บทที่ 4 ท่าทีอันแข็งแกร่ง , ค่าผ่านประตูมังกร
ขณะนี้เป็นเวลาสามทุ่ม ซูเถาได้กลับมาที่ตำหนัก ร้านขายของเก่าข้างยังคงเปิดอยู่ และเมื่อไค หยานมองออกมาจากร้านเห็นซูเถา เธอตะโกน “หมอซู ในที่สุดคุณก็กลับมาจนได้”
ซูเถามองไปที่ประตูที่ถูกพ่นด้วยสีหลากสีที่เต็มไปด้วยคำว่า “รื้อถอน” ด้วยสายตาอันเดือดดาล “ใครเป็นคนทำ ?”
ไคหยานเอามือสางผมก่อนจะตอบ “มีพวกนักธุรกิจพากลุ่มคนมาตอนบ่าย พออรู้ว่านายไม่อยู่ ไอ้พวกนี้ก็เลยพ่นสเปรย์อย่างที่นายเห็น แล้วก็ให้ชั้นฝากบอกนายว่า อย่าคิดว่าจะหลบซ่อนไปได้ล่ะ ครั้งหน้ามันจะไม่ใช่แค่ว่า รื้อถอน ”
ซูเถาขมวดคิ้ว เขาโมโหมาก เขาไม่ได้ซ่อน เขาแค่ไปทำธุระข้างนอก ไอ้พวกสารเลวนั่นคิดว่าชั้นกลัวพวกมันงั้นเหรอ ?
“บริเวณรอบๆตำหนักนี่ พวกนายทุกคนได้ทำสัญญาขายให้กับพวกมันไปหมดแล้วงั้นเหรอ” ซูเถาสังเกตเห็นว่าไคหยานพยายามหลบตาเขา มันต้องมีเบื้องหลังอะไรแน่
ไคหยานยิ้ม “สำหรับพวกเรา ตำหนักนี่มีความหมายกับเรามาก ถ้าตำหนักนี่อยากจะรื้อถอนออกไป พวกเราก็จะทำเช่นกัน ที่นี่ผู้อาวุโสซูได้สร้างขึ้นเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่ นายคงไม่คิดว่าพวกเราจะโกหกนายใช่มั้ย เพื่อน?”
ในถนนที่ตำหนักนี้ตั้งอยู่ มีเหล่าผู้ประกอบการมากมายตั้งอยู่ บางธุรกิจก็ดำเนินมาเป็นเวลาสิบๆปีแล้ว แล้วใครจะอยากรื้อถอนมันล่ะ ? เมื่อตอนที่ตำหนักอย่างเป็นศูนย์กลาง ในตอนที่ผู้อาวุโสยังมีชีวิตอยู่ เขายังเป็นที่เคารพยำเกรง ดังนั้นแล้ว ตราบใดที่เขาต้องการที่จะถูกรื้อคถอน คนอื่นๆก็พร้อมใจกันทำตามอยู่แล้ว
ซูเถาพอจะเดาได้ว่าเป้าหมายของพวกมันคือตำหนักแห่งนี้ “รู้มั้ยว่ามันเป็นคนของบริษัทอะไร ?”
ไคหยานตกใจพลางขมวดคิ้ว “นสยคิดจะทำอะไรน่ะ นายคงไม่ไปเผชิญหน้ากับพวกมันซึ่งๆหน้าใช่มั้ย ?”
