บทที่ 52 เมื่อภรรยามีชู้
เนื่องจากฟลอร์เต้นรำไม่ได้กว้างมากนัก ผู้คนจึงค่อนข้างหนาแน่น ลู่ชีเหมี่ยวรู้สึกว่าถ้าเธอขยับมากเกินไปอาจจะเผลอไปโดนคนอื่นได้ ดังนั้นเธอจึงพยายามที่จะอยู่ใกล้ๆกับซูเถาเข้าไว้ กลิ่นผมของเธอทำให้ซูเถาอยากจะดึงเธอมากอดให้รู้แล้วรู้รอด
เมื่อรู้สึกว่าสายตาของซูเถานั้นดูจะผิดปกติไปหน่อย ลู่ชีเหมี่ยวกัดรีมฝีปากก่อนจะกลอกตาไปยังเขา “มองอะไรของนาย ? นายทำให้ชั้นประหม่านะ นี่พวกเรากำลังเต้นกันอยู่ใช่ไหม ?”
ซูเถายิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปโอบเอวของเธอ ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้หู “เราต้องทำให้แนบเนียนหน่อย ถ้าทำเหมือนเป็นเพื่อนกัน สามีเธอก็รู้แผนของเราหมดพอดี”
“นี่นายคิดจะใช้ชั้นเป็นเหยื่อล่องั้นเหรอ ?” ลู่ชีเหมี่ยวถามด้วยน้ำเสียงโมโห
ซูเถาสัมผัสได้ถถึงความนุ่มนวลจากเอวของเธอ เขากระซิบ “ทำไมล่ะ ? เธอยังมีโอกาสหนีอยู่นะถ้าเธอคิดจะหนีน่ะ”
ลู่ชีเหมี่ยวหัวเราะเบาๆ จากนั้นเธอได้เอื้อมมือไปกอดคอซูเถาก่อนจะยิ้ม “ก็ได้ ถ้าหนีก็ไม่ใช่ชั้นแล้ว”
ซูเถารู้สึกได้ว่าลู่ชีเหมี่ยวดันหน้าอกมาโดนตัวเขา เขารู้ว่าในตอนนี้เธอเลิกคิดมากแล้ว ก่อนที่เขาจะขยับสายตาไปยังฟลอร์เต้น ถึงแม้ในนี้จะค่อนข้างสลัวแต่เขาก็ยังมองเห็นตำแหน่งของเฉียวโบ ในตอนนั้นเอง เขาก็ได้ส่งสายตาท้าทายไปยังพวกเฉียวโบ
พอเพลงเริ่มดังขึ้น ซูเถาได้เปลี่ยนท่าทาง เขาค่อยๆเลื่อนมือจากขาของลู่ชีเหมี่ยวไปยังที่ปั้นท้าย ค่อยๆเอาหน้าเข้าไปซุกที่คอของเธอ
เฉียวโบสังเกตเห็นฉากนี้ ซูเถาตั้งใจจะใช้ลูกเล่นบางอย่าง จากมุมมองของเฉียวโบ มันดูเหมือนพวกเขากำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม
ในที่สุดเฉียวโบก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปก่อนจะกระทืบเท้าเดินขึ้นไปบนฟลอร์ ไล่ผลักคนที่ขวางทางเขาอยู่ด้วยความโมโห
เขาแตะมือซ้ายไปที่ไหล่ของซูเถา ก่อนที่จะซัดหมัดขวาเข้ามา เมื่อซูเถาหันไป ก็ได้มีหมัดของเฉียวโบกำลังพุ่งตรงมาที่หน้าของเขา น่าเสียดายที่มือซ้ายของเฉียวโบที่จับไหล่ซูเถานั้นเกิดลื่นพอดี ทำให้เขาเสียหลักพุ่งไปข้างหน้า
เกิดความวุ่นวายทันทีในตอนที่เขาล้ม คนที่อยู่รอบๆต่างก็พากันหลบออกหมด เปิดพื้นที่ให้กับเฉียวโบ ซูเถา และลู่ชีเหมี่ยว
เนื่องจากเขาดื่มมากเกินไป เฉียวโบเลยรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย ซึ่งใช้เวลาในการพักฟื้นเล็กน้อย ทันใดนั้น เขาได้ชี้ไปยังลู่ชีเหมี่ยวก่อนจะสบถออกมา “นังตัวดี !”
