Physicians Odyssey – ตอนที่ 65 ตัวเบี้ยบนกระดาน

บทที่ 65 ตัวเบี้ยบนกระดาน

 

 

หลังจากที่หยานจิ้งได้แยกกับเวร่าและกลับเข้าไปที่สำนักงานของตัวเอง เธอรับโทรศัพท์ก่อนที่อีกฟากจะพูดขึ้น “แผนการเป็นยังไงบ้าง ?”

 

 

หยานจิ้งตอบกลับ “วางใจได้ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ Mr.ถู”

 

 

Mr.ถูยิ้ม “เธอไม่เคยลงมือทำอะไรในเรื่องที่เธอไม่มั่นใจเลย ตระกูลเนี่ยอยู่ที่หัวเป่ยมาเป็นปีแล้วๆ และได้กลายเป็นเนื้องอกของเมืองไปแล้ว ถ้าหากเธอไม่ทำอะไรสักอย่างกับเนื้องอกนั่น เราก็ไม่สามารถที่จะเริ่มรักษาได้”

 

 

หยานจิ้งรู้ความหมายของประโยคนั้น เธอตอบกลับ “ถ้าเราต้องการที่จะโค่นตระกูลเนี่ย เราต้องเริ่มจากไคซงพู พวกตระกูลเนี่ยพยายามมาหลายปีที่จะลบเรื่องที่ก่อเอาไว้ในอดีต ไคซงพูเป็นกุญแจสำคัญ เพราเขาคือหนึ่งในคนที่ช่วยซักฟอกสินค้าให้พวกมัน คุณอาจจะได้เบาะแสบางอย่างหากคุณเริ่มจากเขา”

 

 

 

มีเสียงถอนหายใจดังขึ้นมาจากอีกฟากของโทรศัพท์ “บาปที่พวกตระกูลเนี่ยก่อเอาไว้มันเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก และมันต้องวุ่นวายแน่ๆ พวกเบื้องบนไม่ต้องการให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น การแก่งแย่งชิงดีกันทางการเมืองเพื่อไฝ่หาความสมดุล ซึ่งไม่มีใครทำให้มันเกิดความสมดุลขึ้นได้ง่ายๆหรอก”

 

 

 

หยานจิ้งพยักหน้า “ชั้นจะพยายามอย่างสุดความสามารถในการผลักดันการแข่งขันครั้งนี้เพื่อเป็นการกดดันไปยังพวกตระกูลเนี่ยให้พวกเขาออกไปขากหัวเป่ยนี่”

 

 

 

Mr.ถูยิ้ม “ชั้นยังคงรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอ เธอสามารถขยายอิทธิพลไปทั่วหัวเป่ยได้ และรัฐบาลจะให้การสนับสนุนคุณอย่างเต็มที่”

 

 

 

หลังจากพวกเขายังคุยรายละเอียดกันอีกเล็กน้อยก่อนหยานจิ้งจะวางสาย ตระกูลเนี่ยเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันราชาแห่งแพทย์มาเป็นเวลาหลายปี พวกเขาได้ใช้เงินเป็นจำนวนมากในการแข่งขันนี้เพื่อขยายอิทธิพลของตนออกไป อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าได้ตกเป็นเป้าแก่อำนาจอันยิ่งใหญ่กว่าที่พร้อมจะลบพวกเขาออกไป

 

 

 

เธอหายใจเข้าลึกๆ เธอและตระกูลเนี่ยต่างก็เป็นศัตรูของกันและกันในแผนการนี้ ซึ่งตัวนั้นเป็นเพียงแค่เบี้ยบนกระดานสำหรับอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังในเกมนี้เท่านั้นเอง

 

 

 

ในสังคมนั้นมักจะมีการแบ่งชนชั้นเสมอ ถึงแม้ว่าหยานจิ้งจะดูไม่ได้กังวลมากนัก แต่เธอก็ยังได้รับผลกระทบในลำดับชั้นนี้และต้องพึ่งพาคนที่อยู่เหนือกว่าเพื่อเอาตัวรอด

 

 

 

