ผู้แปล loop
ตอนนี้เวลา 10.30 น.
ณ สำนักงานกิจการทั่วไป
เกาแพนเหว่ยและฉางจี้ได้เดินออกไปพร้อมกับโจวฉางจูเพื่อไปทำธุระบางอย่าง ส่วนต้าหลินเหม่ยและฉางจ้วงก็ขึ้นไปชั้นบนเพื่อรวบรวมเอกสารสำคัญสองอย่างให้กับหลี่ชิง แต่ไม่มีใครอยู่ในแผนกความลับทางราชการเลย ทั้งสองจึงนำเอกสารสำคัญเหล่านี้มาให้ทั้งสอง ดูเหมือนว่าพวกเขายังคงมีการประชุมกันอยู่ มีพนักงานสองคนประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์ แต่เอกสารเหล่านี้ต้องการระดับหัวเพื่อรับทราบและลงนาม ต้าหลินเหม่ย และ ฉางจ้วงจึงจะสามารถนำเอกสารกลับไปที่ผู้อำนวยการหลี่ชิงเท่านั้น
ดงซูบินบินกำลังดูแผ่นบันทึกเวลางาน จนพวกเธอกลับมา เขาถามว่า:“ ส่งเอกสารเสร็จแล้วหรอ?”
ต้าหลินเหม่ยนั่งลงบนเก้าอี้ของเธอ “หัวหน้าของแผนกความลับราชการไม่อยู่นะ และเอกสารก็ไม่ได้อยู่แถวนั้นด้วยผู้อำนวยการหลี่เลยบอกพวกเราให้นำไปให้เขาในตอนบ่ายแทน”
ดงซูบินมองไปรอบ ๆ และเห็นว่าไม่มีคนอื่นอยู่ เขาเลยถามเบา ๆว่า :“ หลินเหม่ย, เป็นเพราะฉันยังอยู่ในช่วงทดลองงานใช่ไม? ทำไมหัวหน้าโจวไม่เคยเลือกจ้วงจื่อ และฉันให้ไปส่งเอกสารสำคัญเหล่านั้น เขากลัวว่าเราจะแอบดูเอกสารพวกนี้หรอ?”
ต้าหลินเหม่ยหัวเราะขึ้นมาทันที่ “ ฉันก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ เกิดอะไรขึ้น นายอิจฉาฉันกับพี่จ้วงเหรอ?”
ดงซูบินรู้สึกเสียใจมากก่อนที่พูดต่อไปว่า “ ฉันต้องการทำอะไรสักอย่าง แต่ฉันแค่รู้สึกว่าหัวหน้าดูเหมือนจะไม่ไว้ใจฉันเลย”
“ ไม่ใช่เขาที่ไม่เชื่อใจนาย……” ต้าหลินเหม่ยหยุดพูดไปครู่หนึ่งแล้วมองไปรอบ ๆ สำนักงาน เธอหยิบเอกสารขึ้นมาและแกล้งทำเป็นคุยเรื่องเอกสารกับเขา “ ฉันต้องการเตือนนายเมื่อวานนี้ ฉันคิดว่าหัวหน้าโจวอาจจะโกรธนายอยู่เล็กน้อย”
ดงซูบิยตกตะลึง “ เป็นไปไม่ได้……ฉันไม่ได้ทำอะไรให้หัวหน้าโกรธเลยนะ”
ต้าหลินเหม่ยพูดต่อไปว่า “ นี่เป็นเพียงความเห็นของฉัน ในวันนั้นเมื่อตอนนายมีปัญหากับฉางจี้นะ นายตั้งใจไม่ได้บอกว่านายเข้าไปในห้องทำงานของหัวหน้าโจว และหลอกให้ฉางจี้มาพูดแย่ๆออกมาก็ถูกที่ฉางจี้ถูกหัวหน้าดุโจวดุ แต่นายเคยคิดบ้างไหมว่าสิ่งที่นายทำคือการบังคับให้หัวหน้าโจวก้าวเข้ามาดุฉางจี้โดยตรง เพราะเขาไม่มีทางเลือกเนื่องจากลูกน้องคนหนึ่งของเขากำลังตะโกนอยู่ข้างนอก หากเขายังไม่ก้าวเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ ลูกน้องคนอื่นๆจะเสียความเคารพต่อเขา และ ไม่เกรงใจเขาอีกต่อไป”
“ เหี้ย!” ดงซูบินรู้สึกว่านี่อาจเป็นเรื่องจริงก็ได้
