บทที่ 51 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
“ชั้นเริ่มจะเจ็บคอแล้วสิ ตานายแล้ว” ลู่ชีเหมี่ยวยื่นไมค์ให้ซูเถาก่อนจะนั่งพักดื่มเบียร์หนึ่งขวด
หลังจากรับไมค์มา ซูเถาได้กลิ่มหอมจางๆที่ติดอยู่ตรงไมค์ มันเป็นกลิ่นลิปของเธอ จริงๆแล้วในห้องร้องเพลงมีไมค์อยู่ 2 ตัว แต่หลังจากลังเลชั่วครู่ เขาก็ได้เลือกใช้ไมค์ที่รับมาจากลู่ชีเหมี่ยว
ซูเถาได้เลือกเพลง
ลู่ชีเหมี่ยวนั่งอยู่บนโซฟาก่อนจะวางขวดเบียร์ลงหลังจากที่ซูเถาร้องเพลงจบ “เพลงใช้ได้เลยนี่ ชั้นไม่คิดมาก่อนเลยว่านายจะชอบเพลงแนวนี้”
“ชั้นดูไม่เหมาะกับเพลงเหรอ ?” ซูเถายิ้ม
ลู่ชีเหมี่ยวส่ายหัว “ชั้นรู้สึกว่านายเป็นพวกบ้ากามตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้ว”
“วันแรกเหรอ ?” ซูเถาถาม “ชั้นแค่เผลอไปมองป้ายชื่อเธอที่ดันติดอยู่ตรงหน้าอกต่างหาก”
ลู่ชีเหมี่ยวส่ายหัว “นั่นมันครั้งที่สองต่างหาก ครั้งแรกเราเจอกันที่ทางเดิน และนายก็ลวนลามชั้นด้วย”
ซูเถาชะงักไปเล็กน้อยกับคำพูดของเธอ ลู่ชีเหมี่ยวไม่ไช่แกล้งทำเป็นไม่เห็นเขาในตอนที่พบกันครั้งแรก แต่เธอทำเป็นไม่เห็นเขาเพราะว่าเขานั้นชนหน้าอกเธอ
ซูเถายิ้มเจื่อนๆ “นั่นเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะ ยิ่งกว่านั้นเธอต่างหากที่เป็นฝ่ายเดินมาชนชั้นก่อน และเรื่องที่มือชั้นเผลอไปโดนหน้าอกเธอก็เป็นอุบัติเหตุ ชั้นไม่ได้ตั้งใจ”
ลู่ชีเหมี่ยวยักไหล่ก่อนจะถอนหายใจ “ไม่ต้องอธิบายมากหรอก ยิ่งอธิบายก็ยิ่งดูมีพิรุธ พวกผู้ชายไม่ใช่คนดีนักหรอก พวกเขาเห็นผู้หญิงเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์เท่านั้น”
ซูเถายิ้ม “ลืมมันไปเถอะ ชั้นเคยถูกเธอกล่าวหาว่าเป็นพวกหื่นกาม ถ้าเธอยังทำเหมือนชั้นเป็นพวกหื่นกามที่ว่าต่อไป ชั้นก็ยอมแพ้ แต่ว่าเธอเลือกที่จะมาเที่ยวใช้เวลากับชั้น เธอคงไม่ได้คิดว่าชั้นเป็นแบบนั้น อย่างน้อยที่สุด ชั้นคงไม่ใช่หนึ่งในพวกหื่นกามที่ว่านั้นใช่มั้ย ?”
เธอตอบกลับ “ก็ใช่ เหตุผลที่คนอย่างนายไม่น่ารังเกียจก็เพราะนายนั้นไม่ใช่พวกเสแสร้ง ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ”
ซูเถาพออจะเดาได้ว่าลู่ชีเหมี่ยวกำลังเผชิญกับปัญหาอะไร เขาเลยพยายามแนะนำ “เธอไม่คิดจะขัดขืนบ้างเหรอ ?”
ลู่ชีเหมี่ยวหันมายิ้ม “ชั้นจะขัดขืนได้ยังไง ? ทำให้ชีวิตชั้นพังงั้นเหรอ ? เมื่อปีที่แล้ว ได้มีผู้หญิงคนนึงมาที่โรงพยาบาลเพื่อขอให้ชั้นหย่ากับสามี ทุกคนรู้เรื่องนั้นกันหมด มันทำให้ชั้นรู้สึกอับอาย นี่นายต้องการใช้ชั้นประกาศให้คนอื่นรู้เหรอไงว่าถูกพ่อสามีลวนลามน่ะ ?”
