re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง – ตอนที่ 27 ความตายเริ่มต้นขึ้น

ตอนที่ 27 ความตายเริ่มต้นขึ้น

ไอแซคหยุดการกระทำของตนเองทันที ถึงแบบนั้นสายตาของเขาก็ยังคงมองไปที่ไนเรลอย่างโกรธแค้น “แกโชคดีมากที่ท่านจีซัสห้ามไว้”

เขาเดินไปรายงานปัญหากับจีซัสทันทีโดยแต่งเติมบางส่วนในตอนที่เขาสู้กับไนเรล แต่ไม่ได้บอกว่าเขาโดนไนเรลต่อยจนกระเด็นไป

เพราะเขารู้ว่าจีซัสนั้นไม่ชอบคนขี้แพ้ โดยเฉพาะแพ้ให้กับพวกมนุษย์ชั้นสูงที่เป็นนักล่าพวกนี้

จีซัสได้ยินเรื่องทั้งหมดก็หัวเสีย เขามองไปที่ไนเรลชายที่กล้าขัดคำสั่งเขา “เจ้ากล้ามาก! ที่กล้าขัดคำสั่ง!!!”

“นายมีสิทธิ์อะไรมาสั่ง?” ไนเรลถามออกไปอย่างไม่เกรงกลัว

นักล่าส่วนใหญ่ก็รีบเสริมทันทีพวกเขาก็รู้สึกไม่พอใจเช่นกันที่อยู่ ๆ จีซัสก็ให้คนมากักตัวพวกเขา

“ใช่ พวกนายมีสิทธิ์อะไร?”

“ถึงจะเป็นหน่วยดาบแต่ก็ไม่สามารถอยู่เหนือกฎหมายของรัฐบาลได้”

“ตอนนี้พวกเราก็มีสถานะเป็นนักล่าเช่นกัน”

จีซัสมองไปที่ทุกคนอย่างเหนือกว่า คนพวกนี้ต้องการเหตุผลงั้นเหรอได้ เขาจะให้มัน

“ข้า พันตรีพิเศษจีซัส ได้รับคำสั่งจากกองทัพและได้รับอนุญาตจากรัฐบาลของค่ายลี้ภัย 101”

“ให้มีหน้าที่จัดการเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ใครที่ไม่ให้ความร่วมมือจะถูกจับเข้าคุกทหารในข้อหาขัดคำสั่งจนถึงก่อความไม่สงบ”

“แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเพราะข้านั้นแข็งแกร่งกว่า ส่วนพวกแกนั้นมันอ่อนแอ……..”

จีซัสก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ทันทีที่เท้าของเขาแตะโดนพื้นน้ำแข็งก็แพร่ออกมาจากปลายเท้า อากาศรอบข้างเริ่มหนาวเย็นจับตัวเป็นน้ำแข็ง

“หืม ระดับสีน้ำตาล” ไนเรลรีบถอยหลบออกมาจากเขตของน้ำแข็งที่อยู่ตามพื้น เขารู้สึกแปลกใจมากที่จีซัสนั้นเลื่อนไปเป็นระดับ สีน้ำตาลได้ไวขนาดนี้ทั้งที่เวลามันยังผ่านไปไม่นานด้วยซ้ำ

มีอยู่เหตุผลเดี่ยวนั้นคือได้รับแก่นพลังงานจำนวนมาก กองทัพต้องมีพวกแก่นพลังงานเยอะแน่แต่ก็ไม่มีทางที่จะให้กับจีซัสหมด แต่ก็มีอีกพวกที่ทำได้นั้นก็คือบริษัทพาราซัส

ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งสมเหตุสมผล สิ่งที่เกิดมาจากห้องทดลองลับของบริษัทพาราซัส คงต้องการจะรู้สาเหตุที่เกิดกับห้องทดลองและต้องการตรวจสอบว่ามีนักล่าคนไหนบ้างที่รู้เรื่องห้องทดลองหรือพูดง่าย ๆ คือปิดปากนั้นเอง

ส่วนตัวห้องทดลองก็โดนตึกด้านบนถล่มทับลงไปแล้ว มันคงจะต้องใช้เวลาอีกนานถ้าต้องการขุดซากตึกออก พวกบริษัทพาราซัสคงจะมีวิธีจัดการปกปิดข่าวได้ไม่ยากเย็น

