ตอนที่ 18 จดหมายจากปู่
ไนเรลวางตู้เหล็กลงและมองไปที่เอส เหมือนกับจะบอกว่าข้าก็มีพลังเช่นกัน ตอนนี้เขายังใส่หมวกปิดคริสตัลที่หน้าผากไว้เอสจึงยังไม่เห็นในตอนแรก
อีกอย่างเอสคิดว่าตัวเองเป็นเพียงผู้เดียวที่พิเศษ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ก็เพื่อให้เขากลายเป็นพระเอกและปกครองโลกนี้ ซึ่งในตอนนี้เขารู้แล้วว่าไม่ได้มีแค่เขาคนเดี่ยวที่มีพลังเหนือธรรมชาติ แต่เขาก็ยังคงหลงตัวเองคิดว่าคือคนที่เก่งที่สุด
“เจ้าจงมาเป็นผู้ติดตามข้าซะ เมื่อข้าปกครองโลกใบนี้เจ้าจะได้ทุกสิ่งที่ต้องการ” เอสยังคงแสดงบทเทพพระเจ้าของเขาต่อไป
แต่ไนเรลไม่อยากที่จะเล่นด้วย เขาคิดว่าทำไมพวกนี้ถึงให้ไอตัวปัญญาอ่อนนี่มาควบคุมคุกกัน
“เจ้ารู้จักคนที่ชื่อ เนโค อาโรเดีย ไหม?” เขาหันไปถามนักโทษและผู้คุมที่ยืนอ้าปากค้างอยู่ด้านข้าง
ผู้คุมชี้ไปที่เอกสารอย่างลืมตัว ซึ่งในนั้นมีรายละเอียดของนักโทษและห้องขัง
ไนเรลเดินไปดูมันทันทีโดยไม่สนใจเทพเอส เขาค้นหาในตู้ตามหมวดตัวอักษรก็พบเอกสารข้อมูลปู่ของเขา
“เจ้าบังอาจมาก!” เอสรู้สึกโกรธมากที่ไนเรลบังอาจเมินเขา ด้วยความโมโหเอสจึงยิงลูกไฟใส่ไนเรลทันที
ตูม!
ไนเรลรีบหลบลูกไฟที่ยิงมาอย่างรวดเร็ว แต่ลูกไฟกลับไปโดนเอกสารที่เขากำลังดูอยู่ เขาได้ทันอ่านแค่เลขห้องขังเท่านั้น
“บัดซบ!” ไนเรลถึงกับด่าออกมาด้วยความโกรธมองไปที่เอสด้วยสายตาที่น่ากลัว
บรรยากาศภายในห้องถึงหนาวเย็นขึ้นมาทันใด
“นั่นละคือโทษของการเมินข้า…” เอสยังคงพูดออกมาโดยไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำอะไรลงไป
เขาไม่ให้เอสพูดจบด้วยซ้ำก็เตะเข้าไปที่ท้องของมันจนถึงกับที่
เอสอ้วกเอาอาหารกลางวันออกมาทั้งหมด
“อั๊ก! อ้วก!”