“แค่บอกที่อยู่มาก็พอ ชั้นจะไปอธิบายให้พวกมันฟังและชั้นจะไม่ย้ายไปไหนทั้งนั้น” ซูเถาได้รูว่าไคหยานนั้นใจดีมากทีเดียว ตั้งแต่ที่เธอเป็นห่วงเขาในทุกๆเรื่องๆ
ไคหยานลังเลอยู่พักนึงก่อนจะตอบกลับไป “ช่างมันเถอะ ชั้นจะพานายไปหาพวกเขาเอง แต่ชั้นคิดว่าพวกเขาคลบรรลุเป้าหมายไปแล้วหละ”
เป็นเรื่องยากที่จะห้ามอารมณ์ของวัยรุ่น หากมีการปะทะกันเธอก็จะเรียกตำรวจ
ไคหยานขับรถคันสีฟ้าพาซูเถาไปยังที่ตึกของพวกนักธุรกิจซูเถานั่งเงียบผิดปกติเหตุผลที่ไคหยานชอบคุยกับซูเถานั้น เพราะว่าซูเถาเข้ากับเธอได้ดี อีกทั้งเธอยังรู้สึกสบายใจเมื่อได้คุยกับเขา
หลายปีก่ออน มีหลายคนพยายามจีบเธอ แต่สิ่งที่ซูเถาแสดงออกกับเธอมันต่างไปจากคนอื่น
ตึกสูงตั้งตระหง่านราวๆ 30 ชั้น , มันเป็นหนึ่งในตึกที่สูงที่สุดในหางโจว ซึ่งส่วนใหญ่เปิดเป็น Office ให้เช่าและมีภัตตาคารอยู่ที่ชั้น 1 ซึ่งปิดตัวไปแล้ว ซึ่งสำนักงานใหญ่ของหงเชงก็อยู๋ที่นี่ด้วยเช่นกัน
เมื่อทั้งสองเข้าไปในตึก มี รปภ. ยืนดักพวกเขาอยู่ พลางถามพวกเขา “พวกนายมาทำอะไรที่นี่ ?”
ซูเถาตอบอย่างใจเย็น “ชั้นมาที่นี่เพื่อหารือเกี่ยวกับการรื้อถอน เรียกเจ้านายของนายออกมาหน่อยสิ”
รปก.อึ้งไปเล็กน้อย เขาคิดว่ามีคนมาพยายามที่จะก่อปัญหา ทันใดนั้นเอง พวกเขาก็ได้โทรศัพท์ และอีก 5 นาทีต่อมา ได้มีชายวัยกลางคน รูปร่างไม่สูงมากนักและมีรอยแผลเป็น(สการ์)บนใบหน้าเดินออกมาพร้อมกับกลุ่มคน
“แกเป็นผู้รับผิดชอบตำหนักงั้นเหรอ ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงอันดุดันพลางโยนก้นซิก้าออกจากมือของเขา
“ใช่แล้ว , ชั้นต้องการจะคุยกับเจ้านายของแก” ซูเถาอยู่ใกล้ไคหยานพลางสังเกตุเห็นว่ามือของเธอนั้นสั่นอยู่ เขากดจุดหลาวกงไปที่ฝ่ามือของเธอ ซึ่งจุดนี้ทำให้คนสามารถใจเย็นลงได้
ใบหน้าของไคหยานแดงขึ้น เธอก้มหัวลงด้วยความรู้สึกดีใจ ซูเถาสังเกตุได้ว่าเธฮกำลังเข้าใจผิดเกี่ยวกับการกระทำของเขา เขาจึงชักมือกลับอย่างรวดเร็ว
เมื่อสการ์สังเกตเห็นท่าทางของทั้งสอง เขาสาบแช่งในใจ ไอ้แมงดานี่ กล้าดียังไงมาทำกุ๊กกิ๊กกับหญิงต่อหน้าเรา เขาจึงพวกแบบยั่วๆ “นายของเราไม่ว่าง มีออะไรคุยกับชั้นนี่”
“ชั้นเป็นหลานของซูกวงเฉิง หมอคนใหม่ของตำหนัก ชั้นไม่ได้ซ่อนตัวจากพวกแก ชั้นหวังว่าพวกแกจะขอโทษในสิ่งที่ได้ทำไปในวันนี้” ซูเถถาเลิกคิ้วขึ้นแล้วตอบด้วยเสียงทุ้ม
“โอหังจริงนะไอ้น้องชาย”
“ขอโทษเหรอ ? นี่แกละเมออยู่หรือยังไง เดี๋ยวพ่อจัดให้ซักหมัดไหมล่ะเผื่อแกจะตื่น”
พวกลูกน้องเริ่มยั่วเขา
ไคหยานใจเย็นลง “พวกนายตะโกนอะไรกัน นี่พวกนายยังคิดว่าตัวเองยังมีเหตุผลหลังจากที่ไปพ่นสีประตูบ้านคนอื่นอีกเหรอ ?”
