Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก – ตอนที่ 14 การต่อสู้ของระดับเซียนเทพ ทลายสวรรค์พังโลก

บทที่ 14 การต่อสู้ของระดับเซียนเทพ ทลายสวรรค์พังโลก
สายลมรุนแรงกรรโชกบนท้องฟ้าที่ว่างเปล่าและไร้เขตแดน
มังกรเพลิงทองผู้ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามกำลังยืนด้วยความสง่างามบนอากาศ แววตาโกรธเกรี้ยวฉายออกมาในดวงตาของราชสีห์ เผยให้เห็นความโกรธอันไร้ที่สิ้นสุด ในฐานะที่เป็นสัตว์เวทมนตร์เซียนเทพ นี้มันก็ผ่านมานานมากแล้วที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตตัวไหนมากล้าท้าทายแบบนี้
แต่มนุษย์ที่ต้อยต่ำ2ตัวนี้กลับลอยหยามหน้าขึ้นมาหาถึงที่ นี้เป็นการท้าทายและหยามเกียรติของสัตว์เวทมนตร์เซียนเทพที่ยิ่งใหญ่สุดๆ
มังกรเพลิงทองคำโกรธมาก และเรื่องนี้คงไม่มีทางจบสวยแน่ๆ
“มังกรเพลิงทองคำ ข้าเองไม่ได้มีความตั่งใจอื่นเลยที่จักมาที่นี้”
ชายสูงวัยผ้าคลุมสีม่วงพูดขึ้นมา เสียงนั้นมีความอ่อนนุ่มเหมือนคุณลุงใจดีที่อ่อนโยน “นี้คือหลานสาวของข้าเอง อีกไม่กี่วันจะเป็นวันเกิดอายุ 16 ปีของนาง ข้าอยากจะให้ของขวัญวันเกิดกับนางเสียหน่อย”
“เจ้ามนุษย์ตัวจ้อย เจ้าต้องการจะสื่อสิ่งใดกันแน่”
มังกรเพลิงทองพูดออกมาด้วยเสียงที่ดังกึกก้องจนหูดับเหมือนระเบิดกลางอากาศ
“หลานสาวของข้านั้นมีพรสวรรค์ทางด้านเวทมนตร์สูงมาก ทั้งธาตุไฟและธาตุลมของนางนั้นแช็งแกร่ง รวมถึงพลังวิญญาณของนางเองก็สูงกว่าจอมเวทในรุ่นเดียวกับนางถึง 38 เท่า”
ชายแก่พูดต่อด้วยรอยยิ้ม “แล้วท่าน มังกรเพลิงทองคำ เองก็บังเอิญเป็นสัตว์เวทมนตร์ระดับเซียนเทพที่ใช้ทั้งธาตุไฟและลมเหมือนกัน ชายแก่คนนี้ก็เลยหวังว่าท่านมังกรเพลิงทองคำ จะมาทำสัญญากับหลานสาวของข้า และกลายเป็นสัตว์เลี้ยงเวทมนตร์ให้กับนางน่ะ”
ทำสัญญางั้นเหรอ
กลายเป็นสัตว์เลี้ยงเวทมนตร์เหรอ
คำพูดนั้นมันเป็นเหมือนทุ่นระเบิดที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ ระเบิดสมองของคนที่ฟังออกเป็นเสี่ยงๆ
“ถามจริงเหอะ นี้ข้าได้ยินถูกต้องแล้วใช่ไหมเนี่ย”
“จะเอาสัตว์เวทมนตร์เซียนเทพมาเป็นสัตว์เลี้ยงของหลานสาวเนี่ยนะ นี้มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ คงต้องเป็นเรื่องตลกที่สุดที่ข้าเคยได้ยินมาในชีวิตแน่ๆ”
“พวกนั้นคงอยากจะจังสัตว์เวทมนตร์เซียนเทพแน่ๆ อย่างที่คิดไว้เลย โลกของพวกเซียนเทพไม่ใช่โลกที่พวกมนุษย์อย่างเราๆจะไปจินตนาการถึงได้เลย”
“เจ้าจอมเวทเซียนเทพคนนั้นเป็นใครกัน…”
เอริสัน บ๊อบบี้ ไมโลและเยล ต่างก็ตกใจมากๆ สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อตอนที่เห็นชายแก่เสื้อคลุมม่วงคนนั้นท้าทายกลางอากาศ
นี้เขารู้รึเปล่าว่าที่เขากำลังจะสู้อยู่นั้นคืออะไร สัตว์เวทมนตร์ระดับเซียนเทพเลยนะ
ตัวตนที่น่าเกรงขามที่อยู่บนจุดสูงสุดเหนือสัตว์เวทมนตร์นับไม่ถ้วนเลยนะ ถามจริงเหอะ
จะจับสัตว์เวทมนตร์ระดับเซียนเทพงั้นเหรอ
ไม่ว่าจะคิดยังไงก็เป็นไปไม่ได้เลย
เหมิงเหล่ยเองก็งงแตก แต่เขาเองก็รู้สึกตื่นเต้นและเร้าใจเหมือนกัน
ยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว สุดยอดไปเลย อยากจะลองจังสัตว์เวทมนตร์ระดับเซียนเทพแบบนั้นบ้างจังถ้าเขาเก่งขึ้นแล้ว มันคงจะเป็นอะไรที่เท่โคตรๆเลยไม่ใช่เหรอ ถ้าเกิดจับมาขี่ได้ละก็ ถึงตายก็ถือว่าคุ้มแล้วละ
“เจ้าพวกมนุษย์โอหัง มันจะมากไปแล้ว!”
