Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเต..
บทที่ 48 ความลับของเหมิงเหล่ยและ บ้านอยู่ที่ใด
ในทางทฤษฎีแล้ว ขอแค่เหมิงเหลี่ยมีพลังเวทสะสมมากเพียงพอเขาก็สามารถปลดปล่อยเวทมนตร์ไหนออกมาก็ได้แบบไม่ต้องร่ายถ้าระบบได้เก็บเวทมนตร์มาแล้ว
ไม่ใช่แค่เวทระดับ 3 แต่รวมไปถึงเวทระดับ 4 ไม่ซิ เขาสามารถร่ายฉับพลันกับเวทมนตร์ทุกระดับ ตั้งแต่ระดับ 5 ยันระดับ 9 เลยก็ยังได้
แต่น่าเสียดายที่พลังเวทสะสมของเขาตอนนี้ เขายังคงเป็นแค่จอมเวทระดับ 8 เท่านั้น ตอนนี้เขาเลยร่ายเวทระดับ 5 ได้แค่ไม่กี่ครั้งก่อนที่พลังเวทสะสมของเขาจะหมดลง ส่วนการปล่อยเวทระดับที่ใหญ่กว่านั้นก็เป็นได้แค่ฝันไปก่อน
แต่ถึงอย่างนั้น ความโกงของระบบมันก็ทําให้เหมิงเหล่ยได้เปรียบจอมเวทในระดับเดียวกันมากๆ แถมพลังนี้จะคงอยู่กับเขาตลอดการ และจะเพิ่มพลังมากขึ้นเรื่อยๆด้วย
ส่วนที่เหมิงเหล่ยทําเป็นร่ายคาถาเวทก่อนที่จะปล่อยเวทมนตร์ออกไปนั้น เป็นเพราะว่าเขาอยากที่จะเป็น เหมือนจอมเวทธรรมดาๆไม่งั้นละก็เขาอาจจะดูกลายเป็นตัวประหลาดเกินไป หรือไม่ก็อาจจะโดนพวกนักวิจัยครึ่งมังกรจับไปผ่าเอาไปทดลองด้วย
ยิ่งกว่านั้น บางเวทมนตร์ระบบก็ยังเก็บไม่ได้ เขาเลยต้องเรียนรู้เวทมนตร์ด้วยตัวเอง หรือพูดง่ายๆ เขาสามารถร่ายเวทฉับพลันได้แค่เวทมนตร์ที่เขาเก็บมาแล้วเท่านั้น ส่วนเวทมนตร์ที่เหลือเขาก็ต้องทําทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ต้องใช้เวลาร่ายก่อนถึงจะปล่อยเวทมนตร์ได้เหมือนกัน
ซึ่งตอนนี้เขาเป็นจอมเวทระดับ 5 แล้ว ทําให้เขาสามารถร่ายฉับพลันเวทระดับ 1 ได้แบบไม่มีปัญหาแล้ว
อาจารย์หัวหน้าแผนกเดิร์ค ยังคงมองเหมิงเหล่ยด้วยสีหน้าประหลาด “เหมิงเหล่ย ตอบข้ามาตามตรงนะ เจ้าเคยได้ใช้เวทมนตร์ก่อนที่จะสอบเข้ามาที่วิทยาลัยนี้รึเปล่า”
“เปล่าครับ” เหมิงเหล่ยส่ายหัว
“อายุน้อยแค่นี้แต่กลับมาพลังวิญญาณมหาศาล มันไม่ใช่สิ่งที่จะทําได้ในเวลาแค่ไม่กี่เดือนเลยนะ” หัวหน้าอาจารย์พูด ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่พลังธาตุของเจ้าที่แข็งแกร่ง แต่รวมไปถึง พลังวิญญาณของเจ้าเองก็มากล้นอีกด้วย”
“ใช่แล้ว เขาเป็นเหมือนแหล่งรวมความลับของเทพแห่งพลังเวทเลยก็ว่าได้”
อาจารย์โจเองก็ย้ํา เขาเชื่อว่าพลังใจหรือพลังวิญญาณนั้น มันมีรูปแบบแตกต่าจากพลังงานรูปแบบอื่นๆ มันไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น เพราะงั้น การที่พลังวิญญาณของเหมิงเหลี่ยมมากขนาดนี้ มันไม่ใช่เพราะความพยายามอย่างเดียวแล้ว แต่มันเป็นผลพวงมาจากธรรมชาติที่ประทานพรมาให้