“ นั่นเป็นเหตุผลที่ถึงแม้ว่าหัวหน้าโจวไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ในใจเขานี้แทบลุกเป็นไฟเลยล่ะ……นายควรรู้เรื่องนี้ไว้บางนะ” ต้าหลินเหม่ย ทำงานราชการมานานกว่าหนึ่งปี เธอรู้เรื่องเหล่านี้มากกว่าดงซูบิน “ หัวหน้าโจวขอให้ฉางจี้ติดตามเขาไปเพราะธุระของเขา คือ การใช้เทคนิคจิ้งจอกกับสิงโต(ใช้ความเจ้าเล่ห์ผสมพร้อมไปกับการใช้บารมี) เนื่องจากเขาพยายามแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นหัวหน้าสำนักงานและไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องนั้นมันแย่ลงไปว่า อีกทั้งในขณะเดียวกันก็เหมือนเป็นการส่งสัญญาณเตือนให้นายอยากออกนอกหน้าไปมากกว่านี้”
ดงซูบินรู้สึกขอบคุณต้าหลินเหม่ยเป็นอย่างมาก “ ขอบคุณมากที่บอกเรื่องนี้กับฉัน หากเธอไม่ได้บอกฉัน ฉันก็จะยังคงสงสัยว่าทำไมหัวหน้าโจวจึงปฏิบัติต่อฉันแตกต่างจากคนอื่น นี่คือเหตุผลสินะ”
‘เฮ้อ …… ฉันยังไร้เดียงสาเกินไปสินะ’
ดงซูบินคิดกับตัวเองว่านี่เป็นบทเรียนสำหรับเขา ทันใดนั้นเขารู้สึกใจเย็นลงเล็กน้อยและเดินไปรีโมทแอร์ เขาพยายามที่จะเพิ่มอุณหภูมิ แต่ปุ่มกดมันดันเสียอยู่ มันไม่มีการตอบสนองใดๆเลยหลังจากกดไปพักหนึ่ง
“ น้องซูต้องกดแรงขึ้น กดให้หนักที่สุดเท่าที่จะทำได้” ฉางจ้วงบอกกับ “ ปุ่มกดมันใกล้จะผังแล้วนะ”
“ แล้วมีใครรายงานให้ช่างเขามาซ่อมรึยัง?” ดงซูบินใช้แรงของเขากดมันลงไปจนมันส่งเสียง “บี๊บ” ตัวเลขอุณหภูมิเพิ่มขึ้นแต่มันมาพร้อมกับรอยแตก “ เวรล่ะ! ขนาดการปรับอุณหภูมิยังต้องออกแรงเลย”
พี่หยางที่อ่านหนังสือพิมพ์ก็หัวเราะขึ้นมา “ จริงๆมันก็ถูกส่งซ่อมหลายครั้งแล้วนะ แต่ก็ยังไม่ดีสักที และเมื่อเร็ว ๆ นี้มีการใช้งบประมาณที่สูงขึ้นจึงไม่ให้พวกเราเปลี่ยนเครื่องใหม่สักที ไม่เพียงแค่เครื่องปรับอากาศเท่านั้น เครื่องทำน้ำเย็นก็มีความผิดปกติเช่นกัน กาต้มน้ำไฟฟ้าในสำนักงานของผู้อำนวยการหลี่ชิงเหมือนกัน มันจะไม่หยุดทำงานเมื่อน้ำเดือด เขาจึงต้องกดน้ำก่อนมันจะเดือด”
มีคนเปิดประตูสำนักงานเข้ามา นั้นคือหัวหน้าสำนักงานกิจการทั่วไป ผู้อำนวยการหลี่ชิง “ หัวหน้าสำนักหยานต้องการให้ใครซักคนที่จะช่วยเขายกของ ผมขอคนขึ้นไปช่วยเขาหน่อย” ชื่อเต็มของหัวหน้าสำนักหยาน คือหยายเหลียง เขาเป็นหัวหน้าสำนักงานสาขาในเขตนี้และเป็ยหัวหน้าที่แท้จริงของสถานที่แห่งนี้ เขามีอำนาจมากกว่าผู้แทนทางการเมืองของอำเภอ
เมื่อได้ยินว่านี้เป็นการช่วยหัวหน้าสำนักหยาน มันทำให้ดงซูบินต้องยืนขึ้น “ ผู้อำนวยการหลี่ ผมจะไปเองครับ”
หลี่ชิงมองไปที่เขาแล้วหัวเราะ “ไม่เป็นไร. จ้วงจื่อไปกันเถอะ เขาดูแข็งแรงกว่า”
จ้วงจื่อหยุดสิ่งที่เขากำลังทำอยู่และติดตามหลี่ชิงออกจากสำนักงานทันที
ดงซูบินตบขาเขาด้วยความหงุดหงิด เขารู้สึกว่าการปรากฏตัวของเขาในสำนักงานเริ่มลดลงเรื่อย ๆ
ในอีกด้านหนึ่งรถยนต์กำลังเดินทางกลับมาที่สำนักงานสาขาเขตตะวันตก โจวฉางจูกำลังถามอย่างตั้งใจ “ นายคิดอย่างไรกับซูบิน”
เกาแพนเหว่ย ซึ่งกำลังขับรถอยู่ก็รู้สึกประหลาดใจกับคำถามนี้ “ ซูบินยังเด็กเกินไป แม้ว่าผลงานของเขาจะดีก็ตาม แต่เขาก็หุนหันพลันแล่นมากเกินไปอยู่ดีนะครับ…….” เขากลัวว่าดงซูบินจะต้องมาแข่งขันกับเขา ดังนั้นเขาจึงพูดว่าร้ายซูบินอย่างเต็มที่