เมื่อเร็วๆนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการประจำจังหวัดของหัวเป่ย เลขาธิการฝ่ายการเมืองถูกแทนที่โดยเฉินโชวจุนซึ่งอดีตเคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการเมืองและกฎหมายของจังหวัดฮั่วหนาน และเป็นหัวหน้าของสำนักความมั่นคงสาธารณะ ซึ่งถ้าเป็นไปตามที่คาดเอาไว้ อาจจะมีการถ่ายโอนสิ่งสำคัญไปยังฮั่วหนานและยกระดับให้สูงขึ้น

 

 

 

เหตุผลที่เฉินโชวจุนถูกย้ายมาล่วงหน้าก็เพื่อที่จะเคลียร์สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในฮั่วหนาน และเพื่อวางรากฐานเอาไว้สำหรับบุคคลสำคัญที่จะตามมาภายหลัง

 

Mr.ถูเป็นผู้ช่วยที่ไว้ใจได้ของเฉินโชวจุน และด้วยความเกี่ยวข้องอย่างมีนัยยะสำคัญระหว่างหยานจิ้งกับเฉินโชวจุน ซึ่งงานหลายๆอย่างที่เขาไม่สามารถทำได้อย่างเหมาะสมจะให้หยานจิ้งเป็นคนทำแทนโดยใช้วิธีการใต้ดิน

 

 

 

หยานจิ้งกลับไปนั่งที่โต๊ะพลางหยิบกรอบรูปออกมาจากลิ้นชักพร้อมกับรูปถ่ายเก่าๆใบหนึ่งที่เริ่มจะหมองจนเป็นสีเหลืองแล้ว เธอค่อยๆเอามือลูบไปที่รูปของชายในภาพด้วยแววตาที่อบอุ่น ก่อนที่จะมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอรีบวางรูปกลับเข้าไปในลิ้นชักอย่างรวดเร็วพลางตอบกลับ “เข้ามา !”

 

 

 

ซูเถาเข้ามาที่ห้องพร้อมกับรอยยิ้ม “เจ๊ใหญ่จิ้ง มากินอาหารเย็นที่ตำหนักสิวันนี้ พาฮั่วหยานมาด้วยนะ”

 

 

 

“ทำไมถึงเป็นที่ตำหนักล่ะ ?” หยานจิ้งถาม

 

 

 

ซูเถาค่อยๆอธิบาย “อย่างแรก ชั้นได้สัญญากับเธอและฮั่วหยานเอาไว้ใช่มั้ยล่ะว่าจะเลี้ยงข้าวน่ะ ? อย่างที่สอง ลูกศิษย์ชั้นจ้าวเจี้ยนเขาจะฉลองวันเกิดวันนี้ ชั้นเลยจะฉลองไปกับเขาด้วย อย่างที่สาม ให้ฮั่วหยานได้ลองเจอคนเยอะๆเพื่อที่จะรักษาอาการของเธอให้ดีขึ้นไง”

 

 

 

 

เหตุผลของเขานั้นไม่มีช่องโหว่ หยานจิ้งมองไปที่ซูเถาอยู่พักนึงก่อนจะยิ้ม “แน่นอน เดี๋ยวชั้นจะให้ เจิ้งหง พาฮั่วหยานมาที่สำนักงาน พวกเราจะไปที่ตำหนักด้วยกันหลังจากเลิกงานแล้ว”

 

 

 

เมื่อเห็นซูเถาฮัมเพลงเดินออกไป ดวงตาของหยานจิ้งก็เปล่งประกายขึ้น นับตั้งแต่สามีเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอก็มีชีวิตอยู่ด้วยความเกลียดชังมาโดยตลอด ขังตัวเองเอาไว้ในโลกเล็กๆที่ตัวเธอเองสร้างขึ้น เธอมักจะมีความเด็ดขาดและเลือดเย็นในการจัดการสิ่งต่างๆ นั่นจึงเป็นเหตุให้เธอมีฉายาว่าแม่ม่ายพิษ

 

 

 

แต่ซูเถานั้นเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของเธอ เขาเป็นเหมือนกับน้ำที่ซึมเข้าไปในจิตวิญญาณที่แห้งเหือดของเธอ

 

 

 

เธอไม่ได้อยู่เพื่อแก้แค้นอีกต่อไป ตอนนี้เธอมีลูกสาวแล้ว

 

 

 

