ตอนที่ 21 นักล่า
ไนเรลพวกมาถึงห้องที่เช่าไว้พร้อมกับของที่ซื้อมาเพื่อทำกับข้าวมื้อใหญ่ในวันนี้ กับข้าวมื้อใหญ่ถูกจัดเรียงวางไว้บนโต๊ะ ทุกคนเริ่มลงมือกินอาหารร้อนๆ ที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ โดยไม่พูดอะไรกันเลยแม้แต่คำเดียว
นี่อาจเป็นอาหารที่ถูกปรุงเสร็จใหม่ ๆ มื้อแรกตั้งแต่เกิดเรื่อง
คำแรกที่ทุกคนกินเข้าไปมันทำให้นึกถึงวันที่สงบสุขก่อนที่จะเกิดเรื่องบ้า ๆ พวกนี้ขึ้นมา
ข้าวสวยร้อนๆ หมูทอดและผัดผัก ถึงจะเป็นแค่อาหารง่าย ๆ แต่มันคือสิ่งที่ดีที่สุดที่หาได้ในโลกที่เป็นอย่างนี้ ณ ตอนนี้แล้ว
เจคอบกินไปก็ร้องไห้ไป เมื่อก่อนเขาไม่ชอบกินผัก แม่ของเขาก็พยายามให้กินผักให้ได้โดยการทำอาหารที่มีเมนูผักทุกมื้อ เขาก็จะเขี่ยมันออกแล้วกินแต่เนื้อสัตว์ในทุก ๆ ครั้ง
แต่ในครั้งนี้เขากลับเอาแต่ผักและพยายามที่จะกินมัน ถึงแม้เขาจะไม่ชอบก็ตามแต่อย่างน้อยเขาก็อยากให้ ‘พ่อกับแม่ที่อยู่บนสวรรค์รู้ว่าเขากินผักได้แล้ว พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง’
ทุกคนจัดการอาหารมื้อใหญ่บนโต๊ะจนหมดไม่มีเหลือแม้แต่น้อย แล้วพวกเขาก็แยกย้ายกันไปจัดการธุระของตัวเอง ไนเรลตรงเข้าไปอาบน้ำทันทีถึงแม้มันจะไม่ใช่น้ำอุ่นแต่แค่นี้ก็ดีมากแล้ว
ตกกลางคืนทุกคนก็พากันพักผ่อนกันทันที บางครั้งคนเราเมื่อเจอที่ปลอดภัยก็จะความรู้สึกเหนื่อยล้าที่สะสมไว้ภายในก็จะถาโถมออกมาโดยไม่รู้ตัว
สองพี่น้องไนเรลและนิเรียนอนอยู่ในห้องเดียวกัน โดยนิเรียนอนอยู่บนเตียงส่วนเขาเสียสละนอนที่พื้นแทน เจ้าแมวน้อยและคาปิบาร่าคู่ของมันก็นอนอยู่ที่ปลายเตียงของนิเรีย
ส่วนคนอื่น ๆ นอนอยู่อีกห้องหนึ่ง
ในขณะที่เขากำลังจะหลับนั้นอยู่ ๆ นิเรีย ก็พูดในสิ่งที่เธอตัดสินใจขึ้นมา “พี่ชายหนูจะไปเข้าร่วมกับกองทัพนะ”
เขาได้ยินอย่างนั้นก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิด เพราะในชีวิตก่อนน้องสาวของเขาเธอก็เข้าร่วมกับกองทัพเช่นกัน
เพียงแต่เห็นผลในครั้งก่อนก็คือพวกเขาแทบจะไม่มีกินและที่สำคัญคือต้องการไปพบพ่อกับแม่ที่ตอนนี้น่าจะอยู่ภายในเมืองใหม่
ซึ่งการที่จะไปที่เมืองแห่งใหม่ได้นั้นก็มี 2 วิธีคือ เป็นคนที่มีความสามารถที่รัฐบาลต้องการ เช่นพวกหมอ วิศวกร ช่อง โปรแกรมเมอร์หรืออาชีพอื่นที่จำเป็นในการสร้างเมืองขึ้นใหม่
และวิธีที่สองก็คือการเป็นคนของกองทัพหรือรัฐบาล