ฉางจี้เห็นว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกของโจวฉางจู เขาล้างคอของเขาและกล่าวว่า “ หัวหน้าโจว ผมจะขอไม่แสดงความคิดเห็นล่ะกันนะครับ เพราะผมมีความขัดแย้งกับซูบินก่อนหน้านั้น แต่เขาก็ยังเด็กเกินไป เพียงเพราะเขาเขียนร่างคำปราศรัยให้รองหัวหน้าสำนักหยาง เขาจึงภูมิใจและไม่เคารพคุณ วันนั้นเขาหลอกผม ถ้าผมรู้ว่าคุณเป็นคนที่เรียกเขาเข้าไปในห้องของคุณผมก็จะไม่ทำยังงั้น……”
โจวฉางจูเริ่มขมวดคิ้ว
ฉางจี้จึงก็หยุดพูดไป เขาหัวเราะอยู่ภายในใจ ดูเหมือนว่าหัวหน้าโจวจะไม่พอใจกับดงซูบินมาก
เกาแพนเหว่ยก็คิดอยู่ในใจของเขาเช่นกัน หัวหน้าโจวไม่ค่อยเชื่อใจซูบินมากนัก ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง เขาจะไม่เริ่มบทสนทนานี้กับทั้งคู่ด้วยเหตุใดกัน
ณ โรงอาหารของสำนักสาขา
ดงซูบิน,ต้าหลินเหม่ย และ จ้วงจือกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเล็ก ๆ เพื่อทานอาหารกลางวันดงซูบินกำลังคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนความประทับใจของโจวฉางจู และทำให้เขากลับมาไว้วางใจเขาจากหัวหน้าทั้งสองของสำนักงานกิจการในระหว่างรับประทานอาหาร เขาเริ่มคิดหนัก แต่ก็ไม่สามารถคิดหาทางออกที่ดีได้เลย ดงซูบินได้แต่ถอนหายใจ มันซับซ้อนเกินไปที่จะอยู่รอดในหน่วยงานี้ ถ้าสิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไปมันอาจะใช้เวลาเป็นปี ก่อนที่เขาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง เขาต้องการโอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง
ดงซูบินมองไปรอบ ๆ และเห็นโจวฉางจูและหลี่ชิง เดินเข้ามาในโรงอาหาร
ดงซูบินร้องเรียกพวกเขา “ หัวหน้าโจวครับ” แต่พวกเขาไม่ได้ยินเขาและนั่งลงที่โต๊ะที่ว่างไม่ไกล ดงซูบินจึงนั่งลงและกินข้าวเที่ยงต่อไป
หลี่ชิงจำได้บางอย่างได้และขมวดคิ้ว “ พี่โจว ฉันถอดปลั๊กกาต้มน้ำไฟฟ้าในห้องรึยัง?”
โจวฉางจู ตอบ “ ผมไม่ได้สังเกตเห็นตอนที่เราออกจากสำนักงานของหัวหน้าเลยนะครับ” เขารู้ว่ากาต้มน้ำไฟฟ้าในห้องของหลี่ชิงนั้นไม่ค่อยดี ไม่ว่าน้ำจะเดือดนานแค่ไหนก็จะไม่หยุดให้ความร้อนจนกว่าคุณจะถอดปลั๊กออก “ เดียวผมขึ้นไปดูให้นะครับ?”
หลี่ชิงตอบว่า“ มาทานอาหารเที่ยงกันก่อนดีกว่า”
ดงซูบิน และ ต้าหลินเหว่ยได้ยินการสนทนาของพวกเขา มันทำให้ดงซูบินต้องการเดินไปหาพวกเขาและเสนอตัวไปดูกาต้มน้ำให้พวกเขา แต่เขาจำได้ว่ามีเอกสารสำคัญหลายอย่างในสำนักงานของหลี่ชิง และมีแนวโน้มว่าเขาจะไม่อนุญาตให้เข้า ดังนั้นเขาจึงไม่คิดจะเดินไปหาพวกเขาทั้งสอง
ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนมาจากนอกโรงอาหาร
ทุกคนมองออกไปตรงนั้นสิ “ มีอะไรผิดปกติ”
“ไฟ. อาคาร ควันเทาๆ ไฟไหม้!!!!!”
“อะไรนะ?”
“อา……”