หนึ่งวันผ่านไป……
5 วันผ่านไป……
10 วันผ่านไป……
ในตอนนี้ดงซูบินก็เริ่มทำงานที่แผนกกิจการมาได้หลายวันแล้ว เขาเริ่มคุ้นเคยกับงานของเขามากขึ้น แต่เขารู้สึกว่าโอกาสในการได้รับการเลื่อนขั้นนั้นมันมีน้อยมาก เพราะว่าที่ทำงานของเขามีกฎที่ไม่ได้พูดอยู่มากมาย ซึ่งดงซูบินเองก็เป็นเด็กใหม่และยังไม่รู้กฎเหล่านี้มากมายนัก เกือบทุกวันเขาจะต้องใช้พลังของเขา “ย้อนกลับ” เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดของเขา นอกจากนี้ฉางจี้เองก็ตั้งใจเอางานยากๆมาโยนให้เขา และเกาแพนเหว่ยเองก็พยายามใช้ดงซูบินให้ทำหน้าที่แทนเขาทั้งหมด โดยในสองสามวันที่ผ่านมาดงซูบินต้องทุกข์ทรมานจากการทำงานเป็นประจำ
และในวันนี้
มีเมฆดำปกคลุมท้องฟ้าและมีฝนตกโปร่ยปรายลงมา
ดงซูบินเองก็มาถึงที่ทำงานเป็นปกติ และเขาเก็บร่มของเขาไว้และเปิดประตูสำนักงาน:“ อรุณสวัสดิ์ทุกคนครับ”
ต้าหลินเหม่ยดุเขา:“ วันนี้นายมาช้านะ นายแอบออกไปเดทมาเมื่อคืนรึเปล่า?”
ฉางข้วงแต่งหน้าตามปกติและเธอก็หันไปหาดงซูบิน:“ ซูบิน! นายมีแฟนแล้วหรอ แฟนของนายคือใครนะ”
ดงซูบินหัวเราะออกมา“ หยุดล้อเล่นกับผมสักที่ ผู้หญิงคนไหนที่จะมาชอบผม”
ฉางจี้เคาะโต๊ะของเขาสองสามครั้งด้วยปากกาของเขา “ ซูบิน! นายมาทันเวลาพอดี ฝากทำงานนี้ด้วย” ในความเป็นจริงซูบินแทบจะลืมไปแล้วว่างานที่ฉางจี้ใช้ให้เขาทำมันเยอะมากขนาดไหนในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
เกาแพนเหว่ยก็โบกมือให้เขาเช่นกัน“ ซูบิน! หลังจากนายทำงานนั้นเสร็จก็มาช่วยฉันตรงนี้ด้วยนะ”
ดงซูบินกัดฟันของเขา ‘ไอ้สองคนนี้……’
ในตอนเช้าดงซูบินส่งแฟ้มเอกสารสองสามเล่มและกลับไปที่โต๊ะทำงานของเขา เขากำลังคิดเกี่ยวกับการหาโอกาสบางอย่างในสำนักงานนี้
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงความคิดหนึ่งขึ้นมาได้ ถ้าเขาตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC)ล่ะ เพราะเนื่องจากเป้าหมายของดงซูบินคือการเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางของระบบราชการ ดังนั้นการเป็นสมาชิกของ CPC จึงเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อเขาเป็นสมาชิกของ CPC เขาจะสามารถสร้างผลงานของเขาและเพิ่มโอกาสในการเลื่อนขั้นของเขาได้
คลิกเริ่มคลิกคลิก……
ดงซูบินเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูลและกรอกแบบฟอร์มใบสมัครของเขาไว้
ดงซูบินสามารถกรอกแบบฟอร์มการสมัครของเขาให้เสร็จก่อนที่จะอ่านคำอธิบายจนจบ เมื่อเขามองไปที่อีเมล์ในกล่องข้อความที่จะส่งไปมันมีข้อความเกือบ 10,000 คำที่เขาพิมพ์มันด้วยความภาพภูมิใจของเขา ซึ่งเขาประหลาดใจกับสิ่งที่เขาได้ทำลงไปเมื่อเขาใช้ความมุ่งมันทั้งหมดเพื่อเขียนมันลงไป ซึ่นมันเหมือนกับตอนที่เขาเขียนวิทยานิพนธ์ที่มหาวิทยาลัยเขาสามารถเขียนได้ประมาณ 5,000 คำในระยะเวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น แต่ตอนนี้เพื่อการเลื่อนขั้นของเขา มันทำให้ดงซูบินมีแรงจูงใจที่สูงกว่ามาก