“แปลกชะมัด สามีเธอนี่ยังไงกันนะ มีเมียสวยขนาดนี้ยังจะเจ้าชู้ไปทั่วอีก” ซูเถาขมวดคิ้ว
เธอหายใจเข้าลึกๆก่อนจะตอบกลับ “พ่อสามีชั้นก็มีส่วนเกี่ยวข้องในระยะห่างระหว่างชั้นกับสามีเช่นกัน เขามักจะหาโอกาสโทรมาที่ชั้นและคอยตอดเล็กตอดน้อยอยู่เรื่อย มีครั้งนึงที่สามีของชั้นเห็นและทำให้เขาเข้าใจผิด….และไม่ต้องพูดเลย เรื่องนี้เป็นที่ซุบซิบกันทั้งโรงพยาบาล !”
ซูเถาถอนหายใจ “สามีเธอนี่น่าสงสารจริงๆ”
เธอยิ้มให้ตัวเองอย่างเย้ยหยัน “เขาน่าสงสารงั้นเหรอ ? แล้วชั้นไม่น่าสงสารกว่าหรือยังไง ?”
ซูเถายื่นขวดเบียร์ให้ลู่ชีเหมี่ยว “เราทุกคนต่างก็มีศักดิ์ศรี จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับคนอื่นที่จะมาตัดสินเรื่องของเธอ มันจะทำให้อะไรๆแย่ลงไปอีก”
ลู่ชีเหมี่ยวเลิ่กคิ้วก่อนจะถามซูเถา “ถ้าเป็นนายจะทำยังไงกับสถานการณ์แบบนี้ ?”
เขายื่นมือออกมา “ชั้นมีความคิดดีๆอยู่ ก่อนอื่นเอามือถือของเธอออกมา”
ลู่ชีเหมี่ยวอึ้งเล็กน้อยก่อนจะหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าและส่งให้ซูเถา
ซูเถารับโทรศัพท์มาจากใน ขณะที่เขาพยายามจะเปิดมันก็พบว่าโทรศัพท์นั้นถูกล็อกอยู่ เขายิ้ม “ปลดล็อคที !”
เธอเอามือจับไปที่หน้าผากก่อนจะยื้ม “นายปลดเองก็แล้วกัน 0613 วันเกิดของชั้น”
หลังปลดล็อกเรียบร้อยแล้ว ซูเถารีบโทรหาเฉียวเต้อเหาทันที ลู่ชีเหมี่ยวตกใจมาก ทันใดนั้น เธอพยายามแย่งมือถือคืนจากซูเถา แต่ถูกเขากันเอาไว้
ซูเถาเอานิ้วจุ๊ที่รีบฝีปากของตัวเองไว้เพื่อบอกให้ลู่ชีเหมี่ยวนั้นเงียบ
เมื่อเฉียวเต้อเหารับสาย น้ำเสียงของเขาดูจะดีใจมากก่อนจะหัวเราะ “เหมี่ยวเหมี่ยว ทำไมถึงโทรหาชั้นกันล่ะ ? เฉียวโปเอาสร้อยให้เธอแล้วใช่มั้ย ?”
ซูเถาเกร็งคอก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “นายคือพ่อสามีของชีเหมี่ยวงั้นสินะ ?”
“ใช่ ชั้นเอง แล้วนายเป็นใคร ? ทำไมถึงมีโทรศัพท์ของเธอ ?” เฉียวเต้อเหารู้สึกแปลกใจพลางขมวดคิ้ว
ซูเถาหัวเราะเยาะ “ชั้นเป็นเพื่อนของเธอ และชั้นได้ยินเรื่องที่นายทำไม่ดีกับเธอไว้ ชั้นรู้สึกขยะแขยงมาก จึงได้โทรมาหานายเพื่อเตือนนายว่าเลิกลวนลามเธอได้แล้ว”
ทันใดนั้น เฉียวเต้อเหารู้สึกโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขาขู่ “แกเป็นใคร ? กล้าพูดจาสามหาวอย่างนี้ อยากตายหรือไง ?”
