บทที่ 141.1 เหตุสุดวิสัย ถุงน่องมหัศจรรย์ (1)
ผู้แปล loop
ณ เวลากลางคืน.
ดงซูบินได้ทำอาหารเป็นโจ๊กร้อนไว้เพื่อเป็นมื้อเย็นในวันนี้ หลังอาหารเย็นผ่านไปเสี่ยวหลานที่มีไข้ลดลงเล็กน้อย เธอทานยาเพิ่มอีกหนึ่งเม็ดและไปนอนในห้องนอนของดงซูบินอย่างไม่รู้สึกตัว ดังนั้นดงซูบินจึงหันดูรายการจัดงานคืนฤดูใบไม้ผลิกาล่าบนทีวีแทน เขาเป็นกังวลว่าเขาจะรบกวนเสี่ยวหลานจึงไม่กล้าที่จะเพิ่มระดับเสียงของทีวี ใครต่อหลายคนออกมาจุดประทัดเฉลิมฉลองกันอยู่นอกบ้านมันทำให้เขานั้นก็ไม่ได้ยินเสียงทีวีอีกเช่นกัน ในท้ายที่สุดดงซูบินเลือกที่จะไปดูชุดชั้นในของเสี่ยวหลานซึ่งถูกแขวนโดยอยู่ที่เครื่องทำความร้อนแทน เขาพบว่ามันน่าสนใจกว่าสิ่งที่ปรากฏบนทีวีเสียอีก
ติ๊ก, ติก, ติ๊ก, ติ๊ก……. โทรศัพท์ของเสี่ยวหลานได้ดังขึ้น
ดงซูบินละสายตาจากบราไปอย่างรวดเร็วและหันกลับมาอยู่หน้าทีวี
โทรศัพท์ดังขึ้นสักพักก่อนที่เสี่ยวหลานจะตอบ “สวัสดี? เสี่ยวหลาน?” มันเป็นเสียงที่ขี้เกียจรับสายของเสี่ยวหลาน “ คุณไปทำอะไรที่บ้านของฉัน ฉันไม่ได้อยู่ที่บ้าน……. ใช่. ฉันอยู่ที่บ้านเพื่อน แคะ…… อ่ะ ……ฉันมีไข้นิดหน่อย ไม่เป็นไร……ทำไมคุณไปที่นั้น? ฉันจะกลับไปเร็ว ๆ นี้แหละ……. ฉันสบายดี……. แคะ……” มีการหยุดชั่วคราว “ สบายดี……………………แต่ถ้าแค่อยากส่งของนั้นมาให้ฉัน คุณก็ส่งมันมาให้ฉันได้……ถนนนอตเฮยเป่ย ตรงบล็อคแรกห้อง 301 ……. ตกลง. บาย.”
ดงซูบินกระพริบตาและเทน้ำอุ่นหนึ่งถ้วยก่อนที่จะเคาะประตู “ พี่เสี่ยว ผมขอเขาไปได้ไหม”
“เข้ามาได้สิ.” เสี่ยวหลานนั่งอยู่บนเตียง “ ฮ่าฮ่านี่คือห้องของคุณนะ คุณไม่จำเป็นต้องเคาะประตูหรอก”
ดงซูบินยิ้มอย่างอาย ๆ และส่งแก้วให้เธอ “ มันเป็นน้ำอุ่น เผื่อคุณจะรู้สึกดีขึ้น”
“ขอบคุณนะ.” เสี่ยวหลาน หยิบแก้วจากเขาแล้วหาวอย่างเกียจคร้าน เธอจิบน้ำแล้วมองไปที่ดงซูบิน “ น้องชายของฉันชื่อเสี่ยวห่าวอีกไม่นานเขาจะมาที่นี้ คงไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“แน่นอน.”
“ ฮ่าฮ่าฉันก่อปัญหาให้คุณมากมายเลยวันนี้”
“ไม่เป็นไร. ผมไม่ได้รู้สึกลำบากใจเลย” ดงซูบินปรารถนาในใจของเขาว่าเธอจะอยู่ที่ห้องของเขาต่อ
10 นาทีต่อมา ติ่งต๊อก,ติ่งต๊อก ……. มีคนอยู่ที่ประตู
ดงซูบินบ่นในใจของเขา ‘ทำไมเขาต้องมาเร็วขนาดนี้’ เขาเดินไปและเปิดประตู มีวัยรุ่นอายุประมาณ 15 ปียืนอยู่ข้างนอก เขาตัวเล็กกว่าดงซูบิน และหน้าตาของเขาไม่คมเท่ากับเสี่ยวหลาน แต่เขาก็ยังดูเหมือนเธออยู่บ้าง ดงซูบินเปิดประตู “ เสี่ยวห่าวหรอ? กรุณาเข้ามาก่อน”
เด็กชายคนนั้นเห็นดงซูบิน และรู้สึกตกใจ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปแล้วผลักดงซูบินไปข้างหน้าแล้ววิ่งเข้าไปในห้อง
ดงซูบินสูญเสียการทรงตัวของเขาและถอยหลังไปสองก้าว เขาโกรธมาก ‘เวรเอ๋ย เกิดอะไรขึ้น!’
