บทที่ 41 ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดไว้หมดแล้ว
ซูเถานั่งถอนหายใจในรถบัส เป้าหมายของเขาในการแข่งขันครั้งนี้มีไว้สำหรับลูกศิย์ทั้ง 3 คนของเขา เขาหวังว่าพวกลูกศิษย์จะผ่านการทดสอบเพื่อที่จะเพิ่มความมั่นใจให้มากขึ้น
เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องของสาขาฮั่นโจวมากนัก เนื่องจากเขาไม่ค่อยชอบถงเมิ่งฉู่ซักเท่าไหร่ อาจารย์ใหญ่ที่ใช้วิธีขี้โกงแบบนั้นจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร ?
ทัวร์นาเม้นท์นี้ดูจะใหญ่กว่าที่เขาคาดเอาไว้ มีผู้ร่วมเข้าแข่งขัน 53 คนโดยรวมคนของศูนย์ใหญ่ และอีก 7 สาขาย่อย ซึ่งแต่ละสาขาเสนอชื่อมา 5 คน ในขณะที่ศูนย์ใหญ่มี 18 คน การแข่งขันแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือแข่งแบบกลุ่ม , แข่งในหัวข้อพิเศษ , แข่งความรู้ทั่วไป
การแข่งขันครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทอุปกรณ์การแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในหัวหนาน โดยมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันครั้งนี้ผ่านช่องการศึกษาอีกด้วย
ถังหนานเจิ้งมองไปยังตารางขั้นตอนการแข่งขันก่อนจะพูดขึ้น “ทุกสนามแข่งขันจะแบ่งเป็นการสอบข้อเขียนและการปฏิบัติจริง และการแข่งขันแบบกลุ่มนั้นแข่งกันในรูปแบบทีม 3 คน ชั้นขอแนะนำให้เติ้งหมิง ตี้หยวน และเสี่ยวจิงจิงร่วมทีมกัน และสำหรับการแข่งหัวข้อพิเศษและหัวข้อทั่วไปก็ขึ้นอยู่กับคะแนนของพวกเขา”
นี่เป็นบทสนทนาระหว่างซูเถาและถังหนานเจิ้งในการแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ถังหนานเจิ้งเชื่อมั่นในตัวซูเถาซึ่งมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาสนับสนุนซูเถาอยู่
ถงเมิ่งูฉู่พยักหน้า “เติ้งหมิง ตี้หยวน และเสี่ยวจิงจิงนั้นมีพื้นฐานดีอยู่แล้ว ไม่น่ามีปัญหาสำหรับข้อเขียน แต่เสี่ยวจิงจิงไม่เคยซ้อมภาคปฏิบัติเลย เธอจะไหวหรือเปล่านะ ?”
“วางใจเถอะ ผมรับประกันความสามารถของเธอ” ถังหนานเชงยิ้ม
ถงเมิ่งฉู่ถอนหายใจ “คุณถัง ผมเห็นด้วยกับคุณในการเข้าร่วมของหวังเผิงกับจ้าวเจี้ยนในชื่อของคุณเท่านั้น ผมเคยเห็นคะแนนของพวกเขามาก่อน ซึ่งมันดูค่อนข้างแย่ทีเดียว โดยเฉพาะจ้าวเจี้ยน ถ้าเขาไม่ใช่นักกีฬาแล้วละก็ เขาได้ซ้ำชั้นอีกปีไปแล้ว”
