บทที่ 70 ลิปสติกสีชมพู
หลังจากผ่านค่ำคืนอันยากลําบาก ซูเถาก็ได้กลับมาอาบน้ำและเข้านอน เขานอนหลับไปจนถึง 11 โมงเช้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้น “หัวหน้าแผนกลู่ ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ถ้าจะขอบคุณ เลี้ยงกาแฟผมแก้วนึงก็พอ กาแฟที่อยู่ในหอพักของคุณน่ะ”
ลู่ชีเหมี่ยวถอนหายใจพลางทําหน้าขมขื่น “การหย่ายังไม่เรียบร้อยเลย !”
“ไอ้เจ้าเฉียวโบเพื่อนเรามันกลับคํางั้นเหรอ ?” ซูเถาขมวดคิ้ว
ลู่ชีเหมี่ยวส่ายหัว “พ่อของเขาไม่เห็นด้วย เขาเลยเอาทะเบียนบ้านมาไม่ได้”
ผ่านไปชั่วครู่ ซูเถาก็ได้ถอนหายใจ “แล้วเหตุผลที่เฉียวเต้อเหาไม่ให้ทะเบียนบ้านล่ะ ?”
“เขาได้ใช้เงินไปมากในการแต่งงานของพวกเรา เขาจึงยังไม่ให้เราหย่าเนื่องจากยังแบ่งสินสมรสกันไม่เรียบร้อย ที่จริงชั้นก็คิดเอาไว้หมดแล้ว ตราบใดที่เขาให้ชั้นหย่ากกับเฉียวโบ ชั้นก็ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น” สู่ชีเหมียวตอบกลับ
“ไม่เอาซักอย่างเลยเหรอ ?” ซูเถาส่ายหัว “แล้วของที่มันควรจะเป็นของเธอล่ะ”
น้ำเสียงของคู่ชีเหมี่ยวดูจะผิดหวังก่อนเธอจะถอนหายใจ “ไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณนะที่จัดการเรื่องเฉียวโบให้ชั้น วันนี้ที่เจอกัน เขาไม่กล้าแม้แต่จะพ่นอะไรออกมาเลยด้วยซ้ำ”
ลู่ชีเหมี่ยวต้องทนทุกข์ทรมานกับการแต่งงานในครั้งนี้ แต่ยังดีที่เฉียวโบไม่ได้ตามสาปแช่งเธอ ซูเถาปลอบเธอ “มีอะไรก็โทรมาได้เลย ถ้าเฉียวโบยังกล้าทําอะไรเธออีก ชั้นจะทําให้มันรู้สึกเสียใจที่สุดในโลกเลยล่ะ”
เมื่อเขากําลังจะวางสาย ลู่ชีเหมี่ยวรวมรวมความกล้าก่อนจะถาม “จริงๆแล้วชั้นมีเรื่องอยากจะรบกวนนายหน่อย”
“ว่ามาเลย” ซูเถายิ้ม
สู่ชีเหมียวถอนหายใจ “ชั้นอยากจะย้ายออกไปจากที่นี่ นายช่วยมาเป็นเพื่อนชั้นหาบ้านหน่อยได้มั้ยในตอนที่นายว่าง ?”
“ด้วยความยินดี” ซูเถายิ้ม เขารู้เหตุผลว่าทําไมลู่ชีเหมี่ยวถึงชวนเขา เมื่อวานมีข่าวออกมาว่าผู้หญิงผิวขาวคนนึงที่เช่า บ้านอยู่ในฮั่นโจวซึ่งถูกโกงเงินและโดนนอกใจ พอเรื่องนี้แดงขึ้นมา ทุกคนก็รู้กันทั้งบาง
นี่คือความได้เปรียบของความสวย ขอแค่เธอเอ่ยปาก ก็พร้อมจะมีคนคอยคุ้มครองเสมอ
หลังจากที่เขาวางสาย หวังเพิ่งได้มาเคาะประตูห้องก่อนจะตะโกนเข้ามา “อาจารย์ ยังไม่ตื่นอีกเหรอ? มีสาวสวยมาหาคุณแน่ะ”
ซูเถาขมวดคิ้วพลางสงสัยว่าใครมา เขาลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าและล้างหน้าล้างตา เมื่อเขามาถึงห้องโถงใหญ่ เขาเห็นผู้หญิงน่ารักตัวบอบบางนั่งรออยู่แล้ว เมื่อเธอเห็นซูเถาก็ได้ลุกขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลนพลางมองไปที่เขา
เธอยังอายุน้อย สวมบิ๊บหนีบผมสีขาวตัดกับผมยาวสีดําที่พาดมาถึงไหล่ คิ้วคมสันใบหน้ารูปไข่ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้แต่งหน้าก็ยังดูน่ารักกว่าผู้หญิงธรรมดาทั่วไปที่แต่งหน้าเสียอีก เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกระโปรงสีดําพร้อมกับสร้อยคอ
ซูเถาจําเธอได้ เขายิ้ม “เธอคือเซี่ยเหอสินะ ให้ชั้นช่วยอะไรมั้ย ?”
