ตอนที่ 17 เทพเอส
ไนเรลคิดถึงท่อน้ำขนาดใหญ่ที่เชื่อมไปถึงอาคารชั้นใต้ดินของคุก แต่ว่ายังไงเขาก็ต้องลองเสี่ยงดูเพราะมีเวลาไม่มากแล้ว
“พี่จะไปช่วยปู่ออกมา ส่วนน้องรออยู่นี่นะ ค่อยดูเส้นทางที่จะถอยให้พี่ด้วย” ไนเรลหันไปกล่าวกับนิเรียน้องสาวของเขา
“พี่ชาย…” นิเรียพูดออกมาและกำลังจะขอตามไปด้วยความเป็นห่วง
“พี่ตัดสินใจแล้ว” ไนเรลพูดขัดขึ้นมาทันที และก็บอกกับดามินที่อยู่ด้านข้าง “ฝากดูเเลทุกคนช่วงที่ฉันไม่อยู่ด้วย”
“ครับ ระวังตัวด้วยพี่ไนเรล” ดามินรับปากอย่างเข้มแข็ง เขาสัญญาในใจว่าจะทำให้ดีที่สุดเหมือนกับที่ไนเรลได้ไว้ใจเขา
นิเรียเมื่อเห็นว่าพี่ชายของเธอ ได้ตัดสินใจแล้วและดูจะไม่ยอมเปลี่ยนใจง่าย ๆ เธอจึงได้แต่บอกให้เขาระวังตัว “พี่ชายระวังตัวด้วยนะ”
เขาพยักหน้าตอบและเดินออกมาแต่นิเรียก็ยังพูดขึ้น “พี่ชายต้องกลับมานะ”
“พี่ต้องกลับมาอยู่แล้ว น้องนับหนึ่งถึงสิบพี่ก็กลับมาแล้ว ถ้าไม่กลับมาใครจะคอยดูแลน้องสาวที่น่ารักคนนี้กัน” ไนเรลลูบไปที่หัวของเธออย่างอ่อนโยนและเดินออกไปจากตัวตึกทันที
ในขณะที่นิเรียนับหนึ่งถึงสิบในใจและพึมพำว่า ‘ไม่เห็นพี่ชายจะกลับมาเลย’ บางครั้งเธอก็ชอบทำตัวเป็นเด็กต่อหน้าพี่ชายและมันก็จะเป็นเช่นนี้ไปตลอดไม่ว่าพวกเขาจะอายุเท่าไหร่
นิเรียรีบปรับอารมณ์ของเธอแล้วเอาสไนเปอร์ M-21 จากดามินมาส่องไปที่คุก
……………………………..
ไนเรลออกมาได้สักพักเขาก็เจอกับท่อของโรงบำบัดน้ำ เขาเดินหาทางเข้าท่อน้ำทิ้งท่อหลักที่เชื่อมต่อไปยังคุก และที่โชคดีไปกว่านั้นคือเขาเจอแผนที่ด้วยมันวางอยู่บนกองเอกสาร ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีการตรวจเช็คซ่อมบำรุงประจำปี แต่ทุกคนก็ตายและเกิดเรื่องซะก่อน ของพวกนี้จึงยังไม่ได้เก็บไป
ภายในนั้นมืดมาก ด้านในท่อหลักมีเสียงลมพัดผ่านดังออกมาอยู่ตลอด เขาเปิดไฟฉายที่อยู่บนหัวที่ได้มาจากของที่พวกช่างซอมบำรุงทิ้งไว้ เขายังเอาเสื้อกั๊กของช่างมาด้วย เนื่องจากภายในมันมีน้ำจำนวนมากอากาศจึงเย็นเหมือนกับอยู่ในถ้ำ
ทันทีที่แสงส่องเข้าไปแมลงเล็ก ๆ ทั้งหลายต่างก็พากันหลบแสงกันอย่างรวดเร็ว
ไนเรลเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง ภายในต่อมาขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 เมตร มันใหญ่พอสมควร