ตัวของเอสงอเป็นกุ้งโดนน้ำร้อนทันที สีหน้าของเขาเขียวคล้ำแสดงถึงความจุกราวกับจะตาย
ไนเรลกระซิปไปที่ข้างหูของเอสว่า “มึงรู้ไหม คนที่เขาแข็งแกร่งจริง ๆ เขาไม่พูดมากกันหรอก”
จากคำพูดนี้ของไนเรล เอสก็เอาไปตีความหมายผิด ๆ ในอนาคต
ตอนนี้เอกสารก็ไหม้ไปหมดแล้วแต่เขายังรู้เลขห้องของปู่ ดังนั้นเขาจึงลองไปหาปู่ที่นั่นดู “หวังว่าปู่จะยังอยู่แถวห้องขังนะ”
ที่นี่ขังนักโทษได้นับหมื่นคนดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ตัวคุกแห่งนี้จะใหญ่มาก ในตอนที่เกิดเรื่องมีนักโทษไม่ 1 ใน 3 เท่านั้นที่ตายและกลายเป็นซอมบี้
และส่วนใหญ่จะถูกขังอยู่ในห้องขังดังนั้นเชื้อซอมบี้จึงถูกจำกัดในการแพร่กระจายได้ง่าย
ที่นี่จึงมีนักโทษเหลืออีกหลายพันคน นั่นจึงทำให้ซอมบี้จำนวนมหาศาลมารวมตัวกันล้อมรอบที่แห่งนี้
ที่ไหนมีมนุษย์และชีวิต พวกซอมบี้ก็จะตามไปที่นั่น
เขาเดินลงตามบันไดไปตึกของคุกแห่งนี้แบ่งออกเป็น 4 แดนคือ A B C และ 0 (ศูนย์)
แดน A B และ C ไว้ขังนักโทษที่ไม่ได้มีคดีร้ายแรงอะไร แต่แดน 0 (ศูนย์) นั้นต่างกันมากมันถูกควบคุมอย่างเเน่นหนา
และที่สำคัญตอนนี้พวกเขาก็ยังถูกขังอยู่ เพราะแม้แต่ผู้คุมและเอส ก็ยังกลัวพวกนี้เช่นกัน
กรงขังพวกนี้เเข็งแรงมากเพราะดังนั้นก่อนออกมาจากห้องพัศดี เขาจึงเอากุญแจมาด้วย
เขาไขประตูและเข้าไปทีละด่าน ด้านในมีนักโทษอยู่บ้างนักโทษในนี้ถ้าไม่เป็นพวกบ้า หรือ โรคจิต ก็เป็นพวกที่เก่งและแข็งแกร่งไปเลย
เมื่อเดินมาถึงห้องของปู่ ปรากฏว่าประตูมันถูกเปิดทิ้งไว้แล้ว ไนเรลที่เห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งไปดู และก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในนั้น
“ในห้องไม่มีร่องรอยของการต่อสู้หรือว่ามีคนพาตัวปู่ไป?” มองไปที่ห้องขังและพยายามนึกเรื่องราวในชีวิตก่อน แต่ต่อให้นึกถึงมันไปก็แค่นั้นเพราะเขาไม่เคยมาที่นี่ในชีวิตที่แล้ว
“เฮ้ไอ้หนู เจ้าเป็นใคร? ทำไมถึงเรียกเนโคว่าปู่”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากห้องขังข้าง ๆ เป็นเสียงของชายแก่หน้ารำคาญคนหนึ่ง
“เนโคคือปูของผม ผมมาที่นี่เพื่อช่วยท่าน” ไนเรลพูดออกไป
“เจ้าคงเป็นหลานของเนโค เสียใจด้วยเจ้ามาช้าไป พวกนั้นพาเนโคไปตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่องแล้ว มานี่สิข้ามีจดหมายจากเจ้านั่นที่ฝากไว้” ชายแก่พูดออกมาและโยนก้อนกระดาษออกมาด้านหน้าห้องขัง
ไนเรลที่ได้ยินก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่เขาก็ยังหยิบก้อนกระดาษขึ้นมา เมื่อเเกะออกอ่านก็ต้องแปลกใจเพราะนี่คือลายมือปู่เนโคอย่างแน่นอน
[ถึงทุกคนตระกูลอาโรเดีย ลูกสาวของฉัน ลูกเขย และหลาน ๆ ทั้งสองคนปู่ต้องขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งที่ปู่ทำลงไปนั้นคือสิ่งที่ดีสำหรับครอบครัวพวกเรา
จดหมายฉบับนี้ถูกฝากไปกับเพื่อนสนิทของปู่ที่ชื่อ เมสัน ไรต์ นักสร้างอาวุธ แต่ก็อย่าไว้ใจเขามาก
ปู่หวังว่าทุกคนจะได้รับการคุ้มครองในฐานะชนชั้นสูงของประเทศ
และที่สำคัญ อย่าเชื่อรัฐบาลไทกีล่ามากนักเพราะพวดเขาปกปิดความจริงในหลาย ๆ อย่างรวมถึงกล่องใบนั้นด้วย…………]
แต่เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้มันก็หยุดลงเพราะจดหมายถูกฉีกออก ในส่วนที่เขาอยากรู้มากที่สุดแต่มันดันถูกฉีกออกไปซะได้
“ส่วนที่เหลืออยู่ไหน?” ไนเรลถามเมสัน
เมสันแบมืออกในนั้นมีจดหมายอยู่ เขาไม่ได้โง่และรู้ว่าเมสันต้องการสิ่งแรกเปลี่ยน
“ต้องการอะไร?” เขาถามออกไปตรง ๆ อีกครึ่งซองจดหมายเขาต้องการจะอ่านมัน
“อิสระภาพและการคุ้มกันด้วย” เมสันพูดออกมาและลุกขึ้นเดินยืนที่ประตูห้องขัง เขามองไนเรลอย่างคาดหวังซึ่งท่าทางนั้นไม่สามารถรอดพ้นไปจากสายตาของไนเรลได้
เมสันพยายามทำตัวให้เข้มขึงที่สุดเพื่อขู่ไนเรล
แต่แล้วเมื่อจ้องกันไปมาสักพัก เมสันก็ดูเหมือนจะทนไม่ไหว เขาจึงพูดออกมาอีก “พาฉันหนีไปด้วย ฉันแก่แล้วไม่อยากตายอยู่ในคุก”
ไนเรลคิดไปคิดมาสักพักก็ตอบตกลง ถึงยังไงเมสันก็เป็นเพื่อนกับปู่ของเขาแต่เมื่อเขาปล่อยเมสันออกมาและกำลังจะอ่านจดหมายต่อ อยู่ก็มีเสียงดังโวยวายมาจาก แดนอื่น ๆ
เมื่อออกไปก็ต้องตกใจซอมบี้ มีซอมบี้เต็มไปหมด
“เร็วรีบตามมา” เขาหันไปบอกกับเมสัน
ไนเรลรีบตรงไปที่ห้องใต้ดินทางออกไปที่ท่อน้ำทิ้ง แต่ว่ายังไปไม่ถึงกับมีหนูจำนวนมากวิ่งออกมาจากประตู
เขาและเมสันรีบหลบไปที่ห้องข้าง ๆ
หนูกลายพันธุ์จำนวนมากกว่า 500 ตัว พวกมันมีมากกว่าตอนที่ไนเรลมาซะอีก
“หรือว่าเอสมันจะออกไปทางท่อน้ำทิ้งแล้วเผลอปล่อยหนู่พวกนี้เข้ามา” ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งมีความเป็นไปได้
คนที่รู้ว่าไนเรลเข้ามาทางท่อน้ำทิ่งมีแค่ 3 คนนั้น เอสจะต้องรู้ว่าสถานะการของเขาไม่ดีแล้ว ขืนอยู่ที่นี่ต่อก็มีแต่ตายเท่านั้น
สู้หนีออกไปดีกว่า
ไนเรลไม่รู้ว่าเอสพาหนีกันไปกี่คนแต่ก็ต้องมีพวกไปเป็นจำนวนมากแน่นอน และนั้นจะทำให้ดึงดูดซอมบี้จำนวนมหาศาลไปที่ท่อถ้าเขาไม่รีบออกไปอาจจะตกอยู่ในวงล้อมของซอมบี้ได้
“เราจะฝ่าพวกหนูออกไป” เขาพูดออกมา เมสันก็พยักหน้าการที่เขาเป็นนักสร้างอาวุธได้นั้นแสดงว่าเขาฉลาดมากและรู้ว่าถ้าไปตอนนี้โอกาสตายสูงมาก
ทั้งสองคนวิ่งตรงไปที่ท่อน้ำผ่านศพของซอมบี้ที่เขาฆ่าตายไปตอนเข้ามาแต่มันก็มีศพของนักโทษหลายคนที่ยังใหม่อยู่
ที่นี่ไม่มีซอมบี้อยู่มันน่าจะถูกหนูจัดการไปแล้ว
ทั้งสองคนออกมาจนมาถึงท่อหลัก ก็เห็นว่ามีร่องรอยของไฟซึ่งเป็นความสามารถของเอสอย่างแน่นอน
ในขณะเดียวกันที่ห้องควบคุม
มีหนูกลายพันธุ์บางส่วนเข้าไปลุมขย่ำคนควบคุม และเขาก็เผลอไปกดโดนปุ่มเปิดประตูของตึกคุกทำให้ซอมบี้จำนวนมหาศาลเข้ามาในคุก
ตอนนี้คุกแห่งนี้กลายบุฟเฟ่ต์เนื้อของเหล่าซอมบี้ไปแล้ว
พวกหนูกลายพันธุ์หลังจากที่ได้อาหารเพียงพอพวกมันก็ถอยกลับเข้าไปทางที่มา เนื่องจากมีซอมบี้อยู่จำนวนมหาศาลไล่ฆ่าตามหลังพวกมันไป
…………………………
นิเรียที่ส่องกล้องจากปืนสไนเปอร์ M-21 อยู่ก็เห็นว่าพวกซอมบี้บุกไปในคุกได้แล้ว จะต้องเกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน เธอก็กระวนกระวายใจทันที
“ฉันจะไปช่วยพี่ชาย” นิเรียลุกและหยิบปืนขึ้น แต่ก็ถูกห้ามโดยดามินก่อน
“พี่ไนเรลให้รอที่นี่ ถ้าลูกพี่ไปแล้วพี่ไนเรลกลับมาไม่เจอจะทำไง?” ดามินพยายามไม่ให้นิเรียไปเพราะมันอันตรายเกินไป อีกอย่างเขาเชื่อว่าไนเรลเอาตัวรอดได้
นิเรียลังเลอยู่สักพักแต่เธอก็เลือกที่จะยอมเชื่อในความสามารถพี่ชายของเธอ
และนั้นก็ไม่ทำให้เธอผิดหวังไนเรลกลับออกมาหลังจากนั้นไม่นานด้วยสภาพที่อนาถเล็กน้อย ตัวเขาเต็มไปด้วยเลือดของซอมบี้สีดำเน่าเหม็น
ตอนกลับออกมาทางเข้าท่อหลักกับมีซอมบี้จำนวนมากปิดทางไว้อยู่เขาจึงต้องฆ่าพวกมันทั้งหมด ตอนนี้เขาสูญเสียกำลังไปมากแต่มันยังไม่ใช่เวลาที่จะหยุดพัก
“เก็บของ เราต้องออกจากที่นี่ด่วน” ไนเรลบอกกับทุกคนและหอบหายใจไปด้วยจากนั้นเขาก็แนะนำเมสันแบบง่าย ๆ ให้ทุกคนฟังในระหว่างที่เก็บของ
พวกเขายังไม่ทันได้ลงมาจากตึกซอมบี้จำนวนมหาศาลก็เริ่มแตกออกจากฝูงขนาดใหญ่ที่คุกและตรงมาหาพวกเขา
ไม่สิ! ตรงมาหาพวกนักโทษที่วิ่งหนีไปที่สะพาน และหนึ่งในนั้นก็มีบักเอส อยู่ด้วย
เอสพยายามที่จะปล่อยไฟออกมาทั้งสองมือใส่พวกซอมบี้ เขายิ่งใส่ซอมบี้ไปหลายครั้งจนกระทั่งหัวของซอมบี้ไหม้และมันล้มลง
เมื่อซอมบี้ตาย ลูกสมุนในกลุ่มของพวกมันก็สรรเสริญทันที
ไนเรลที่แอบมองอยู่นั้นก็คิดว่า ‘มันบ้าหรือสมองมีปัญหาหรือไง’ ลูกไฟที่ยิงออกไปก็เหมือนกับพุสัญญาณล่อให้ซอมบี้ตามฆ่าพวกมันชัด ๆ
เขายังไม่อยากตายไปพร้อมกับพวกสมองมีปัญหานี้ ตอนนี้เขาต้องหาทางออกไปแต่ทางไปสะพานคงไม่ได้แล้ว
เพราะเอส ล่อซอมบี้ไปที่นั้นจำนวนมากตอนนี้ มีซอมบี้ที่เข้ามาในตึกบ้างแล้ว
พวกเขารีบลงและออกจากตึก วิ่งไปตามซอยทางด้านหลัง
ไนเรลจะเป็นคนจัดการซอมบี้ที่อยู่ข้างหน้า
นิเรียตามหลังแต่เธอไม่ได้ใช้ปืนแต่ใช้มีดสั้นทังแสตนของไนเรลที่เขาส่งให้ ตรงกลางตามมาด้วย เจคอบ หมอแฮรี่ เมสัน และตนสุดท้ายคือ ดามิน
ยังโชคดีที่บริเวณที่เขาอยู่นั้นเป็นรอบนอกแถวย่านการค้าของเมือง ออกไปไม่กี่กิโลเมตรก็เจอพื้นที่กว้าง ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงพวกเขาก็มาถึงอีกพื้นที่ และมันก็มีสะพานอีกเเห่งที่เต็มไปด้วยรถที่จอดทิ้งไว้
“สะพาน! ไปเร็ว!”
สะพานที่พวกเขาเห็นนี้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเก่า อยู่ห่างจากสะพานเดิมมากพอสมควร
แต่ก่อนที่เขาจะข้ามที่สะพาน มันกับมีซอมบี้จำนวนมาก ซอมบี้อีกฝูงขวางเส้นทางพวกเขาอยู่ หลายตัวติดอยู่ในรถขณะที่บางส่วนที่ไม่ติดอยู่ในรถ ก็กำลังจะเดินไปตามเสียงระเบิดและเสียงปืนของพวกเอส
“ซวยละสิ” ตอนนี้พวกเขาซวยจริง ๆ แล้วเมื่อตกอยู่ระหว่างกลางซอมบี้สองฝูง ไนเรลอยากจะไปตบกระบาลเอสอีกสักทีจริง
ในขณะที่เขาคิดหาทางอยู่นั้น ไม่รู้เพราะอะไรเมื่อมองไปที่ตึกห้องเช่าด้านข้างปรากฏว่ามีแมวกำลังกวักมือเรียกพวกเขาอยู่
แล้วไม่รู้เพราะอะไรเขาดันเข้าใจมันซะงั้นว่า ‘มาหลบทางนี้เหมียว มันปลอดภัยนะเหมียว’
แต่ไนเรลก็ตามแมวไปจริง ๆ ตึกแห่งนี้ก็เป็นที่ให้พวกเขาหลบที่เดี่ยวจริง เพราะที่เหลือก็เป็นบ้าน ชั้นเดี่ยวไปก็ที่โล่งกว้าง
“ไปเร็วตามแมวไป” ไนเรลพูดออกมา
ทุกคนถึงกับมองไปที่เขาแบบแปลก ๆ ‘ไนเรลพูดว่าให้ตามแมวไป จะบ้าเหรอหรือว่าเขาเป็นบ้าไปแล้ว’
ถ้าเขารู้ความคิดทุกคนในตอนนี้จะต้องรู้สึกกระอักกระอวนแน่นอนเพราะเขาพึ่งจะว่า เอสในใจไปด้วยคำนี้เช่นกัน
แต่มันจะไม่ให้เขาพูดอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่อมีแมวกวักมือเรียกเขาจริง ๆ
“มีแมวกวักมือจริง ๆ ด้วย” นิเรียที่ใช้ความสามารถของเธอจึงเห็นได้ชัดกว่าไนเรลมากในระยะที่ไกลเช่นนี้
มันคือลูกแมวสีขาวขี่หนูยักษ์คาปิบาราอยู่