ถังหนานเจิ้งนั้นรู้ดีว่าถงเมิ่งจูไม่พอใจซูเถาที่เขาไม่เข้าร่วมแข่งขัน เขายังมั่นใจอีกว่า “ผมเคยเห็นนักเรียนทั้งสองคนมาก่อน พวกเขาอาจจะทำคะแนนได้ดีก็ได้ในการแข่งขันหัวข้อพิเศษ”
ในตอนนี้มันไม่มีทางอื่นแล้วนอกจากจะฝากความหวังไว้ทั้งหมดกับถังหนานเจิ้ง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ถงเมิ่งจูได้รับข้อความบางอย่าง ทำให้เขาหน้าเปลี่ยนสี
“ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้รับการร้องเรียนมาว่ามีผู้เข้าร่วมการแข่งขันปลอม 2 คน สาขาหยินโจวได้ให้ศิษย์เก่ามาเข้าร่วมแข่ง ทั้งสองคนถูกตัดสิทธิ์และผู้อำนวยการของสาขาหยินโจวจะถูกลงโทษหลังการแข่งขันจบลง”
ถงเมิ่งฉู่ตกใจมาก ก่อนที่จะมีเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าของเขา ได้มีการเปลี่ยนกฎในอดีต เขาไม่คิดเลยว่าการแข่งขันครั้งนี้จะเข้มงวดขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงการจัดการแข่งขันตั้งแต่ที่รองประธานหนุ่ม หวังเกาเฟิงได้เข้าร่วมในฐานะผู้จัดการแข่งขัน
เขาไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งที่ซูเถาเคยพูดไว้จะเป็นความจริง มันทำให้ในใจของถงเมิ่งฉู่สับสนมากทีเดียว
ทัวร์นาเม้นท์จะเริ่มแข่งกันตอนบ่าย 3 โมง ถังหนานเชงได้จัดกระดานหมากรุกเอาไว้และนั่งเล่นกับซูเถา
หลังผ่านไปไม่กี่ตา ถังหนานเจิ้งขมวดคิ้ว วิธีการเดินหมากของซูเถานั้นแปลกมาก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่มือใหม่ แต่รูปแบบหมากนั้มไม่เหมือนใครเลย ซึ่งเขาก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อนด้วย
หลังผ่านไป 10 ตา ถังหนานเจิ้งจ้องไปที่กระดานก่อนจะยิ้มเล็กน้อย “ชั้นยอมแพ้ ไม่คิดเลยว่านายจะเล่นหมากรุกเก่งขนาดนี้ ถ้านายเข้าวงการหมากรุก นายอาจจะถึงขั้นเทิร์นโปรเป็นตัวแทนระดับประเทศได้เลย”
ซูเถาน้อมรับด้วยท่าทางเรียบร้อย “ผมไม่เคยเล่นกับใครมากกว่า 3 เกมเลย เพราะว่าหากผ่านไปนานๆ พวกเขาก็จะจับทางหมากผมได้ และก็ไม่มีใครติดกับผมอีกต่อไป”
“งั้นมาต่อกันอีก 2 รอบ !” ถังหนานเจิ้งยิ้ม
หลังผ่านไป 2 เกม ถังหนานเจิ้งนั่งลูบคางของเขาอยู่นาน ท้ายที่สุดเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ก่อนจะท้าซูเถาอีกครั้ง “มาอีกตา !”
