงกับทุบอกของตัวเอง ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นท่าทางเคร่งเครียด “ชั้นไม่ได้ล้อเล่นนะ อีกฝั่งมีอำนาจมากเชียวล่ะ”
ซูเถาพยักหน้าก่อนจะตอบกลับ “พวกตระกูลเนี่ยกับแพทยศาสตร์แห่งหุบเขาราชันย์ใช่มั้ย ?”
หยานจิ้งตกใจที่ซูเถานั้นเดาถูก “ผู้อาวุโสลำดับสองของตระกูลเนี่ย ชื่อของเขาคือเนี่ยไฮ่โผ หนึ่งในพวกชนชั้นปกครองหัวหนาน รู้สึกว่าเขาจะสนิทกับพวกแพทยศาสตร์หุบเขาราชันย์พอสมควร และพวกเขาพยายามที่จะแก้แค้นนายในสิ่งที่นายทำกับลูกชายเขาไว้ นอกจากชั้นแล้ว เขายังยื่นข้อเสนอเหล่านี้ให้เหล่าผู้มีอำนาจในฮั่นโจวอีกด้วย”
(ตรงนี้แก้จากบทก่อนๆจาก หางโจว > ฮั่นโจวเพื่อความถูกต้องนะครับ ; ผู้แปล)
ท่าทีที่ดูไม่ทุกข์ร้อนของซูเถาทำให้หยานจิ้งประหลาดใจ ซูเถาพูด “ถ้าพวกนั้นมันไม่กลัวตายก็เข้ามาได้เลย”
หยานจิ้งตอบกลับ “พวกตำรวจได้วางกับดักเอาไว้หมดแล้วในย่านถนนเก่า ไม่มีไอ้โง่ที่ไหนเคลื่อนไหวหรอก ดังนั้นในตอนนี้พวกนายก้ยังคงปลอดภัยดี แต่จำเอาไว้ พวกตำรวจปกป้องพวกนายไปไม่ได้ตลอดหรอกนะ”
ซูเถาเข้าใจความหมายที่อยู่เบื้องหลังคำพูดของหยานจิ้ง “ขอบใจนะที่บอก”
หยานจิ้งยิ้ม “อย่างที่ชั้นได้บอกไปแล้ว ชั้นจะช่วยนายซักครั้งถ้านายทำให้เว่ยถิงมันพูดได้”
หลังจากนิ่งไปซักพัก ในที่สุดซูเถาก็พูดออกมา “ถ้างั้น เธอก็ต้องบอกชั้นมาว่าเธอต้องการอะไรจากเขา โอเคมั้ย ?”
หยานจิ้งโบกมือไล่คนอื่นให้ออกไปจากห้องและได้พาซูเถาไปยังห้องถัดไป ห้องไม่ใหญ่มาก แต่สามารถมองเห็นห้องของเว่ยถถิงได้ชัดเจนผ่านกระจก หยานจิ้งจะอยู่ที่นี่ในตอนที่ซูเถานั้นรักษาเว่ยถิง
เธอถอนหายและดูเหมือนจะไม่ได้อดกลั้นอารมณ์เอาไว้เหมือนก่อนหน้านี้ ในตอนนี้มีเพียงความโกรธและความเจ็บปวดภายใจดวงตาของเธอ
”นายรู้มั้ยว่าทำไมคนอื่นๆถึงเรียกชั้นว่าแม่ม่ายพิษ ?” หยานจิ้งกำหมัด
ซูเถาส่ายหัว “ถ้าเธอจะบอกชั้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ชั้นก็จะฟัง”
หยานจิ้งถอดเสื้อผ้าออกต่อหน้าซูเถา เผยให้เห็นเสื้อกล้ามก่อนที่เธอจะถกมันขึ้น เธอมีรอยสักรูปแมงมุมซึ่งที่ปากของมันมีรอยแผลเป็น มันดูน่ากลัวมาก
แมงมุมแม่ม่ายดำเป็นแมงมุมสายพันธุ์ที่มีพิษร้ายแรงมาก
ด้วยลักษณะอันน่าดึงดูดของตัวเธอ บวกกับรอยสักรูปแมงมุม มันช่างดูน่าเกรงขามจริงๆ
ซูเถาแกล้งไอเพื่อปกปิดความตกใจ “เธอมีอาการป่วยซ่อนอยู่ ในอดีตเธอคงจะทรมานกับมันมามากสินะ”
รอยสักนั้นเป็นเพียงการปกปิดอาการบาจเจ็บที่เธอเคยเจอมา แผลถูกแทนที่ด้วยเขี้ยวของแมงมุม เนื่องจากอาการบาจเจ็บของเธอนั้นรุนแรงมาก แม้จะเป็นตอนนี้มันก็ยังไม่หายดี