ในขณะที่จีซัสกำลังแสดงพลังอยู่นั้น ทหารของหน่วยสื่อสารเดินเข้ามาและส่งสายของพลตรีให้กับเขา

“รับทราบครับ” จีซัสตอบรับคำสั่งภารกิจทันที ถึงเขาจะหยิ่งทะนงแต่อย่างไรก็เป็นคนของกองทัพ

“ถ่ายทอดคำสั่งลงไปให้หน่วยดาบทุกคนตามล่า ซอมบี้ทั้งสองตัวที่หนีไปและจับมันกับมาอย่างเป็น ๆ ” จีซัสมองไปที่ทุกคนรอบข้างรวมถึงไนเรลด้วย

“ส่วนพวกนักล่าใครที่อยากเข้าร่วมภารกิจด้วยให้แบ่งทีมและตามมา” จีซัสพูดออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์เล็กน้อย

ไนเรลไม่ได้มีขอโต้แย้งอะไรตอนนี้ไม่ใช่เวลาในการสร้างปัญหา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตามล่าซอมบี้สติปัญญาตัวนั้น

ถ้าเกิดมันไปรวมกับฝูงซอมบี้ที่ออกมาจากเมืองซานติเกียได้ละก็เขาไม่อยากจะคิดเลย ค่ายแห่งนี้จะต้องเผชิญกับฝูงซอมบี้จำนวนมหาศาล

การตามล่าครั้งนี้เป็นหน่วยทหารเคลื่อนที่เร็วจำนวน 1 กองร้อย พร้อมด้วยหน่วยดาบอีก 10 คน

ส่วนมนุษย์ชั้นสูงที่เป็นนักล่านั้นคนที่อาสาร่วมภารกิจนี้ก็มีแค่ 15 กลุ่มเท่านั้น ซึ่งมีจำนวนคนไม่ได้มากกว่า 80 คน

พวกเขามาถึงที่ซอมบี้ปีกตกแต่กับไม่พบศพของมันอยู่เลย ยกเว้นก็แต่รอยเลือดสีดำที่ลากยาวไปตามพื้น

“กระจายกันออกค้นหามันน่าจะไปได้ไม่ไกล ใครเจอตัวแจ้งเข้ามาทันที ขอย้ำว่าให้จับเป็น รับทราบ” พันตรีวัยกลางคนที่ควบคุมกองกำลังทหารสั่งการออกมา

“รับทราบ” ทหารทั้งกองร้อยรับคำสั่งและเริ่มกระจายการค้นหาทันที

จีซัสก็สั่งคนในหน่วยดาบเช่นกัน แต่พวกเขามุ่งเป้าไปทิศทางหลักที่คิดว่ามันหนีไปแทนที่จะกระจายกำลังการแบบทหาร

ทิศทางที่เขาไปนั้นคือป่าลึกซึ้งทหารส่วนใหญ่ไม่ได้ไปในเส้นทางนี้เพราะป่าในตอนกลางคืนนั้นมันอันตรายเป็นอย่างมาก

ทีมนักล่าก็กระจายตัวกันออกไปเช่นกัน

ไนเรลไม่รอช้ารีบมุ่งออกไปทันที เขามีเส้นทางอยู่ในใจแล้ว นั้นก็คือเส้นทางที่หน่วยดาบไปนั้นเอง แต่เขาไปได้หาแบบสุ่ม ๆ เพราะเส้นทางนั้นมันก็คือเส้นทางที่ตรงไปสู่เมืองซานติเกีย

ซึ่งมีซอมบี้จำนวนมหาศาลกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้

ซอมบี้สติปัญญานั้นจะไม่มีพละกำลัง ความเร็วหรือความอึดมากนักแต่สิ่งที่มันมีคือ ความฉลาด

ความฉลาดในแบบที่คล้ายมนุษย์ พวกมันสามารถสั่งการซอมบี้ได้ ในชีวิตที่แล้วซอมบี้สติปัญญาพวกมันจะมีองครักษ์อยู่ข้างกายเสมอทำให้จัดการมันได้ยากมาก

