ตอนที่ 3 ซอมบี้(รีไรท์)
เช้าวันนี้นิเรียก็เข้ามาปลุกไนเรลเหมือนเดิม แต่กลับไม่เจอไนเรล เธอเห็นแต่โน๊ตกระดาษที่ถูกทิ้งไว้ “พี่ออกไปวิ่งแต่เช้าฝากน้องสาวผู้น่ารัก ทำอาหารไว้ให้เผื่อพี่ด้วย”
นิเรียรู้สึกแปลกใจพักนี้ไนเรลของเธอทำตัวแปลกไป พี่ชายเอาแต่ซื้ออาหารกระป๋องมาเก็บไว้ในบ้านเป็นจำนวนมาก แล้วก็ออกไปวิ่งทุกวัน นี่ก็ 2 อาทิตย์ผ่านมาแล้ว
เมื่อวานนี้พี่ชายก็โทรไปบอกพ่อกับแม่ให้มาเที่ยวที่เมืองหลวงในช่วงวันหยุดสัปดาห์ แต่พ่อกับแม่ไม่มาเนื่องจากติดธุระ พี่ชายจึงบอกให้ซื้ออาหารกระป๋องเก็บไว้ให้เยอะที่สุด และให้หาอาวุธไว้ป้องกันตัวเองด้วย แต่เขาไม่ได้บอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่ชายของเธอทำราวกับว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นอย่างนั้น
หลังจากที่ทำอาหารเช้าเสร็จแล้วเธอก็ยกทุกอย่างออกมาจัดวางไว้ที่โต๊ะอาหารและหันไปเปิดทีวีฟังเพื่อรอไนเรลกลับมา
“ข่าววันนี้เราจะมารายงานเกี่ยวกับเมฆฝนที่ปกคลุมทางทวีปเหนือ ที่ดูเหมือนว่าจะขยายตัวออกเป็นวงกว้าง คาดว่ามันจะเคลื่อนตัวผ่านประเทศไทกีล่าในอีกอีก 3 วัน เมฆฝนดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นตัวการที่ทำให้เราไม่สามารถติดต่อกับประเทศมิสทราลได้ ขออย่าให้ประชาชนตื่นตระหนกและอย่าเชื่อข่าวลือใด ๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับ…”
ไนเรลที่ตอนนี้ยืนอยู่ด้านหลังกำลังมองข่าวแล้วคุ่นคิดอยู่ “ดูเหมือนว่าทางรัฐบาลไทกีล่าก็ยังคงใช้มุขเดิมหลอกว่าไม่สามารถติดต่อกับประเทศทางตอนเหนือได้เพราะพายุฝน”
“พี่กลับมาแล้วเหรอคะ รีบมากินข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมดซะก่อน” นิเรียพูด
ทั้งสองคนนั่งกินข้าวอยู่ วันนี้ไนเรลก็ยังชมกับข้าวฝีมือของนิเรียอร่อยเหมือนเดิม แต่อยู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมา “น้องสามรถลาหยุดโรงเรียนสัก 1 สัปดาห์ได้หรือไม่ พอดีพี่จะพาเราไปเที่ยวแถวชานเมือง”
เธอก็รู้สึกแปลกในแค่เที่ยวแถวชานเมืองทำไมต้องหยุดตั้ง 7 วัน แต่เธอก็ยังตอบตกลง “น่าจะได้นะคะ หยุดสัก 1 อาทิตย์ผลการเรียนของหนูก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ว่าหนูขอพาเพื่อนไปด้วยได้ไหม?”
“อืม ได้สิ…แค่ก ๆ” ไนเรลตอบพร้อมกับเกี่ยวข้าวในปากคำโตทำให้เขาสำลักข้าวเล็กน้อย
“แล้วเราจะไปกันวันไหนคะ?”
“พรุ่งนี้เลยก็แล้วกัน”
“น่าจะได้คะ เดี่ยวหนูชวนเพื่อนก่อน” นิเรียหยิบอุปกร์สื่อสารของเธอขึ้นมา มันเป็นแผ่นกระจกใส จากนั้นเธอก็โทรไปหาเพื่อนของเธอ
“สวัสดีค่ะลูกพี่”
“พวกเธอวางไหม? ไปเที่ยวนอกเมืองกันพรุ่งนี้”
“ลูกพี่ผมไป”
“ผมไปด้วยลูกพี่”
“ไป ๆ”
“พวกนายหยุดพุดสักที…เงียบเลย!!!…ลูกพี่ชวนไปแต่ผู้หญิงยะ”
ไนเรลที่นังกินข้าวก็รู้สึกแปลกใจ ‘ทำไมเพื่อนของน้องสาวถึงเรียกเธอว่าลูกพี่ คงไม่ใช่ว่าน้องสาวของเราเป็นหัวหน้ามาเฟียอะไรแบบนั้นหรอกนะ’
“พี่หนูชวนพวกเพื่อน ๆ มาทั้งหมดเลยได้ไหมคะ?”
“เออ…อืม” ไนเรลตอบไปแบบงง ๆ “แต่พวกเขาคงต้องเดินทางไปเองนะพอดีพี่เช่ารถออฟโรดไว้นะสิ ที่นั่งคงไม่พอ”
“ได้คะ”
หลังจากที่ทั้งคู่จัดการธุระต่าง ๆ เสร็จแล้วก็เตรียมเก็บของออกไปเที่ยวชานเมือง เพื่อใส่ไปในรถออฟโรดที่เช่าไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
………………………………………..
