3 ตุลาคม ดงซูบินได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ซึ่งวันที่ 3 ตุลาคมนี้ตรงกับวันชาติของจีนพอดี
สำนักงานความมั่นคงของรัฐนั้นแตกต่างจากหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ นอกเหนือจากวันชาติพนักงานต้องทำงานในวันที่สองและสามตุลาคมด้วยแล้ว ในวันดังกล่าวพนักงานจะถูกแบ่งเป็นกะการทำงานของแต่ล่ะคน และทุกคนต้องกลับมาทำงานในวันที่ 4 ต.ค. ซึ่งวันนี้ดงซูบินสามารถกลับไปพักผ่อนได้ก่อนที่เขาจะต้องกลับไปทำงานอีกครั้งในวันถัดไป เขากลับบ้านพร้อมฉูหยวน และเมื่อดงซูบินเข้ามาในห้องเล็กๆของเขา ความรู้สึกที่คุ้นเคยก็เกิดขึ้นกับเขาอีกครั้งในสถานที่แห่งนี้หลังจากเขาพักฟื้นในโรงพยาบาลเป็นหลายวัน
ฉูหยวนเองก็เข้ามาทำความสะอาดห้องดงซูบินตลอดตอนที่ดงซูบินพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล:“ เฮ่ย!……ฉันคิดว่าห้องนี้คือที่ที่ดีที่สุดแล้วว่าไหม?”
ดงซูบินตอบกลับ “แน่นอน. ฉันเกือบจะไปเป็นบ้าแล้วตอนที่อยู่โรงพยาบาล มันน่าเบื่อมาก!”
“ดีล่ะ. ฉันพานายกลับมาที่ห้องได้อย่างปลอดภัยแล้ว อย่างงั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ ฉันยังมีโอทีที่ต้องทำอยู่ในช่วงวันหยุดนะ “ก่อนจะกลับฉูหยวนเทชาร้อนหนึ่งถ้วยให้กับดงซูบินและบีบแก้มของเขาอย่างสนุกสนาน:“ ป้าลวนไม่ได้มาเที่ยวปักกิ่งช่วงวันหยุดใช่ไหม? แสดงว่านายต้องอยู่ห้องคนเดียวสิน่ะ หากนายต้องการอะไรเพียงแค่ส่งข้อความมาหาฉัน อย่าออกไปข้างนอกด้วยตัวเองและรออยู่ที่ห้องจนกว่าฉันจะกลับมานะ บาย.”
“ตกลง. บาย.”
เสียงประตูปิด
ในตอนนี้ดงซูบินฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บของเขาอย่างเต็มที่ เขาลุกขึ้นและต้องการเดินไปอุ่นซุปมะเขือเทศไข่มาหนึ่งชามเพื่อกินมัน แต่หลังจากซุปปรุงเสร็จเขาก็ค้นพบว่าน้ำส้มสายชูในตอนนี้มันหมด และตอนนี้เขาทำซุปเสร็จแล้วเขาจึงเอาขวดเปล่าไปซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ ในขณะที่เดินไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต เขาคิดย้อนกลับไปว่าฉูหยวนดูแลเขามากขนาดไหน ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาและเขาก็ยิ้มออกมาด้วยปลื้มปิติ
‘จะมีใครในโลกอีกที่จะดูแลฉันได้ดีเท่านี้นอกจากฉูหยวนจริงไหม?’
‘รวมไปถึงใครจะสวยไปกว่าฉูหยวนของฉันอีกในโลกนี้?’
‘อือ….’