กลิ่นที่นี่เน่าเหม็นพอสมควร แต่มันไม่ควรที่จะแรงแบบนี้ เพราะว่าปกติน้ำที่ปล่อยออกมาจะต้องได้รับการบำบัดเสียก่อน
‘ดูเหมือนว่าจะมีตัวอะไรตายอยู่ในนี้เป็นจำนวนมาก’
เขาหยิบแผนที่ออกมาดู เส้นทางแค่ 2 กิโลมันใช้เวลาแค่ 30 นาทีก็ไปถึงแล้ว ท่อหลักระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตรและท่อย่อยอีก 0.5 กิโลเมตร
เมื่อเดินเข้ามาได้สักพักเขาก็เจอกับตะขาบตัวเท่าแขนยาวกว่า 2 เมตร มันพยายามจะเข้ามากัดเขาจึงโดนดาบยาวทังสแตนฟันจนขาดครึ่งอย่างง่ายดาย แต่มันก็ยังไม่ตายท่อนหัวและห่างของมันต่างพากันคลานหนีหายไปอย่างรวดเร็ว ‘ตะขาบสองหัว’
ไนเรลยังคงเดินทางต่อ แต่ว่าพอเดินมาได้สักพักเขาก็รู้แล้วว่ากลิ่นเหม็นมันมาจากไหน ที่นี่มีพวกศพคนตายจำนวนมากมันเป็นฝีมือของหนูยักษ์กลายพันธุ์เเละตอนนี้มันก็ขวางทางที่ไปสู้ท่อย่อยตรงไปคุกของเขาอยู่
เขารีบหลบไปที่ช่องของท่อด้านข้าง
เมื่อลองนับมันมีอยู่ราว ๆ 70-80 ตัวได้กำลังกินซากศพกันอย่างเมามัน ในนั้นไม่ได้มีแค่หนูแต่ยังมีพวกแมลลงสาป หนอน ตะขาบอยู่ด้วย
แต่พวกมันกินไม่นานก็ถูกหนูเจ้าถิ่นจับกินอยู่ดี
เขาต้องหาทางเข้าไปและก็กล้มลงไปเห็นก้อนอิฐที่เท้า ไนเรลจึงคิดบางอย่างออก
เขาหยิบก้อนอิฐขึ้นมาและใช้เนื้อแห้งของต่อกลายพันธุ์ที่เขาพกติดตัวมาด้วย ใช้เศษผ้าที่ฉีกออกมาผูกเนื้อและก้อนอิฐเข้าด้วยกัน
และใช้แรงทั้งถึง 3 เท่าป่ามันออกไปด้วยท่าควงสวิง ด้วยพลังที่ป่าออกไปมันเป็นเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่แต่ด้วยข้อจำกัดของขนาดท่อ ก้อนอิฐก็ไปชนกับเพดานเสียงดัง ตึ๋ง!! ดึงดูดหนูทุกตัว
พอพวกมันได้กลิ่นเนื้อต่อกลายพันธุ์กรูวิ่งพากันไปตามกลิ่นของเนื้อต่อหัวเสือกลายพันธุ์ทันที
หนูทั้งหมดหายไปแล้วแต่เวลาของเขาไม่มากนัก เพราะเนื้อที่อยู่กับอิฐไม่พอให้พวกมันแย่งกันด้วยซ้ำ
ไนเรลรีบวิ่งไปทันทีพร้อมกับหลบแมลงเล็ก ๆ ไปด้วย ตอนนี้เขามาถึงหน้าท่อย่อยแล้วแต่มันมีกรงเหล็กขวางอยู่
จี๊ด ๆ!
เขามีเวลาไม่มากแล้ว เพราะหนูกลายพันธุ์พวกนั้นกลับมาแล้ว
โดยไม่รอช้าไนเรลรีบใช้แรงกระชากกรงเหล็กออก
แคร๊ง ๆ!!!