เหมิงเหล่ยรู้ดีว่าเขาตอนนี้ได้เอาชนะใจของอาจารย์ทั้ง 2 คน แล้วซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี เขาเองก็ไม่ได้อยากเปิดเผยเรื่องระบบของเขาอยู่แล้ว เขาอยากที่จะให้มองพลังที่เขามีว่าเป็นเหมือนพรสวรรค์ตามธรรมชาติมากกว่า
“เหมิงเหล่ย เจ้าเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากพอที่จะทําให้คนอิจฉาแต่ถึงอย่างนั้น ข้าเองก็ยังคงยืนยันคําเดิม การเรียนรู้มันไม่มีคําว่าสิ้นสุดหรอก มีแต่จะนําพาเจ้าไปข้างหน้า เจ้าจะโดดเรียนก็ได้ แต่เจ้าต้องไม่หยุดที่จะเรียนรู้” เดิร์คพูดพร้อมสีหน้าที่จริงจัง “ข้าจะวัดผลของเจ้าอย่างเข้มงวดในอนาคต ถ้าข้ารู้สึกว่าเจ้ามีพัฒนาการที่ ช้าลง นั้นแปลว่าเจ้าอู่ เจ้าจะต้องกลับมาเรียนอีกครั้ง เข้าใจไหม”
“เข้าใจแล้วครับอาจารย์”
หลังจากที่คุยกับอาจารย์เดิร์คเสร็จ เหมิงเหล่ยก็ได้รับการยินยอมให้โดดเรียนได้อย่างเป็นทางการ เขาไม่เข้าเรียนอีกเลยหลังจากวันนั้น แต่เขายังคงตั้งมั่นกับตารางเดิมของตัวเอง
ตอนเช้าฝึกวิชามังกรไฟ
ตอนเที่ยงเดินเล่นเก็บผลึก
ตอนเย็นกลางคืนทําจิตสมาธิ
ช่วงเวลาระหว่างนั้นก็จะหาทางไปสนามประลอง
ชีวิตของเหมิงเหล่ยนั้นสบายๆและไม่มีอุปสรรค เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปอีก 3 เดือนโดยที่เขาไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ํา
ในคืนนั้นเหมิงเหลี่ยไม่ได้ทําจิตสมาธิเหมือนทุกๆคืน แต่กลับกันเขาอาบน้ําแล้วเข้านอนแทน
เหมิงเหล่ยนอนหลับสงบนิ่ง หลับสบายขนาดที่ว่าตื่นขึ้นมาในอีกวันหนึ่งพระอาทิตย์ตั้งตรงกลางหัวชี้โด่เด่ปาเข้าไปเกือบเที่ยงแล้ว
“หลับสบายดีจริงๆเลยแหะ”
เหมิงเหล่ยยึดตัวบิดขี้เกียจ เขารู้สึกสดชื่นมาก ถึงแม้ว่าการทําจิตสมาธิจะสามารถแทนที่การนอนได้ก็จริง แต่เขาเองก็ไม่ได้นอนจริงๆมาเกือบครึ่งปีแล้ว เพราะงั้น การนอนตื่นสายแบบนี้เลยรู้สึกสุดยอดไปเลย
ถ้าจะบอกความรู้สึกที่มีต่อการนอนให้ได้ในคําเดียว น่าจะเป็นคําว่า พอใจสุดๆ
“ตื่นได้แล้ว”
ก๊อกๆๆๆ
ใครบางคนเคาะประตู เหมิงเหล่ยเปิดออกมาแล้วพบว่า คนที่เคาะคือฮาร์ตกับแดเนียล พวกเขาเดินเข้ามาในหอด้วยหน้าตาสีหน้าอารมณ์ดี
“นี้พี่ชาย ทําไมยังนอนตื่นสายอยู่อีกละ”
ดวงตาของฮาร์ตที่ลง “นี้เจ้าไม่ได้ทําจิตสมาธิเมื่อคืนซินะ สุดท้ายเจ้าก็อดที่จะนอนหลับอย่างคนปรกติไม่ได้ซิท่า”