ซูเถาเริ่มยั่วเขาต่อ “ชั้นเหรอ ? ก็แฟนใหม่ของเธอไง อย่ามาขู่กันดีกว่า ไม่งั้นชั้นจะทำให้พวกสำนักอนามัยเมืองคอยจับตาดูและตรวจสอบเรื่องของนายซะ ให้พวกเขาได้เห็นว่าชีวิตแสนโสมมของเลขาเฉียวแห่งโรงพยาบาลเจียงหัวนั้นน่าทุเรศขนาดไหน”
“เอาโทรศัพท์ให้เธอ ชั้นอยากคุยกับเธอ” เฉียวเต้อเหาโกรธมาก เขาไม่เคยโดนดูหมิ่นขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
แต่ซูเถาจะตามที่เขาของั้นเหรอ ? เขาหัวเราะเยาะ “นี่นายยังคิดจะลวนลามเธอต่ออีกงั้นเหรอ ? ไอ้แก่เจ้าเล่ห์บ้ากามอย่างนายช่างยังไร้ยางอายสิ้นดี ถึงขนาดพยายามจะแย่งเมียลูกชายตัวเอง ยิ่งกว่านั้น ระวังตัวของนายเอาไว้ให้ดี แล้วจะหาว่าชั้นไม่เตือน”
หลังพูดจบ ซูเถารีบวางสายอย่างรวดเร็ว
ด้วยท่าทางการพูดของซูเถา ลู่ชีเหมี่ยวไม่สามารถกลั้นขำได้อีกต่อไป เมื่ออซูเถาคืนมือถือให้ เธอก็ระเบิดหัวเราะออกมา
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ชี้ไปยังซูเถา “นายนี่มันเหลือเกินเลยจริงๆ ชั้นนึกภาพไม่ออกเลยว่าตอนนี้เฉียวเต้อเหาจะโมโหมากขนาดไหน”
“วิธีการต่ำช้าแบบนี้เหมาะแล้วล่ะที่จะเอาไว้ใช้กับคนต่ำช้าแบบนั้นน่ะ” ซูเถายักไหล่ “ชั้นคงไม่ได้สร้างปัญหาเพิ่มให้เธอใช่มั้ย ?”
ลู่ชีเหมี่ยวเช็ดน้ำตาที่เกิดจากการหัวเราะเมื่อครู่ก่อนจะตอบกลับ “อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ชั้นจะทำอะไรได้อีกล่ะ ? ชั้นว่าตอนนี้เขาคงจะหลอนไปแล้วล่ะ เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวว่าประธานตี้จะไปรับตำแหน่งหัวหน้าของสำนักอนามัยเมือง ซึ่งก็เปิดโอกาสให้เฉียวเต้อเหาขึ้นมารับตำแหน่งประธานของโรงพยาบาลแทน ช่วงนี้เขาคงไม่กล้าทำเรื่องอื้อฉาวหรอก”
“เรายังจะร้องเพลงกันต่อมั้ย ?” ซูเถาถามเมื่อเขาสังเกตเห็นลู่ชีเหมี่ยวอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
เธอพยักหน้ารัวๆ “แน่นอน ได้เวลาจับไมค์แล้ว”
แม้ว่าจะดูโล่งใจ แต่ซูเถาสังเกตได้ว่าเธอยังคงมีความลังเลอยู่
มีสุภาษิตนึงได้กล่าวไว้ว่า ผู้หญิงเมื่อแต่งงานก็เหมือนกับการเกิดใหม่ ชีวิตของบางคนอาจจะเปลี่ยนแปลงหลังการแต่งงานและได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราผาสุข ในขณะที่บางคนอาจจะต้องเผญิงกับสถานการณ์ที่เลวร้ายภายในครอบครัวหลังจากการแต่งงาน
การแต่งงานไม่เพียงจะมีผลกับผู้ชายเท่านั้น แต่ยังมีผลกับผู้หญิงอีกด้วย
แต่เพราะว่าผ่านการแต่งงานมาแล้ว ลู่ชีเหมี่ยวยิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก
เนื่องจากซูเถานั้นมีความเป็นผู้ใหญ่ผิดจากรูปร่างภายนอก เขาสามารถเข้าใจถึงปัญหาและความเหนื่อยล้าที่ลู่ชีเหมี่ยวต้องเผชิญ ถึงแม้ว่าเธอจะทำตัวตามปกติ แต่ภายในใจของเธอนั้นรู้สึกโดดเดี่ยว