“อีหนูนี่แจ่มดีว่ะ” สการ์เกาเคราของเขาพลางพูดต่อ “เธอตามไอ้แมงดานี่มาเรอะ ไม่ลองมาเล่นกับชั้นดูหน่อยเป็นไง” เขาพูดพลางสายตากวาดไปยังที่คอ หน้าอก และขาของไคหยาน
ไคหยานคิดในใจ ไอ้หมอนี่มันน่ารังเกียจจริงๆ หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “หยุดมองด้วยสายตาแบบนั้นเดี่ยวนี้เลยนะ เรียกเจ้านายของพวกแกออกมาเดี๋ยวนี้ คุยกับพวกนายไปก็ไร้ประโยชน์”
“น่าสนใจจริงๆ” สการ์ดัดนิ้วของเขา พร้อมทั้งลูกน้องอีก 3 คนเข้าล้อมรอบซูเถากับไคหยาน
“จัดการไอ้แมงดานั่น..อย่าไปทำผู้หญิงล่ะ ชั้นอยากจะเก็บนังนั่นไว้เล่นกับชั้นจะสอนให้รู้ว่าชั้นนั้นไร้ประโยชน์จริงหรือเปล่า”
เมื่อเขาพูดจบ สายตาของเขาก็ได้จ้องไปยังหน้าอกของไคหยานออย่างน่ารังเกียจ
สายตาของสการ์ทำให้ไคหยานรู้สึกไม่สบายใจ ใบหน้ารูปไข่ของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง เธฮรูสึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เมื่อเธอมองไปยังซูเถา เธอกังวลว่าเขาจะแพ้
ซูเถาสวมเสื้อเชิ้ตขาวเกงเกงสีฟ้าและสวมรองเท้าผ้าใบ ผมยาวถึงใบหูและมีดวงตาที่ชัดเจน ใบหน้าของเขายังคงหล่อเหลาไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนเมื่อก่อนแต่เมื่อมองใกล้ๆ สันจมูกริมฝีปากอันแน่นหนาและดวงตาอันมั่นคงของเขา สายตาของเขาทำให้เธอนั้นหวั่นไหว
นักเลงที่ยืนอยู่ด้านขวาของซูเถาเริ่มปล่อยหมัดใส่พร้ออมกับแหกปากตะโกน
ซูเถาหลบหมัดของเขาได้ ทันใดนั้นเอง เขาก็ใช้นิ้วจิ้มสวนไปที่จุดรักแร้ของนักเลงคนนั้นนักเลงร้องลั่นลงไปนอนดิ้นบนพื้นจนลุกไม่ขึ้น
สการ์อึ้ง พอเขากำลังจะโยกเข้าไป เขาเห็นซูเถาหมุนตัวกลับศอกของเขากระแทกไปยังลูกน้องที่อยู่ด้านซ้าย กระเด็นอัดกำแพง ร่วงไปกองอยู่บนพื้น
เขาหวาดกลัวก่อนที่เขาจะชักมีดพกที่เหน็บไว้ที่เอวออกมาลูกน้องคนสุดท้ายที่สูง 180 ซม. ลงไปนอนแขนบิดอยู่บนพื้นเรียบร้อย
ลูกน้องทั้งสามคนโดนจัดการหมด
เริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นบริเวณหน้าผากของสการ์
ไคหยานยืนเป็นพยานให้กับทุกอย่างที่เกิดขึ้น เธอตกตะลึงไปหมด ก่อนที่เธอจะลำดับเหตุการณ์ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่เธอไม่สามารถทำได้ ในหัวเธอตอนนี้มันขาวโพลนไปหมด เพราะเห็นการกระทำของซูเถานั้นเพียงแค่ภาพเบลอๆเท่านั้น
สการ์นั้นรู้ตัวแล้วว่าเขากำลังเผชิญกับยอดฝีมือ เริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าของเขา ซูเถาเข้าประชิดตัวอย่างรวดเร็ว เขาตั้งใจจะโต้กลับ แต่ทว่าข้อมือของเขาถูกบิดอย่างรวดเร็ว มีดที่ถืออยู่ร่วงลงไปบนพื้น
