ในวันถัดมา.
“อรุณสวัสดิ์ทุกคน.”
“ อ่าวอรุณสวัสดิ์ซูบิน”
“ นักพจญเพลิงสวัสดีตอนเช้า! ฮ่า ๆ ๆ ๆ !”
“ อย่าเรียกฉันอย่างงั้นจะได้ไหม”
หลังจากการพูดคุยกันสั้น ๆ มันก็ถึงเวลาที่จะทำงาน แต่วันนี้โจวฉางจูไม่ได้มาทำงานในวันนี้ จริงๆแล้วไม่มีใครเห็นเขามาตั้งแต่บ่ายของเมื่อวานแล้ว บางทีโจวฉางจูอาจจะลาป่วยก็ได้เพราะโจวฉางชุนเองเขาเป็นโรคหลอดเลือดสมองและเขามีอาการป่วยเรื้อรังอื่น ๆอีกๆนับไม่ถ้วน และเมื่อโจวฉางจูไม่ได้มาทำงาน ทุกคนในสำนักงานเองก็ไม่ได้กระตือรือรันในทำงานเช่นกันเพราะไม่มีหัวหน้ามาคอยสังเกตการทำงานของพวกเขา เกาแพนเหว่ยกำลังดูตลาดหุ้นส่วน จ้วงจี้ก็นักอ่านเว็บบอร์ดปลาสวยงามเช่นเคยเหมือนทุกวัน ดังนั้นงานส่วนใหญ่ในสำนักงานจะตกไปเป็นหน้าที่ ต้าหลินเหม่ย, ดงซูบิน และ จ้วงจื่อเสียหมด
“ ปีนี้หัวหน้าโจวเขาลาไปมากกว่าสิบวันแล้วนะเนี่ย” ต้าหลินเหม่ยเริ่มบ่นโจวฉางจูให้คนอื่นได้ยิน
ดงซูบินเมื่อได้ยินอย่างงั้นถึงกับตกตะลึง “ หลายสิบวันเลยเหรอ?”
ต้าหลินเหม่ยตอบว่า:“ จริงๆแล้วถ้าเทียบกับปีที่แล้วก็ถือว่าไม่มากนะตอนที่หัวหน้าโจวไม่มาทำงาน มันก็จะมีถาโถมเข้ามาหาฉันเป็นจำนวนมหาศาลโชคดีที่มีนายและจ้วงจื่อเข้ามาช่วยฉันเอาไว้ในปีนี้ ถ้าไม่งั้นฉันคงจะช๊อกตายคากองงานที่อยู่ตรงหน้านี้แล้ว” เธอหันไปมองฉางจี้และคนอื่น ๆ “ พวกนั้นนะสนใจแต่เล่นอินเทอร์เน็ตจนไม่เป็นอันทำงานกันเลย!”
ดงซูบินหัวเราะขึ้นมา “ ฉันคิดว่าหัวหน้าโจวคงจะกลับมาวันพรุ่งนี้แหละ ถ้าเธอมีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกได้เลย”
ในช่วงอาหารกลางวันพวกเขาได้รับข่าวว่าโจวฉางจูต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเนื่องจากโรคหลอดเลือดสมองกำเริบ
หลายๆคนไม่รู้สึกแปลกใจเลย พวกเขาคุ้นเคยกับสถาณการณ์เช่นนี้มานานแล้ว
เกาแพนเหว่ยวางแผนว่าจะออกไปเยี่ยมหัวหน้าของเขา เกาแพนเหว่ยจึงถามชื่อโรงพยาบาลและหมายเลขห้องพักฟื้นที่โจวฉางจูอยู่ในตอนนี้“ ฉันจะไปเยี่ยมหัวหน้โจวสักหน่อย”
“ ‘งั้นผมขอไปด้วยล่ะกันนะครับ” ดงซูบินไม่ต้องการที่จะตามหลังเกาแพนเหว่ยในการซื้อใจหัวหน้าของเขา แม้ว่าตอนนี้เขาจะสนิทกับโจวฉางจูมากขึ้น แต่การไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลจะทำให้โจวฉางจูประทับใจในตัวเขาเพิ่มขึ้นอีก ‘นายคงไม่คิดสินะว่าฉันจะขอไปเยี่ยมหัวหน้าที่โรงพยาบาลด้วย ฉันรู้หรอกว่านายกำลังคิดอะไรอยู่’ ดงซูบินคิดในใจก่อนที่คนอื่นๆก็อยากไปด้วยเช่นกัน
นั้นรวมถึงฉางจี้ และฉางจ้วง ด้วยที่ต้องการไปเยี่ยมหัวหน้าโจว ในท้ายที่สุดพวกเขาทั้งหมดก็ไปที่โรงพยาบาลยูยี่โดยเรียกรถแท๊กซี่มาสองคัน
ณ แผนกประสาทวิทยา
“ หัวหน้าโจว หัวหน้าเป็นยังไงบ้างครับตอนนี้”
“หัวหน้ารู้สึกดีขึ้นไหมครับ?”
