ในวันถัดมาในตอนเช้า
ดวงอาทิตย์ในหน้าร้อนที่แผดเผาอยู่ๆก็ถูกปกคลุมด้วยเมฆดำ มันดูเป็นวันที่มืดมนและรู้สึกเย็นยะเยือกกว่าเมื่อสองสามวันก่อน
ดงซูบินตื่นขึ้นและจำได้ว่ากางเกงในและถุงเท้าของเขายังคงอยู่ที่ห้องของฉูยวน เมื่อเขานึกขึ้นอย่างนั้นได้ เขารู้สึกกระวนกระวายใจและรีบไปที่ห้อง 302 เพื่อกดออด ฉูยวนเป็นผู้หญิงที่เขาแอบชื่นชมและเขาต้องการแสดงให้เธอเห็นด้านที่ดีที่สุดของเขา เขาไม่ต้องการให้เธอเห็นกางเกงในและถุงเท้าที่มีกลิ่นเหม็นของเขา หากเขารู้เรื่องนี้ก่อน เขาก็คงไม่ยอมให้ฉูยวนเอาผ้าของเขาไปซักแน่ๆ ซึ่งเขาหวังว่าฉูยวนคงยังไม่ได้ซักเสื้อผ้าของเขา
คลิก!
ประตูเปิดออก “ โอ้! มันเป็นซูบินหรอเนี่ย ฉันกำลังจะไปทำงานเลย เข้ามาก่อนสิ.”
ฉูยวนเธออยู่คนเดียวและในบ้านของเธอมีกลิ่นหอม มันเป็นกลิ่นของห้องผู้หญิงเดี่ยว ห้องนั่งเล่นดูเรียบร้อยและสะอาด ไม่มีแม้แต่สิ่งสกปรกบนหน้าต่าง ซึ้งดงซูบินเข้ามาในบ้านแล้วเอามือบังจมูกของเขาไว้ เพราะตอนนี้เขากำลังเขินมากๆ:“ เอ่อ, เสื้อผ้าของฉัน……”
ฉูยวนก้มลงสวมถุงเท้าของเธอและเธอเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับหัวเราะ เธอชี้ไปที่ห้องน้ำพร้อมกับเธอที่หันไปทางนั้น“ เสื้อผ้าของนายแขวนอยู่ในห้องน้ำ ฉันเพิ่งซักพวกมันเมื่อวานนี้และมันอาจจะเปียกอยู่นะ เกิดอะไรขึ้นหรอ? นายจะรีบใส่เสื้อผ้าเหรอ?หรือว่านายต้องการให้ฉันช่วยนายตากผ้าให้แห้งด้วยเครื่องเป่าผมเหรอ?” เธอนั่งยองขาข้างหนึ่งข้างหนึ่งและอีกขาก็สูงขึ้นแสดงให้เห็นช่องว่างระหว่างขาของเธอในกระโปรงสำนักงาน
ดงซูบินเห็นมันพอดีมันทำให้หน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง:“ อ่า…ไม่จำเป็น ฉันจะเอาเสื้อผ้าของฉันกลับไปตากเอง ขอบคุณมาก.”