ส่วนสถานะมนุษย์ชั้นสูงนั้น ในช่วงแรกมันไม่ได้มีความหมาย หรือมีอภิสิทธิ์มากครับ เพราะอาวุธปืน ที่ทางกองทัพและรัฐบาลมีอยู่ยังคงสามารถจัดการกับซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์ได้อยู่
พวกเขาจึงไม่ต้องพึ่งพามนุษย์ชั้นสูง
แต่ทางรัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พวกเขาไม่รู้ว่าขีดจำกัดในการเติบโตของซอมบี้หรือสัตว์กลายพันธุ์จะไปถึงขั้นไหนจึงได้จัดตั้งหน่วยมนุษย์ชั้นสูงขึ้น
เมื่อมนุษย์ชั้นสูงมันมีหลายแผนก แต่ที่เด่นจริงๆ ก็เหมือนเป็น หน่วยดาบ หน่วยโล่ และหน่วยสนับสนุน
ซึ่งนิเรียก็จะไปเข้ากับหน่วยโล่นี้นั้นเอง
“อืม ระวังตัวด้วย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง
ไนเรลคิดว่าถ้าเขาไม่มีพลัง [ดูดซับความสามารถ ???] เขาเองก็คงไปเข้าร่วมหน่วยสนับสนุนจากความสามารถ [เร่งการเจริญเติบโตของพืช F] เช่นกันเหมือนกับในชีวิตที่แล้ว
แต่ในครั้งนี้มันต้องออกไปเขามีแผนใหม่นั้นก็คือการไปเป็น นักล่า
“นอนกันเถอะ…”
ทั้งนิเรียและไนเรลต่างก็นอนหลับกันอย่างเต็มที่ผิดกับแมวน้อยที่วิ่งเล่นในห้องทั้งคืน โดยไม่รู้ว่าไปเอาแรงมาจากไหน แต่ถึงอย่างไรแมวน้อยมะลิก็ยังเป็นแมว
เช้าวันต่อมานิเรียก็ตรงไปที่กองทัพเพื่อสมัครเข้าร่วมกับหน่วยโล่ ส่วนดามอนและเจคอบก็ตามเธอไปด้วย
ไนเรลวันนี้ก่อนที่เขาจะไปลงทะเบียนเป็นนักล่าเขาก็ไปหาให้เมสันที่ตอนนี้เปิดร้านอาวุธเถื่อนโดยไม่รู้ว่าเขาชอบขึ้นสายอะไรเหมือนกัน แต่แน่นอนว่าไนเรลก็ไม่ได้สนใจเพราะทุกคนก็มีความลับผิดชอบของตัวเอง
เหตุผลพี่เขามาหาเมสันก็เพราะว่าต้องการให้จัดการกับเครื่องติดตามที่อยู่ในอุปกรณ์ตรวจวัดพลังงาน เขาก็อยากจะถอดทิ้งไปเหมือนกัน แต่เขาจำเป็นต้องใช้มันในการวัดระดับพลังงานในเซลล์เช่นกัน
สองคู่หูมะลิกับธีโอก็ตามเขาไปด้วย
หลังจากนั้นไนเรลก็ตรงไปที่แผนกลงทะเบียนนักล่า เพราะว่าตอนที่เข้ามาในค่ายลี้ภัยจำเป็นต้องมีการตรวจสอบ ในการจะออกไปก็เช่นเดียวกันจะต้องมีการลงทะเบียน
นักล่านั้นมีทั้งคนธรรมดา แล้วมนุษย์ชั้นสูงที่ไม่ต้องการอยู่ในกฎระเบียบของรัฐบาล แต่พวกเขาก็หยิ่งเกินไปที่จะไปเป็นคนใช้แรงงาน
เขามองไปรอบ ๆ ที่นี่มีคนธรรมดาอยู่เป็นจำนวนมาก บางคนก็แต่งตัวดูดีแต่บางคนก็สภาพยิ่งกว่าขอทานซะอีก คนส่วนใหญ่ในพวกนี้ไม่ได้ไปล่าพวกสัตว์กลายพันธุ์ซอมบี้อะไร แต่พวกเขาไปหาของ ของที่ใช้ได้และไม่มีเจ้าของ เช่นพวกอาหารกระป๋อง เชื้อเพลิง ยา หรือบางครั้งก็อุปกรณ์ที่ทางรัฐบาลระบุไว้