“พี่สาว!” ปัง. เสี่ยวห่าวเปิดประตูห้องนอนและเห็นเสี่ยวหลาน ที่ป่วยอยู่บนเตียง “พี่สาว! เกิดอะไรขึ้น? ใครทำอย่างนี้กับคุณ?” ก่อนที่เสี่ยวหลาน จะตอบกลับไปเสี่ยวหลาน ก็หันมาจับที่คอเสื้อของดงซูบิน “ไอ้เวรนิ! นายทำอะไรกับพี่สาวของฉัน ฉันจะฆ่านาย! นายรู้หรือไม่ว่าปู่ของฉันคือใคร! ห่ะ?!”
ดงซูบินโกรธมาก ‘ฉันได้ช่วยชีวิตพี่สาวของนายไว้ต่างหากแต่นายทำกับฉันอย่างงี้หรอ? แล้วใครจะรู้กันว่าปู่ของนายเป็นใคร!’
“ เสี่ยวห่าว!” เสี่ยวหลาน มองไปที่เสี่ยวห่าว อย่างเฉยเมย “ มานี่สิ!”
เสี่ยวห่าวจ้องมองดงซูบินก่อนที่จะปล่อยมือ เขาหันไปหาพี่สาวของเขาแทน “ พี่สาว เขารังแกพี่รึเปล่า?”
เสี่ยวหลาน จ้องไปที่เสี่ยวห่าว ด้วยสายตาดุดัน:“ นายคิดว่านายเป็นใคร? นายจะทำลายคนต่อหน้าฉันเนี่ยนะ!”
เสี่ยวห่าวพยายามอธิบายตัวเอง:“ ไม่……ผม……พี่อยู่บนเตียงของผู้ชาย……และผมคิดว่า……”
“ นายคิดว่า? นายคิดอะไรอยู่? นอกจากนี้ปู่ของนายคือใคร อา? บอกฉันมาตอนนี้! ปู่ของนายคือใคร!”
เสี่ยวห่าวตะลึงเมื่อเห็นพี่สาวของเขาโกรธมาก เขาตอบอย่างนุ่มนวล:“ ปู่ของผมก็เป็นปู่ของพี่นั้นแหละ”
“ คุณยังจะกล้าที่จะคุยกลับฉันเหรอ?!” เสี่ยวหลานกระแทกบนเตียงและชี้ไปที่ดงซูบิน “ วันนี้ฉันตกลงไปในแม่น้ำและขาของฉันไปติดสาหร่ายทะเล ฉันเกือบจมน้ำตายและซูบินก็เสี่ยงชีวิตมาเพื่อช่วยชีวิตฉัน ถ้าไม่ใช่สำหรับเขานายจะไปที่ห้องเก็บศพแทนตอนนี้! แล้วนายจะคว้าปกเสื้อซูบินทำไม? นายพยายามจะทำอะไร? อา? บอกฉันมา!”
เสี่ยวห่าว กระโดดขึ้นอย่างน่าตกใจ “พี่สาว! คุณเกือบ……. อ่า……”
เสี่ยวหลานจ้องไปที่เขา “ ขอโทษพีซูบินที่ได้ทำอะไรไม่ดีไป!”
เสี่ยวห่าวนั้นตระหนักว่าเขาเข้าใจผิดดงซูบิน และรีบไปที่ดงซูบิน“ พี่ซูบิน พี่จะเป็นพี่ชายของผมตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พี่ได้ช่วยพี่สาวของผมไว้และยังผม…….” เสี่ยวห่าวตบหน้าตัวเองเบา ๆ “ผมขอโทษ. ไม่มี …… พี่ซูบิน พี่ตีผมได้เลย. ผมคว้าคอเสื้อพี่และด่าพี่”
ดงซูบินไม่โกรธเสี่ยวเห่าอีกต่อไป “ไม่เป็นไร. ฉันเขาใจว่านายเป็นห่วงพี่สาวนาย”
เสี่ยวห่าว ปฏิเสธ “ พี่ซูบิน คุณต้องจัดการกับฉันเพราะฉันหยาบคายกับพี่มาก! มันต้อง!”