ลู่ชีเหมี่ยวเลือกเพลงต่างประเทศ ริมฝีปากของเธอเปล่งประกายอีกครั้ง ริมฝีปากที่ส่องประกายอีกทั้งรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ ผมยาวที่สั่นไหวไปพร้อมกับร่างกายของเธอ
เธอร้องเพลงต่ออีกครึ่งชั่วโมงก่อนที่ซูเถาจะหยุดเธอเอาไว้เนื่องจากเสียงของเธอเริ่มแหบแล้ว ขืนยังร้องต่อพรุ่งนี้เธออาจจะไม่มีเสียงก็ได้
เมื่อพวกเขาออกมาจากคาราโอเกะ ลู่ชีเหมี่ยวก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เธอดึงแขนซูเถา “ไปต่อที่บาร์กันเถอะ”
ซูเถายิ้ม “แน่ใจเหรอ นี่เที่ยงคืนแล้วนะ”
“ทำไมล่ะ ? นายไม่อยากไปต่อกับชั้นแล้วเหรอ ? ช่างเถอะ งั้นชั้นโทรหาเฉียวเต้อเหาให้เขามากับชั้นก็ได้” ลู่ชีเหมี่ยวยิ้มเยาะ
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเธอนั้นพูดไปงั้น แต่สุดท้ายเขาก็ยอมตกลงก่อนจะถอนหายใจ “ก็ได้ งั้นไปกัน”
มีย่านผับตั้งอยู่ใกล้ๆ Meritin Plaza ซึ่งเป็นที่ๆคึกคักที่สุดแล้วในเวลานี้ หลังจากเลือกบาร์แล้ว พวกเขาก็ได้เข้าไปนั่งก่อนที่เด็กเสิร์ฟจะเอาเมนูมาให้ ลู่ชีเหมี่ยวสั่งบรั่นดี เธอต้องการจะดื่มให้เต็มคราบ
มีผู้หญิงซึ่งนุ่งน้อยห่มน้อยเต้นอยู่บนเวที โยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลง บรรยากาศในร้านเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าและเพลงเฮฟวี่ เมทัล ซึ่งคอยกระตุ้นฮอร์โมนของทุกคนที่มาเที่ยว
เด็กเสิร์ฟมาพร้อมกับขวดไวน์อย่างรวดเร็วก่อนจะเทไวน์ใส่แก้วให้เธอ เมื่อเห็นว่าเธอมองซ้ายมองขวา ซูเถายิ้ม “หาสามีของเธออยู่หรือไง ?”
“นายรู้วิธีอ่านใจคนเหรอ ? ไม่มีอะไรที่นายไม่รู้บ้างเลยหรือไง ?” ลู่ชีเหมี่ยวยิ้มพลางรู้สึกประหลาดใจ
ซูเถาถอนหายใจ “ผู้หญิงน่ะแรงแค้นเยอะจะตาย หลังจากเจ็บปวด สิ่งแรกที่จะทำก็คือหาทางแก้แค้น”
ในตอนที่ลู่ชีเหมี่ยวคิดจะไปที่บาร์ ซูเถาก็เดาไว้แล้วว่าคงเป็นบาร์ที่สามีของเธอนั้นมักจะไปเที่ยวบ่อยๆ
ลู่ชีเหมี่ยวจ้องไปยังซูเถา “ทำท่าราวกับว่ารู้ทุกเรื่องเลยนะนายน่ะ”
“ชั้นไม่ได้แกล้งทำหรอก สามีของเธอใช่คนที่นั่งอยู่ตรงหัวมุมกับผู้หญิงที่ใส่เสื้อโชว์สะดือสีแดงเข้มนั่นไหม ?” ซูเถาทำปากไปยังทิศทางที่เขาพูดถึง
เนื่องจากแสงไฟในบาร์ค่อนข้างสลัว เขาจึงเห็นผู้หญิงคนนั้นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม เขามั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นด้อยกว่าลู่ชีเหมี่ยวแน่นอน ถ้าเขาไม่ได้นั่งกับลู่ชีเหมี่ยว เธอคงโดนผู้ชายรุมล้อมเนื่องจากความงามของเธอไปแล้ว
เมื่อมองไปยังซูเถาที่กำลังประหลาดใจอยู่ ลู่ชีเหมี่ยวถอนหายใจ “ว้าว , นายเนี่ยทำให้ชั้นขนลุกได้จบจบเลยแฮะ”
ซูเถายิ้มก่อนจะกลืนบรั่นดีที่อยู่ในปาก “ไม่ต้องกลัวไป ตอนนี้ชั้นอยู่ข้างเดียวกับเธอ ทำไมเราไม่ไปเต้นกันซักหน่อย ไม่งั้นสามีเธอคงไม่รู้หรอกว่าเธอกำลังอยู่ในผับกับหนุ่มรูปหล่อขนาดนี้ !”