‘คงไม่มีใครที่จะดีและสวยเท่าฉูหยวนอีกแล้วล่ะ’
ดงซูบิยยังคงปล่อยจินตนาการเรื่องของเขาต่อไปเรื่อย จนเขาเดินไปเห็นสถานที่แห่งหนึ่งที่บรรยากาศรอบๆดูสวยมาก เขาตกตะลึง เมื่อเขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง เขามองดูรูปร่างเพรียวบางนั้น ผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ใต้ต้นไม้และกำลังถือมือถือของเธออยู่ ผมของเธอมัดผมเหมือนสาวออฟฟิศ สวมสูท ดวงตาของเธอเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวที่มีขนตายาวและมีใบหน้าเล็ก ๆ ซึ่งมันสวยงามเกินคำบรรยายใดๆที่จะบรรยายออกมาได้
‘ยังมีหญิงสาวที่สวยพอๆกับฉูหยวนอีกหรอเนี่ย’
ดงซูบินสูดหายใจเข้าลึกๆ เพราะเขาเป็นคนธรรมดาและชอบมองผู้หญิงสวยๆ เขาแกล้งทำเป็นว่ากำลังรอใครบางคนและคอยแอบดูผู้หญิงคนนั้น สาวสวยคนนั้นเธอน่าจะแก่กว่าเขาสักหน่อย เธอดูเป็นผู้ใหญ่และการเคลื่อนไหวของเธอดูสง่างามมาก
คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นก็สังเกตเห็นสาวสวยคนนี้ และทุกคนต่างก็มองเธอด้วยแววตาที่ตกตะลึง
ดงซูบินสังเกตเห็นชายร่างผอมเดินผ่านผู้หญิงคนนั้นและหยุดอยู่ข้างหลังเธอ ดูเหมือนว่าเขาจะมองผู้หญิงอย่างระมัดระวัง
สาวสวยคนนั้นไม่สนใจสายตาของทุกคนและยังคงยิ้มพร้อมกับคุยบางอย่างผ่านมือถือของเธอ:“ พี่โจว! ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากช่วยพี่นะ……แต่มันเกินความสามารถของฉันจริงๆ……ใช่……พี่สามารถบอกเซียวอันเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ เขาอยู่ใกล้ชิดกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมากกว่าฉัน……… ตกลงตามนี้นะ?” หลังจากคุยโทรศัพท์ซักพักเธอก็วางหูและเก็บมือถือของเธอไว้ในกระเป๋าถือที่เปิดอยู่ เธอหันกลับมาและเดินจากไปพร้อมกับรองเท้าส้นสูงของเธอ
ดงซูบิน พยายามละสายตาออกจากเธอและเริ่มเดินกลับไปที่ห้องของเขา
‘เฮ้อ……ทั้งหมดที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็คือ มองสาวสวยคนนั้นจากไกลๆ เขารู้ว่าเขาไม่ดีพอสำหรับผู้หญิงประเภทนี้แน่ๆ’
หลังจากเดินไปได้สักพักดงซูบินก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวพร้อมกับน้ำเสียงที่น่ารัก:“ เอ๊ะ? กระเป๋าเงินของฉันตกอยู่ที่ไหนกัน?” ดงซูบินหันไปรอบ ๆ แล้วเห็นสาวสวยคนนั้นกำลังค้นหากระเป๋าเงินของเธอ เธอมองหามันรอบๆบริเวณนั้น
มีหญิงชราใจดีคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอแล้วถามว่า:“ นังหนูกำลังมองหากระเป๋าเงินอยู่หรอ? หนูวางมันไว้ที่ไหนสักแห่งรึเปล่า?”
สาวสวยคนนั้นขมวดคิ้ว:“ หนูไม่น่าทำมันหล่นนะ มันยังอยู่ในกระเป๋าของหนูเมื่อ 2 นาทีก่อนตอนที่หนูกำลังโทรศัพท์อยู่นะ”
“ หรือว่ากระเป๋าเงินของหนูถูกขโมย!”
2 นาทีที่แล้ว?
ดงซูบินหยุดคิดสักพักหนึ่ง เขาจำได้ว่าชายร่างผอมที่ยืนใกล้เธอมากๆตอนที่เธอคุยโทรศัพท์อยู่ เขาหยุดอยู่ข้างเธอประมาณ 2 วินาที ‘เวรล่ะ! นั่นคือโจรล่วงกระเป๋า?’
‘ย้อนกลับ!’
……
เวลากลับมาเป็น 1 นาทีก่อนหน้านั้น
สาวสวยคนนั้นยังคงโทรศัพท์อยู่ใต้ต้นไม้
“ พี่โจวไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากช่วยพี่นะ……แต่มันเกินความสามารถของฉันจริงๆ……ใช่……พี่สามารถบอกเซียวอันเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ เขาอยู่ใกล้ชิดกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมากกว่าฉัน ตกลงตามนี้นะ? “สาวสวยคนนั้นยิ้มขณะที่คุยโทรศัพท์ ซึ่งมีชายร่างผอมยืนอยู่ห่างจากเธอประมาน 2 เมตรชายคนนั้นเดินจากเธออย่างรวดเร็วซึ่งตอนชายคนนั้นใส่หน้ากาบังใบหน้าของเขาไว้ด้วย
ดงซูบินวางขวดน้ำส้มสายชูของเขาลงบนพื้นแล้ววิ่งไปหาชายคนนั้น
ดงซูบินมองดูชายคนนั้นขณะที่ ดงซูบินนั้นพยายามเดินเบา ๆเขาหาชายร่างผอมคนนั้น ขณะชายคนนั้นกำลังจะวิ่ง เมื่อเขาเข้าใกล้ชายคนนั้นได้ดงซูบินก็พุ่งตัวจับชายคนนั้นไว้ “หยุด!”