ทำให้พวกมันสั่งการบุกฆ่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปมากมาย ในผู้คนกล่าวขานกันว่า หนึ่งซอมบี้สติปัญญาถือกำเนิด หนึ่งล้านชีวิตสังเวย

เขาจะต้องฆ่ามันให้ได้

ในขณะที่เขาวิ่งไปด้วยความเร็วอยู่นั้น ก็มีกลุ่มของนักล่าตามมา 2 กลุ่มมันคือกลุ่มของเอวาและเจค

“นายรู้ใช่ไหมว่าตัวที่หนีไปมันคืออะไร?” เอวาถามไนเรล เธอสังเกตท่าทีของเขาตั้งแต่ตอนที่ปะทะกับไอแซคแล้วดูเหมือนเขาร้อนใจจะไปจัดการกับซอมบี้ตัวนี้เป็นอย่างมาก

เขาเล่าข้อมูลของซอมบี้สติปัญญาให้ทั้งสองกลุ่มฟังอย่างรวบรัด เมื่อนักล่าพวกนี้ได้ยินก็ถึงกับหน้าซีดทันที ถ้าเป็นแบบที่เขาบอกมันก็อันตรายเป็นอย่างมาก

ทุกคนเริ่มมีสีหน้าจริงจังกันขึ้นมาทันที

ระยะทางที่พวกเขาวิ่งมาได้ประมาณ 3 กิโลเมตรก็เจอเข้ากับรอยเลือดสีดำ

ไนเรลรีบใช้ความสามารถตรวจจับความร้อนทันที เขามองไปรอบและเจอกับบางอย่างห่างออกไป 150 เมตร

มันคือซอมบี้ปีกไม่มีผิดแน่นอนจากรูปร่างของความร้อนที่เขามองเห็น

“ทางนั้นเหรอ” เจคที่ตามมาอย่างเงียบก็รีบพุ่งออกไปทางทิศทางที่ไนเรลบอก นั้นก็เป็นเพราะว่าเขาอยากจะไปถึงและจับมันเป็นคนแรกเพราะรางวัลที่ทางกองทัพได้ตั้งไว้

นั้นก็คือแก่นพลังงาน ระดับ 2 จำนวน 2 ชิ้นนั้นเอง

เอวาเองก็รีบวิ่งไปที่นั่นส่วนนักล่าคนอื่น ๆ ก็แจ้งไปยังทหาร

ไนเรลรีบวิ่งตามหลังไปแต่ดูเหมือนเขาจะช้ากว่าทั้งสองคน

คนที่มาถึงคนแรกคือ เจคด้วยความสามารถ [เร่งความเร็วระยะสั้น B] ส่วนเอวาเธอใช้ใบมีดสายลมเป็นฐานเหยียบและพุ่งไป ถ้าจะเปลี่ยนทิศทางก็แค่สร้างใบมีดสายลมเล่มใหม่

การนำความสามารถมาใช้ได้สูงสุดแค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวของผู้ใช้เองทั้งนั้น

ไนเรลเองก็ไม่รอช้าเขาใช้ร่างของกิ้งก่าและวิ่งไปอย่างรวดเร็วผ่านต้นไม้ต่าง ๆ

แต่เมื่อมาถึงเขาก็เห็นเอวาและเจคยืนรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองคนกำลังมองไปที่ซากของซอมบี้ปีกที่ตอนนี้นอนตายอยู่

“มันตายแล้ว” เจคใช้ดาบเขี่ยมันดู มันพึ่งจะตายตอนที่เขาถึงพอดี

“เอาไงต่อ”

“พวกเรามาถูกทางแล้วมันน่าจะยังไปไม่ไกล” ไนเรลใช้มือจับไปที่เลือดของมันที่ยังคงไหลออกมาอยู่

“เอาไงกับซากของมัน” เอวามองไปที่ซากซอมบี้ปีก

“เนื้อของมันนั้นไม่สามารถกินได้เพราะมีเชื้อซอมบี้ ส่วนแก่นพลังงานพวกมันก็ไม่มีซึ่งต่างจากสัตว์กลายพันธุ์ทั่ว ๆ ไป ถ้าอยากได้ก็เอาไปฉันจะไปตามล่าซอมบี้สติปัญญาต่อ” ไนเรลพูดเสร็จก็รีบวิ่งไปต่อ