ดงซูบิน หัวเราะ ‘เห้ย. คำขอนี้คืออะไรกัน? “ มันเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อย ทุกอย่างปกติดี.”
“ไม่ได้ พี่ช่วยชีวิตพี่สาวฉันและฉันก็ยังปฏิบัติต่อพี่เช่นนั้น ถ้าพี่ไม่ตีฉันอย่างน้อยหนึ่งครั้งฉันจะรู้สึกไม่สบายใจ เร็วเขา แค่ตีฉันอย่างหนักเท่าที่พี่ต้องการ!” เสี่ยวห่าว ขยับใบหน้าของเขาออกมาข้างหน้า
ดงซูบินมองเขาแล้วหัวเราะ เขาตีเขาเบา ๆ บนหัวนี้ “ตกลง. ฉันตีนายแล้ว นายพอใจไหม”
เสี่ยวห่าวหัวเราะแล้วหันไปหาเสี่ยวหลาน “ พี่ชายซูบินยอมรับคำขอโทษของฉันแล้ว”
เสี่ยวหลาน มองไปที่น้องชายของเธอ:“ ครั้งหน้าก็ใช้สมองส่ะบ้างก่อนที่จะทำอะไรนะ!”
“ครับ” เสี่ยวหลาน เห็นว่าพี่สาวของเขาหายโกรธแล้วเขาก็ขยับเข้ามาใกล้ “ พี่ พี่ยังมีไข้หรือป่าว?พี่ต้องการยาหรือป่าว พี่ต้องการให้ฉันเอาน้ำมาให้รึเปล่า”
เสี่ยวหลานดูที่ เสี่ยวห่าว และพยักหน้า “ พี่ซูบินอยากดื่มน้ำไหม ครับ”
“อยากดื่มนะ!”
ดงซูบินพูดว่า:“ เดียวฉันทำเองดีกว่า”
เสี่ยวหลาน หยุดเขาอย่างรวดเร็ว “ไม่ไม่. พี่ซูบิน พี่นั่งที่นี่รอแหบะ ฉันจะเอาน้ำไปให้เอง”
เสี่ยวหลานส่ายหัวของเธอและยิ้มไปที่ดงซูบิน “ น้องชายของฉันเสียครอบครัวตั้งแต่ยังเด็ก เขาเป็นพวกหุนหันพลันแล่นและชอบด่วนสรุป แต่เขาเป็นคนดีนะ และรู้วิธีการปรับตัวกับการอยู่กับผู้อื่นด้วย”
“ พี่สาว, พี่ชายซูบิน, นี้น้ำ”
ดงซูบินสามารถบอกได้เลยว่าเสี่ยวห่าว กลัวเสี่ยวหลาน เป็นอย่างมาก เขาไม่กล้าด่าดงซูบินเพราะกลัวพี่สาวของเขา อีกทั้งเสี่ยวหลานมีอายุมากกว่าเขาตั้ง 10 ปี รวมไปถึงเธอยังเป็นผู้นำในรัฐบาลกลางและมีบุคลิกที่ดูแข็งแกร่ง มันจะแปลกถ้าเสี่ยวห้าว ไม่กลัวเธอ โอ้…… ‘ทำไมเสี่ยวห่าวพูดถึงปู่ของเขากัน? ปู่ของ เสี่ยวหลานคือใครกัน? เขาเป็นผู้นำในรัฐบาลกลางด้วยหรือป่าว’
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งเสี่ยวหลานก็แตะตัวของเธอ เธอดูเหมือนจะไม่สบาย ดงซูบินบอกให้เธอพักซักครู่ก่อนออกเดินทางและออกจากห้องไปกับเสี่ยวห่าว
“ เสี่ยวห่าว นายเรียนโรงเรียนอะไรอยู่” ดงซูบินพยายามที่จะเริ่มบทสนทนา
เสี่ยวห่าวเองก็ตอบด้วยรอยยิ้ม “ ยูคาน โรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดของเมือง”
“ ว้าว……เป็นโรงเรียนที่ดีเลยนิ”
“ ฮ่า…ผมเข้าไปได้เพราะเส้นสายนะ พี่ซูบินบอกผมที่เกี่ยวกับเรื่องบ่ายวันนี้ พี่ช่วยพี่สาวของผมได้อย่างไร”