ชายแผลเป็นนั้นร่างกายกำยำสูงใหญ่ แต่กลับโดนซูเถาบีบคอแล้วยกขึ้นอัดกับกำแพงอย่างง่ายดาย ในตอนนั้น เขาได้เห็นมีดในมือซูเถาแทงเข้าที่ตัวเขาอย่างเต็มแรง
ประกายแสงสีเงินของมีดทำให้สการ์เกิดความกลัว เขารู้สึกหายใจไม่ออก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วง ใบมีดแทงทะลุผผิวหนังของเขาไปจoถึงกำแพง ผิวหนังของเขาถูกแบะออกด้วยใบนีดนั้น
เขารู้สึกอุ่นๆตรงบริเวณร่างกายช่วงล่างแม้จะเป็นช่วงสั้นๆ แต่เขาก็รู้สึกกลัวจนฉี่ราดในช่วงเวลาที่ใบมีดเสียบเข้ามาที่เขาเขารู้สึกราวกับเผชิญกับเทพแห่งความตาย
“เจ้านายแกอยู่ไหน ?” ซูเถาปล่อยสการ์ลงบนพื้น พลางสูดลมหายใจ
“เขาไม่ออกมาด้วยเรื่องเล็กน้อยแบบนี้หรอก” เขาถูกบังคับให้ตอบ
“ชั้นถามแกอยู่ , อย่าเปลี่ยนเรื่อง” ซูเถายืดขาของเขาออกแล้วเตะไปยังหน้าออกของสการ์
สการ์รู้สึกถึงแรงปะทะที่หน้าอกของเขา ซึ่งนั้นทำให้กระดูกเขาหัก หลังของเขากระแทกกับกำแพงก่อนที่เขาจะหมดสติไป
ทั้งหมดถูกซูเถาจัดการ สการ์ตอนนี้ไร้พิษสงไปแล้ว
“เกิดออะไรขึ้น” ไคหยานไม่ได้หวังว่าเขาจะสู้กับคนสี่คนแล้วชนะมาได้ ดังนั้น เธอจึงไม่รู้ว่าจะอธิบายสิ่งนี้ว่ายังไงดี
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอเพียงแค่ต้องการดึงซูเถาอออกมาจากเหตุการณ์ที่อาจก่อให้เกิดการสูญเสีย เธอไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ดูอ่อนแออย่างซูเถาจะมีพลังมากมายขนาดนี้
เมื่อซูเถาสังเกตุเห็นการอาการที่ไคหยานแสดงออกมา เขายิ้มบางๆและยักไหล่
“ชั้นคิดว่าเจ้านายของพวกมันไม่น่าจะอยู่ที่นี่ ไม่มีเหตุผลที่ต้องถามพวกมันอีก”
ไคหยานไอแห้งๆ เธอรู้สึกสงสารสการ์เมื่อมอองไปยังเขาซึ้งตอนนี้มีแผลทั้งตัว
ซูเถาครุ่นคิด เขามองไปยัง รปภ. ที่กำลังตะลึงยืนขาสั่น “ฝากบอกข้อความนี้ด้วย หากแพวกแกต้องการที่จะทำลายพวกเรา บอกเจ้านายของแกให้ออกมาพูดกับเรา เผชิญหน้ากันซึ่งๆหน้า อย่ามาทำลูกไม้”
โลกใต้ดินก็มีวิธีจัดการกันในแบบโลกใต้ดิน เมื่อซูเถาถูกบีบบังคับโดยไม่มีทางเลือก เขาก้มีแต่จะต้องฝ่าเข้าไปเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ซูเถารู้ดีว่าพวกที่อยู๋เบื้องหลังไม่ยอมเผยตัวออกมาง่ายๆแน่นอน
ณ ย่านที่เป็นที่นิยมของหล่าเศรษฐีซึ่งอยู่ถัดไปทางทิศตะวันออกของหางโจว Golden Bay (อ่าวท่องคำ) ซึ่งเป็นที่ๆพวกเขาต่างซื้อบ้านพักตากอากาศเอาไว้ ที่คฤหาสน์ เนี่ย เว่ยถิง กำลังถือแก้วไวน์พลางมองไปยังผู้หญิงสองคนที่นอนอยู่บนเตียงผ่านกำแพงกระจก
ผู้หญิงทั้งสองนั้นนัวเนียและจูบกันอย่างดูดดื่ม ทั้งสองพากันส่งเสียงอย่างออดอ้อนพลางกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างกับงู