ลู่ชีเหมี่ยวตอกกลับทันควัน “เฉียวโบ นายมีหุ้นในผับนี้ และนายก็เป็นที่เคารพในฐานะบอสของที่นี่ อย่าทำให้ตัวเองขายหน้าจะดีกว่า พวกเราแค่มาสนุกกันเท่านั้น นายยังมีผู้หญิงรออยู่ตรงโน้นไม่ใช่หรือไง”
ได้ยินดังนั้น เฉียวโบรู้สึกราวกับว่าปอดแทบจะระเบิด ก่อนจะชี้ไปทางลู่ชีเหมี่ยว “คอยดูเถอะ ! ชั้นจะพาคนมาจัดการไอ้หนุ่มขวัญใจของเธอแน่ !”
เมื่อเฉียวโบออกไป ลู่ชีเหมี่ยวได้เข้าไปดึงซูเถาก่อนจะกระซิบ “ไปกันเถอะ ให้ไวเลย !”
“ทำไมเราต้องไปด้วยล่ะ ?” ซูเถายิ้ม
ลู่ชีเหมี่ยวรู้สึกได้ในทันทีว่าซูเถานั้นไม่ต่างไปจากคนโง่คนนึงเลย เธอพูดต่อ “นายไม่ได้ยินเหรอว่าเฉียวโบจะไปพาคนมาน่ะ ? เขามีหุ้นในผับนี้ ที่นี่เป็นที่ของเขา ขืนนายยังอยู่ต่อเดี๋ยวก็ได้เจ็บตัวหรอก !”
ซูเถาถอนหายใจ “เธอพาชั้นมานี่ทั้งๆที่รู้ว่ามันอันตราย ไม่ใช่ว่าเธอตั้งใจพาชั้นมาให้โดนอัดหรอกเหรอ ?”
เนื่องจากในผับมีเสียงรบกวนเยอะ ซูเถาจึงได้ยื่นรีมฝีปากของเขาเข้าไปใกล้ที่หูของลู่ชีเหมี่ยว เธอรู้สึกจักจี้เล็กน้อยก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ตอนแรกชั้นแค่อยากมานั่งเล่นที่นี่เท่านั้นเอง ใครจะไปคิดว่าเรื่องมันจะเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ ไปเต้นยั่วจนทำให้เฉียวโบโกรธเอาซะได้น่ะ”
“ดูเหมือนเธอจะกลัวเขานะ ?” ซูเถายิ้ม
ลู่ชีเหมี่ยวตัวแข็งทื่อก่อนจะถอนหายใจ “เขามันคนบ้า ปีที่แล้ว ตอนที่ชั้นพยายามจะหย่ากับเขา เขาหยิบมีดมากรีดแขนตัวเองต่อหน้าชั้น เลือดเขาไหลเต็มแขนไปหมด ก่อนที่เขาจะบอกว่าเขาจะฆ่าตัวตายถ้าชั้นหย่ากับเขา”
ซูเถายิ้มแห้งๆ “ใช้ชีวิตตัวเองมาขู่คนอื่น งี่เง่าจริงๆ”
พอได้ยินซูเถาพูดถึงสามีของเธอแบบนั้น ในใจเธอก็รู้สึกแปลกๆ เมื่อเธอเห็นเฉียวโบมาพร้อมกับรปภ.ท่าทางแข็งแรงหยาลคน เธอจับแขนซูเถา “ออกไปจากที่นี่ เร็วเข้า เขาไม่ทำอะไรชั้นหรอก แต่กับนายน่ะไม่เหลือแน่”
ซูเถาถอนหายใจ “ประตูโดนล็อกไว้หมดแล้ว ตอนนี้เราหนีไปไหนไม่ได้แล้วหล่ะ”
ในตอนนั้นเอง ลู่ชีเหมี่ยวรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ดึงซูเถาเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
เฉียวโบเดินมาที่ฟลอร์เต้นรำและชี้ไปที่ซูเถา “จัดการมันเลย”
ในใจของเฉียวโบตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธ ไม่ใช่แค่เขาถูกสวมเขาเท่านั้น เธอยังทำมันต่อหน้าเขาด้วย โดนขนาดนี้ใครมันจะไปทนไหว ?