แม้ว่าจะเลยเวลาเลิกงานแล้ว แต่พนักงานอีกหลายคนยังคงทำ OT ต่อ อย่างไรก็ตาม พวกเขาต่างประหลาดใจที่ประธานหยานเลิกงานเร็ววันนี้ เธอถือกระเป๋าสีแดงรุ่นจำนวนจำกัดออกจากบริษัทไป

 

 

 

 

เมื่อเธอเดินมาถึงที่จอดรถ ซูเถานั่งกระซิบกับฮั่วหยานรออยู่ที่เบาะหลังแล้ว เมื่อเธอเปิดประตูรถ ซูเถาได้ขยับเข้าไปนั่งตรงกลาง หยานจิ้งดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ก่อนจะขมวดคิ้ว “ทำไมนายถึงไปนั่งตรงกลางล่ะเนี่ย ?”

 

 

 

ซูเถายิ้ม “ชั้นขี้เกียจย้ายที่น่ะ ถ้าเธอไม่สะดวกจะไปเข้าจากอีกฝั่งก็ได้นะ ฮั่วหยานจะได้นั่งอยู่ตรงกลาง”

 

 

 

“สตาร์ทรถเลย” หยานจิ้งจ้องไปยังซูเถา

 

 

 

ซูเถากระซิบไปยังฮั่วหยาน “แม่หนูนี่ดุจริงๆ !”

 

 

 

ฮั่วหยานพยักหน้าเห็นด้วย

 

 

 

ซูเถาทำหน้าตลกๆเพื่อล้อเลียนหยานจิ้ง เธอรู้สึกทั้งรำคาญและตลกไปพร้อมๆกันก่อนจะพึมพำออกมา “เล่นเป็นเด็กๆไปได้”

 

 

 

รถนั้นค่อนข้างกว้าง มันจึงไม่แน่นจนเกินไปสำหรับทั้งสามคน แต่หยานจิ้งก็เผลอโดนตัวซูเถาโดยไม่ตั้งใจ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจมากนัก เนื่องจากเขากำลังกระซิบกับฮั่วหยานอยู่ เธอจึงไม่รู้สึกอึดอัดใจนัก

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Gentle Countryside ยังคงวนเวียนอยู่ในใจเธอ ทุกครั้งที่เธอนึกถึงชายหนุ่มผู้ซึ่งอายุน้อยกว่าเธอขึ้นมาในตอนกลางคืน มันทำให้เธอกระสับกระส่าย เป็นความรู้สึกที่เธอไม่ได้รู้สึกมานาน มันทำให้เธอรู้สึกตื้นเต้นและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน

 

 

 

เมื่อรถเข้ามาจอดที่ตำหนัก หยานจึ้งมองเห็นว่ามีรถจอดออยู่ 2-3 คันที่หน้าตำหนักอยู่ก่อนแล้ว เธอถามขึ้น “มีคนอื่นมาด้วยเหรอ ?”

 

 

 

ซูเถายิ้ม “ชั้นชวนเวร่ามาด้วยน่ะ เธอพาไคหยานกลับออกมาก่อนพวกเราแล้ว”

 

 

 

เขาอุ้มฮั่วหยานก่อนจะให้เธอขี่คอของเขา

 

 

 

ไม่รู้ทำไม หยานจิ้งรู้สึกผิดหวังเมื่อได้ยินซูเถาบอกแบบนั้น หลังจากที่เธอมอองซูเถากับลูกสาวของเธออยู่ด้วยกัน เธอค่อยๆส่ายหัวเรียกสติก่อนจะทำใจให้สงบลง

 

 

 

ตำหนักได้มีการยกเครื่องตกแต่งใหม่ มีโต๊ะกลมสำหรับวางอาหาร 2 ตัวตั้งอยู่ที่ห้องโถง ตกแต่งด้วยลูกโป่งและริบบิ้นเนื่องจากเป็นวันเกิดของจ้าวเจี้ยน นอกจากคนฝั่งตำหนักแล้ว จ้าวเจี้ยนยังชวนเพื่อนๆของเขามาด้วย

 

 

 

เมื่อหยูโบเห็นซูเถา เขารีบเข้าไปทักทายทันที “เฮียซู ในที่สุดพี่ก็กลับมาซักที !”