โจวฉางจูตอนนี้เขากำลังนอนอยู่บนเตียง หน้าตาของเขาดูโทรมมากๆหลังจากทุกคนพบเขาครั้งล่าสุดที่สำนักงานเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ โจวฉางจูดูอาการไม่ดีเลย ภรรยาของเขานั้งอยู่ข้างเตียงของเขาและจัดการกับกล่องอาหารกลางวัน เธอฝืนยิ้มขณะที่ดงซูบินและคนอื่น ๆ เข้ามาในห้องพักฟื้น เธอวางผลไม้และดอกไม้ไว้ที่หน้าต่างและปล่อยให้พวกเขานั่งๆข้างโจวฉางจูเพื่อสนทนากัน
“ อ่าว ทุกคนมาเยี่ยมฉันหรอเนี่ย” โจวฉางจูถอนหายใจ “ฉันสบายดี. แต่ฉันคงยังไม่ได้กลับไปทำงานอีกสักสองสามวัน”
ฉางจ้วงเห็นอย่างงั้นเธอแสร้งทำหน้าเศร้า:“ หัวหน้าโจวเราคงจะหลงทางถ้าหัวไม่อยู่ที่สำนักงาน เพราะไม่มีใครสามารถนำทางการทำงานของเราได้”
เกาแพนเหว่ยแกล้งทำเป็นคนดีขึ้นมาทันใด เขาหันไปหาภรรยาของโจวฉางจู:“ คุณนายโจวถ้าคุณนายต้องการความช่วยเหลือใด ๆ บอกเราได้เลยนะ ช่วงบ่ายพวกเราว่างเพื่อช่วยคุณนายดูแลหัวหน้าโจวได้”
ภรรยาของโจวฉางจูตอบ “ขอบคุณมากเลย. แต่ฉันยังไหวอยู่”
โจวฉางจูโบกมือของเขา “ ไม่จำเป็นๆต้องมานั้งเฝ้าฉันหรอก กลับไปทำงานกันได้แล้ว. มีงานมากมายรอพวกนายอยู่ที่สำนักงาน” ท่าทางของโจวฉางจูดูจริงจัง และตอนนี้เขายังมีปัญหาในการเดินเข้าห้องน้ำ ภรรยาของเขาต้องช่วยพยุงตัวเขาในการเดินอยู่ ดูเหมือนว่าคงจะอีกนานที่โจวฉางจูจะกลับไปทำงานได้ปกติ
หลังจากคุยกับโจวฉางจูมาระยะหนึ่งดงซูบินและคนอื่น ๆ ก็กำลังจะกลับไปที่สำนักงาน
แต่โจวฉางจูลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วตะโกนออกมาว่า:“ เกาแพนเหว่ย ซูบิน ฉันอยากคุยกับนายสองคนสักหน่อย”
ฉางจี้ในตอนนั้นชำเลืองมองที่ไปดงซูบินและเกาแพนเหว่ย ก่อนที่จะเดินออกไป ต้าหลินเหม่ย, ฉางจ้วง และ จ้วงจื่อ ก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกับฉางจี้ด้วย พวกเขาทุกคนรู้ว่าเกาแพนเหว่ย และดงซูบิน ได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้าโจวเพราะ ดงซูบิยช่วยให้โจวฉางจูจากการโดนไล่ออกเนื่องจากเขาวิ่งเข้าไปเอาเอกสารสำคัญออกมาจากกองเพลิงส่วน เกาแพนเหว่ยเป็นลูกน้องที่ความภักดีต่อโจวฉางจูมาหลายปีแล้วและเป็นมือขวาของเขา
ในห้องพักฟื้น เกาแพนเหว่ย และ ดงซูบินเริ่มมองหน้ากัน พวกเขายืนอยู่ที่นั่นเพื่อรอโจวฉางจูพูด
แต่โจวฉางจูกับเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจ “ นายทั้งคู่เป็นลูกน้องที่ฉันเชื่อใจมากที่สุด และในอนาคต……” เขาหยุดชั่วคราวก่อนที่จะพูดต่อ “ในอนาคต……. ก็จะมีงานที่หนักขึ้นมาก” ดงซูบิน และ เกาแพนเหว่ย สงสัยว่าโจวฉางจูนั้นกำลังพยายามพูดอะไรอยู่ โจวฉางจูโบกมือของเขา “กลับไปเถอะ. เมียของฉันจะไปส่งนายสองคนเอง”
โจวฉางจูบอกให้พวกเขากลับไป
ดงซูบินหันมาหาเธอแล้วพูดว่า:“ คุณนายโจวครับไม่ต้องลำบากหรอกครับเดียวพวกเราออกไปกันเองได้”
ภรรยาของโจวฉางจู เธอดูเหมือนว่าเธอมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะพูดกับพวกเขา แต่ในท้ายที่สุดเธอพูดเพียงว่า“ ได้โปรดช่วยดูแลสำนักงานกิจการในอนาคตให้ด้วย ได้โปรดกรุณาด้วยเถอะ!!…”
เกาแพนเหว่ย ตอบทันที:“ ไม่ต้องกังวลครับ เราจะทำงานของเราให้ดีที่สุด”
ดงซูบินเองในตอนนั้นเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนว่าสามีและภรรยากำลังพยายามจะบอกอะไรบางอย่างอยู่
เมื่อกลับมาที่สำนักงาน ดงซูบินเริ่มทำงานของเขาตามปกติ
เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ฉางจี้ได้รับโทรศัพท์และเริ่มทำงานอย่างจริงจัง เขาถ่ายเอกสารเองและเสนอที่จะขึ้นไปส่งเอกสารเองหลังจากนั้นไม่นานเกาแพนเหว่ยที่กลับมาจากข้างนอกก็ทำตัวเหมือนฉางจี้พวกเขาเริ่มทำงานอย่างกระตือรือร้นด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เกาแพนเหว่ยโยนกราฟตลาดหุ้นและแผนภูมิทั้งหมดของเขาออกไป
ดงซูบินเองเขาก็เริ่มสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาถามจ้วงจื่อว่า:“ เกิดอะไรขึ้น?”
จ้วงจื่อมองที่ทั้งคู่:“ ฉันก็ไม่รู้ พวกเขาคงอยากขยันทำงานล่ะมั้ง”
ฉางจ้วงและพี่หยางก็สับสนเช่นกันกับเหตุการณ์นี้
ก่อนที่พวกเขาจะทำงานเสร็จ ต้าหลินเหม่ยที่พึงกลับมาจากสำนักงานการเมืองมาบอกข่าวที่น่าตกใจแก่พวกเขา “ เฮ้เฮ้พวกนายทุกคนได้ยินข่าวนี้รึยัง?”
ดงซูบินจึงถามกลับไปว่า:“ ข่าวอะไร?”
จ้วงจื่อเกาหัวของเขา:“ เรามีงานเพิ่มหรอ?”
“ ไม่ใช่อย่างงั้นสักหน่อย!” ต้าหลินเหม่ยเงยหน้าขึ้นและมองเขา “ เรื่องนี้มันเกี่ยวกับหัวหน้าโจว หัวหน้าโจวจะเกษียณแล้ว เพราะอาการป่วยของเขา” คำพูดของต้าหลินเหม่ยดึงดูดความสนใจของดงซูบิน และ จ้วงจื่อเป็นอย่างมาก “ ฉันได้ยินข่าวนี้จากแผนกการเมืองและพวกเขาบอกฉันว่าหัวหน้าคนต่อไปจะได้รับการคัดเลือกจากเราคนใดคนหนึ่งในสำนักงาน”
ดงซูบินตกใจมาก““ นี่จริงเหรอ?”
“ อ๊ะ?” ฉางจ้วงถึงกับร้องอุทานออกมาว่า:“ หัวหน้าโจวยังไม่ถึงวัยที่ต้องเกษียณนิ อาการป่วยของเขาหนักขนาดนั้นเลยหรอ”
ต้าเหลินเหม่ยเริ่มเบาเสียงของเธอลง:“ ฉันได้ยินสองเวอร์ชั่น หนึ่งคือหัวหน้าสำนักไม่พอใจหัวหน้าโจวเนื่องจากเขาลาป่วยบ่อยหลายวัน และข่าวลืออื่น ๆ เกี่ยวกับการเงินของหัวหน้าโจว ฉันได้ยินมาว่ามีปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับการเงินของเขาและเขาถูก “เสนอ” ให้พ้นจากตำแหน่ง โดยสมัครใจ ถ้าใช่จริงๆหัวหน้าโจวคงจะไม่บอกเราหรอก ตอนที่อยู่โรงพยาบาล”
‘ปัญหาด้านการเงินหรอ’
‘คอรัปชั่น?’
นี่เป็นข่าวที่น่าตกใจ เมื่อพี่หยางได้ยินเรื่องนี้เขาก็หยุดไปครู่หนึ่งก่อนที่จะอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ
ซึ่งเกาแพนเหว่ยและฉางจี้ทั้งสองได้รับข่าวนี้มากก่อนแล้วจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าพวกเขาดูขยันขึ้นมาทันที
ไม่ว่าหัวหน้าโจวจะถูกบังคับให้ออกจากตำแหน่งหรือเกษียณอายุโดยสมัครใจตำแหน่งของรองหัวหน้าก็ขึ้นอยู่กับว่าคนในสำนักตอนนี้ใครจะคว้าตำแหน่งนี้ไปได้กัน