เสี่ยวห่าว กลัวเสี่ยวหลานตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นใบหน้าพี่สาวของเขาเขาจะตัวสั่นเสี่ยวหลานเป็นคนเดียวที่เขากลัวในครอบครัวของเขา เขานั้นไม่กลัวแม้แต่ปู่ของเขาเอง แต่ถึงแม้จะกลัวพี่สาวของเขาสักแค่เขาเองก็สนิทกับเธอที่สุด เขาสนิทกับพี่สาวมากกว่าพ่อแม่เสียด้วยซ้ำ เมื่อเขารู้ข่าวว่าเกิดอุบัติเหตุเขาจึงรีบมาหาพี่สาวเขาอย่างรวดเร็ว
ดงซูบินคิดอยู่พักหนึ่งแล้วบอกกับเสี่ยวห่าว ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาบอกว่าเขาผ่านพื้นที่นั้นในช่วงที่เกิดอุบัติเหตุ โอ้เขายังไม่ได้พูดถึงการ CPR
“ อ้า……นั่นมันอันตรายมากสำหรับพี่เลย!” เสี่ยวเห่าปิดปากของเขาอย่างรวดเร็ว พี่สาวของเขายังอยู่ในห้องนอน “ พี่ซูบินพี่คือคน! พี่เป็นคนจริง! บอกผมได้ถ้าใครมาก่อกวนพี่ ผมสามารถช่วยหพี่ให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้เลย! ผมไม่เคยกลัวใคร” เสี่ยวห่าว หยิบไอโฟน ของดงซุบินและแลกเปลี่ยนเบอร์โทรกัน
ไม่กลัวใคร? ดงซูบินถึงกับพูดไม่ออก “ จากที่เห็น นายคงจะมีเรื่องชกต่อยกันในโรงเรียนเป็นประจำสินะ”
เสี่ยวห่าวตอบอย่างรวดเร็ว ‘ชู “และพูดว่า:” อย่าปล่อยให้พี่สาวของผมได้ยินสิ่งนี้ เดียวผมจะเดือดร้อน”
ดงซูบิน หัวเราะ “ ดูสิ นายเป็นคนที่ผอมกว่าฉันอีก แล้วนายต่อยชนะได้ยังไง นายควรตั้งใจเรียนจะดีกว่า!”
เสี่ยวห่าว ภูมิใจนำเสนอ “ พี่ซูบินผมไม่ได้พูดอะไรเกินจริงเลย ผมอาจจะไม่ตัวสูง แต่ผมสามารถต่อยชนะกับคนหนึ่งหรือสองคนพร้อมกันได้อย่างง่ายดาย แย่จัง! ทำไมพี่มองผมแบบนี้ ผมกำลังพูดความจริงนะ!”
ดงซูบินคิดกับตัวเอง ‘โกหก นายจจะชนะฉันด้วยร่างกายที่อ่อนแอของนายได้อย่างไรกัน’
เมื่อพูดถึงการมีคนน้อยคนนักที่จะได้ชัยชนะจากปักกิ่ง ทุกคนบนท้องถนนของปักกิ่งสามารถโอ้อวดจนกว่าคนอื่นจะเป็นลม แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดจริงจัง พวกเขาถือว่าการล้อเล่นหรือเป็นเรื่องตลก มันเหมือนกับการเล่าเรื่องตลกให้ใครบางคนและไม่มีใครจะคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
ดงซูบินรู้สึกว่าเสี่ยวห่าวนั้นดูน่าสนใจหลังจากพูดคุยกันซักพัก เขาลืมสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทำให้เขาดูสนิทสนมกันมากขึ้น
ทันใดนั้น เสี่ยวหลานก็ตะโกนออกมาจากห้อง “ เสี่ยวห่าวสายแล้ว กลับกันเถอะ.”
“ตกลงครับ!” เสี่ยวห่าว ตอบกลับและหันไปหาดงซูบิน “ พี่ซูบินโทรหาผมได้เลยถ้าพี่ต้องการความช่วยเหลือ”
“ตกลง. ฉันจะโทรหานาย.” ดงซูบินหัวเราะแล้วเดินไปที่ห้องนอน เขาเคาะประตูและเข้าไป “ พี่สาวเสี่ยว คุณยังมีไข้อยู่ คุณจะป่วยถ้าคุณเดินออกไปเช่นนี้ ผมจะเรียกแท็กซี่ให้คุณก่อนจะดีกว่าไหม? หรือว่าจะเอาผ้าห่มผมห่อตัวไปก็ได้”