ซูเถาส่ายมือ “ลืมมันซะเถอะ ให้ผมได้เก็บไต๋เอาไว้บ้าง”
ถังหนานเจิ้งเข้าใจลักษณะนิสัยของซูเถา เขาเป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง เขาไม่ต้องการให้ถังหนานเจิ้งแพ้อย่างหมดรูป ถังหนานเจิ้งถอนหายใจ “ก็ได้ ไว้ค่อยมาเล่นกันอีกก็แล้วกัน ถ้ายังมีโอกาสหล่ะนะ” อย่างไรก็ตาม เขาสาบานเอาไว้ในใจแล้วว่าจะไม่เล่นกับซูเถาอีก
หลังพวกเขาคุยกันจบออดก็ดังขึ้น ซูเถาเปิดประตูและเห็นถงเมิ่งูฉู่พร้อมกับผู้เข้าแข่งขันทั้ง 5 คนที่กลับมาจากการแข่งขัน
“สอบข้อเขียนเป็นไงบ้าง ?” ถังหนานเจิ้งถามอย่างกระตือรือร้น
เติ้งหมิงตอบอย่างมั่นใจก่อนจะยิ้ม “ศาสตราจารย์ถัง คำถามที่ออกสอบเป็นคำภามที่คุณมักจะย้ำบ่อยๆในชั้นเรียน ผมตอบได้อย่างเพอร์เฟ็ค ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด ผมคงจะผ่านเข้าไปแข่งในรอบรองฯได้ทั้งสามสนาม”
ตี้หยวนยังคงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยหลังมองไปยังซูก่อนที่จะหันไปรายงานถังหนานเชง “ชั้นมั่นใจมากในหัวข้อทักษะพิเศษ”
ถังหานเจิ้งพยักหน้าก่อนจะมองไปยังเสี่ยวจิงจิง หวังเผิง และจ้าวเจี้ยน
สีหน้าของเสี่ยวจิงจิงค่อนข้างเคร่งขรึม “ถึงแม้นี่จะเป็นการแข่งขันรอบแรกๆ แต่มันก็ยากมากแถมมีกับดักมากมายอีก ชั้นไม่ค่อยมั่นใจเลย”
“ชั้นเดาข้อสอบด้วยล่ะ !” หวังเผิงหาว
จ้าวเจิ้ยนยักไหล่ “ชั้นก็ลืมข้อสอบไปแล้วด้วย !”
ถงเมิ่งฉู่ยิ้ม เขาคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องมีเรื่องมีแบบนี้เกิดขึ้น ดูเหมือนในการแข่งขันครั้งนี้เขาคงจะหวังพึ่งได้แค่เติ้งหมิง ตี้หยวน และเสี่ยวจิงจิงเท่านั้น
ถังหนานเจิ้งไม่ได้ใส่ใจกับคำตอบพวกนั้นเท่าไหร่ ก่อนที่เขาจะยิ้มขึ้นมา “ยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อยก่อนที่จะประกาศผล ทั้งผลสอบและอันดับจะเริ่มประกาศตอน 4 ทุ่มวันนี้ และรอบรองฯจะเริ่มแข่งกันพรุ่งนี้เช้า รอบรองฯจะเป็นการแข่งในภาคปฏิบัติ มันไม่ยากเท่าไหร่หรอก ไปโชว์ให้เหล่าผู้คนได้ดูหน่อยว่าพวกนายเรียนอะไรกันมาบ้าง”
หวังเผิงเกาหัว “ภาคปฏิบัตินี่ของถนัดผมเลย”
“ถ้านายสอบไม่ผ่านข้อเขียน ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้แข่งภาคปฏิบัติ” เติ้งหมิงยิ้มเยาะเย้ย
หวังเผิงรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเติ้งหมิงเท่าไหร่ เขาจึงพูดขึ้น “พนันกันมั้ยล่ะ ถึงแม้ว่าชั้นจะเดาข้อสอบข้อเขียนมา แต่ชั้นก็เข้าแข่งภาคปฏิบัติได้เหมือนกันล่ะน่า”
ใบหน้าของเติ้งหมิงเต็มไปด้วยความสงสัย “นายจะอ่อนแอมันก็เรื่องของนาย แต่ถ้าอ่อนแอแล้วยังขี้โม้อีก ชั้นก็ไม่มีอะไรจะพูดกับนาย”
“อย่าสู้กันเองน่า พวกนายต้องรวมพลังกันนะ ไปพักผ่อนเถอะ” ถังหนานเจิ้งโบกมือ
หลังส่งพวกเขาทั้ง 5 คนแล้ว ถังหนานเชงหันมาพูดกับซูเถาหลังจากที่เขาเห็นสีหน้าของซูเถา “นี่นายเป็นห่วงกับเขาด้วยเหรอ ?”