ฉูยวนกลอกตา:“ ไม่ต้องทางการขนาดนั้นก็ได้? ถ้าเราต้องการพูดเกี่ยวกับการขอบคุณ ฉันควรเป็นคนที่จะขอบคุณนายมากกว่า”
ตอนนี้ฉูยวนกำลังยืนอยู่ข้างนอกห้องน้ำ ในขณะที่ดงซูบินรีบเข้าไปเก็บเสื้อผ้าของเขา เสื้อยืดและกางเกงขายาวของเขาถูกแขวนอยู่บนชั้นวางของ ส่วนกางเกงในและถุงเท้าของเขาก็ห้อยลงมาจากที่แขวนด้านหลัง ทำให้ดงซูบินต้องรีบคว้าเสื้อผ้าของเขาทันที เขานึกภาพออกได้ว่ามือที่อ่อนนุ่มของฉูยวนพึงถูกางเกงในของเขา มันทำให้เขาเขินเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ดงซูบินควบคุมสติตัวเองไม่อยู่ และเขาเพียงต้องการกลับไปที่ห้องอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสื้อผ้าของเขา ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าเขากำลังถือกางเกงลายลูกไม้สีผิว ‘เฮ้ย! ฉันหยิบผิดมาอันหนึ่ง! นี่ไม่ใช่กางเกงในของฉัน ดงซูบินตบหน้าผากของเขา เขาได้หยิบกางเกงฉูยวนมาโดยไม่ได้ตั้งใจ มือของเขาสั่นขณะถือกางเกงในลายลูกไม้ในมือ เขาตื่นเต้นและประหม่า เขารู้สึกถึงวัสดุที่อ่อนนุ่มและเปียกชื้นของชุดชั้นใน เขาดูชุดชั้นในอย่างใกล้ชิด
‘นี่คือชุดชั้นในของฉูยวนหรอเนี่ย……’
มันสวยมาก……
เมื่อดงซูบินยังคงอยู่ในความงุนงงและมองไปที่ชุดกางเกงในลายลูกไม้ มีหน้าคนปรากฏขึ้นที่ประตูห้องน้ำ “ รีบหยิบเสื้อผ้าของนายไปได้แล้ว ฉันต้องออกไปทำงาน……” ก่อนที่พูดจบประโยคฉุยวนก็เห็น ดงซูบินถือชุดชั้นในของเธออยู่ มันทำให้เธอแสดงสีหน้าที่เขินอายออกมาทันที
ซึ่ง ณ ตอนนั้นดงซูบินเกือบเป็นลมในทันที่ ปฏิกิริยาแรกของเขาคือการโยนกางเกงในไปที่เครื่องซักผ้า “ ฉูยวนมันไม่ใช้อย่างที่เธอคิดนะ”
ฉูยวนกำลังดูเขาและไม่พูดอะไรเลย
‘มันจบแล้ว’ ดงซูบินรู้ว่าความประทับใจที่ดีที่เขาทิ้งไว้กับฉูยวนนั้นหายไปแล้ว เขาพยายามอธิบายว่า:“ มันไม่ใช่สิ่งที่เธอคิด ฉันจับขึ้นมาผิดชิ้น……” เขาไม่สามารถให้คำอธิบายที่ดีกว่านี้ได้แล้ว ทันใดนั้นเขาจำได้ว่าเขายังไม่ได้ใช้การควบคุมเวลาของเขาในวันนี้ เขาตะโกนทันที:“ กลับมา!”
……
ฉากเวลาย้อนกลับ
ในเวลาต่อมาดงซูบินเห็นมือที่ยื่นออกไปกลางอากาศ เขากำลังจะคว้าชุดชั้นในสีผิวจากไม้แขวนเสื้อโลหะ
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งนาทีก่อน
เขาทำมันสำเร็จในการย้อนเวลากลับมาอีกครั้ง
เขาหยุดมือทันที / เขาโล่งใจแล้วคว้าเสื้อผ้าก่อนที่จะเดินออกจากห้องน้ำ “ ฉูยวน! ฉันกลับก่อนนะ”
ฉูยวนหัวเราะ:“ ถ้านายมีเสื้อผ้าที่สกปรกอีก ก็ให้ฉันช่วยซักได้นะ “
พลิ้ว! … เฉียดฉิว.
เมื่อดงซูบินกลับมาที่ห้องของเขา เขาพยายามใช้ “กลับมา” อีกสองสามครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ
ดูเหมือนว่าเขาจะใช้พลังนี้ได้วันละครั้งเท่านั้น
เอาล่ะ! ถ้าอย่างงั้นฉันจะรวย!