“ชั้นรับนี่เอาไว้ไม่ได้” เซี่ยเหอหยิบบัตรเดบิตของเธอออกมาก่อนจะวางมันไว้บนโต๊ะ
ซูเถาไม่คิดว่าก่อนเลยว่าเซี่ยเหอจะเป็นคนที่มีคุณธรรมมากขนา ดนี้ ถ้าเป็นคนธรรมดา เงินตั้ง 1 ล้านหยวนคงเอาไปใช้อย่างมันส์มือแล้ว แต่หากตัดสินจากการแต่งตัวและนิสัยของเธอ บอกได้ว่าเธอคงจะมาจากครอบครัวที่มีฐานะ ดังนั้นเงิน 1 ล้านหยวนคง ไม่ใช่เงินจํานวนมากเท่าไหร่ในสายตาเธอ
ซูเถาถอนหายใจก่อนจะอธิบาย “เธอได้รับความเดือดร้อนเมื่อคืน เงินนี้คือค่าชดเชย”
เซี่ยเหอส่ายหัวยืนยันอย่างหนักแน่น “ชั้นรับมันเอาไว้ไม่ได้จริงๆ รหัสคือ 111111 คุณเอาไปใช้เถอะ”
หลังพูดจบ เธอก็ถือกระเป๋าแล้วเดินออกไป มีรถโตโยต้าสีดําจอดรอเธออยู่ข้างนอกอยู่แล้ว ก่อนที่เธอจะขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง เธอชะเง้อมองผ่านกระจกหลัง แต่ก็รู้สึกผิดหวังที่ซูเถาไม่ยอมออกมา
“คุณหนู เราจะไปสนามบินกันหรือยังครับ ?” คนขับรถค่อยๆ ถามอย่างสุภาพ
เซี่ยเหอพยักหน้า “ไปเลย ตอนนี้เรายังพอมีเวลา”
ในขณะที่รถค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ ไม่รู้ทํา ไมจู่ๆเซี่ยเหอก็นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานขึ้นมา นิ้วของซูเถาเข้ารุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวตรงนั้นของเธออย่างเร่าร้อนและดุเดือดได้ยังไง เธอใช้ชีวิตมา 20 กว่าปีด้วยพรสววร์ในด้านต่างๆของเธอ สิ่งเดียวที่เธอไม่กล้าเผชิญหน้าด้วยก็คือตรงส่วนนั้นของเธอเท่านั้น เธอมักจะรู้สึกเขินอายทุกครั้งที่อาบน้ำ แต่ชายคนนั้นกลับใช้นิ้วแตะเข้ามายังจุดเสียวและทําให้เธอรู้สึกว่าราวกับได้ขึ้นสวรรค์
ถึงแม้เขาจะบอกว่าทําไปเพราะช่วยเธอ แต่เขาก็เป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตของเธอด้วย
เซี่ยเหอจดจําเรื่องของซูเถาเก็บเอาไว้ในใจเงียบๆ สาเหตุที่เธอให้บัตรเขาไปนั้นไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน เธอแค่ไม่อยากจะยุ่งกับเขาซึ่งเป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตของเธออีก
หลังจากเซี่ยเหอกลับไปแล้ว ซูเถาได้เอาบัตรมาเก็บไว้ เขาไม่คิดจะใช้เงินในบัตร และได้ตัดสินใจว่าจะหาโอกาสคืนเธอให้ได้
ถ้าเขาใช้เงินในบัตร ตัวเขาก็ไม่ต่างอะไรกับพวกนักเลงที่คอยรีดไถเอาเงิน
เขาเปิดคอมพิวเตอร์และเข้าไปที่หน้าโฮมเพจของตําหนัก เขาเช็คกล่องขาเข้าและพบว่าหยานจิ้งได้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับการแข่งขันราชาแห่งแพทย์มาให้เขา
ในการแข่งขันครั้งที่ 7 นี้ จะมีแพทย์ราชันย์รุ่นใหม่เป็นเจ้าภาพ ผู้เข้าแข่งขัน 32 คนจากนานาประเทศ แต่ละคนเป็นหมอที่มีฝีมือขั้นเทพกันทั้งสิ้น ต่างจากตอนแข่งขันของมหาลัยฮั่วหนานลิบลับ
ในข้อมูลที่หยานจิ้งส่งมามีข้อมูลของผู้เข้าแข่งขันอีก 5 คนแนบมาด้วย ซึ่งซูเถาได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ 2 คน ซึ่ง 2 คนนี้ จะต้องเป็นที่จับตามองมากแน่ๆในการแข่งขัน คนแรกคือหวังเกาเฟิง คนที่เขาเคยเผชิญหน้าด้วย ส่วนอีกคนเป็นศิษย์เอกของแพทยศาสตร์ราชันย์ ไป่ฟาน