“ซวยละ” เขาออกแรงมากไปหน่อยโครงเหล็กถูกดึงออกมาจนหลุดมือเพราะแรงเหวี่ยงไปชนกับผนัง
เสียงจี๊ด ๆ! หนูกลายพันธุ์จำนวนมากก็พากันกรูเข้ามาหาเขา ไนเรลรีบวิ่งหนีสุดชีวิต
แต่ดูเหมือนจะมีหนูกลายพันธุ์บางตัวตามเขามาทันมันกระโดดเข้าใส่จากด้านหลังทันที
ไนเรลไม่รอช้าม้วนตัวใช้ดาบฟันมันจนขาดครึ่ง จากนั้นเขาก็ใช้ดาบแทงไปอีกตัวจนตาย
ไนเรลถุยน้ำที่กระเด็นเข้าปากเขาออกและเริ่มวิ่งต่อ…
300 เมตร…
200 เมตร…
100 เมตร…
50 เมตร..
10 9 8 7 6 5 4 3 2 1 เมตร…
“เจอแล้วประตูบานนั้น” ไนเรลรีบวิ่งไปที่ประตูเหล็กมันอยู่สูงจากพื้นประมาณ 1 เมตรเพื่อป้องกันน้ำ
เมื่อไปถึงประตูดูเหมือนจะถูกล๊อคไว้แต่แน่นอนว่าด้วยความสามารถ [พละกำลัง 50 เท่า (มดกินเหล็ก) B] ของเขามันก็ถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย
แต่ในตอนนั้น หนูกลายพันธุ์ก็วิ่งตามมาถึงเขาแล้ว ไนเรลรีบเข้าไปด้านในทันทีและผลักประตูไว้
ตุบ! ปัง! ตุบ! ปัง!
หนูกลายพันธุ์หลาย ๆ ตัวที่หยุดไม่ทันหน้าจึงพุ่งชนเข้ากับประตูเหล็กเสียงดังลั่นสนั่นหวั่นไหว
“โชคยังดีที่ประตูเหล็กบ้านนี้มันหนาพอไม่งั้นประตูได้พังแน่” ไนเรลมองหาอะไรที่พอจะมาใช้ล๊อคหรือขัดประตูได้บ้างเพราะตอนนี้ตัวล๊อคของประตูมันพังไปตอนที่เขาพังมันเข้ามาแล้ว
และเขาก็เจอเหล็กราวบันได เขาจึงเอื้อมมือไปดึงมันมา
ปึก!
และก็แทงมันเข้าไปในพื้นปูนขัดกับประตูไว้เพื่อไม่ให้ประตูเปิดออก “น่าจะพอต้านได้สักพัก”
ไนเรลมุ่งหน้าต่อทันที
ห้องที่เขาอยู่ตอนนี้เป็นห้องของชั้นใต้ดินมันมีน้ำขังอยู่พอสมควร น้ำพวกนี้ท่วมมาจากชั้นใต้ดินข้างล่างลงไปอีก
ตั้งแต่ไฟฟ้าดับไป เครื่องสูบน้ำชั้นใต้ดินก็หยุดทำงานน้ำจึงท่วมขังแบบนี้
ที่นี่มืดมาก เขาใช้ไฟฉายที่หัวส่องดูรอบ ๆ อย่างระมัดระวังและเดินขึ้นบันไดไปอย่างช้า ๆ
ว๊าก ๆ!!!
ทันใดนั้นก็มีซอมบี้ ขั้น 1 ตัวหนึ่งกระโดดออกมาจากไหนไม่รู้มาหาเขา แต่ด้วยความที่ไนเรลระวังตัวอยู่ตลอด มันจึงถูกมีดสั้นทังสแตนปักเข้าที่ศีรษะอย่างรวดเร็ว
ตึง!
ร่างของมันล้มลงกับพื้นกรงเหล็กเสียงดังไปทั้งชั้น เพราะด้วยความที่มันเป็นห้องปิด
ฮื่อออ ฮึ่ม!!!
หลังเสียงล้มลงหายไปเสียงของซอมบี้ที่ออกมาจากลำคอก็ดังไปทั่วมันดังส่งต่อกันเป็นทอด ๆ
เมื่อเขาเห็นพวกมันน่าจะมีซอมบี้ ประมาณ 20 กว่าตัวก็รีบไปจัดการมันทันทีก่อนที่พวกมันจะเรียกพวกมามากกว่านี้
“ย้า!” ไนเรลใช้ดาบยาวมือขวา และมีดสั้นมือซ้ายเพื่อความรวดเร็ว เขาเน้นแทงไปที่ส่วนหัวของมัน
จากอีกตัวไปอีกตัว บางครั้งก็ต้องฟันไปที่ขาของมันเพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของมันและค่อยหันกลับมาฆ่ามันอีกที
แค่ 5 นาทีเขาก็จัดการซอมบี้ 24 ตัวจนหมด แต่ก็มีแผลจากรอยข่วนที่แขนเล็กน้อย
มันทะลุเสื้อผ้าลงไปแต่ก็ไม่ลึกมากนัก
และรีบวิ่งไปที่ชั้นบนต่อทันที เมื่อมาถึงประตูมันก็ถูกดันขวางไว้ด้วยเก้าอี้และโต๊ะจำนวนมาก ที่หน้าประตูมีคนที่ใส่ชุดนักโทษและผู้คุมสองคนนั่งเฝ้าอยู่
“เฮ้ย! เองได้ยินเสียงดังจากห้องข้างล่างไหมวะ” ผู้คุมสกิตนักโทษที่หลับอยู่ข้าง ๆ
“หืม อะไร! มีอะไร!” นักโทษคนนั้นสะดุ้งตกใจตื่นทันที เขามองซ้ายมองขวาเมื่อไม่มีอะไรเขาก็หันไปทางผู้คุม “เองจะบ้าเหรอกูตกใจหมด”
เขาทำท่าถอนหายใจ และทั้งสองคนก็นั่งคุยกันถึงเรื่องวันเก่า ๆ
ดูเหมือนว่าตอนนี้นักโทษและผู้คุมจะกลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว
แต่ในตอนนี้ เวลานี้พวกเขาก็เหมือนลงเรือลำเดียวกันต้องมาติดอยู่ในวงล้อมฝูงซอมบี้จำนวนมหาศาล จะไปไหนก็ไม่ได้
กำลังคนแค่ผู้คุมก็น้อยไม่มีทางจัดการคุ้มกันรอบ ๆ คุกขนาดใหญ่ที่นี่ได้หมดแน่นอน ดังนั้นพวกผู้คุมจึงปล่อยตัวนักโทษที่ไว้ใจได้ให้มาช่วยกัน และแน่นอนเมื่อนักโทษเหล่านี้เห็นสถานการณ์ด้านนอกก็ไม่ปฏิเสธ
ปึง! ปึง! ปึง!
และในตอนนั้นเองเสียงทุบประตูก็ดังขึ้นจากประด้านหลังของพวกเขา
“เฮ้ เปิดประตูให้หน่อย” ไนเรลพยายามบอกกับทั้งสองคนที่เฝ้าประตูอยู่
“ซอมบี้!” นักโทษคนนั้นถึงกลับตกใจร้องออกมา
“ซอมบี้ บ้านเองสิพูดได้” ผู้คุมรีบท้วงทันที และเขาก็รีบไปยกโต๊ะออกทันที “เร็วมาช่วยกันหน่อย”
หลังจากนั้นสักพักพวกเขาก็เปิดประตูให้ไนเรลได้ แต่ในที่เขาเข้ามาได้แล้วปรากฏว่ามีซอมบี้วิ่งตามไนเรลมา
“ซวยละ เร็วรีบช่วยกันปิดประตูก่อน” ผู้คุมและนักโทษรีบช่วยกันยกโต๊ะเก้าอีกกลับไปขวางไว้อย่างเดิม แต่ดูเหมือนจะช้าไป
ในตอนนั้นเองเขาก็เห็นว่าอยู่ ๆ ตู้ล็อกเกอร์ตรงทางเดินก็ถูกยกมา และ คนที่ยกก็คือไนเรลนั้นเองมันถูกยกมาวางปิดประตูได้อย่างง่ายดาย
ทั้งสองคนมองไปที่ไนเรลและคิดว่า ‘พวกเราไปเปิดประตูให้ตัวประหลาดอะไรเข้ามา’
“ส..สวัสดี” ทั้งสองคนทักทายไนเรลแบบกล้า ๆ กลัว ๆ
“สวัสดี ที่นี่ใครควบคุมอยู่ พาผมไปหาเขาได้หรือไม่?” ไนเรลตรงเข้าประเด็นทันที ตอนนี้มันเสียเวลามามากแล้ว เขาต้องรีบไม่งั้นตอนกลับออกไปมันจะมืดซะก่อน
ทั้งสองคนพาไนเรลไปพบกับคนที่คุมที่นี่
เมื่อเข้าไปในห้องก็พบกับชายอายุราว ๆ 25 ปี นั่งอยู่ที่เก้าอี้ในห้องของพัศดี
“นายไม่ใช่พัศดี” ไนเรลพูดออกมาและมองไปที่คริสตัลวงกลมขนาดเล็กที่หน้าผากของเขา ‘ประเภทพลังธาตุ’
“ก่อนอื่นนายควรที่จะแนะนำตัวเองก่อนไม่ใช่หรือ ว่าเป็นใคร? มาทำอะไร? แล้วเข้ามาในนี้ได้อย่างไร?” ชายหนุ่มคนนั้นพูดออกมาราวกับว่าตนเองสูงส่งเหนือกว่า
ไนเรลที่ได้ยินน้ำเสียงแบบนั้นก็รู้สึกหมั่นไส้อยากจะกระโดดเตะสองขาคู่สักที แต่เขาก็ยังต้องแนะนำตัวเอง เพราะถึงอย่างไรที่นี่ยังถือว่าเป็นบ้านของชายหนุ่มคนนี้
ในฐานะคนมาเยือนเขาก็ควรแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ “ฉันไนเรล เข้ามาทางใต้ดินทางท่อน้ำทิ้ง แค่เข้ามาหาคน คนหนึ่งเท่านั้น”
ไนเรลพูดออกไปแบบห้วน ๆ เพราะเขาไม่ชอบท่าทีของหมอนี่เลยแม้แต่น้อย
“โอ้ ท่อน้ำทิ้ง ชั้นที่เชื่อมกับส่วนนั้นมันเต็มไปด้วยซอมบี้ นายผ่านมันมาได้อย่างไร” ชายคนนั้นยังถามต่อแต่ไนเรลไม่ตอบ
เมื่อมองกันอยู่สักพักชายคนนั้นจึงแนะนำตัวเอง
“ข้าคือ เอส เรียกว่าเทพเอสก็ได้” เอสแนะนำตัวเองราวกับว่าเป็นเทพผู้สูงส่ง จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นยิงลูกไฟขนาดเล็กออกมาจากมือของเขายิงใส่ผนังห้องจนเป็นรอยไหม้
ดูเหมือนว่าเขาพยายามโชพลังของตัวเองที่เหมือนกับเป็นเทพพระเจ้าลงมาช่วยผู้คนในวันสิ้นโลก
ผู้คุมและนักโทษ ทั้งสองคนรีบคุกเข่าลงทันที ด้วยความเคารพ
เอสหวังว่าจะเห็นไนเรลคุกเขาสรรเสริญและขอร้องเป็นคนรับใช้ของเขาแต่ท่าทีที่เห็นนั้นมันกับมีแค่รอยยิ้มที่เหยียด เห็นเขาเป็นตัวตลกกับมาทั้งนั้น
ไนเรลมองไปที่เอส และคิดว่าชื่อเอสก็คงจะเปลี่ยนและตั้งให้กับตัวเองเท่านั้นตามการ์ตูนดังเท่านั้น
เขาจึงลุกขึ้นและเดินไปที่ตู้เหล็กขนาดไหญ่ที่ใส่เอกสารไว้ด้านข้างมันใหญ่และหนักราว ๆ 300 กิโลกรัม
เอสมองไปที่ไนเรลแบบงง ๆ ว่าเขาจะทำอะไรและทันใดนั้นเขาก็เห็นไนเรลใช้มือเดี่ยวยกตู้เหล็กขึ้นมาอย่างง่ายดาย
ทั้งสามคนที่อยู่ในห้องถึงกับตกใจ
แต่คนที่ตกใจมากสุดคือ เอส เขาถึงกลับคิดในใจ ‘พระเจ้า! ยังมีคนที่เหมือนกับข้าอีก ข้าจะต้องให้มันมาเป็นผู้ติดตามให้ได้’