“ทักษะทางการแพทย์ของนายนั้นยอดเยี่ยมมากเลยล่ะ มันทำให้ชั้นประหลาดใจมาก ย้อนไปตอนที่ Aqua Brook นายรู้ว่าชั้นนั้นป่วยอยู่ทั้งๆที่ไม่ได้ดูแผลด้วยซ้ำ ชั้นลองกินยาตามที่นายเขียนใบสั่งมา และชั้นก็สามารถนอนหลับได้ดีขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องใช้แอลกออฮอล์หรือยานอนหลับช่วย ชั้นต้องขอบใจนายสำหรับเรื่องนั้น” หยานจิ้งค่อยๆใส่เสื้อกลับอย่างช้าๆ
หลังจากเห็นรอยแผล ซูเถาได้พยายามปะติดปะต่อเรื่องราวอย่างคร่าวๆ “แล้ว , เว่ยถิงก็เกี่ยวข้องกับอาการบาจเจ็บขอองเธองั้นเหรอ ?”
หยานจิ้งพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ มันและพวกฆ่าสามีของชั้น แถมพวกมันยังเอาลูกในท้องของชั้นไปด้วย”
ซูเถาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะถามขึ้น “งั้น แล้วทำไมเธอถึงได้เป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับมันล่ะ ?”
“ชั้นอยากตายตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่ชั้นก็ได้เจอกับใครบางคน ไม่เพียงแต่เขาจะช่วยชีวิตชั้นเอาไว้ เขายังทิ้งโชคลาภเอาไว้ให้ชั้นในตอนที่เขาตายอีกด้วย เว่ยถิงเป็นหุ้นส่วนของเขา” หยานจิ้งอธิบาย
พอเห็นว่าหยานจิ้งเงียบ ซูเถาได้ถามขึ้น “สามีของเธอเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้งั้นเหรอ ?”
หยานจิ้งพยักหน้าก่อนจะยิ้มเล็กน้อย “ใช่ , ชีวิตมันก็เฮงซวยแบบนี้แหละ พอชั้นรู้ทุกอย่าง เขาก็ได้ตายไปแล้ว”
ซูเถาถอนหายใจ “แล้วตอนนี้เธอกำลังมองหาอะไรอยู่ล่ะ ?”
“เด็กที่พวกมันเอาไปจากท้องของชั้นยังไม่ตาย , และมีเพียงเว่ยถิงเท่านั้นที่รู้ว่าลูกชั้นอยู่ไหน” หยานจิ้งตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ซูเถาพยักหน้าก่อนจะสัญญา “ชั้นจะตามหาคำตอบที่เธอต้องการให้เอง”
ส่วนเหตุที่หยานจิ้งเลือกที่จะบอกซูเถาทุกอย่างเพราะว่าเขาสามารถสังเกตถึงอาการป่วยของเธอได้แถมยังช่วยลดความเจ็บปวดให้เธออีก และเนื่องจากเขาเป็นคนที่ทำให้เว่ยถิงต้องอยู่ในสภาพนี้ เขาก็น่าจะทำให้เว่ยถิงกลับมาพูดได้ด้วยทักษะการแพทย์ของเขา
ทุกๆคนย่อมมีจุดอ่อนกันทั้งนั้น แม้แต่เธอซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะแม่ม่ายพิษก็ไม่เว้น ความจริงก็คือ เธอได้รับบาดเจ็บมาหลายครั้งแล้ว จนเธอเลือกที่จะปิดใจและเลือกจะสวมหน้ากากแทน
เธอจะยืนหยัดอยู่ในสังคมได้อย่างไรหากปราศจากความโหดเหี้ยมและไหวพริบ ?