“ ซูบิน! นายเขียนอะไรอยู่ตลอดทั้งบ่ายเลยเนี่ย?” จ้วงจื้อซึ่งนั่งตรงข้ามกับดงซูบินก็ถามเขา
ดงซูบินโบกมือของเขา:“ สมัครเป็น CPCนะ ”
จ้วงจื่อเกาหัวของเขา:“ นายกำลังจะสมัคร CPC อย่างงั้นหรอ”
“ โอ้! นายต้องการสมัคร CPC ด้วยหรอเนี่ย” ต้าหลินเหม่ยเมื่อเธอได้ยินการสนทนาของพวกเขา เธอยิ้ม:“ ฉันก็ส่งใบสมัครไปเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว และเพิ่งจะได้เป็นสมาชิกชั่วคราว ตอนนี้ฉันพึงทำความเข้าใจเกี่ยวกับโปรแกรมของพรรค และส่งรายงานเป็นระยะ ฉันคิดว่าฉันน่าจะเป็นสมาชิกพรรคได้ในปีหน้าหรืออาจอีกหลายปีก็ได้”
“ ฉันคิดว่าฉันต้องรอเป็นอีก 4 ปี” ดงซูบินหัวเราะ เขารู้ว่าขั้นตอนการสมัครเป็นสมาชิก CPC นั้นยาวนานมาก แม้แต่การรอ 3 ปีก็ถือว่าสั้นมาก “ โอ้! ฉันควรส่งใบสมัครของฉันไปที่พรรคสาขา เลขาพรรคคือใครนะ”
ต้าหลิงเหม่ยตอบว่า:“ นายสามารถส่งมันไปให้หลี่ชิงได้นะ ผู้อำนวยการหลี่ เขาดูแลการเรื่องพวกนี้อยู่”
หลี่ชิงรองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการทั่วไปและหัวหน้าสำนักงานกิจการทั่วไป เขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรองหัวหน้าโจวและให้รองหัวหน้าโจวดูแลสำนักงานแทนเขา ซึ่งเขาเคยมาเยี่ยมสำนักงานเพียงครั้งเดียว และให้รองหัวหน้าโจวจัดการงานทั้งหมด ซึ่งดงซูบินเคยเห็นเขาจากไกลๆ
อันที่จริงหลี่ชิงควรจะอยู่ในฐานะหัวหน้าลี่ เนื่องจากเขาเป็นหัวหน้าสำนักงานกิจการนี้ แต่ ‘หัวหน้า‘ ไม่ได้ฟังดูดีกว่าผู้อำนวยการซึ่งเขาดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ ดังนั้นทุกคนพูดถึงเขาในฐานะผู้อำนวยการหลี่ นี่เป็นหนึ่งในกฎที่ไม่ได้พูดในภาครัฐ โดยข้าราชการตำแหน่งต่ำจะต้องเรียกชื่อคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าเขาให้ถูกต้อง
ทันใดนั้นสำนักงานก็เงียบไป
ดงซูบินเงยหน้าขึ้นมองไปที่โต๊ะของเขา เมื่อกำลังพูดถึงรองผู้อำนวยการหลี่ไป รองผู้อำนวยการหลี่ก็เข้ามาในสำนักงาน
“ ผู้อำนวยการหลี่”
“ สวัสดีครับ, ผู้อำนวยการหลี่”
ทุกคนลุกขึ้นยืนและทักทายผู้อำนวยการหลี่
“ สวัสดีทุกคนทำงานต่อกันเถอะ” หลี่ชิงโบกมือให้พวกเขาเพื่อกลับไปทำงาน
หลี่ชิงผอมมาก เขาดูเหมือนต้นไผ่ ท่าที่ของเขาดูนั้นดูร่าเริงและเป็นมิตร ซึ่งแตกต่างจากโจวฉางจู โดยโจวฉางจูนั้นมีรอยยิ้มที่ดูหยิ่งๆ ในขณะที่หลี่ชิงดูเหมือนจริงใจมากกว่า ครอบครัวของหลี่ชิงยากจน ลูกสาวของเขาเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวและโรคอื่น ๆ ซึ่งเขามีปัญหาด้านการเงิน มีข่าวลือว่าต้าหลิงเหม่ยต้องการที่จะช่วยเขาหาเงินทุนสำหรับการรักษาพยาบาลของลูกสาวของเขา แต่หลี่ชิงเพื่อนำมารักษาอาการดังกล่าวด้วยเหตุผลที่ไม่ทราบสาเหตุ
อีกด้านของสำนักงานใหญ่โจวฉางจูเดินออกจากห้องของเขา “หัวหน้า.”