พวกรปภ.ทุกคนล้วนเป็นนักเรียนคณะพลศึกษาของมหาลัยฮั่นโจวทั้งสิ้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาในการเจอกับคน 2-3 คนพร้อมกัน ที่สถานการณ์นี้มันไม่เหมือนกันเพราะนี่คือซูเถา
รปภ.คนนึงซึ่งสูงถึง 6ฟุต 2 นิ้ว ได้เหวี่ยงไม้มาที่หน้าซูเถา ซูเถาเอี้ยวตัวหลบไปด้านข้างก่อนจะต่อยไปที่เอวของรปภ.คนนั้น รปภ.ชักแขนกลับทันทีก่อนจะลงไปกองบนพื้นพร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
รปภ.อีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลังตกใจหลังจากเห็นท่าทีของเพื่อน อย่างไรก็ตาม เขาก็ทำได้แค่ยืนเกรงตัวและเตะเข้ามาที่ซูเถา ซูเถาถอยกลับ ทันใดนั้น รปภ.ก็รูสึกว่าช่วงล่างของร่างกายนั้นชาไปหมด ก่อนที่ขาทั้งสองจะไร้ความรูสึกไปและความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาถึงบริเวณท้องน้อย ก่อนจะลงไปนอนกลิ้งบนพื้นตามเพื่อนไปติดๆ
หลังจากเห็นฝีมืออันร้ายกาจของซูเถา พวกรปภ.ที่เหลือต่างหวาดกลัวและปลีกตัวออกไป ไม่มีใครกล้าสู้ซูเถา
ตอนแรก เฉียวโบคิดว่าคงจะเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการซูเถา แต่เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่ารปภ.ทั้งสองจะลงไปกองกับพื้นในทันที ทันใดนั้นเอง เขาก็ประกาศออกมา “ไอ้ระยำเอ้ย ลุกขึ้น ! ชั้นจ่ายเงินเดือนให้พวกแกนะโว้ย ถ้าพวกแกไม่จัดการมัน ชั้นจะไล่ออกให้หมดทุกคนเลย !”
หนึ่งในรปภ.ซึ่งเรียนเจี๋ยฉวนเต้า (ศิลปะการต่อสู้ชนิดหนึ่งของจีน) มาได้ไม่กี่วัน เขาแหกปากคำรามก่อนจะกระโจนเข้าไปหาซูเถา หลังจากอุ่นเครื่องได้ 2-3 กระบวนท่า เขาก็ได้ขยับไปมาและเอาแส้ฟาดไปที่ขาขวาของซูเถา
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ดูอันตราย หากพลาดพลั้งขึ้นมาซูเถาต้องขาหักแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ซูเถาก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ก่อนจะกระโดดเข้าไปหารปภ.ก่อนจะวางเท้าข้างนึงลงบนพื้นเป็นหลัก ส่วนขาอีกข้างเตะไปที่เอวของรปภ.
มีเสียงร้องดังขึ้น ก่อนรปภ.คนนั้นจะลงไปนอนขดตัวบนพื้นด้วยความเจ็บปวด
ซูเถากลับมายืนเผชิญหน้ากับ 3 คนที่นอนอยู่ ถ้าเขาคิดจเอาจริง คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะแค่จำกัดการเคลื่อนไหวของพวกเขา
“พวกแกทุกคน ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ !” เฉียวโบเริ่มตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัดพลางตะโกนใส่พวกรปภ.
“ช่างหัวมันแล้ว พวกเราเอาชนะมันไม่ได้ เราไม่เอาเงินเดือนก็ได้วะ !” รปภ.ที่เหลือเดินไปพยุงเพื่อนขึ้นมาก่อนจะออกจากผับไป
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นกะทันหัน มีเพียงลู่ชีเหมี่ยวเท่านั้นที่หายจากอาการตกใจก่อนจะมองไปยังซูเถาด้วยความประหลาดใจ ตอนนี้เธอเริ่มจะสงสัยว่าเรื่องที่เฉียวเต้อหัวกลั้นปัสสาวะไม่อยู่นั้นเป็นฝีมือของซูเถา
เมื่อพวกรปภ.บางส่วนออกจากผับไปแล้ว คนที่ตัวสูง 6 ฟุต 2 นิ้วอุทานขึ้น “บ้าน่า มหัศจรรย์จริงๆ ความเจ็บปวดเมื่อกี้มันหายไปแล้ว”
อีก 2 คนที่เหลือก็พูดเป็นทำนองเดียวกันว่าความเจ็บปวดได้หายไปแล้ว ยิ่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ พวกเขาก็รู้สึกว่าได้เจอกับโคตรเซียนของจริงเข้าให้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่มาเหยียบที่นี่อีก
เฉียวโบเหงื่อแตกพลั่กในขณะที่มองไปยังซูเถา ลูกค้าส่วนใหญ่ออกไปกันหมดแล้ว เหลือแต่พวกพนักงานเท่านั้นที่ดูอยู่
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของเฉียวโบก็มาด้วย เป็นชายวัยกลางคนในเสื้อลายดอก เขามองไปที่ซูเถาก่อนจะหยิบบุหรี่ออกมา “น้องชาย ชั้นชื่อจงเทียนเป่า เป็นรู้รับผิดชอบของผับนี้ นายช่วยไว้หน้าชั้นแล้วปล่อยเรื่องนี้ไปได้ไหม ?”