 

 

 

ซูเถาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านนะ ถ้ามีอะไรไม่พอใจก็ต้องขอโทษด้วย”

 

 

 

สายตาของหยูโบจ้องไปทางหยานจิ้งด้วยความตกใจ ขาของเขาสั่นพึ่บพั่บไปหมดเมื่อเห็นไคหยานและเวร่า อย่างไรก็ตามเขาแอบมองหยานจิ้งเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเกรงว่าสายตาของเขาอาจจะเป็นการไม่เคารพต่อราชินีผู้นี้

 

 

 

เขารีบมองหาจ้าวเจี้ยนก่อนจะกระซิบ “ชั้นหล่ะอิจฉานายจริงๆ มีสาวสวยมากมายมาฉลองวันเกิดด้วยแบบนี้ นายช่วยถามอาจารย์ของนายให้ชั้นได้เข้าร่วมตำหนักนี่ด้วยสิ !”

 

 

 

“พี่โบ เลิกพูดจาล้อเล่นดีกว่าน่า พ่อพี่น่ะเป็นถึงผู้ประกอบการที่แสนจะร่ำรวยในเมืองฮั่นโจวนี่เชียวนะ มีทรัพย์สินนับสิบล้าน คิดว่าพ่อพี่จะปล่อยให้พี่มาทำงานในที่แบบนี้หรือยังไงน่ะ ?” จ้าวเจี้ยนหัวเราะ

 

หยูโบถอนหายใจ “ก็จริงอย่างที่นายว่า  แต่….ชั้นอิจฉานายจริงๆที่ได้เจอเหล่าสาวสวยทุกวันแบบนี้เนี่ย”

 

 

 

ปาร์ตี้วันเกิดจัดขึ้นโดยมีจ้าวเจี้ยนกับเพื่อนอยู่ที่โต๊ะนึง ส่วนอีกโต๊ะนึงพวกซูเถานั่ง อาหารเป็นอาหารฝีมือทำเองถึงแม้ว่าด้านรสชาติจะด้อยกว่าภัตตาคาร แต่มันก็เป็นมื้ออาหารที่อบอุ่น

 

 

 

หลังจากกินอาหารกันไปได้ราวๆหนึ่งชั่วโมง การฉลองวันเกิดได้จบลงก่อนที่หยูโบจะแนะนำคาราโอเกะขึ้นมา ซูเถาได้ดึงหยานจิ้งและเวร่าเข้ามาร่วมด้วย หยานจิ้งยังคงเป็นห่วงว่ามันอาจจะไม่เหมาะกับฮั่วหยาน แต่ฮั่วหยานก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น มือของเธอจับชายเสื้อของซูเถาเอาไว้แน่น เธอจึงคิดว่าจะลองปล่อยให้ฮั่วหยานพบกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆบ้าง

 

 

 

ย่านถนนเก่านี่เป็นโลเคชั่นที่ดีมาก เนื่องจากมันตั้งอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งใช้เวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้นในการเดินไปร้านคาราโอเกะที่ดีที่สุดในเมืองนี้ หยูโบดูจะคุ้นเคยกับที่นี่มาก เขาได้เลือกห้องหรูที่มีขนาดราวๆ 30-40 ตารางเมตร ซึ่งดูกว้างขวาง ถึงแม้จะอัดคนเข้าไป 10 กว่าคนก็ไม่ปัญหา แถมยังมีห้องน้ำในตัวอีกด้วย

 

 

 

 

จากนั้นไม่นาน บริกรได้เคาะประตูห้องพวกเขาก่อนจะนำเหล้าขวดใหญ่มาเสิร์ฟพร้อมกับแกล้ม หยูโบถามด้วยความงุนงง “ผมว่าผมไม่ได้สั่งไปเยอะขนาดนี้นะ”

 

 

 

บริกรตอบกลับ “อันนี้บอสของเราบริการให้ฟรีครับ”

 

 

 

“ทำไมดีจัง ?” หยูโบสงสัย

 

 

 

บริกรคนนั้นอธิบายต่อ “บัตรสมาชิกของคุณมีมูลค่า 5 พันหยวน ดังนั้น ได้โปรดมาใช้บริการบ่อยๆด้วยนะครับ”

 

 

 

หยูโบรู้สึกประหลาดใจ แต่เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ ก่อนจะถามบริกร “ชั้นไม่รู้ว่าบอสนายเป็นไร คิดว่าคงจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันละมั้ง ?”