มังกรเพลิงทองเริ่มคลั่ง เปลวเพลิงแห่งความโกรธเกรี้ยวทะลุออกมาจากดวงตาของมัน มันคำราม “ข้าจะทรมารเจ้าจนตายแล้วเผาพวกเจ้าให้มอดไหม้เป็นจุณซะ”
สายฟ้าผ่าลงมาจากท้องนภา สายลมเริ่มก่อตัวขึ้นรอบๆมังกรเพลิงทอง และไม่นานหลังจากนั้น พายุเฮอริเคนขนาดมหึมาก็ได้ก่อตัวขึ้น
ตู้ม ตู้ม ตู้ม
เฮอริเคนสูงหลาย100 เมตร เหมือนกับเป็นเสาที่ค้ำยันสรรค์กับโลก ก่อตัวขึ้นมาทำให้ทั้งทรายและหินที่อยู่บริเวณนั้นถูกหอบพัดปลิวขึ้นไปตามลม ท้องฟ้าเริ่มวิปริตแปรปรวน ความมืดเริ่มครอบงำไปทั่วบริเวณ
“โอ้ พระ เจ้า ช่วย กล้วย ทอดดดดด!!!
“นั้นน่ะเหรอ พลังที่แท้จริงของสัตว์เวทมนตร์เซียนเทพหน่ะ”
พวกเขามองเฮอริเคนที่หมุนอยู่กลางอากาศด้วยความรุนแรง ถึงแม้ว่าจะห่างกับพวกเขาไกลหลายกิโลเมตร พวกเขาทุกคนเองก็ยังรู้สึกได้ถึงความรุนแรงของพายุนั้น ถ้าเกิดเขาโดนดูดเข้าไปในนั้นละก็ คงตายแบบไม่เหลือซากแน่ๆ
“เออ ทุกๆคน เราควรถอยห่างกันออกไปอีกหน่อยดีไหม?”
“การต่อสู้ระหว่างเทพแบบนี้ พวกเราเองเนี่ยละที่จะตายห่ากันหมด มันไม่ใช่การต่อสู้ระดับที่เราจะมายืนมองได้อย่างสบายใจนะ เราถอยกันออกไปอีกหน่อยเถอะ ถ้า….”
ทันใดนั้นเอง พวกเขาทุกคนก็ประสานสายตากันแล้วความคิดในสมองของแต่ละคนก็ไปในทิศทางเดียวกันทันที พวกเขาตัดสินใจที่จะหนี
“ไปกันเถอะ”
….
“แหลกไปซะเจ้าพวกมนุษย์”
มังกรเพลิงทองสะบัดปีกของมัน พายุขนาดยักษ์พัดทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าและมันก็พุ่งตัวหาชายแก่และหญิงสาวด้วยความเร็วสูง ทำให้หญิงสาวนั้นสีหน้าเริ่มเปลี่ยนไป เธอร้องออกมาด้วยความลนลาน “ท่านปุ่!”
“ไม่เห็นต้องร้อนรนเลย!”
ชายแก่นั้นยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพาตัวของหลานสาวก้มตัวลง และทันใดนั้น พวกเขาก็หายวับไปในชั่วพริบตา สายลมรุนแรงไม่โดนเขาและเธอแม้แต่น้อย
และเมื่อพวกเขาปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง พวกเขาก็ไปโผล่อยู่ด้านหลังของมังกรเพลิงทองแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือสายฟ้าสีเงินที่ฟาดเข้าใส่มังกรอย่างจัง
เปรี้ยง!