ซูเถามองไปยังลู่ชีเหมี่ยวก่อนจะยิ้ม “ชั้นเป็นบอดี้การ์ดของเธอ ไปถามเธอสิ”
ลู่ชีเหมี่ยวมองไปยังซูเถาก่อนจะเดาว่าเขาคิดอะไรอยู่และพูดขึ้น “บอสจง ขอโทษจริงๆสำหรับเรื่องนี้ จริงๆแล้วนี่มันเป็นปัญหาภายในครอบครัวน่ะ”
จงเทียนเป่ารู้อยู่แล้วว่าลู่ชีเหมี่ยวเป็นภรรยาของเฉียวโบ เขายิ้ม “น้องสาว ชั้นรู้จักเรื่องของเธอ เอาอย่างนี้ละกัน เธอกับเฉียวโบไปเคลียร์เรื่องนี้กันที่บ้าน ชั้นยังมีงานต้องทำอีกวันนี้”
“เฉียวโบ ชั้นต้องการจะหย่า เจอกันพรุ่งนี้ที่อำเภอ” ลู่ชีเหมี่ยวมองไปยังเฉียวโบ
เมื่อเฉียวโบได้ยินว่าลู่ชีเหมี่ยวต้อองการจะหย่ากับเขา ร่างกายของเขาก็สั่นด้วยความโกรธในขณะที่กำลังมองไปทางลู่ชีเหมี่ยว ในตอนนี้เขาไม่สามารถพูดอะไรได้และมองดูลู่ชีเหมี่ยวดึงแขนซูเถาก่อนที่ทั้งสองจะออกจากผับไป
“คุณจง คุณกำลังละเลยกับข้อตกลงระหว่างเรานะ คุณปล่อยเขาไปได้ยังไง” เฉียวโบถาม
จงเทียนเป่าส่ายหน้า “นายรู้มั้ยว่าชายคนที่ยืนอยู่ข้างเมียนายน่ะเป็นใคร ?”
“เขามีอะไรงั้นเหรอ หรือว่าจะมีเบื้องหลังอะไร ?” หน้าของเฉียวโบแข็งทื่อ
จงเทียนเป่าพยักหน้า “ชั้นเกรงว่าทั้งฮั่นโจวนี่คงจะมีไม่มากที่อยากจะยุ่งกับเขา เมื่อไม่นานมานี้ ตระกูลเนี่ยของฮั่วหนานได้ตั้งค่าหัวเขาเอาไว้ 1 ล้านหยวน แต่แม่ม่ายพิษเป็นคนหยุดเรื่องนี้เอาไว้”
เฉียวโบดูจะตกใจกว่าเดิม “เขาเกี่ยวข้องกับแม่ม่ายพิษอย่างงั้นเหรอ ?”
จงเทียนเป่าลดเสียงลง “ตามที่ลือกัน ดูเหมือนเขาจะเป็นคนโปรดคนใหม่ของแม่ม่ายพิษ ไปยุ่งกับเขาไม่ได้หรอก”
เนื่องจากตระกูลเนี่ยหมายหัวซูเถา พวกกองกำลังอื่นๆในฮั่นโจวจึงมีข้อมูลของเขาอยู่
“ถ้างั้น คุณต้องการให้ผมปล่อยเรื่องนี้ไปงั้นเหรอ ?” เฉียวโบถามด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง
การถูกแย่งคนรักต่อหน้าต่อตาเป็นเรื่องที่ไม่มีใครยอมรับได้
จงเทียนเป่าขมวดคิ้ว “เมียของนายเป็นสาเหตุของเรื่องนี้ ถ้านายอยากจะระบายความโกรธ ไประบายกับเธอ วันนี้นายก็เห็นแล้ว ซูเถานั้นฝีมือไม่ใช่เล่นๆ ถึงแม้ว่าชั้นจะเรียกลูกน้องมาเต็มคันรถก็ตาม เปล่าประโยชน์ที่จะสู้ด้วย ยิ่งกว่านั้น ขืนเราไปยั่วแม่ม่ายพิษเข้า ลืมเรื่องการอาศัยอยู่ที่ฮั่นโจวนี้ได้เลย เรายังมีธุรกิจที่ต้องทำอยู่ เราจะประมาทไม่ได้”
หลังจากได้ยินที่จงเทียนเป่าเล่า เฉียวโบก็กัดฟันด้วยความโกรธ