เมื่อมองดูฉากนี้ เนี่ย เว่ยถิงถึงกับไม่สามารถควบคุมการหายใจของตนเองได้
นี่คือลักษณะความคลั่งไคล้ทางเพศของเนี่ย เว่ยถิง (เฟติช)
โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น เขาขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจห หลังจากรับสาย ผู้ช่วยของเขาตอบกลับมาอย่างน้ำเสียงอันมืดมน “บอส พวกเราเจอปัญหาใหญ่แล้ว เจ้าตำหนักไม่ยอมให้เรารื้อถอนและพวกเราได้ถูกจัดการแล้ว”
“ถูกจัดการ ?” เว่ยถิงวางแก้วลงก่อนจะถถามด้วยความงง “ซู กวงเฉิงตายไปแล้ว มันไม่น่าจะมีใครที่ตำหนักนั่นอีกนี่หว่า”
“มันเป็นหลานของซู กวงเฉิง ไอหมอนี่มันร้ายกาจมาก มันบุกเข้ามาที่หน้าประตู จากที่ รปภ. บอก สการ์กับบรรดาลูกน้องสู้มันไม่ได้เลย” ผู้ช่วยตอบอย่างขมขื่น “หลังจากส่งพวกสการ์ไปโรงพยาบาล หมอออโธพิติค(หมอที่เกี่ยวกับกระดูก)ก็ช่วยไม่ได้ อีกฝั่งโดนเทคนิคพิเศษหักกระดูก หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับเทพก็ไม่สามารถรักษาได้”
เนี่ย เว่ยถิงครุ่นคิด เขาไม่คิดว่าซู กวงเฉิงจะมีหลานชายที่เก่งกาจขนาดนี้ เขาถอนหายใจ “เราต้องเอาถนนนั่นมาให้ได้ พรุ่งนี้ส่งโม ตงไป นี่เป็นเหตุผลที่เรารักษามันเพื่อการนี้แหละ”
ผู้ช่วยตอบกลับ “เราจะบอกเขาทันทีครับ”
โม ตงเป็นนักฆ่าที่หงเฉงกรุ๊ปได้ทำการช่วยรักษาเอาไว้ เขามือชื่อเสียงอย่างมากในวงการโลกใต้ดิน รู้จักกันในนามพยัคฆ์โม เขาเริ่มฝึกมวยหย่งชุนเมื่อตอนอายุ 8 ขวบก่อนที่จะเปลี่ยนไปฝึกมวยอ่อนแปดฝ่ามือหลังจากนั้น จึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาเลยในการสู้กับคนนับสิบด้วยอาวุธครบมือ
ในตอนที่เว่ยถิงยังเป็นเด็ก เขาได้เข้าไปยังโลกใต้ดินและได้สร้างศัตรูไว้จำนวนหนึ่ง ท้ายที่สุดเขาก็ออกมาจากโลกใต้ดินและได้สร้างธุรกิจเชิงพาณิชย์ แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนพยายามตามหาตัวเขาอยู่ ซึ่งโมก็ได้ถูกจ้างมาเพื่อรับมือกลับเรื่องเหล่านี้
หลังจากวางสาย เว่ยถิงถอนหายใจยาว เขาได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลเกี่ยวกับถนนเก่านี่ เปลี่ยนมันให้กลายเป็นศูนย์การค้า หากเขาต้องการรื้อถอนถนน เขาเพียงแค่ต้องจ่ายเป็นราคา 30% ของราคาถนนในตอนนี้
ถึงแม้เขาจะทำการรื้อถอนในตอนนี้ เขาก็ต้องสูญเสียเงินหลายล้าน แต่เขาได้เดิมพันทั้งหมดไปกับสิ่งนี้แล้ว เขาจะล้มเหลวไม่ได้
เหตุผลที่เขายังไม่รื้อถอนก็เพราะว่าต้อองการจะตอบแทนบุญคุณของซูกวงเฉิง
ในตอนนี้ซูกวงเฉิงได้ตายไปแล้ว และเขาก็ไม่ได้ติดหนี้ใครอีก เขาจึงต้องทำการรื้อถนนเก่านี่