ซูเถาเดินไปยังเว่ยถิงในขณะที่หยานจิ้งมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านกระจก เลขาของเธอเข้ามาใกล้ๆและกระซิบ “ท่านประธาน ทำไมคุณได้เชื่อใจเขามากขนาดนั้น ?”
ในโลกนี้ มีเพียงตัวหยานจิ้งและเลขาเท่านั้นที่รู้ความลับนี้
หยานจิ้งกอดอกก่อนจะตอบกลับด้วยท่าทีเฉยเมย “เชื่อใจงั้นเหรอ ? ชั้นไม่เชื่อใจใครทั้งนั้นในโลกนี้ และเธอก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นเช่นกัน !”
ซูเถาได้เอาเข็มออกมาก่อนจะปักมันลงไปบนจุดฝังเข็มบนหน้าของเว่ยถิง “เลิกเล่นละครลิงแล้วลืมตาขึ้นมาซะที”
เว่ยถิงพยายามปิดตาอย่างเต็มที่ แต่เขารู้สึกว่าได้เสียการควบคุมกล้ามเนื้อไปก่อนที่เขาจะเปิดตาขึ้นช้าๆ
มันคล้ายกับการเผชิญหน้ากับยมทูต ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ
การทรมานของยมทูตนั้นเป็นเทคนิคการฝังเข็มที่ซูเถาได้สร้างขึ้นมาด้วยตัวเองหลังจากค้นคว้าเทคนิคการสอบปากคำมาหลายอย่าง
เทคนิคการสอบปากคำส่วนใหญ่จะใช้การทำลายสภาพจิตใจเป็นหลัก ซึ่งซูเถาสามารถทำมันได้ด้วยเข็มของเขา
ในตอนนี้ มีเพียงเว่ยถิงเท่านั้นที่สามารถสัมผัสถึงความผิดปกติในร่างกายของตัวเองได้ เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้อีกต่อไป เข็มของซูเถานั้นควบคุมร่างกายของเขาราวกับหุ่นเชิด
นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า ?
พอเว่ยถิงเห็นซูเถา จิตรใจของเขาก็เต็มไปด้วยความกลัว เด็กหนุ่มรูปงามที่อยู่ตรงหน้าเขาเปรียบได้กับปีศาจในสายตาของเขา
ซูเถาบิดเข็มบนหน้าของเว่ยถิงหนึ่งเล่มพลางพูด “ถ้านายยอมบอกสิ่งที่ประธานหยานต้องการมาโดยดี ชั้นไม่เพียงจะรักษานายเท่านั้น แม้แต่ประธานหยานก็จะรับประกันชีวิตของนายไปจนกว่านายจะตาย แต่ถ้านายปฏิเสธ เห็นทีคงต้องให้ลิ้มรสชาติของนรกซักหน่อย”
ดวงตาของเว่ยถิงเบิกกว้าง ในตอนนั้นเอง เขาต้องการที่จะสลบเพื่อหนีเหตุการณ์ตรงหน้า แต่เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย เขากลืนน้ำลายเมื่อนึกถึงประสบการณ์ที่แสนจะทรมานก่อนจะร้องอออกมา “ชั้นจะบอกนาย ขอแค่นายอยู่ห่างๆชั้นก็พอ”
ได้ยินดังนั้น ซูเถาได้ทำท่าทาง ‘OK’ ไปยังกำแพงอีกฟากหนึ่ง เพราะเขารู้ว่าหยานจิ้งนั้นคอยดูอยู่
มือของหยานจิ้งสั่นเครือในขณะที่น้ำตานั้นได้ไหลลงไปถึงปากของเธอซึ่งเกิดจากความคับแค้นที่อยู่ในใจของเธอ
เลขาได้เข้ามาเช็ดน้ำตาของเธอเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นน้ำตาแห่งความรู้สึกของหยานจิ้ง !