สายฟ้าฟาดผ่านอากาศโดนเข้ากับมังกรเพลิงทองอย่างแรง
“เจ้าพวกมนุษย์เจ้าเล่ห์เอ้ย!”มังกรเพลิงทองคำรามเสียงหนักแน่น ก่อนจะเปิดปากแล้วพ่นเพลิงมังกรออกมา
ตู้ม
เพลิงมังกรกับสายฟ้าสีเงินนั้นปะทะผสานกัน แรงกระแทกนั้นรุนแรงเป็นระเบิดขนาดใหญ่พื้นดินสั่นสะเทือนด้วยแรงกระแทกพร้อมเมฆรูปดอกเห็ดที่เกิดจากแรงระเบิดและอากาศร้อนที่ลอยตัวขึ้นสูง
พื้นดินแตกสาย ต้นไม้หักและล้มระเนระนาด
กระแสไฟฟ้ากระจัดกระจาย เปลวสะเก็ดไฟแรงสูงปลิวไปทั่วทุกหนแห่ง
“ให้ตายเหอะ”
ตอนที่เหมิงเหล่ยกับทั้ง 4 คนกำลังวิ่งสุดกำลังอยู่นั้นเอง พอพวกเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านหลังของพวกเขา ก็ทำให้พวกเขาตกใจและกลัวจนถึงขีดสุด ตอนนี้ชีวิตของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย และขาของเขาเป็นเพียงอย่างเดียวที่ทำให้พวกเขารอดได้ในตอนนี้ พวกเขาวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง และเริ่มรู้สึกนึกเสียใจว่าทำไมมนุษย์เราถึงเกิดมามีแค่ 2 ขากันนะ
ตู้ม!!!!
น่าเสียดายที่พวกเขาวิ่งกันช้าเกิดไป แรงกระแทกที่เกิดจากการระเบิดเมื่อกี้มันกินอาณาบริเวณไปหลายกิโลเมตร คลื่นทำลายล้าง มันแพร่กระจายไปทุกทิศทาง เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ คลื่นนั้นก็ซัดมาไล่หลังของพวกเขาแล้ว
“ชิบหายละจบกันชีวิตนี้!!!!!!!!”
แรงกระแทกอัดเขาหลังของพวกเขาเต็มๆ เหมิงเหล่ยรู้สึกได้เหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกระแทกเข้าหัวของเขาอย่างแรง จากนั้นภาพความทรงจำของเขาก็ดับลง และเขาก็หมดสติไปในที่สุด

ไม่รู้ว่าเวลามันผ่านมานานเท่าไรแล้ว เหมิงเล่ยค่อยๆฟื้นสติขึ้นมาอีกครั้ง
เจ็บหัวชะมัดเลย!
เหมิงเหล่ยแตะที่หัวของเขาเองแล้วรู้สึกเหมือนกับแตะโดนอะไรเหนียวๆ
นี้ฉันเลือดออกเหรอ?
เหมิงเหล่ยนั้นน้ำตาแทบไหลตอนที่เขาเห็นเลือดที่มือของตัวเองจำนวนมาก และในตอนนั้นสติและความเจ็บปวดของเขาก็แล่นเข้ามา เขาพบว่าตอนนี้ไม่มีส่วนไหนของร่างกายเลยที่ไม่เจ็บปวด หัวเขายังคงมึนๆ หลังและเอวของเขาปวดมากๆ
“แต่อย่างน้อย โชคดี…โชคดีที่ยังรอดละวะ…”
ตอนที่เขาคิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์สยดสยองก่อนที่เขาจะหมดสติไปนั้น เหมิงเหล่ยก็รู้สึกกลัวจับใจขึ้นมาทันที ภาพนั้นมันไม่ต่างอะไรกับวันสิ้นโลกเลย ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการต่อสู้ระหว่างระดับเซียนเทพจะน่ากลัวได้ขนาดนี้
อย่างคำกล่าวที่เคยว่าไว้ว่า “พวกเด็กหารู้จักความกลัวไม่” เอาเข้าจริงๆ ตอนแรกเขาไม่ได้คิดจะหนีซะด้วยซ้ำ เขาอยากจะรู้เขาอยากจะเห็นการต่อสู้นั้นด้วยตาของตัวเอง เขาอยากจะเห็นพลังของสิ่งที่เรียกว่าระดับเซียนเทพ แต่พอนึกย้อนกลับไปแล้ว เขาก็แทบจะขำกลิ้งกับความคิดของตัวเองตอนนั้น
อยากจะเห็นพลัง อยากจะรู้ว่ามันเป็นยังไงงั้นเหรอ?