ซูเถาถอนหายใจก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ “มันเกินความคาดหมายของผมไปหน่อย ถ้าเป็นอย่างที่ผมคาดเอาไว้ พวกเราคงไม่ผ่านไปแข่งแบบกลุ่มในรอบรองฯแน่ๆ ตอนนี้เราต้องโฟกัสไปที่สองคนนั่นเท่านั้น”
“เสี่ยวจิงจิงตกรอบงั้นเหรอ ?” ถงเมิ่งฉู่ถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
ซูเถาส่ายหน้าก่อนจะถอนหายใจ “ประกาศเมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้”
ประกาศผลเป็นทางการได้ออกมาแล้วตอน 3 ทุ่มครึ่ง ซึ่งมันนอกเหนือความคาดหมายของทุกคน เติ้งหมิงซึ่งรู้สึกมั่นใจมากได้เพียง 45 คะแนนในการแข่งขันแบบกลุ่ม ขาดอีก 15 แต้มถึงจะเข้ารอบ ส่วนอีกสองคนนที่เหลือคะแนนแย่มาก ไม่มีใครผ่านเข้าไปแข่งรอบรองฯได้เลย
ตี้หยวนได้ 75 คะแนน ผ่านเข้าไปแข่งในหัวข้อยาและการฝังเข็ม
หวังเผิงได้ 68 คะแนน เป็นคะแนนที่น่าทึ่งมากสำหรับการสอบเขียนใบสั่งยา
จ้าวเจี้ยนได้ 63 คะแนน ผ่านเข้าไปแข่งในหัวข้อการฝังเข็ม
และคนสุดท้าย เสี่ยวจิงจิง เธอคว้าไปถึง 98 คะแนน ผ่านเข้าไปแข่งขันได้ทุกหัวข้อ เข้าป้ายเป็นอันดับ 1
จากผลคะแนนของเสี่ยวจิงจิง พร้อมกับตี้หยวนและหวังเผิง รวมกันแล้วพวกเขาผ่านโซนคะแนนขั้นต่ำสำหรับการเข้าไปแข่งขันในรอบรองฯเพียง 2 คะแนนเท่านั้นสำหรับการแข่งขันแบบทีม
ถงเมงจูมองไปยังซูเถา ในที่สุดเขาก็รู้ว่าซูเถานั้นเป็นห่วงอะไร เติ้งหมิงเป็นคนที่ถ่วงทุกคนเอาไว้นี่เอง
เติ้งหมิงยืนหน้าแดงอยู่ที่มุมห้อง
ถงเมิ่งฉู่มองไปยังเติ้งหมิงก่อนจะถอนหายใจ “ในฐานะที่นายยังเด็ก พื้นฐานเป็นอะไรที่สำคัญที่สุด และอย่าได้โอ้อวดทำอะไรเกินตัว”
จากเหตุการณ์นี้ ความคิดของถงเมิ่งฉู่ต่อซูเถาก็ได้เปลี่ยนไป เขาดีใจที่สาขาฮั่นโจวนั้นเข้าป้ายอันดับที่ 1 ในการประกาศผลแบบเป็นทางการ
ตอนนี้เติ้งหมิงรู้สึกว่าเขาควรจะหาหลุมเพื่อหลบซ่อนตัวได้แล้ว
“45 คะแนน แม้เจ้า นายทำ แบบนั้น ได้ไงน่ะ ? ขนาดชั้นเดาส่งๆไปยังได้คะแนนเยอะกว่าอีก” หวังเผิงหัวเราะเยาะ
แววตาของเติ้งหมิงเต็มไปด้วยความโกรธ คำพูดของหวังเผิงนั้นเป็นการตบหน้าเขาอย่างแรง ไม่คิดว่าก่อนเลยว่าจะแพ้แม้กระทั่งหวังเผิงและจ้าวเจี้ยน !