ชายร่างผอมล้มลงกับพื้นแล้วตะโกน:“ นายทำอะไรของนายเนี่ย”
“ฉันกำลังทำอะไรอยู่อย่างงั้นหรอ? นายสิที่ควรรู้ว่านายทำอะไรอยู่ กระเป๋าเงินอยู่ที่ไหน”ดงซูบินล็อกตัวชายคนนั้นไว้
ชายร่างผอมมั่นใจในทักษะการล้วงกระเป๋าของเขามาก เขาคิดว่าไม่มีใครรู้ว่าเขาเอากระเป๋าเงินของสาวสวยคนนั้นแน่ๆ แต่ดงซูบินกับรู้ว่าเขากำลังล้วงกระเป๋าและยังมั่นใจมากว่าเขาเป็นโจรล้วงกระเป๋าอีกตั้งหาก ชายร่างผอมตกใจ ก่อนที่เขารีบสะบัดตัวออกจากดงซูบินและเหวี่ยงกระเป๋าเงินนั้นไว้ลงพื้นก่อนจะหนีไป
ดงซูบินเห็นว่าชายคนนั้นทิ้งกระเป๋าไว้ข้างหลังแล้ว เขาจึงไม่ไล่ตามไป ชายร่างผอมคนนั้นอาจมีผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่และดงซูบินก็อาจถูกลอบทำร้ายได้หรือไม่ก็ถูกแทงหากดงซูบินไล่ตามไป
สาวสวยคนนั้นมองไปที่ดงซูบินอย่างงงงวย เธอยังไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มคนนี้ถึงต่อสู้กับชายร่างผอมคนนั้น แต่เมื่อเธอเห็นกระเป๋าเงินในมือของดงซูบินเธอก็ตกตะลึง เธอวางสายโทรศัพท์ทันทีและรีบวิ่งมาตรวจดูกระเป๋าเงินของเธอ
ดงซูบินลุกขึ้นจากพื้นแล้วเดินเอากระเป๋าเงินคืนให้กับสาวสวยผู้น่ารัก “ ชายคนนั้นขโมยกระเป๋าเงินของคุณไป”
“ โอ้……” สาวสวยนั้นรับกระเป๋าเงินจากดงซูบินแล้วจับมือดงซูบินไว้ “ ฉันกำลังโทรศัพท์อยู่เลยไม่ได้สังเกต ขอบคุณมากๆเลยนะ. คุณบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
“ ผมสบายดี” ดงซูบินจับมือเธอ หัวใจเริ่มเต้นเร็วขึ้น
สาวสวยคนนี้ดูสวยมาก มันยากที่จะหาคำเพื่ออธิบายความงามของเธอได้ในตอนนี้
อยู่ดีๆมือถือของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง เธอขอบคุณดงซูบินอีกครั้ง “ พอดีฉันมีธุระด่วนอย่างงั้นฉันขอเบอร์คุณไว้ก่อนและจะโทรชวนคุณไปทานอาหารเย็นด้วยกันเพื่อเป็นการขอบคุณ” จากน้ำเสียงของเธอสาวสวยคนนั้นก็เปลี่ยนไปดูเหมือนเธอเป็นหัวหน้างานของหน่วยงานไหนสักแห่ง วิธีที่เธอพูดนั้นเหมือนเธอกำลังสั่งให้ลูกน้องทำอะไรบางอย่าง
จริงแล้วดงซูบินต้องการปฏิเสธข้อเสนอของเธอ แต่เขาไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ของเธอได้ ดงซูบินบอกเบอร์มือถือให้กับเธอ
สาวสวยคนนั้นหยิบสมุดบันทึกแล้วจดหมายเลขของเขาไว้ “ตกลง. เดียวฉันจะติดต่อคุณกลับไปในภายหลัง บาย.”
ดงซูบินยังคงรู้สึกงุนงงในขณะที่เขามองผู้หญิงคนนั้นเดินออกไป
‘เฮ้อ……ใครก็ตามที่แต่งงานกับเธอจะต้องเหมือนได้รับพรจากสวรรค์แน่ๆ’