อาหารเช้าเป็นข้าวต้มที่เหลือจากอาหารมื้อเย็นของคืนที่แล้วไข่และผักดองจานเล็กๆ เมื่อเร็วๆนี้ราคาของไข่เพิ่มขึ้น ดงซูบิน และแม่ของเขาไม่ยอมกินไข่เป็นเวลาหลายวัน ดงซูบินกำลังกลืนน้ำลายของเขาในขณะที่เขาลอกเปลือกออกจากไข่อย่างระมัดระวัง
“เดียวป้าซูเธอจะลงหาเราที่ห้องนะ” แม่ของดงซูบินกล่าว “แล้วการเตรียมสอบราชการของลูกไปถึงไหนแล้วล่ะ”
“ โอ้! ป้าซูจะมาเหรอครับ” อารมณ์ดีของดงซูบินได้หายไปหมด เขาถอนหายใจและพูดต่อว่า:“ ผมไม่คิดว่าผมจะทำได้ดี แม่ก็รู้ว่าผมไม่เก่งเรื่องการเรียนเลย” หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ดงซูบินก็ไม่ได้ทำงาน เหตุผลหนึ่งก็คือเขาต้องเตรียมตัวสำหรับการสอบข้าราชการและอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเขาจบการศึกษาจากมหาลัยที่ธรรมดา ผลลัพธ์ในการเรียนของเขาก็ธรรมดา โอกาสของเขาต่อการเป็นข้าราชการนั้นช่างน้อยมาก ถือว่าเกือบเป็นไปไม่ได้
” หากลูกไม่ได้ผ่านในครั้งนี้ ก็จะมีในครั้งต่อไปเสมอ หากลูกไม่สามารถเข้าสู่หน่วยงานของรัฐได้จริงๆ ลูกก็ควรหางานทำในระหว่างนี้ไปก่อน” แม่ของดงซูบินจับมือเขาไว้ “ลูกจะต้องมีวันนั้นแน่นอน”
เมื่อเผชิญกับความคาดหวังของแม่ของเขา ดงซูบินก็จะรู้สึกถึงความเครียด “ ผม……ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
เขาถอนหายใจ … ‘ข้าราชการ’.
ทุกวันนี้มีการแข่งขันสูงในการรับราชการ เขาจะเข้ารับราชการจริงๆได้ไหม? ไม่ว่า ดงซูบินจะคิดอย่างไรเขาก็รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ เขารู้ว่าโอกาสของเขาน้อยมาก เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของเขาซึ่งมีคะแนนดีกว่าและฉลาดกว่าเขาก็ยังสอบไม่ได้เลย นอกจากการทดสอบข้อเขียนยังมีการสัมภาษณ์ นอกจากนี้หากมีผู้สอบที่ผ่านทั้งการสอบและการสัมภาษณ์ไป แผนกที่สมัครก็ต้องการรับเพียงคนเดียวเท่านั้น โอกาสสำหรับเขาที่จะถูกเลือกมีน้อยมาก
เคาะ! เคาะ! เคาะ! มีคนกำลังเคาะประตู
แม่ของดงซูบินรีบออกไปเปิดประตูทันที มีคนสองคนยืนอยู่ที่ประตู คนหนึ่งคือผู้หญิงในอายุราวๆสี่สิบปีและอีกคนหนึ่งเป็นชายหนุ่มที่มีอายุไม่น่าต่ำกว่ายี่สิบปี พวกเขาคือเพื่อนบ้านของดงซูบิน ป้าซู และลูกชายของเธอ เซียวตง และด้านหลังของพวกเขาก็ยังมีชายวัยกลางคนกำลังเดินลงมาจากชั้นสี่ เขาดูอ้วนเล็กน้อย
แม่ของดงซูบินเห็นเขา จึงได้เป็นฝ่ายทักทายชายคนนั้นก่อนว่า :“ หัวหน้าซู! นี้คุรกำลังไปทำงานหรอ?”
ดงซูบินเองก็ได้รีบออกมาต้อนรับพวกเขาด้วยเช่นกัน“ เซียวตงและป้าซู เชิญเข้ามาในห้องก่อนครับ.”
เห็นได้ชัดว่าคนที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าซู่นั้นดูเย่อยหยิ่งอย่างมาก เขาทำเพียงพยักหน้าและเดินลงบันไดต่อไปโดยไม่พูดอะไรสักคำเดียว
ป้าซูตะโกนตาหลังของสามีเธอไปว่า:“ การสอบของลูกแกจะเริ่มแล้ว คืนนี้อย่าลืมกลับบ้านล่ะ พวกเราจะออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน”
หัวหน้าซู และป้าซู เป็นสามีและภรรยากัน เขาเพิ่งจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งและเป็นหัวหน้าแผนกที่ศุลกากร ไม่แน่ใจว่าเขาเป็นรองหัวหน้าส่วนหรือหัวหน้าส่วนกันแน่ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาทำงานได้ดีไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ถูกเลื่อนตำแหน่งขึ้นแบบนี้ อย่างไรก็ตามดงซูบินก็ไม่ค่อยชอบครอบครัวนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้าซู ดูเหมือนว่าเขาจะคุ้นเคยกับการสั่งคนรอบตัวและดูหยิ่งมากๆ เขาไม่เคยสบตาใครเลย ดวงตาของเขาดูเหมือนจะอยู่บนหัวของเขาตลอด
เมื่อแม่ของดงซูบินปล่อยให้ป้าซูและลูกชายของเธอเข้าไปในห้อง ดงซูบินก็ได้ยินเสียงหนึ่งในคำทักทายของหัวหน้าซูจากด้านล่าง
“ โอ้! หัวหน้าซู! ทำไมวันนี้คุณลงมาเร็วจัง”
“ หัวหน้าซู! ขอขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ วันนี้ถือเป็นเกียรติที่ได้รับใช้คุณ?”