เหตุผลที่ซูเถาคิดว่าเติ้งหมิงน่าจะได้คะแนนน้อยเป็นเพราะเขาวิเคราะห์จากคำพูดของเสี่ยวจิงจิง ถึงเธอจะไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเรียนระดับท็อป แต่เธอยังรู้สึกว่าการสอบนั้นยาก นั่นแปลว่าฝ่ายจัดการแข่งขันกำลังคัดนักเรียนเพื่อเข้าไปแข่งขัน การที่เติ้งหมิงรู้สึกว่าข้อสอบนั้นง่าย เป็นเพราะเขาติดกับที่พวกฝ่ายจัดการแข่งขันวางเอาไว้
ตึกอาจารย์ของมหาลัยเจียงหนานเปิดไฟสว่างไสวในขณะที่ทุกคนดูจะเหนื่อยล้าจากการจัดอันดับผู้เข้าแข่งขัน
หวังเกาเฟิงขมวดคิ้วหลังจากได้เห็นกระดาษคำตอบของเสี่ยวจิงจิง ลายมือของเธอนั้นดูสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย แถมไม่มีร่องรอยการแก้ไขด้วย ทุกคำตอบเธอเขียนตอบอย่างมั่นใจ
ขนาดนักเรียนที่ดีที่สุดจากศูนย์ใหญ่ยังได้แค่ 92 คะแนน ความต่าง 6 คะแนนแสดงให้เห็นถึงความยอดเยี่มของเสี่ยวจิงจิงว่าเธอเก่งขนาดไหน
หวังเกาเฟิงขมวดคิ้วอีกครั้ง พี่ชายของเขาจางฉิงซ่งได้โทรมาเมื่อวานเพื่อให้เขาตรวจสอบซูเถาซึ่งเป็นอาจารย์ของสาขาฮั่นโจว ลูกศิษย์ของซูเถาได้เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ด้วย และเขาได้ถามไปยังถงเมิ่งฉู่เพื่อยืนยันว่าเสี่ยวจิงจิงนั้นเป็นลูกศิษย์ของซูเถา
เขาสนใจเพียงแค่สองอย่างเท่านั้นในสาขาฮั่นโจวนี้ หนึ่งคือถังหนานเจิ้ง สองคือคนที่เข้าไปเทคโอเวอร์คาบเรียนของถังหนานเจิ้ง
เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนที่เก่งกาจอย่างซูเถาด้วย มันทำให้มุมมองของเขาต่อสาขาฮั่นโจวนั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ในตอนแรก เขาตั้งใจจะมาหาลูกศิษย์จากการแข่งขันครั้งนี้ เสี่ยวจิงจิงนั้นเป็นลูกศิษย์ของซูเถาอยู่ มันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าเขาแย่งเธอมา
ทันใดนั้น หวังเกาเฟิงได้โทรศัพท์ไปหาหูเสี่ยวเฟิง “นายคิดไงกับเสี่ยวจิงจิงที่มาจากฮั่นโจวในการแข่งขันพรุ่งนี้ ?”
หูเสี่ยวเฟงตอบกลับ “ชั้นได้เตรียมการเอาไว้แล้ว เพื่อที่จะแบนเธอไม่ให้เธอได้แข่ง”
หวังเกาเฟิงคิดว่าเรื่องนี้คงเป็นคำสั่งจากแพทยศาสตร์แห่งหุบเขาราชันย์ “ชั้นไม่คิดว่ามันเป็นไอเดียที่ดีเท่าไหร่ เราต้องมีความยุติธรรม”
หูเสี่ยวเฟิงยิ้ม เนื่องจากหวังเกาเฟิงไม่ได้พูดให้มันชัดเจน แปลว่าเขาแค่แสดงความคิดเห็นออกมาเท่านั้น “วางใจเถอะ พวกเรามันมืออาชีพ ไม่ทิ้งร่องรอยไว้แน่ !”
หลังจากวางสาย หวังเกาเฟิงได้ดูกระดาษคำตอบของเสี่ยวจิงจิงอีกครั้ง เขาสนใจกับคำตอบข้อสุดท้าย ถึงแม้ว่าเธอจะทำเครื่องหมายหายไป 2 ข้อ แต่ดวงตาของเขาก็เป็นประกายเพราะไม่มีใครสามารถตอบได้ดีแบบนี้ถ้าหากไม่มีประสบการณ์
เป็นเรื่องน่าเสียดายจริงๆที่เขาจะต้องสูญเสียคนมีพรสวรรค์เช่นนี้