“ก็งี้แหละ วันหยุดฤดูหนาวทั้งทีเลยนะ จะนอนตื่นสายซักวันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี้”
เหมิงเหล่ยบอกให้เพื่อนของเขาทําตัวตามสบาย ขณะที่ตัวเขาจัดเตียงให้เป็นระเบียบ “เออ พูดถึงวันหยุดฤดูหนาว พวกเจ้าไม่กลับบ้านกัน”
“กลับซิ แน่นอน” แดเนียลพยักหน้าแล้วยิ้ม “ช่วงหน้าหนาวแบบนี้เรามีเวลาว่างเยอะเลย วิทยาลัยก็ปิด ขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาครึ่งปีแล้วด้วย ดูเหมือนว่าจะถึงเวลาที่ข้าต้องกลับไปเยี่ยมที่บ้านบ้างแล้วละ”
“กลับไปก็ดีแล้ว”
เหมิงเหล่ยพยักหน้าเล็กน้อย ส่วนฮาร์ตนั้นไม่ต้องถามก็ได้ เพราะบ้านของเขาอยู่ในคฤหาสต์ในเมืองหลวงอาณาจักรมังกรไฟ เขากลับบ้านบ่อยอยู่แล้ว ยิ่งดูจากนิสัยติดบ้านของเขาแล้ว เขาน่าจะทําตัวติดบ้านตลอดวันหยุดแน่ ๆ
“แล้วพี่ชายละ จะกลับบ้านด้วยรึเปล่า” ฮาร์ตถาม
“บ้านเหรอ”
เหมิงเหล่ยผงะแล้วเงียบไปพักใหญ่ๆ คําว่าบ้านนั้น มันเป็นคําที่อบอุ่น เป็นสถานที่ในฝันที่ไม่ว่าใครก็อยากกลับไป ว่าแต่ … ที่นี้เขามีบ้านด้วยเหรอ
หมู่บ้านสัตว์เวทมนตร์เหรอ
เหมิงเหลี่ยอยู่ที่หมู่บ้านนั้นได้แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น เขาอยู่ที่วิทยาลัยนานกว่าอยู่ที่นั้นซะอีก จะเรียกที่นั้นว่าบ้านก็คงไม่ถูกต้องเท่าไรเหมิงเหล่ยจนปัญญา จากก้นบึงของหัวใจเขา หมู่บ้านสัตว์เวทมนตร์นั้นเป็นเพียงแค่ที่พักให้เขาได้ซุกหัวนอนเท่านั้น เขาไม่มีความผูกพันธ์หรือความรู้สึกอะไรกับสถานที่นั้นเลย
ที่ ๆ เขาเรียกมันว่าบ้านได้จริง ๆ นั้น คือ โลก..
เหมิงเหล่ยคิดย้อนกลับไปยังสมัยที่เขายังอยู่ที่โลก ภาพจําที่เขานอนตากลมทะเลอยู่ในเมืองท่าใกล้ชายฝั่ง สายลมพัดผมให้สยายไปมา คิดถึงภาพพ่อแม่ กับเด็กตัวเล็กซุกซนที่วิ่งไปมาอย่างน่ารักภรรยาที่ขี้บ่นแต่ใจดี อาหารพื้นเมืองร้อน ๆ
เหมิงเหล่ยตกอยู่ภวังค์ที่ไม่อาจลืมเลือน
หลังจากที่เขาถูกส่งมายังโลกใบนี้ เขาก็ได้กดความทรงจําของเขาลงไปในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจ ตลอดเวลาที่เขาอยู่ที่นี้ เขาพยายามที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พยายามเอาตัวรอด พัฒนาความสามารถของตัวเองให้มากที่สุดที่ทําได้
แต่ถึงอย่างนั้น เพียงคําว่าบ้านคําเดียว มันเหมือนทําให้ประตูแห่งความทรงจําของเขาเปิดออกกว้าง ความทรงจําเก่าๆ ความรู้สึกเดิมๆ ถาโถมเข้ามายังจิตใจของเขา เหมิงเหล่ยน้ําตาไหลออกมาโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ํา
แม่
โคล่า
เมียจ๋า
…คิดถึงทุกคนจัง!
น้ําตาเริ่มเจิงนองและไหลออกมาอย่างหยุดไม่อยู่
“เห้ยๆๆ พี่ชาย เป็นอะไรรึเปล่า”
ฮาร์ตกับแดเนียลถามเบาๆออกมาตอนที่เห็นสีหน้าของเหมิงเหล่ยที่เต็มไปด้วยอารมณ์อ่อนไหว เขาไม่เคยเห็นเหมิงเหล่ยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
“เปล่า เปล่า ไม่มีอะไร .. แค่คิดถึงบ้านหน่ะ”
เหมิงเหล่ยพยายามกลั้นน้ําตา หายใจเข้าลึกๆแล้วพยายามกดเอาความทรงจําของโลกเก่ากลับไปอยู่ในใจ แล้วเขาก็พูดพร้อมรอยยิ้มผืนๆ “ข้าก็ต้องกลับบ้านอยู่แล้วละ จะอยู่ที่วิทยาลัยทําไมละเนอะ”
“ใช่ไหมละ”
ตอนที่เห็นเหมิงเหล่ยพยายามเข้มแข็ง ฮาร์ตกับแดเนียลก็จําใจเชื่อแล้วตามน้ําไป
ฮาร์ตหัวเราะ “เวลามันผ่านไปเร็วมากเลยนะแปปๆเดียวก็หมด เทอมแล้ว ข้าจะไม่ได้เจอพวกเจ้าตั้งเดือนกว่าๆแหน่ะ คงจะคิดถึงพวกเจ้ามากแน่ๆเลย”
“ใช่ไหมละ…” แดเนียลพยักหน้าแล้วทําหน้าเศร้าตาม
“ พวกเจ้า…. แค่เดือนกว่าๆเองนะ”เหมิงเหล่ยยิ้มแล้วส่ายหน้า “แต่ก็จริงอยู่ เราจะไม่ได้เจอหน้ากันเลยตลอดช่วงวันหยุดนี้ ข้าเองก็รู้สึกเหงาๆอยู่เหมือนกัน ถ้างั้น ทําไมเราไม่ฉลองกันหน่อยละกัน
“ก็ดีนะ วันนี้ข้าเลี้ยงเอง” ฮาร์ตตาเปร่งประกายทันที “พวกเจ้าอยากจะไปไหน บอกมาได้เลย ข้าจะไม่ปฏิเสธทั้งนั้น ที่นี้ รวมไป ถึงที่แบบว่าด้วยก็ได้นะ….ที่นี้”
หลังจากพูดจบหน้าตาของเขาก็แดงแป๊ดขึ้นมาแบบมีเล่ห์นัย
“555 ดูเจ้าซิ” เหมิงเหล่ยกรอกตามอง “เป็นไอ้หนุ่มกลัดมันไปซะแล้ว”
“ไม่เอาดิวะ ข้ายังไม่อยากเสียซิงเอาตอนนี้นะ” แดเนียลมองกึ่งๆ ด่าฮาร์ต
ฮาร์ตยักไหล่แล้วยิ้ม “555 ล้อเล่นหน่า ข้าล้อเล่นละแหม”
“งั้นเอางี้ไหม ไปร้านจูเซียนกันไหมละ” เหมิงเหล่ยพูด “ข้าได้ยินว่าที่ร้านนั้นมีขายของอาหารสัตว์วิเศษแบบอย่างหรูเลยนะ รสชาติแปลกใหม่ แถมดังไปทั่วเมืองเลยด้วย”
“อะไรกันเนี่ย พี่ชาย นี่เจ้ารู้จักร้านนั้นด้วยงั้นเหรอ เหมือนว่าวันนี้ข้าต้องหมดเงินเป็นหมื่นแน่ๆเลยแหะ…”