ทักษะของหวังเกาเฟิงต่างก็เป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลาย แต่เหตุผลจริงๆก็เพราะสํานักของเขา เขามาจากสํานักเต๋าซึ่งเป็นโรงเรียนที่โดดเด่นที่สุดในด้านการแพทย์แผนจีน ผู้มีอิทธิพลหลายคนต่างก็จบมาจากที่นี่กันทั้งสิ้น แม้แต่พ่อของหวังเกาเฟิงเองก็จบจากที่นี่และก้าวขึ้นไปเป็นหมอประจําชาติซึ่งมีจํานวนที่เรียกได้ว่านับนิ้วได้เลย
ซูเถาเคยเห็นทักษะของหวังเกาเฟิงมาแล้ว และเทคนิคพลังฉีของหวังเกาเพิ่งนั้นมาจากโรงเรียนสํานักเต๋าซึ่งทรงพลังกว่าของซูเถาแน่นอน อย่างไรก็ตาม มันค่อนข้างจะต่างกันเล็กน้อยในตอนที่ใช้งานจริง ซึ่งหากได้เจอกับหวังเกาเฟิง เขามั่นใจว่าจะชนะได้ 60%
หากเปรียบเทียบกันแล้ว เขารู้สึกกลัวไป่ฟานมากกว่า เนื่องจากเขาได้เผชิญหน้ากับเหล่าลูกศิษย์จากสํานักแพทยศาสตร์แห่งหุบเขาราชันย์มาแล้วหลายคน พวกเขาต่างก็มีเล่ห์เหลี่ยมและลูกไม้ต่างๆซึ่งยากจะรับมือ เทคนิคการจ่ายยาของซูเถาไม่ได้ด้อยไปกว่าการฝังเข็มเลย แต่พวกแพทยศาสตร์แห่งหุบเขาราชันย์นั้นมีข้อได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์และทางเส้นสาย เขาจําเป็นต้องหลบเลี่ยงแผนการของพวกมันหากต้องการจะเอาชนะในการแข่งครั้งนี้
ว่ากันตามตรง ไม่ควรประมาทใครทั้งนั้นในการแข่งขันครั้งนี้ ยกตัวอย่างในกรณีของหวังเกาเฟิงที่ได้พ่ายแพ้แก่ซูเถา ถ้าซูเถาเข้าไปรักษาอาการป่วยของฉินเม่ยเม่ยด้วยตัวเอง เขาก็ต้องตกอยู่ในที่นั่งลําบากอย่างมากก่อนจะได้รักษาเธอ เป็นเพราะหวังเกาเพิ่งได้ปูทางเอาไว้แล้วต่างหาก ซึ่งเขาก็ได้ใช้แนวทางนั้นในการรักษาฉินเม่ยเม่ยจนสําเร็จ
แต่เนื่องจากเขาได้ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมการแข่งครั้งนี้แล้ว เขาจะต้องทําให้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าเดิมที่เขาจะไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้นัก แต่เขาก็เป็นคนขยันใฝ่รู้ ทําให้เขามีนิสัยหมั่นทบทวนการแพทย์แผนจีนมาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งจริงๆแล้ว การแพทย์แผนจีนให้ความสําคัญกับความแม่นยําและความเข้มงวดมากกว่าการแพทย์แผนตะวันตก หากปริมาณของสมุนไพรถูกใช้อย่างไม่เหมาะสม มันก็มีผลกระทบกับร่างกายผู้ป่วยซึ่งอาจก่อให้เกิดความผิดพลาดได้
ไคหยานได้เข้ามาในห้อง ในขณะที่ซูเถากําลังนั่งจ้องจอคอมพลางเติมชาใส่ถ้วย
ในขณะที่เธอกําลังเข้า ซูเถาแกล้งทําเป็นไม่สนใจพลางแอบมองเธอ เขานึกได้ว่าไคหยานเพิ่งจะฟื้นไข้อย่างช้าๆ ร่างกายของเธอก็ดูดีขึ้นโดยเฉพาะตรงหน้าอกของเธอ ทําให้ซูเถานั้นจ้องมองเธอมากขึ้นไปอีก
ไคหยานไม่รู้ว่าซูเถากําลังคิดอะไรอยู่ แต่พอเธอเห็นท่าทางแปลกๆของเขา เธอก็ได้เดินไปยืนข้างหลังเขาและมองไปที่จอคอม ซูถารู้สึกได้ถึงกลิ่นน้ำหอมจากตัวใคหยานจนแทบจะทําให้เขาล่องลอย พวกเขาทั้งสองต่างอยู่ใกล้ชิดกัน ทันใดนั้นซูเถาก็ได้บิดเอวเพื่อยืดเส้นยืดสาย ก่อนที่มือของเขาจะเผลอไปโดนไคหยาน ถึง แม้ว่าเธอจะหลบอย่างรวดเร็วแล้ว แต่หน้าอกของเธอก็โดนมือซูเถาอยู่ดี
ไคหยานหน้าแดงก่อนจะขมวดคิ้ว “เมื่อกี้นี้นายตั้งใจใช่มั้ย ?”