ด้วยระดับการต่อสู้ของฉันตอนนี้ แค่มองดูอยู่ไกลๆก็ไม่มีสิทธิ์ทำได้แล้ว
เหมิงเหล่ยส่ายหัวแล้วยิ้มแห้งๆ
อย่าว่าแต่จะยืนมองเลย แค่รอดมาได้ก็นับว่าบุญหัวตัวเองแค่ไหนแล้ว เห้อ นี้ฉันคิดเรื่องบ้าอะไรแบบนั้นมาได้ไงวะเนี่ย
เหมิงเหล่ยพยายามยันตัวเองขึ้นกับพื้น
การต่อสู้ดูเหมือนว่าจะจบลงแล้ว
มังกรเพลิงทองหายไปแล้ว ชายแก่กับหญิงสาวก็หายไปด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น ดูจากสภาพของป่าที่ตอนนี้เละเป็นโจ๊กไปแล้ว ก็สามารถบอกได้เลยว่าการต่อสู้ที่ผ่านมานั้นมันร้ายแรงขนาดไหน จะบอกว่า”ทลายสวรรค์พังโลก”ก็ไม่ได้พูดเกินไปเลยแม้แต่น้อย โชคยังดีที่พวกมันสู้กันไกลมากพอ แล้วก็โชคดีมากๆด้วยที่เรารอดมาได้
“เอริสันตื่นเร็ว”
“บ๊อบบี้ ตื่นได้แล้ว”
“ไมโล เยล…”
“ข้าอยู่ที่ไหนเนี่ย”
“นี้ข้ายังไม่ตายใช่ไหม”
ตอนที่เหมิงเหล่ยเดินไปเรียกพวกเขานั้น เอริสันกับคนอื่นๆก็เริ่มได้สติกันกลับมาทีละคน แล้วก็เหมือนกับเหมิงเหล่ย ทุกคนนั้นบาดเจ็บพอสมควร แต่มันก็ยังไม่ได้สาหัสมากขนาดนั้น ขอแค่ได้พักผ่อนซัก2-3วันร่างกายก็จะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม
“อย่างที่คิดไว้เลย การต่อสู้ระดับนั้นไม่ใช่อะไรที่เราจะมายืนดูได้อยู่แล้ว”
“น่ากลัวจริงๆ”
ทุกคนต่างดีใจที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น นอกเหนือจากความดีใจในโชคของตัวเองแล้ว พวกเขายังสงสัยมากๆอีกด้วยว่าผลของการต่อสู้นั้นจะเป็นยังไง เพราะมันเป็นการต่อสู้ของระดับเซียนเทพ มันไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นบ่อยๆนักหรอก
“ใครชนะกันแน่นะ”
“เอาเป็นว่าเราเดินไปดูกันหน่อยไหมละ”
“มันคงไม่น่าใช่ความคิดที่ดีเท่าไรมั้ง”
“การต่อสู้มันจบลงไปแล้ว ไปดูซักหน่อยก็คงไม่เสียหายหรอก”
“เอาละงั้นไปกันเลย”
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้ง5 คนก็เดินมาถึงจุดกึ่งกลางของการระเบิด พวกเขาทุกคนตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้ามากๆ
“ติ้ง ค้นพบไอเทมดรอป จะเก็บมารึไม่”
 

Picking Up Attributes From Today

Picking Up Attributes From Today

Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก ในทวีปแดนสวรรค์ ทั้งเผ่ามังกร เผ่ายักษ์ เผ่าครึ่งสัตว์ เผ่าภูติ สัตว์เวทมนตร์ และเผ่าพันธ์อื่นๆต่างแย่งกันขึ้นเป็นใหญ่ เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นถูกกระทำเยี่ยงทาสและต้องใช้ชีวิตอย่างต้อยต่ำ ในขณะที่เผ่ามังกรนั้นถือตัวเองเป็นขุนนางกดขี่ในทุกๆด้าน แต่ถึงอย่างนั้น จุดเปลี่ยนก็ได้มาถึง ชายหนุ่มนามเหมิงเหล่ย มนุษย์ผู้ถูกส่งมาจากโลกมนุษย์ถูกส่งมาให้กลายเป็นแค่ ชาวบ้านธรรมดา แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้รับ ระบบเก็บของที่แข็งแกร่งที่สุด “ติ้ง ค้นพบไอเทมดรอป จะเก็บมารึไม่” จะเป็นเงิน สิ่งของ ไอเทม อาวุธ เวทมนตร์ ลมปราณ พลังวิญญาณ ระบบเก็บของที่แข็งแกร่งที่สุด (หรือยอดระบบเก็บของ) ก็สามารถเก็บได้ทุกอย่าง …. “จะฝึกเป็นจอมเวทหรือเป็นนักรบดีละ โว้ยเลือกยากจริง เป็นมันทั้ง2อย่างเลยละกัน” ตามติดชีวิตของเหมิงเหล่ยสู่การเดินทาง เปลี่ยนชะตาจากชีวิตชาวบ้านธรรมดา สู่ตัวตนที่เหนือทุกสรรพสิ่ง ได้ใน “ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Picking Up Attributes From Today”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset