ตอนที่ 1 เริ่มใหม่อีกครั้ง(รีไรท์)
ใต้ต้นไม้ริมหน้าผา ชายวัยกลางคนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล แขนข้างซ้ายหายไป เลือดที่ไหลออกมาไม่หยุด หลังของเขานั่งพิงอยู่กับต้นไม้ใหญ่ เขาค่อย ๆ ยกแขนขวาขึ้นมาและเปิดเครื่องบันทึกเสียงที่อยู่ในอุปกรณ์บนข้อมือ
“ผมมาจากโลกใบอื่น ไม่รู้ว่าเพราะอะไร? เท่าที่จำได้เมื่อนานมากแล้ว ผมเป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดาจบมหาลัย ทำงานหาเช้ากินค่ำไปวัน ๆ ถึงแบบนั้นชีวิตก็ดูจะมีความสุขดี แต่แล้วบางสิ่งก็เกิดขึ้น ผมถูกรถชนแล้วหนี เป็นอัมพาตไปทั้งตัวได้ มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตกตายดีกว่า
ทุกวันผมเฝ้าอธิษฐานขอให้โลกใบนี้เปลี่ยนไป แต่ไม่เคยมีปาฏิหาริย์นั้นเกิดขึ้นเลยแม้สักครั้งเดียว จนกระทั่ง 10 ปี ผ่านไปผมก็ตายจากโลกใบนั้นไป แต่แล้วผมก็ได้รับโอกาสได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้งในโลกใบใหม่
โลกที่แบ่งออกเป็น 8 ประเทศ มีเทคโนโลยีที่ใกล้เคียงกับดาวโลก ครอบครัวของผมเป็นตระกูลชั้นสูงที่ตกอับ แต่ถึงแบบนั้นก็ยังมีบ้านและเงินทองให้ใช้จ่ายได้อย่างสบาย ผมและน้องสาว ได้มาอยู่ที่เมืองหลวงของประเทศไทกีล่าเพื่อเรียนมหาลัย
อันที่จริงแล้วน้องสาวของผมได้ทุนเรียนโรงเรียนของรัฐบาลผมจึงต้องมาเรียนมหาลัยในเมืองหลวงเพื่อดูแลน้องสาวซะมากกว่า ส่วนพ่อแม่ของผมทำงานอยู่อีกเมืองหนึ่ง
วันหนึ่งอยู่ ๆ ประเทศมิสทาลที่อยู่ทางตอนเหนือสุดก็ขาดการติดต่อไป หลังจากนั้น 1 เดือน ก็เกิดฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ฝนตกทั่วทั้ง 7 ประเทศพร้อม ๆ กัน
ผู้คนกว่า 20 % ก็เกิดอาการป่วยและจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็คลุ้มคลั่งเริ่มกัดกินผู้คน ภายหลังรัฐบาลกลางประกาศว่าพวกเขากลายเป็น “ซอมบี้”
ค่ำคืนแรกภายในประเทศไทกีล่า มีผู้เสียไปกว่า 10 ล้านคน และวันต่อ ๆ มา จำนวนของผู้เสียชีวิตก็เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งผู้ติดเชื้อและซอมบี้ด้วยเช่นกัน
ถึงจะมีผู้คนตายจำนวนมาก แต่ก็มีผู้รอดชีวิตจำนวนมากเช่นกัน และบางคนยังเกิดการวิวัฒนาการในระดับพันธุกรรมขั้นสูงปรากฏขึ้นมา คนเหล่านี้ถูกเรียกว่า มนุษย์ชั้นสูง พวกเขามีพลังและความสามารถพิเศษ
เนื่องจากธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตบนโลกเริ่มกลายพันธุ์ รวมถึงเมล็ดพันธุ์พืชทั้งหมดที่เก็บไว้ปลูกด้วย จนมนุษย์เริ่มไม่รู้จักพวกมันอีกต่อไป สัตว์ป่าที่แม้แต่อาวุธปืนก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้ พวกมันคือ “สัตว์กลายพันธุ์”
สัตว์กลายพันธุ์ออกอาละวาดฆ่ามนุษย์เป็นว่าเล่น ภายในไม่ถึง 2 สัปดาห์ ประเทศทั้ง 7 และเมืองหลาย ๆ เริ่มล่มสลาย ผู้คนเริ่มต่อสู้แย่งชิงมาซึ่งทรัพยากรและโดยมีมนุษย์ชั้นสูงเป็นผู้นำ
แต่ถึงแบบนั้นทั้ง 7 ประเทศก็ไม่ได้ล่มสลายไปจริง ด้วยรากฐานที่แข็งแกรงพวกเขาจึงสร้างเมืองของตัวเองขึ้นมาใหม่ ด้วยกองทัพทหารที่แข็งแกร่งและอาวุธที่ถูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ร่วมกับมนุษย์ชั้นสูงที่แข็งแกร่ง ทำให้มนุษย์ได้เริ่มมีความหวังต่อโลกใบนี้ขึ้นมาอีกครั้ง แต่แค่ความหวังเท่านั้น
เพราะโลกนี้ไม่ได้เป็นของพวกเขา เผ่าพันธุ์ที่ทรงสติปัญญาแต่เพียงเผ่าพันธุ์เดียวอีกต่อไป
เมื่อ “เผ่าพันธุ์ยักษ์เถื่อน”และ “อสุร” ปรากฏขึ้นมา
ผมสู้มาถึง 10 ปี เพื่อครอบครัวของผมที่โลกใบนี้ แต่ทุกอย่างก็ถึงจุดจบ ผมจึงออกเดินทางตัวคนเดียวไปที่ต้นต่อของปัญหา
“มิสทราล” ประเทศทางเหนือต้นเหตุของทุกสิ่ง ผมใช้เวลา10 ปี 9 เดือน 8 วัน เมื่อไปถึงผมจึงรู้ว่ามันเริ่มมาจากกล่องใบหนึ่ง
กล่องใบนั้นก็คือ “แพนโดร่า” ภายในบรรจุ “เมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการ” ที่ถูกทิ้งไว้โดยอารยธรรมชั้นสูงโบราณโฮโม เพื่อกระตุ้นให้เกิดการวิวัฒนาการในระดับอารยธรรม ดูเหมือนว่าประเทศมิสทราลทางตอนเหนือจะไปเจอมัน และได้ทำการทำการทดลองกับกล่องแพนโดร่ามานานหลายปี
สุดท้ายจึงสามารถเปิดมันออกได้ แต่ทันทีที่เปิดพลังงานที่อยู่ในกล่องก็แพร่กระจายออกราวกับโรคระบาดมันทำให้ผู้คนในประเทศมิสทราลตายทั้งหมด จนนำมาซึ่งผลลัพธ์นี้
ผมจึงนำกล่องติดตัวมาด้วยเพื่อไม่ให้มันตกอยู่ในมือของเผ่าพันธุ์ยักษ์เถื่อน หรืออสูร
แต่แล้วผมก็ถูกตามล่าอยู่ดี โดยผู้ที่ต้องการมัน
ก่อนตายผมจะกินเมล็ดพันธุ์แห่งวิวัฒนาการเพื่อไม่ให้พวกมันได้ครอบครองและกระโดดลงหน้าผาที่ลึกสุดหยั่งถึงไม่ให้ใครหาเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการพบอีก”
“ผมหวังว่าคนที่มาเจอบันทึกนี้จะรับรู้และจดจำตัวตนของผม ไนเรล อาโรเดีย คนนี้ไว้”
[บันทึกเสร็จสิ้น]
ไนเรลดึงไดรฟ์บันทึกข้อมูลออกจากเครื่องที่อยู่บนข้อมือของเขาจากนั้นก็วางมันไว้ที่ในโพรงไม้ที่เจาะไว้และหยิบเมล็ดพันแห่งการวิวัฒนาการออกมาและกลืนมันลงไปในทันที
เขาเดินมาหยุดที่หน้าผาและหันหน้าไปมองต้นไม้ ผืนดินและท้องฟ้า ค่อย ๆ หลับตาลงบอกลาทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้
ไนเรลทิ้งตัวลงหน้าผาเข้าสู้ความมืดที่ลึกสุดหยั่งถึงไปตลอดกาล แต่ดูเหมือนตลอดกาลจะไม่ยาวนานอย่างที่เขาคิด
‘ความรู้สึกที่ได้รับการปลดปล่อย มันรู้สึกแบบนี้นี่เอง เหมือนกับมันคือความฝันช่างนุ่มสบายเหรอเกิน เหมือนกับเรานอนอยู่บนเตียงที่บ้านยังไงยังงั้นเลยและเสียงของน้องสาวอันเป็นที่รักก็ช่างน่าคิดถึงเหลือเกิน เดี่ยวก่อน เรานอนบนเตียงนี่และเสียงนี่ก็เป็นเสียงของน้องสาวจริง ๆ ไม่ใช่ว่าเราตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ หรือว่าเราตายแล้วขึ้นสวรรค์ไม่น่าใช้ตัวเราฆ่าคนมาขนาดนั้นน่าจะลงนรกสิถึงจะถูก’
“พี่ชาย…ตื่นได้แล้วจะนอนไปถึงเมื่อไหร่…อื่ออออ…ลุกขึ้นเร็วหนูหิวข้าวแล้ว” เด็กสาวตัวเล็กอายุราว ๆ 14 ปี มีที่คาดผมสีชมพูอยู่บนศีรษะ กำลังดึงมือของพี่ชายเธออย่างสุดกำลังเพื่อปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา
“ถ้าพี่ชายไม่รีบลุกขึ้นมา เดี่ยวพวกเราไปสายอีก คุณครูยิ่งบ่นหนูอยู่ด้วยนะ”
ไนเรลที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบลุกขึ้นทันที
“นี่เรายังไม่ตายหรือเป็นไปได้อย่างไร ก็เรา…ก็เรา…” เขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เมื่อมองดูมือน้อย ๆ ของน้องสาวเขาที่กำลังดึงเขาให้ลุกออกจากที่นอน
น้ำตาแห่งความคิดถึงเริ่มไหลออกมา ไนเรลดึงนิเรีย น้องสาวตัวน้อยเข้ามากอดทันที
“อ้า ๆ พี่ทำอะไรปล่อยนะ” นิเรียตกใจเป็นอย่างมาก อยู่ ๆ พี่ชายของเธอก็ลุกขึ้นมาและมากอดเธอแบบนี้
แต่แล้วเธอก็เห็นว่าพี่ชายผู้ขี้เกียจของเธอร้องไห้ออกมา ‘หรือว่าพี่ชายจะสำนึกผิดที่ทำให้น้องสาวตัวน้อยที่น่ารักและแสนดีผู้นี้ต้องถูกคุณครูดุจึงร้องไห้เพื่อขอโทษ ไม่ได้น้องสาวคนนี้จะโอ๋พี่ชายเอง’
“โอ๋ ๆ พี่ชายอย่าร้องไห้ นะน้องสาวที่น่ารักคนนี้ให้อภัยพี่ชายแล้วนะ โอ๋ ๆ อย่าร้องไห้นะ” เธอใช้มือลูปหัวไนเรลขณะที่พูดปลอบไปด้วย
ไนเรลที่เห็นน้องสาวแสดงท่าทีแบบนั้นก็ยิ้มออกมาก เขาจึงเอื้อมมือไปบีบจมูกเธออย่างเบามือ “ยัยเด็กคนนี้นี่”
“อี้อายอำอะไออะ?(พี่ชายทำอะไรอะ)” นิเรีย เด็กสาวตัวน้อยพยายามดิ้นให้หลุดออกจากมือของไนเรล “พี่ชาย หนูบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าบีบจมูกแบบนี้ เดี่ยวถ้าจมูกหนูเบี้ยวไม่สวยขึ้นมา จนหาแฟนไม่ได้จะทำยังไง”
“งั้นพี่ชายที่แสนดีคนนี้จะคอยดูแลหนูไปตลอดชีวิตเอง” ไนเรลยกมือขึ้นมาจัดผมที่ยุ่งเหยิงของเธอ
“พี่ชาย-พูด-พูดจริงนะ” นิเรียถึงกลับหน้าแดงออกมาทันที
ไนเรลมองไปทีตาของลูกแมวน้อยนิเรียที่รอคำตอบของเขาอย่างคาดหวัง “แน่นอนถ้าน้องสาวตัวน้อยของพี่ ไม่สวยจนหาแฟนไม่ได้พี่สัญญาว่าจะดูแลเอง”
“พี่สัญญาแล้วนะ” นิเรียรีบวิ่งออกจากห้องไปและปิดประตูห้องของเขา
ปัง!
แต่ยังไม่ถึง 2 วิ น้องสาวตัวน้อยก็เปิดประตูเข้ามาใหม่
“ใครบอกว่าหนูไม่สวย! หนูสวยที่สุดในโรงเรียนเลยตั้งหาก”
ปัง!
นิเรียออกจากห้องเขาอีกรอบ แต่ยังไม่ถึง 2 วิ เธอก็เข้ามาอีกครั้ง “หนูจะมาบอกว่าพี่รีบแต่งตัวนะเดียวสาย” และเธอก็ออกจากห้องไป
ไนเรลนั่งยิ้มออกมาและสัญญากลับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้โอกาสที่เขาได้รับในรอบที่สองนี้ต้องสูญเสียไปอย่างแน่นอน
หลังจากที่ไนเรลจัดการธุระส่วนตัวและแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เขาก็มาที่โต๊ะอาหารในห้องนั่งเล่นทันที
“ว้าว หอมจัง ฝีมือการทำอาหารของน้องสาวยังอร่อยที่สุด ไม่เปลี่ยนไปเลย อร่อยเหมือนเดิม” ไนเรลกินอาหารที่อยู่บนโต๊ะด้วยท่าทีมูมมาม ราวกับเขาไม่ได้กินมันมาเป็นเวลานานแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้กินมันมานานแล้วถึง 20 ปี
“พี่ชายกินช้า ๆ หน่อย กินยังกลับคนอดข้าวมาหลายวัน หนูรู้นะว่าเมื่อวานพี่บ่นว่าเบื่อที่กิน แต่ไข่เจียวหมูสับกับต้มจืดเต้าหู้” ถึงเธอจะบ่นแบบนั้นแต่นิเรียก็ยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา
นิเรียอดนึกคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้ เธอสมัครเข้าชมรมทำอาหารเพื่อที่จะฝึกการทำอาหารให้พี่ชายของเธอ ซึ่งเธอทำเป็นแค่สองอย่างและทุก ๆ วันพี่ชายของเธอก็จะบ่นว่าเบื่อตลอด
แต่วันนี้ในที่สุดพี่ชายก็ชมว่าอาหารที่เธอทำอร่อย
นิเรียแอบรู้สึกถึงชัยชนะอยู่ข้างใน ‘สาวในมหาลัยพวกนั้นเหรอ? จะสู้หนูได้?’
หลังจากนั้นทั้งสองพี่น้องก็ออกจากบ้านและเดินไปที่สถานีรถไฟ ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก โลกใบนี้การเดินทางหลักคือรถไฟความเร็วสูงที่เดินทางด้วยความเร็ว 800 กิโลเมตร/ชั่วโมง มันใช้เวลาไม่นานก็มาถึงมหาลัยไทกีล่า มหาลัยประจำชาติไทกีล่า และที่ติดกลับมหาวิทยาลัยไทกีล่า คือโรงเรียนมัธยมไทกีล่า ที่รวมของเหล่าหัวกะทิของประเทศไทกีล่าไว้ตั้งแต่เด็ก
เด็กที่จะเข้าเรียนที่นี่ได้ต้องได้รับทุนหรือได้รับคำเชิญจากทางรัฐบาลไทกีล่าเท่านั้นถึงจะเข้าเรียนที่นี่ได้
“เฮ้อ…” เขาได้แต่ถอนหายใจกับความยอดเยี่ยมของน้องสาวของตัวเองเท่านั้น และรู้สึกเสียใจอยู่เล็กน้อยที่น้องสาวของเขาต้องมีพี่ชายที่ไม่ได้เรื่องแบบเขา
“พี่ชายถอนหายใจทำไมเหรอคะ?” นิเรียถาม ขณะ เดินไปด้วยความอารมณ์ดี
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่น้องสาวของพี่น่ารักเกินไป กลัวจะมีเด็กผู้ชายมารังแกเอาได้นะ”
“หึ! ใครกล้ารังแกหนูจะต้องเจอกำปั้นหนูแน่ ๆ ” นิเรียยกกำปั่นเล็ก ๆ ของเธอขึ้นมาและทำท่าเป่าไปที่กำปั่นน้อย ๆ นั้น
“อืม คนเก่งพี่เชื่อแล้ว รีบไปได้แล้วเดี่ยวสายเอานะ” ไนเรลบีบจมูกเล็กของจนแดงเหมือนกับผลเชอร์รี่
“หนูไปแล้ว ๆ เลิกบีบสักที” นิเรียทำหน้ามุ้ยและรีบวิ่งเข้าไปในโรงเรียนแต่เธอก็ไม่ลืมที่จะหันมาโบกมือให้กับเขา
ไนเรลยิ้มและโบกมือตอบกลับไปจากนั้นเขาก็เดินทางไปที่ธนาคารทันทีโดยไม่เข้าไปในมหาวิทยาลัย
หลังจากที่นิเรียเข้ามาภายในโรงเรียนแล้ว ก็มีคนตั้งแถวต้อนรับเธอทันที
“สวัสดีครับ/คะ ลูกพี่!!!” นักเรียนชายและหญิงเกือบ 50 คนกล่าวพร้อมกัน ถ้าไนเรลอยู่ที่นี่เขาจะต้องตกใจอย่างแน่นอน น้องสาวขี้อ้อนและแสนจะน่ารักของเขา ได้หายไปเหลือแต่ลูกพี่สาวมาดเย็นชาและเข้มแข็ง มองไปที่ทุกคนอย่างยังกับหัวหน้ามาเฟีย
“ใครบอกให้พวกนาย มาตั้งแถวแบบนี้คนอื่นเขากลัวกันหมดแล้วนะ รีบแยกย้ายกันได้แล้ว อ้อแล้วก็แต่งตัวให้มันเรียบร้อยหน่อย” เธอพูดพร้อมทั้งสั่งสอนไปคนละทีสองที
“ครับ/คะ ลูกพี่” ทุกคนรับคำสั่งและเดินตามเธอไป
นักเรียนและคุณครูที่อยู่บริเวณนั้นรีบหลบทันทีด้วยความกลัว