อะไรก็ได้ที่สามารถแลกเป็นตั๋วอาหาร
เพราะว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ไม่มีใครที่อยากกลายเป็นพวกหิวโซเร่ร่อน รอข้าวต้มหนึ่งถ้วยต่อวันจากรัฐบาลหรือหิวตายในตอนกลางคืน
ไนเรลมองไปที่พวกเขา พวกคนที่เคยคิดว่ามาที่ค่ายแห่งนี้เพื่อพึ่งรัฐบาล แต่ตอนนี้สายตาพวกเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังและต้องออกไปสู้ดิ้นรนของนอกกับฝูงซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์ที่กระหายเลือด
ในทุก ๆ วันนักล่าพวกนี้จะรอดกลับมาไม่ถึงครึ่ง แต่ในวันต่อมาจะมีนักล่าออกไปมากกว่าเดิม
ขณะที่ไนเรลเดินเข้ามาหลายคนก็เริ่มสังเกตเห็นเขา คนพวกนี้มองไปที่ คริสตัลบนหน้าผากไนเรลและพากันซุบซิบ
บางคนมองไปด้วยความกลัวและยำเกรง บางคนมองเขาเป็นตัวประหลาด แต่ส่วนใหญ่แล้วมองด้วยสายตาที่อิจฉา
“ลงทะเบียนเป็นนักล่า” เขาไม่ได้สนใจคนเหล่านี้และเดินไปลงทะเบียนเพื่อเป็นนักล่า
หลังจากนั้นก็รับจี้แท็กที่เหมือนกับทหารมา มันไม่ใช้ยืนยันตัวตนตอนที่กลับเข้ามาภายในค่ายลี้ภัย
ซึ่งของเขาก็ต่างจากปกติที่นักล่าธรรมดาจะเป็นที่แดง แต่ของเขาเป็นสีทองเพราะเป็นพวกมนุษย์ชั้นสูง
พร้อมกับที่เจ้าหน้าที่ชี้ไปที่กฎข้อบังคับของพวกนักล่า ที่มีแค่ 4 อย่างคือ
อาวุธทุกอย่างที่หาได้จะตกเป็นของกองทัพ
เชื้อเพลิงและพลังงานที่หาได้กองทัพจะรับซื้อไว้ทั้งหมด
ของทุกอย่างที่หาได้จะถูกแบ่งให้รัฐบาล 50 %
ห้ามฆ่ากันเองโดยเด็ดขาด
ขณะที่เขาเดินออกไปเพื่อที่จะตรงไปยังประตูค่ายนั้น ก็มีกลุ่มคนเดินมาขวางเขาไว้
หัวหน้าของกลุ่มคือมนุษย์ชั้นสูง ร่างกายของเขากำยำและมีใบหน้าที่คล้ายกับหมี
ไนเรลมองไปที่คริสตัลสักษณะสามเหลี่ยม สีขาวบนหน้าผากซึ่งคริสตัลแบบนี้จะเป็นพวกที่มีพลังประเภทกลายร่าง
“เฮ้ยไอ้น้อง มาเข้าร่วมกับกลุ่มของข้าดีกว่าไหม?” บิลชายหน้าหมีถามชายหนุ่มด้วยท่าทีข่มขู่ ประมาณว่าถ้าเอ็งไม่เข้ากลุ่มข้า ข้าจะทำให้ตัวเองลำบาก
บางครั้งแม้แต่เรื่องพวกนี้ก็ยังต้องมีการแบ่งพักแบ่งพวกเช่นกัน เพราะในแต่ละพื้นที่มีของจำกัด แต่นักล่านั้นมีมาก
ไนเรลไม่ต้องการเข้ากลุ่มแล้วไปเป็นลูกน้องของใคร ที่สำคัญวิธีการจัดการกับคนแบบนี้
ไนเรลไม่รอช้าจัดการโจมตีด้วยหมัดใส่ที่ปลายคางของบิลชายหน้าหมีทันที
บิลชายหน้าหมีรีบใช้ความสามารถกลายร่างของเขา
[หมีภูเขา D] กลายร่างเป็นหมียักษ์ ความเข็งแกร่งขึ้นอยู่กับพลังงานในเซลล์
ตูม!