 

 

 

“ไม่ผิดหรอกครับ แต่ผมก็ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมบอสถึงสั่งของพวกนี้ให้พวกคุณ” บริกรยิ้ม

 

 

 

หยูโบดูจะดีใจกับของฟรี เขาเลยยักไหล่และไม่ได้ใส่ใจมันอีกต่อไป

 

 

 

หลังจากบริกรออกไปแล้ว หยูโบได้ต่อสายออกไปข้างนอก ซึ่งเขารูจักผู้ที่เชี่ยวชาญการร้องคาราโอเกะ เขาได้เรียกผู้หญิง 2-3 คนจากมหาลัยการดนตรีมาด้วย

 

 

 

ราวๆ 10 นาทีต่อมา หยูโบรับโทรศัพท์ก่อนจะออกไปรับพวกผู้หญิง  พวกเธอทั้งหมดตัวค่อนข้างสูง ผู้นำของกลุ่มมีรูปร่างสูงโปร่ง เธอยิ้ม “พี่โบ ชั้นคนเดียวไม่พอหรือไง ? นี่ชั้นก็เรียกดาวโรงเรียนมาหมดแล้วนะ”

 

 

 

หยูโบยิ้ม “100 คะแนนสำหรับเรื่องนี้ ชั้นมีค่าตัวให้เธอด้วย”

 

 

 

เมื่อพวกเขาเข้ามาที่ห้องหรู ประตูของห้องอื่นได้เปิดขึ้นมาพอดีพร้อมกับการปรากฎตัวของชายขี้เมาก่อนที่เขาจะสะดุดล้มลงไปบนพื้น ก่อนที่เด็กหญิงคนสุดท้ายในกลุ่มจะเผลอล้มลงไปด้วยและข้อเท้าแพลง

 

 

 

ชายขี้เมาคนนั้นใส่โซ่ทองคำคล้องคอออยู่ ก่อนที่เขาจะโมโห ก็ได้หันไปเห็นกางเกงในของเด็กสาวที่ดันเปิดหวอเข้าพอดี มันทำให้น้องชายของเขาตื่นขึ้นมาทันที ก่อนจะทำท่ากลืนน้ำลาย “บ้าจริง ไอ้พวกนั้นมันกล้าดูถูกชั้นโดยการไม่แนะนำเจ้าหญิงที่งามขนาดนี้ให้ชั้นรู้จักได้ยังไง ?”

 

 

 

 

หลังจากพูดจบ ชายขี้เมาคนนั้นก็ได้หิ้วผู้หญิงคนนั้นเข้าห้องไปในทันที พอหยูโบตั้งใจจะไปหยุดเขา ก็โดนชายขี้เมาคนนั้นเตะจนลงไปนั่งบนพื้น อย่างไรก็ตาม ชายขี้เมานั้นไม่ได้ตัวสูงมากนัก แต่เขาก็ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี

Physicians Odyssey

Physicians Odyssey

เรื่องย่อ หมอหนุ่มหน้าตาดีมีนามว่าซูเถา ผู้ซึ่งรับสืบทอดตำหนักยามาจากปู่ของเขา ซูกวงเฉิง ผู้ซึ่งเป็นหมอเทวดาที่สามารถรักษาได้สารพัดโรค อีกทั้งยังมีวิชาการต่อสู้ที่ร้ายกาจยากจะจับตัวได้ จะเป็นอย่างไรหากชีวิตของเขานั้นต้องมาพัวพันกับเหล่าแก๊งค์มาเฟียทรงอิทธิพลที่จ้องจะทำลายตำหนักของเขา อีกทั้งยังต้องมาพัวพันกับสาวสวยมากหน้าหลายตาอีกด้วย !! หมอหนุ่มซึ่งมีฝีมือร้ายกาจทั้งการรักษาและการต่อสู้ แถมหน้าตาดีจนขนาดมีสาวๆแวะเวียนเข้ามาเรื่อยๆ เรื่องราวของเขาจะเป็นอย่างไรเชิญติดตามได้ใน Physician’s Odyssey

Options

not work with dark mode
Reset