เอวาและเจค ทั้งสองคนมองหน้ากันไปมา แต่พวกเขาก็ยังตัดสินใจผ่าหัวของซอมบี้ปีกขั้นที่ 3 และก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่ไนเรลว่ามันไม่มีอะไรอยู่ด้านใน ส่วนเนื้อนั้นพวกเขาไม่มีทางลองกินมันแน่นอน

ในตอนนั้นคนในกลุ่มของทั้งสองคนก็ตามมาถึง เอวาและเจคจึงทิ้งคนให้เฝ้าซากของมันไว้ส่วนที่เหลือก็ตามไนเรลไป

ผ่านไปไม่นานทหารและหน่วยดาบก็มาถึงเช่นกัน

พันตรีวัยกลางคนเรียกให้เฮลิคอปเตอร์มาเอาซากของซอมบี้ปีกไปเพราะมันยังมีคุณค่าด้านการวิจัยอยู่

ในขณะที่พวกเขาขึ้นเฮลิคอปเตอร์อีกลำไปเพื่อที่จะตามให้ทันกลุ่มนักล่าที่มุ่งหน้าไปก่อน โดยในนั้นก็มีจีซัส และไอแซค พร้อมด้วยสมาชิกหน่วยดาบอีก 3 คนตามไปด้วย

ไนเรลวิ่งตามซอมบี้สติปัญญามาเขารู้ว่าเข้าใกล้มันมากแล้ว แต่ในขณะเดียวกันรางสังหรณ์ของเขาก็เตือนอยู่ตลอดเวลาว่าข้างหน้านั้นอันตราย

“นายนี่เร็วจริง ๆ”

เอวาและเจคตามเขาทันในที่สุด แต่ก่อนที่ไนเรลจะตอบกลับไป เขาก็เจอเข้ากับกลุ่มความร้อนที่อยู่ด้านหน้าจำนวนมาก

เมื่อเขาไปถึงก็เจอกับโรงงาน มันคือโรงงานฆ่าสัตว์

“พวกไฮยีน่า”

ด้านหน้าของเขาเต็มไปด้วยคนกว่า 100 คนที่ตอนนี้กำลังเลี้ยงฉลองกันอยู่ รอบด้านของรั้วที่ล้อมรอบอยู่กับเต็มไปด้วยซอมบี้กระจายตัวอยู่รอบ ๆ

มีซอมบี้บางส่วนที่ถูกจับไว้ในหลุม และล่ามโซ่เป็นเหมือนกับแนวกั้นตรงกลางของวงล้อมซอมบี้มีนักสู้สองคนกำลังต่อสู้กันอย่างสิ้นหวัง

ในขณะที่พวกมันมองดูการต่อสู้อย่างสนุกสนานก็ทำการกอดรัดฟัดกับหญิงสาวที่กำลังดิ้นรนจากการขืนใจอยู่

หนึ่งในนั้นมีชายร่างสูงใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าถ้าสังเกตจากคริสตัลบนหน้าผากเขาก็คือมนุษย์ชั้นสูงระดับขาวนั้นเอง

 

“พวกป่าเถื่อน” เอวาที่แอบอยู่ข้าง ๆ เขาด่าออกมาด้วยความโกรธ เธอเป็นผู้หญิงจึงรู้สึกเกลียดการกระทำของคนพวกนี้เป็นอย่างมาก

ในขณะที่เธอจะออกไปจัดการกับคนพวกนี้ ไนเรลก็ยืนมือออกมาขวางเธอไว้เพราะว่าเขาสังเกตเห็นบางอย่าง

มันคือเด็กตัวเล็กที่เดินรอบ ๆ ค่ายคอยรวบรวมซอมบี้อย่างช้า ๆ โดยที่คนในนั้นไม่ทันได้สังเกตว่าพฤติกรรมของซอมบี้เริ่มเปลี่ยนไป

ซอมบี้จากรอบ ๆ เริ่มมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

“นั่นมัน ซอมบี้ที่หนี” เอวาและเจคพูดออกมาพร้อมกัน

“มันกำลังทำอะไร?”

ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ทำอะไรซอมบี้จำนวนมากก็เริ่มจู่โจมรั้วเหล็กอย่างรุนแรง

“เสียงคำราม!!!”

พวกมันเริ่มร้องคำรามและยั่วยุ บางตัวก็ชนรั้วไม่หยุด

“เฮ้ยทำให้พวกมันงียบ ๆ กันสิวะ ข้ากำลังมีความสุขกับสาวน้อยอยู่นะโว้ย”

“ใช่ไอ้พวกยามไม่ได้เรื่อง มานี่ข้าจัดการเอง”

“ไปช่วยมันหน่อยไป”

พวกไฮยีน่าที่กำลังเมาก็ตะโกนด่ากันอย่างสนุกสนาน บางคนก็เดินมาพร้อมกับขวดเหล้าปาไปที่รั้ว

ซอมบี้ยิ่งร้องคำรามและบ้าครั้งมากยิ่งขึ้นเมื่อคนเดินมาที่รั้วมากขึ้น

และทันใดนั้นเองก็มีซอมบี้วิ่งมารวมทางจุดเดียวกันเขย่ารั้วอย่างต่อเนื่องบางตัวเริ่มหยิบท่อนไม้มาฟาดไปที่รั่ว บางตัวก็ปีนไปบนรั่ว ด้วยน้ำหนักที่ถ่ายเทไปรั้วเริ่มที่จะทนไม่ไหวและสั่นคลอนลง

“ซวยแล้วพวกเรา!!! ซอมบี้มันเป็นบ้าอะไรไม่รู้?”

“เดี๋ยวรีบเอาปืนมายิงมันก่อนที่มันจะพังรั้วเข้ามาได้”

“ยิงซอมบี้บัดซบนั้นให้หมด!!!”

ปัง! ปัง! ปัง!

ด้วยความเมาพวกไฮยีน่ากลุ่มนี้ก็ยิงปืนใส่ซอมบี้ไม่ยั้ง

“พวกโง่เง่า” ไนเรลด่าออกไป

เพราะพวกนี้ไม่ใช่ยิงแค่ซอมบี้แต่กระสุนบางส่วนไปโดนรั้วและทำให้มันพังลงเร็วกว่าปกติ

ซอมบี้ยังคงเดินหน้าอย่างไม่สนใจพวกมันเริ่มมารวมตัวกันมากขึ้นจากเสียงปืน และสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือไม่มีใครสังเกตเห็นเด็กน้อยที่ปันรั้วเข้าไปอย่างเงียบและปลดล๊อคประตูเปิดให้ซอมบี้เข้ามาเลย

“ต้องรีบไปจัดการมัน” ไนเรลกล่าวเสร็จ ผิวหนังตามตัวของเขาก็เริ่มกลืนเข้ากับแสงและสีรอบข้าง จนดูเหมือนเขาหายตัวได้

“พวกนายหาจังหวะโดยรอบโจมตีมันก็แล้วกัน” และเขาก็เดินหายไปในความมืด

ทั้งเจคและเอวา ไม่ค่อยพอใจที่ไนเรลออกคำสั่งแก่พวกเขา แต่พวกเขาก็สั่งให้คนของกลุ่มตัวเองจัดการซอมบี้รอบ ๆ ส่วนตัวเองก็หาทางเข้าไปจัดการกับซอมบี้สติปัญญาเช่นกัน

re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง

re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง

Score 7.9
Status: Ongoing Released: N/A
อ่านนิยายเรื่อง re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้งณ ช่วงชีวิตหนึ่งผมเสียทุกอย่างไป แต่ก็ได้รับโอกาสในอีกโลกหนึ่ง ไนเรลชายหนุ่มที่สูญเสียทุกอย่างให้กับวันสิ้นโลกและซอมบี้ แต่แล้วโชคชะตาก็พาเขาไปพบกับกล่องแพนโดร่าที่ซึ่งมีเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการ ตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด และนั้นจึงทำให้เขาได้รับโอกาสในการเปลี่ยนแปลงโลกซอมบี้ใบนี้อีกครั้ง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset