บทที่ 115.1
ผู้แปล loop
ในวันถัดไป
ณ ตอนเที่ยงวัน
ดงซูบินกำลังรับประทานอาหารกลางวันที่ศูนย์อบรมกำลังรอโทรศัพท์ของเสี่ยวหยานเพราะเขารอมาทั้งเช้า เมื่อโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นเขาก็เหยียดหลังออกทันทีและหยิบโทรศัพท์ออกมา คนที่โทรมาคนนั้นคือหลี่ชิง
ดงซูบินรับสายอย่างตื่นเต้น:“ ผู้อำนวยการครับ ผู้อำนวยการกำลังตามหาผมอยู่เหรอหรอครับ? เกิดอะไรขึ้นที่สำนักงานหรือเปล่าครับ”
หลี่ชิงตอบ “ จะเกิดอะไรขึ้นที่นี่? ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม” หลี่ชิงถือได้ว่าเป็นลูกน้องของเสี่ยวหยาน เขายังกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเขาก่อนหน้านี้ เขาไม่ทราบว่าโจเกาจะทำอะไรและเขาจะได้รับผลกระทบอะไร
“ฮะ? โอ้……” ดงซูบินตบหน้าผากของเขาอย่างผิดหวัง เขาคิดว่าหลี่ชิงโทรมาหาเขาเพราะโจเกาและฉางจี้นั้นถูกจับแล้ว
“ ซูบินนายยังอยู่ที่ศูนย์อบรมเหรอ?”
“ใช่ครับผู้อำนวยการ.พึงจะอบรมภาคเช้าเสร็จ”
เสียงของหลี่ชิงฟังดูหมดอะไรตายอยากเขาพูดว่า:“ มันเป็นอย่างนี้ สำนักต้องการให้นายส่งมอบงานในสำนักให้ ฉางจี้และส่งคืนตำแหน่งรองหัวหน้างานของนายต่อหลังการประชุมในตอนบ่าย มันจะดีกว่าถ้านายสามารถกลับมาก่อนการประชุมได้”
‘นี่ไม่ใช่ข่าวดีเลย มันดันตรงข้ามกันเลย!’
‘ทำไมสำนักนี้ไม่ได้ทำการต่อต้านโจวเกา ฉันต้องออกจากตำแหน่งไปจริง ๆหรอเนี่ย !’
หลังจากวางสายดงซูบินเกือบจะกระแทกโต๊ะ ‘เวรเอ๋ย! ส่งมอบงานหรอ ฉันถูกลบออกจากตำแหน่งแล้วมีอะไรจะต้องส่งมอบอีกเหล่า ปล่อยให้ไอ้เวร ฉางจี้ขายหน้าทุกคนจะดีไหม?’ ตอนนี้ความดื้อของดงซูบินเกิดขึ้นอีกครั้ง ‘ฉันจะไม่กลับไป!’
ดงซูบินไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป เขาทานมื้อกลางวันของเขาต่อไปและหลังจากอาหารกลางวันเขากลับไปที่ห้องอบรมของเขาและนั่งในแถวสุดท้ายดงซูบินอาจดูแข็งแรงแต่ภายในเขากระตุกอยู่ตลอดเวลา เขาเป็นกังวลและสงสัยว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรเมื่อกลับไปที่สาขา เสี่ยวหยานสามารถใช้หลักฐานในการปลดโจวเกา และ ฉางจี้ลงได้หรือไม่? คณะกรรมาธิการเมืองสำหรับการตรวจสอบวินัยจะดำเนินการสอบสวนอย่างเป็นทางการกับโจวเกาด้วยหลักฐานที่เขาพบ? หากคณะกรรมาธิการการตรวจสอบวินัยของเมืองรู้สึกว่าหลักฐานไม่เพียงพอสำหรับพวกเขาที่จะลงมือปฏิบัติความพยายามทั้งหมดของเขาจะสูญเปล่า มันเป็นการดีที่จะเสียเวลาไม่กี่นาทีของการย้อนกลับเพื่อตำแหน่งและอาชีพของเขา……
ดงซูบินคิดว่าจะขอความช่วยเหลือจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐหลิวที่เกษียณแล้ว แต่เมื่อเขาเรียกหยานเหลียงและบอกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหยานเหลียงตกลงที่จะช่วยเขาพูดกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิว แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้นดงซูบินคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวเกือบตายจากโรคหอบหืดซึ่งมันเป็นความผิดของหยานเหลียง ถ้าหยานเหลียงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวให้ช่วยดงซูบินมันก็จะกลายเป็นเตือนรัฐมนตรีถึงความล้มเหลวของเขา ทำไมหยานเหลียงทำเช่นนี้?
‘เวรเอ๋ย!’
10 นาทีต่อมา ………
20 นาทีต่อมา ………
แหวน, แหวน, แหวน……โทรศัพท์ของดงซูบินดังขึ้นและในครั้งนี้มันเป็นเบอร์โทรศัพท์จากสำนักงานของเสี่ยวหยาน!
ที่นี่! ดงซูบินตอบรับสายทันที: ‘สวัสดีหัวหน้าเสี่ยว? มีข่าวอะไรรึเปล่าครับ?”
“ นายอยู่ไหน” เสี่ยวหยานไม่ตอบคำถามของดงซูบินและเธอก็เงียบไป
“ ผมอยู่ที่ศูนย์อบรมครับ เรื่องที่……”
ก่อนที่ดงซูบินจะถามอะไรต่อไปเสี่ยหยานก็ขัดจังหวะ:“ หลี่ชิงไม่ได้บอกให้นายกลับมาเหรอ? ทำไมนายถึงยังอยู่ที่ศูนย์อบรม? ที่ประชุมฝ่ายกิจการทั่วไปจะประกาศการนัดหมายของฉางจี้กลับมาตอนนี้เลย”
ดงซูบินตอบกลับอย่างไม่เต็มใจ “ หัวหน้าเสี่ยวผมขอส่งมอบงานวันอื่นไม่ได้หรอครับ ขอให้งานนี้ผ่านไปก่อน …ผมจะต้องออกจากตำแหน่ง?หรอครับ ผมรู้สึกไม่ค่อยดี.”
เสี่ยวหยานจึงขัดจังหวะขึ้น:“ ทำตามที่ฉันสั่ง!”
ดงซูบินถึงกับตกตะลึง “เอิ่ม …… ผม……” ดงซูบินไม่สามารถเพิกเฉยต่อคำสั่งของเสี่ยวหยานได้ แต่เขาไม่ต้องการกลับไปและขายขี้หน้าคนอื่น “ ผม……จากนั้นผม……ผมจะกลับไปอีกสักพัก”
“เร็วอย่าพลาดการแสดงดีดีอย่างงี้” ตู๊ด, ตู๊ด, ตู๊ด ……. สายถูกตัด
‘ฮะ? หัวหน้าเสี่ยวพูดอะไร การแสดงดีดีอย่างงั้นหรอ? เธอพูดถึงการแสดงดีดีอะไร’ ทันใดนั้นดงซูบินก็นึกถึงความเป็นไปได้และขนเขาก็ลุก เขารีบคว้ากระเป๋าของเขาและวิ่งออกจากศูนย์อบรม เขาขึ้นแท็กซี่แล้วรีบไปที่สำนักงานสาขาตะวันตก!
ในเวลาเดียวกัน.
ที่ทำงานของโจวเกา
ฉางจี้ยืนอยู่หน้าโต๊ะของโจวเกาด้วยความโกรธ “ ลุงโจวหมอนั้นคิดว่าเขาเป็นใครกัน? มันกล้าพูดกับลุงโจวเมื่อวานนี้ยังไงดี? มันทำเกินไปแล้ว มันคงคิดว่ามันเป็น……”
โจวเกาเคาะโต๊ะของเขาเบา ๆ :“ แกต้องการอะไร!” โจวเการู้สึกผิดหวังกับฉางจี้
ฉางจี้มองที่โจวเกาและล้างคอของเขา เขาพูดเบา ๆ :“ ผมคิดว่าหลังจากที่ดงซูบินกลับมาจากศูนย์อบรมผมจะโอนมันไปยังแผนกจัดเก็บ สถานที่นั้นเหมาะกับมันมาก” แผนกจัดเก็บเอกสารเป็นเหมือนจุดจบของเจ้าหน้าทที่ของสำนักความมั่นคงแห่งรัฐ เพราะมีเอกสารที่เป็นความลับระดับสูงและมีข้อ จำกัด มากมาย โดยปกติเมื่อเจ้าหน้าที่ถูกย้ายไปยังแผนกนี้พวกเขาจะยังคงอยู่ที่นั่นตลอดอาชีพการทำงานของพวกเขา มันเป็นเหมือนสุสานสำหรับเจ้าหน้าที่ในตอนแรกฉางจี้ต้องการให้ดงซูบินอยู่ในสำนักงานกิจการทั่วไป เขาต้องการกลั่นแกล้งและทำให้ดงซูบินเสียความภาคภูมิใจของเขา แต่เกือบทุกคนในสำนักงานดันอยู่ข้างดงซูบิน หากดงซูบินยังคงอยู่ในออฟฟิศจะไม่มีใครฟังฉางจี้เลย
โจวเกาเหลือบมองไปที่เขาแล้วกล่าวว่า“ ไปได้แล้วและเตรียมคำพูดของแกไว้ อย่ามาที่ห้องของฉันบ่อยมากนัก”
“ ได้ครับ!” ฉางจี้เดินจากไป
โจวเกาก็กำลังคิดหาวิธีที่จะจัดการกับดงซูบิน เจ้าหน้าที่ที่ต่ำต้อยกล้าที่จะร้องเรียนเขาและยังกล้าที่จะโต้เถียงกับเขา? เขาไม่สามารถทนต่อการดูหมิ่นดังกล่าวได้ ย้ายแผนก? โจวเกาไม่ต้องการให้ ดงซูบินหลุดออกจากการเป็นข้าราชการเร็วๆนี้ เขาต้องการหาเหตุผลที่จะขับไล่ดงซูบินออก! แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม เขาเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าสำนักสาขา การเปลี่ยนตำแหน่งดงซูบินเช่นนี้นั้นก็ถือเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่มาก หากหยานเหลียงไม่ได้ถูกย้ายไปยังทางใต้โจวเกาก็จะไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับดงซูบิน นอกจากนี้ดงซูบินยังคงมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวสนับสนุนอยู่ นี่คือเหตุผลที่โจวเกาทำการ เปลี่ยนตำแหน่งของดงซูบินเท่านั้นและไม่ลดตำแหน่งเขาโดยตรง นี่เป็นเพียงการทดสอบ โจวเกายังคงสามารถทำอะไรบางอย่างได้หากผู้บริหารที่ใหญ่กว่าทำให้เขากดดันหรือมีปัญหา
ตัวอย่างเช่นหากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวเรียกและถามว่าทำไมผู้ช่วยชีวิตของเขาอย่างดงซูบินถูกเปลี่ยนตำแหน่งโจวกัวยังสามารถตอบว่าเขาต้องการที่จะโอนดงซูบินไปยังแผนกอื่น นี่เป็นเรื่องปกติในหน่วยงานของรัฐ แน่นอนโจเกาไม่คิดว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิวจะโทรศัพท์ไปช่วยดงซูบิน ยิ่งไปกว่านั้นมันคือหยานเหลียงที่สร้างความยุ่งเหยิงนั้นโดยไม่ได้นำยารัฐมนตรีของหลิงใสด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลิงไม่ได้โทรไปถามการตัดสินใจของเขา ตอนนี้มันมีเพียงเสี่ยวหยาน เท่านั้นที่พยายามทำให้เขามีปัญหา
โจวเกาเริ่มคิดลึก ๆ เมื่อโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น
โจวเกาดูตัวเลขที่หน้าจอแสดงผู้โทรและขมวดคิ้ว ‘รับสายเถอะ’
เขาฟังโทรสองสามวินาทีและใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด “เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน! สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร!” โจวเกาหายใจเร็วและกระแทกบนโต๊ะของเขาสองครั้ง “ ใครคือคนที่ออกหมายค้น?! ใครให้สิทธิ์พวกนั้น”
ชั้นที่อยู่ต่ำกว่าฉันชั้นหนึ่งของที่ทำงานหัวโจว
ห้องประชุมครั้งที่ 3
นี่คือการประชุมเพื่อประกาศมอบตำแหน่งให้กับฉางจี้ โดยปกติการมอบตำแหน่งหัวรองหน้าส่วนไม่จำเป็นต้องใช้ห้องประชุมหมายเลข 3 เพราะมันไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ยิ่งไปกว่านั้นตำแหน่งรองหัวหน้าส่วนในตอนที่ดงซูบินได้รับตำแหน่งก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นมีเพียงหัวหน้าฝ่ายการเมือง และ เจ้าหน้าที่ของสำนักกิจการทั่วไปเท่านั้นที่มาเป็ฯสักขีพยาน แต่วันนี้แตกต่าง หัวหน้าสำนักสาขาโจวจะเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย เหตุผลของเขาในการเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้คือเพื่อสนับสนุนคำสั่งของรัฐบาลกลางในการแต่งเจ้าหน้านที่รุ่นเยาว์ เขายังต้องการที่จะพูดปราศรัยเล็กๆน้อย แต่ที่จริงแล้วเขาต้องการแสดงท่าที ของเขาและส่งสัญญาณไปยังพวกที่พยายามต่อต้านเขาทั้งหมด เมื่อโจสเกามาประชุมครั้งนี้การเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง หัวหน้าส่วนการเมืองและหัวหน้าส่วนอื่น ๆ ก็ต้องเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย
เจ้าหน้าที่ไม่กี่คนจากสำนักงานกิจการทั่วไปอยู่ในห้องประชุม ฉางจี้ที่พึงออกจากสำนักงานของโจวเกาก็รู้สึกดีมาก เขาสั่งให้ ต้าหลินเหม่ย และ เกาแพนเหว่ยเข้าไปจัดห้องประชุม “ หลินเหม่ยเธอไปทดสอบไมโครโฟนสิ”
ต้าหลินเหม่ย กัดริมฝีปากล่างของเธอแล้วตอบว่า:“ ฉันทดสอบมันแล้ว มันใช่ได้”
ฉางจี้จ้องไปที่เธอและพูดว่า:“ ฉันต้องการให้เธอทดสอบมันอีกครั้ง!”
ใบหน้าของต้าหลินเหม่ยนั้นเหมือนกำลังจะถูกเผาและเธอก็เดินไปที่แท่น
“ เกาแพนเหว่ย หัวหน้าโจวจะมาถึงแล้วนะ ถูพื้นเร็วกว่านี้อีก! ตอนนี้เลย!” ฉางจี้รู้สึกสนุกกับการใช้คำสั่งกับคนรอบๆนี้ “ฉางจ้วงเธอไปเอาบทปราศรัยมาตรวจสิ มันอยู่ทางซ้ายมือที่โต๊ะของฉัน!” ฉางจ้วง จัดเก้าอี้แล้วตอบสนองช้าลงเล็กน้อยฉางจี้ โกรธและตะโกน:“ ไปเอาเดี๋ยวนี้!”
“ไปทำเองสิ!” ดงซูบินตะโกนออกมาจากประตูห้องประชุม “ หยุดตะโกนสักที!” ถึงแม้ว่าดงซูบินจะถูกแทนที่ แต่เขายังคงมีรังสีของหัวหน้าอยู่ดี น้ำเสียงของเขาเหมือนก่อนเมื่อเขาเป็นรองหัวหน้า
“ หัวหน้าซูบิน”
“ หัวหน้าซูบิน”