หลี่ชิงในอายุ 40 ของเดินไปและตบแขนของโจวฉางจู:“ พี่โจว! คุณต้องดูแลสุขภาพของคุณให้มากๆนะ:
โจวฉางจูยืดหลังของเขาแล้วตอบว่า:“ ขอบคุณหัวหน้าสำหรับความหวังดีครับ ผมสบายดี.”
โจวฉางจูเป็นคนเดียวที่พูดถึงหลี่ชิงในฐานะหัวหน้า
ดงซูบินได้ถามต้าหลิงเหม่ยที่อยู่มานานกว่าเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ยังมีอีกหลายครั้งที่โจวฉางจูเรียกลี่ชิงในฐานะ ‘หัวหน้า‘ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ผิด มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขารู้สึกขอบคุณหลี่ชิงที่ทำให้เขาดูแลสำนักงาน หากเขาพูดถึงหลี่ชิงในฐานะ ‘ผู้อำนวยการ‘ เหมือนกับคนอื่น ๆ มันจะแสดงให้เห็นว่าเขาหยิ่งและเข้ามารับบทบาทของหลี่ชิงในฐานะหัวหน้าไปแล้ว นี่เป็นการบอกเป็นนัยถึงหลี่ชิงว่าเขายังคงเป็นบุคคลที่รับผิดชอบสำนักงานกิจการทั่วไป”
มีกฎที่ซับซ้อนมากมากมาย
ดงซูบินยังคงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับกฎที่ไม่ได้พูดเหล่านี้
หลังจากนั้นครู่หนึ่งหลี่ชิงก็เดินผ่านดงซูบิน ดงซูบินก็รีบส่งใบสมัครไปที่เขาทันทีท ดงซูบินพูดว่า “มันอาจดูเกินจริงไปหน่อยนะครับ” นี้เกี่ยวกับจำนวนเงินที่เขาต้องการให้ CPC ในขณะที่หลี่ชิงพลิกหน้าแรกของใบสมัคร ก็ให้กำลังใจกับดงซูบินในการสมัครเข้าพรรคCPC
หลังจากนั้นเขาหันหลังกลับไปและส่งต่อเอกสารบางอย่างไปที่โจวฉางจู
“ นี่คืออะไร” โจวฉางจูหยิบเอกสารจากเขา
หลี่ชิงบอกว่า:“ หัวหน้าสำนักหยางกำลังจะไปประชุมที่สำนักงานเมือง นี่คือเนื้อหาของสิ่งที่เขาจะพูด ใช้ความพยายามและเขียนคำพูดที่ดีที่สุดสำหรับหัวหน้าสำนักหยาง อย่าทำสับสนเหมือนครั้งก่อน พี่โจว! ฉันจะฝากภารกิจนี้ให้คุณทำ อย่าปล่อยให้หัวหน้าสำนักหยางคิดว่าสำนักงานกิจการของเราไม่มีประโยชน์”
“ นี่……ใช่… .. เรา… .. เราจะทำสิ่งนี้ได้ดี” โจวฉางจูตอบอย่างไม่เต็มใจ
ดงซูบินมองไปรอบ ๆ เมื่อทุกคนได้ยินว่าพวกเขาต้องเขียนคำปราศรัยสำหรับหัวหน้าสำนักหยางใบหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป
‘ฮะ?’
‘เกิดอะไรขึ้น?’
มีเพียงดงซูบินและจ้วงจื้อที่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นพวกเขากำลังสับสน
‘การเขียนคำปราศรัยมันจะเป็นเรื่องยากแค่ไหนเชียว’