แต่มันช้าไปหมัดของไนเรลที่มีพละกำลัง 6 เท่าพุ่งตรงไปที่ปลายคาง ร่างของเขากระเด็นไป 5 เมตรชนกับผนังห้องสลบไปทันที
เจ้าหน้าที่ทหารในบริเวณนั้นได้ยินเสียงดังจากการต่อสู้ก็รีบวิ่งเข้ามา แต่พวกเขาก็เห็นแค่บิลชายหน้าเหล็กนอนสลบอยู่
กลุ่มของมนุษย์ชั้นสูงและในหมู่พวกนั้นก็มีระดับ เทาด้วย พวกเขาพากันหยุดความคิดที่จะดึงไนเรลมาเป็นพวก
ตอนแรกพวกเขาต้องการให้บิลชายหน้าหมี เข้าไปหยั่งเชิงไนเรลดู ถ้าเขาถูกบิลกดดันจน จนมุมพวกเขาก็จะไปช่วยไนเรลและยื่นข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้
“ความสามารถประเภทพละกำลัง?” หญิงสาวมนุษย์ชั้นสูงขึ้นมาเธอมีชื่อว่า เอวา มีความสามารถประเภทพลังธาตุ
[มีดสายลม B] สร้างใบมีดสายลมยิงออกไปในอากาศ ความแข็งแกร่งขึ้นอยู่กับพลังงานในเซลล์
“ไม่น่าใช่คริสตัลที่หน้าผากของเขาเป็นพวกประเภทลึกลับตามการแบ่งแยกประเภทพลังของรัฐบาล” ชายมนุษย์ชั้นสูงระดับสีเทาอีกคนกล่าวออกมา เขาชื่อว่า เจค มีพลังประเภทสนับสนุน
[เร่งความเร็วระยะสั้น B] เคลื่อนที่พริบตาในระยะ ขอบเขตของระยะขึ้นอยู่กับพลังงานภายในเซลล์
พวกเขาทั้งสองคนกำลังหารือเรื่องที่จะไปจัดการกับสัตว์กลายพันธุ์ขั้นที่ 3 ที่พวกเขาเจอ
“เรื่องของเขาเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน ค่อยส่งคนไปจับตาดูทีหลัง เรามาคุยเรื่องของสัตว์กลายพันธุ์ขั้นที่ 3 กันดีกว่า” เจคกล่าวออกมา
“เมื่อวันก่อนฉันได้ข่าวจากเจ้าหน้าที่รัฐคนหนึ่ง พวกนั้นบอกว่าหนุ่มในค่ายลี้ภัยของรัฐบาลบังเอิญมีสัตว์กลายพันธุ์ขั้นที่ 3 โจมตี ความเสียหายคนตายไปหลายร้อยคน แต่มันก็ถูกฆ่าตายโดยการลุมยิงของรถถัง แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ผ่าศพของมันและพบกับแก่นพลังงาน ATP ตามที่พวกนั้นเรียกกันหละนะ” เอวาอธิบายดูเหมือนเธอจะไม่ใช่คนธรรมดาสามัญทั่วไป
“จริงใช่ไหมที่ แก่นพลังงาน ATP ช่วยให้มนุษย์ชั้นสูงวิวัฒนาการได้เร็วขึ้น”
“จริง แต่สิ่งที่ฉันสนจริง ๆ คือ สิ่งที่พวกนั้นบอกมากกว่า มนุษย์ชั้นสูงยิ่งมีระดับสูงมากเท่าไหน อายุขัยก็จะมากขึ้นตามทฤษฎีความเป็นอมตะของเซลล์” เอวาพูดพร้อมกับจับไปตามร่างกายของเธอ ถึงอย่างไรผู้หญิงก็ต้องการเป็นสาวสวยไปนาน ๆ เป็นเรื่องปกติ
หลังจากนั้นพวกเขาก็วางแผนกันในการจัดการกับสัตว์กลายพันธุ์ขั้นที่ 3 ในขณะที่ไนเรลได้ออกไปที่ข้างนอกแล้วพร้อบกับน้ำมันที่เขาใช้ตั๋วอาหารแลกมันมาจากเจ้าหน้าที่รัฐ
สิ่งที่เขาจะออกไปล่าในครั้งนี้คือพวกสัตว์กลายพันธุ์ขั้น 2 ถึงแม้มันจะมีโอกาสเจอแก่นพลังงาน ATP หรือ อะดีโนซีน ไตรฟอสเฟต ซึ่งเป็นหนึ่งใน 2 จากแหล่งพลังงานในสิ่งมีชีวิตแค่ 5 % ส่วนอีกอย่างก็เป็นพลังงานไกลโคเจนที่สะสมไว้ในร่างกายของสิ่งมีชีวิต
แก่นพลังงาน ATP นั้นจะพบใน สัตว์กลายพันธุ์ขั้น 2 แค่ 5 % ขั้น 3 อยู่ที่ 10 % ขั้น 4 อยู่ที่ 20 % ขั้น 5 อยู่ที่ 30 % ไปเรื่อย ๆ
ซึ่งสถิติเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลเก็บรวบรวมมาและก็ไม่ได้ต่างกันมากนักในความเป็นจริง
ไนเรลหารถที่ยังใช้ได้แถวนั้นและก็เติมน้ำมันขับออกมาพร้อมกับที่เจ้าแมวน้อยและคาปิบารานั่งมาด้วย
แต่ก่อนจะออกไปเขาได้แวะไปเอาปืนลูกโม่ทั้ง3 กระบอกและปืนสไนเปอร์มาแล้ว ซึ่งเขาก็ต้องขอบคุณที่มันยังไม่ถูกใครเอาไป
ไนเรลมุ่งหน้าไปที่ป่าที่ห่างจากตัวค่ายไปทางตะวันตกประมาณ 70 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางอยู่ราว ๆ 1 ชั่วโมง
หลังจากนั้นเขาก็จอดรถไว้ข้างทาง ที่มันยังพอจะเรียกว่าทางได้
คลื่น!!!! คลื่น!!!! (แผ่นดินไหว)
ในขณะนั้นเองอยู่ ๆ แผ่นดินก็ไหวและสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ไนเรลก็รีบหาที่จับ มันสั่นไหวไม่นานก็หยุดลง
“การเปลี่ยนแปลงทางภูมิประเทศ” ไนเรลพึมพำออกมาแต่เขาก็เลิกสนใจมัน เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีพลังในการไปหยุดมันอยู่แล้ว อีกอย่างมันจะเกิดขึ้นบ่อยมากขึ้นในอนาคต
“ไปล่ากันเถอะ” เขาหันไปบอกเจ้าแมวน้อยมะลิที่มันกำลังนั่งหาวอยู่บนหัวของคาปิบารา
“แม้ววววว! เมี้ยว มี้ ม้าว (จะตื่นเช้าไปไหน มะลิยังง่วงอยู่เลย) ” แมวน้อยได้แต่บ่นออกมาขณะที่ตามไนเรลเข้าไปในป่า
ส่วนไนเรลก็ได้แต่บ่นในใจ ว่า’ 10 โมงอยู่แล้วเช้าที่ไหน’
และแล้วไม่นานพวกเขาก็พบกับเป้าหมายแรกมันคือ กระต่ายแดงกลายพันธุ์
ที่เขาเรียกมันว่ากระต่ายแดงเพราะสีขนของมัน มันกลายพันธุ์และเริ่มเปลี่ยนแปลงจากสัตว์กินพืชไปล่าพวกแมลงและกินซากแทน
ดวงตาที่แดงราวกับพวกบ้าเลือด ฟันที่แหลมคม และขาที่ทรงพลังของมัน
ถ้าขืนประมาทละก็คนธรรมดาจะถูกมันฆ่าและตกเป็นอาหารค่ำของมันได้ง่าย ๆ เลย
โลกใบนี้ไม่สามารถเอาบรรทัดฐานของโลกใบเดิมมาใช้ได้อีกแล้ว
ไนเรลคิดหาวิธีอยู่ว่าจะจัดการมันอย่างไรและเขาก็คิดออก โดยใช้เจ้าสองตัวที่ตามมาเป็นเหยื่อล่อ
แมวน้อยมะลิรู้สึกได้ถึงสายตาของไนเรลและมันก็รู้ว่ายังไงก็คงต้องไปเป็นเหยื่อล่อเจ้ากระต่ายแดงกลายพันธุ์ ขั้น 1 โดยไม่มีทางเลือกแล้ว
“เมี้ยวๆๆๆ มี้ ง้าวว” แมวน้อยยกอุ้งเท้าทั้งสองข้างน้อย ๆ ของมันเพื่อต่อรองส่วนแบ่งเป็นขากระต่าย 2 ข้าง สีหน้าของมันนั้นดุจริงจังเป็นอย่างมาก
ไนเรลก็ตกลงทันที
แมวน้อยมะลิที่เห็นไนเรลตอบตกลงอย่างง่ายเกินไป มันก็ได้แต่คิดว่าขอน้อย ไปหรือไม่ ขณะที่ออกไปทำการแสดงเป็นลูกแมวน้อยหลงทาง