มีคนกำลังประจบส่อพอเขา
ดงซูบินกำลังคิดในใจของเขา “การเป็นข้าราชการก็ดี ถ้าฉันได้เป็นข้าราชการนะ”
หลังจากปิดประตูลง ดงซูบินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น แม่ของเขาเอาใบชาที่ดีที่สุดของพวกเขาที่มีในบ้านมา เธอเทชาสองถ้วยสำหรับป้าซู และเสี่ยวตง แต่ “ใบชาที่ดีที่สุด” เหล่านี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาและแม่ของเขาเท่านั้น ป้าซูกับลูกชายไม่คิดอย่างนั้น ป้าซูจิบและขมวดคิ้ว เธอวางชากลับบนโต๊ะและไม่แตะมันอีก “ เสี่ยวปิง! ฉันได้ยินมาว่าลูกชายของเธอจะสอบราชาการในวันที่ 15 เช่นกัน? เขามั่นใจว่าจะผ่านไหม?”
แม่ของดงซูบินเขยิบเขามาและถอนหายใจ:“ ฉันเองก็ไม่ได้ความหวังอะไรไว้สูงมากหรอก เสี่ยวตงเป็นอย่างไร?”
เสี่ยวตงจัดแว่นตาของเขา เขาถือหนังสือเตรียมสอบและไม่ได้พูดอะไรเลย เขาเป็นคนที่หยิ่งเหมือนพ่อของเขา
ป้าซูหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ:“ แน่นอนว่าสำหรับการสอบปีนี้ เสียวตงลูกของฉันมองว่าการเขียนเรียงความมันเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับเขา เพราะเขาอ่านหนังสือสอบทุกวัน และ คงไม่ใช้เรื่องยากที่เขาจะสอบได้ในอันดับต้นของปีนี้ ” หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง ป้าซูลดเสียงของเธอลงและพูดอย่างภูมิใจ:“ ฉันจะบอกอะไรเธออย่างหนึ่งนะ แต่เธออย่าไปบอกใครล่ะ พ่อของเขาทำข้อตกลงกับคนในศุลกากร ตราบใดที่เสี่ยวตงผ่านรอบสัมภาษณ์ได้ หน่วยงานศุลกากรจะรับเขาเข้าทันที”
“ดีแล้ว. ลูกชายของคุณจะมีอนาคตที่สดใส” แม่ของดงซูบินพูดอย่างอิจฉา เธอขยับเข้าใกล้ป้าซูมากและถามว่า:“ ถ้าเสี่ยวตงไม่ยุ่งเขาสามารถช่วยวูบินด้วยในการติวได้นะ?”
เสี่ยวตงไม่ต้องการมากับแม่ของเขา เมื่อเขาได้ยินแม่ของดงซูบินพูดออกมาแบบนั้น เขาก็พูดหยาบคายทันที:“ ไม่! ผมไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น”
ดงซูบินเห็นเขาพูดหยาบคายกับแม่ของเขาแบบนั้น เขาก็โกรธมาก:“ นายคิดว่าฉันมีเวลาสำหรับนายมากนักเหรอ?”