ซูเถาหาวก่อนจะแกล้งทําเฉไฉ “ชั้นกําลังอ่านเอกสารลับอยู่ ซึ่งจะให้ใครรู้ไม่ได้ ถ้าเธอรู้เข้า มีหวังได้โดนเก็บแน่ๆ”
ไคหยานมองบนก่อนจะตอบกลับ “นายจะแกล้งเฉไฉทําไม มันก็แค่หนังโป็เท่านั้นเอง ใจเย็นไว้ ชั้นเข้าใจ พวกคนหนุ่มชอบดูหนังโป๊กันทั้งนั้นแหละ”
ซูเถารู้สึกงงกับคําพูดของเธอก่อนจะมองไปที่จอคอม มีโฆษณาป๊อปอัพของผู้หญิงที่เปลือยอกโผล่ขึ้นมา เขาหน้าถอด สีก่อนจะแก้ตัว “โฆษณาอะไรเนี่ย น่ารังเกียจจริงๆ”
ไคหยานรู้อยู่แล้ว แต่เธอก็รู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นด้านหน้าอายของซูเถา เธอหยิบกาต้มน้ำก่อนจะเดินออกไป การปรากฏตัวของเธอทําให้ซูเถานั้นอยากจะจับเธอกดลงพื้นแล้วตีก้นลงโทษซักร้อยครั้ง
จากนั้นไม่นาน เขาก็ได้สงบสติลง เขาเริ่มจะคิดไม่ดีกับเธอมากขึ้น เพราะได้อยู่ชายคาเดียวกัน ซูเถาก็ได้เผลอคิดไปต่างๆนาๆโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้เขาจะรู้ว่ามันไม่ควร แต่เขาก็รู้สึกชอบความรู้สึกที่เหมือนมีแม่บ้านคอยปรนนิบัติ
ปล่อยให้ความรู้สึกซับซ้อนดําเนินต่อไปให้มันชัดเจนขึ้นดีกว่า ผลไม้ก็เช่นกัน รสชาติตอนสุกย่อมอร่อยกว่าแบบดิบๆอยู่แล้ว มีรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของซูเถา การปล่อยให้ต้นอ่อนค่อยๆเติบ โตขึ้นจนได้ที่มันเป็นสิ่งที่ทําให้เขามีความสุข
เขารีบเซฟเอกสารทั้งหมดก่อนจะปิดคอม ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น นางงามประจําโรงพยาบาลโทรมา “ชั้นรอ นายอยู่ข้างนอกตําหนักนะ”
“ขอ 10 นาที แต่งหน้าก่อน”
“เป็นผู้ชายแท้ๆแต่งหน้าด้วยเหรอ เป็นพวกเจ้าสําอางหรือไง ?”
ถึงจะบอกไปแบบนั้น แต่เขาก็ใช้เวลาแค่ 2 นาทีเท่านั้น ก่อนที่ลู่ชีเหมี่ยวจะเห็นซูเถาเดินออกมาแล้วขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง
เธอจ้องไปที่ซูเถาก่อนจะยิ้ม “ไม่แต่งหน้าเร็วไปหน่อยเหรอ ? ริมฝีปากนายยังดูแห้งอยู่เลย เอาลิปของชั้นมั้ย ?”
“แน่นอน !” ซูเถายื่นมือออกไปโดยไม่ลังเล
คู่ชีเหมียวยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าของเธอ เธอหยิบลิปสติคสีชมพูออกมา แต่พอกําลังจะส่งให้ซูเถาก็เกิดลังเลขึ้นมา ถ้าซูเถาใช้ลิปนี้ มันจะไม่เป็นการจูบทางอ้อมหรอกเหรอ ?