แม่ของดงซูบินเริ่มรู้สึกประหม่าและแตะข้อศอกของดงซูบินให้เขาอ่อนลงด้วยข้อศอกของเธอ:“ เกิดอะไรขึ้นกับลูก? เราไม่ควรจะพูดไม่ดีกับคนอื่นนะ”
อารมณ์ในห้องนั้นช่างน่าอึดอัดใจ ป้าซูหัวเราะเบาๆ และพูดว่า:“ ที่จริงแล้วซูบินก็ไม่เห็นต้องให้ใครมาช่วยติวให้เลย เพราะฉันรู้ว่าบัณฑิตจำนวนมากก็เริ่มทำงานนอกเวลาสองหรือสามปีก่อนที่จะมาสอบราชการ ด้วยประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับจากการทำงานก็จะช่วยให้พวกเขาสอบผ่านได้ แต่สำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์แล้วก็คงยากที่จะสอบผ่าน ดูสิว่ามีเด็กจบใหม่จำนวนเท่าไรและในเด็กเหล่านั้นมีแค่หนึ่งเปอร์เซนต์เท่านั้นแหละที่ได้เข้าไปทำงานเป็นข้าราชการได้ทันที”
แม่ของดงซูบินยิ้มและไม่พูดอะไรเลย
ดงซูบินกำลังคิดในใจของเขา ‘เธอกำลังดูถูกฉันอยู่ใช่ไหม?’ เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าฉันไม่สามารถสอบได้’
เขาสามารถบอกได้เลยว่าที่ป้าซูมาวันนี้ก็มาเพียงเพื่อที่จะอวดลูกชายของเธอเท่านั้น
ครึ่งชั่วโมงต่อมาป้าซูก็ออกจากห้องไปพร้อมกับลูกชายของเธอ ก่อนออกจากห้องไปเสี่ยวตงยังได้หันไปดูที่ดงซูบินอย่างเยือกเย็นแล้วจากไป สำหรับเขาเขารู้สึกว่าครอบครัวของดงซูบินยากจนเกินไป และเขาก็เป็นแค่พวกขี้แพ้ ดงซูบินอาจมีปัญหาในการหางาน คนเหล่านี้คือผู้ที่ถูกกำหนดให้อยู่ในระดับต่ำสุดของสังคมตลอดชีวิต บุคคลเหล่านี้ไม่คุ้มค่าที่เขาจะเสียเวลาด้วย
เวลาเที่ยง
แม่ของดงซูบินกลับไปที่ห้องของเธอเพื่องีบหลับ ในขณะที่ดงซูบินกำลังดูคำถามเรียงความในปีที่ผ่านมาในห้องนั่งเล่น เขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเตรียมสอบ แต่หลังจากศึกษาอยู่พักหนึ่งเขาก็รู้ว่าไม่มีทางที่จะสอบได้ เขาอาจไม่ถึงคะแนนขั้นต่ำ เขากำลังเสียเวลาของเขาโดยเปล่าประโยชน์
ดงซูบินได้ยินเสียงคนพูดเบา ๆ
เสียงมาจากในบ้าน แต่ดงซูบินไม่สามารถบอกได้ว่าคนนั้นพูดอะไร
ดงซูบินตามเสียงและมันมาจากห้องนอน เขาหมุนลูกบิดประตูช้าๆและเปิดห้องเข้าไปอย่างเงียบๆ
เขาเห็นแม่ของเขาจับภาพขาวดำของพ่อ เธอร้องไห้อย่างเงียบ ๆ “ ทำไมลูกชายของเธอถึงเข้ารับราชการและลูกชายของฉันทำไม่ได้? คุณต้องดูแลลูกชายของเราและช่วยเขาสอบได้ด้วยนะ ถ้าลูกชายของเราสามารถเข้ารับราชการฉัน……ฉันจะไม่โกรธคุณเลยในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา”
“ แม่……” ดงซูบินเปิดประตูแล้วเดินเข้า
แม่ของดงซูบิน เห็นว่าลูกชายของเธอร้องไห้อีกครั้งและเธอก็เช็ดน้ำตาของเธออย่างรวดเร็ว“ แม่สบายดี ไม่ต้องกังวล”
ดงซูบินยืนอยู่ตรงหน้าแม่ของเขายิ้มและพูดว่า:“ แม่ไม่ต้องกังวล แน่นอนผมจะพยายามสอบต่อไป แม้ว่ามันจะทำให้ชีวิตผมสูญเสียบางอย่างไปก็ตาม!” เมื่อเห็นว่าแม่ของเขาเศร้ามากแค่ไหนซูบินก็ตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำการสอบ เหตุใดครอบครัวของคนอื่นจึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและลูก ๆ ของพวกเขาสามารถเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐได้ และทำไมเขาจะต้องเป็นแค่คนธรรมดาสามัญกัน?
ฉันก็มีสมองเหมือนคนอื่นๆ ฉันด้อยกว่าพวกเขาตรงไหนกัน?
ดงซูบินต้องสอบและกลายเป็นข้าราชการให้ได้
ในครั้งนี้ดงซูบินมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ตัวเองและทำให้แม่ของภูมิใจในตัวเขาให้ได้เลย!