เช้าวันต่อมาทั้งสองคนก็ช่วยกันขนของขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
“พี่เราจะเอาไปหมดเลยเหรอ?” นิเรียถามพร้อมกับชี้ไปที่ลังที่บรรจุอาหารกระป๋องไว้จำนวนมาก
“ใช่” เขาพยักหน้า
อันที่จริง สิ่งของเหล่านี้คือของที่เขาไม่อยากทิ้งไว้จึงได้แต่เอาไปด้วย เขาได้ซื้ออาหารกระป๋องไว้ที่บ้านชานเมืองไว้บางส่วนแล้วเช่นกัน ซึ่งมันเยอะกว่าของที่เอาไปหลายเท่าตัว
“แล้วกล่องพวกนี้ละ?” เธอเรียชี้ไปที่กล่องไม้ขนาดใหญ่ 2 กล่องและเล็กอีก 3 กล่องที่อยู่บนรถ
“กล่องนี้เป็นของขวัญของน้องสาวพี่ยังไงละ ที่เหลือเป็นของพี่”
“หนูเปิดดูเลยได้ไหม?” นิเรียถามด้วยความตื่นเต้นราวกับว่าเธอไม่เคยได้ของขวัญจากเขามาก่อน
ไนเรลลองนึกดูดี ๆ ก็ดูเหมือนว่านาน ๆ ที่เขาจะให้ของขวัญน้องสาวดังนั้นจึงไม่แปลกที่เธอจะตื่นเต้น
“เดี่ยวค่อยเปิด รีบไปกันดีกว่า” ไนเรลโยนกระเป๋าหนังขนาดใหญ่ขึ้นไปบนรถ และขับรถออกไปในทันที
ประมาน 3 ชั่วโมงเขาก็มาถึงบ้านชานเมือง เมื่อเข้ามาใกล้ทั้งสองก็เห็นว่า หน้าบ้านมีกลุ่มคนรอพวกเขาอยู่
“สวัสดีค่ะ พี่คงเป็นพี่ชายของลูกพี่ หนู ชื่อ ดาลิธคะ”
“หนูชื่อ ซินน่าคะ”
“ส่วนหนู ไมน่าคะ”
“ผม ชื่อ คารอน และนี่ ดามิน ครับ”
“สวัสดีครับผมดามิน”
ทั้ง5 คนทักทายเขา ด้วยท่าทีสุภาพจนน่าแปลกใจ
เขาสังเกตทั้ง 5 คนอย่างละเอียดโดยเฉพาะ ‘คารอนและดามินที่ เป็นผู้ชาย คารอนดูจะเป็นพวกกล้าหาญ ส่วนดามินเด็กหนุ่มที่ใส่แว่นดูจะเป็นคนใจเย็นเหมือนพวกหนอนหนังสือ ดาลิธเองก็คงเป็นพวกห้าว ๆ สินะ ซินน่าและไมน่าดูจะสนิทกันและเรียบร้อยกว่ามาก’
“อืม เดี๋ยวเอาของไปเก็บข้างในกันก่อนก็แล้วกัน”
พวกเขาทั้ง 5 คนตามไนเรลเอาของเข้าไปเก็บไว้ในบ้านพัก และกลับมาช่วยนิเรียยกของกันอย่างกระตือลือล้น
หลังจากนั้นเวลาเย็นทั้ง 7 คนก็จัดปาร์ตี้หมูย่างที่ลานกว้างหน้าบ้าน ซึ่งของทั้งหมดก็เป็นไนเรลที่ซื้อมาแช่เเข็งไว้ที่ห้องใต้ดิน และในคำคืนแรกก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
สองวันต่อมา…
ไนเรลก็ออกไปวิ่งที่นี่บริเวณรอบเขตบ้านพัก ๆ เหมือนกับวันก่อน ๆ ที่นี่มีบ้านของผู้คนอยู่ไม่เยอะมากนักส่วนใหญ่จะเป็นป่าเขามากกว่า ทำให้มีอากาศนั้นสดชื่นเป็นอย่างมาก
ถ้ามีใครที่เห็นไนเรลวิ่งก็ต้องตกใจเป็นอย่างมากแน่นอน เพราะเขาวิ่งถึง 20 กิโลและแบกดาบยาวทังสแตนไว้ด้วย เพื่อให้เขาเกิดความชิน
ในชีวิตก่อนหน้าไนเรลก็ใช้ดาบแบบนี้เหมือนกัน แต่มันเป็นดาบที่ดีกว่านี้มากนัก
แต่ดูเหมือนฟ้าฝนจะไม่เป็นใจนัก เนื่องจากในตอนบ่ายฝนเริ่มที่จะตกลงมาแล้ว
……………………………..
ตอนนี้ฝนตกมาเป็นเวลา 5 วันแล้ว ทั้งนิเรียและเพื่อน ๆ ก็เล่นเกมกระดานกันอยู่ภายในบ้านทั้งวัน และบ้างก็เปิดดูทีวี ซึ่งทุกคนก็ดูจะรู้สึกเบื่อเป็นอย่างมากโดยเฉพาะนิเรีย
ไนเรลจึงให้เธอไปเอากล่องที่บอกว่าเป็นของขวัญมาเปิดดู
ทันทีที่เปิดออกก็มีปืนลูกโม่ทังสแตน โมเดล 500 ขนาด 500 แม็กนั่ม ที่เขาซื้อมาในราคา 15,000 เหรียญ มันมีทั้งหมดสองกระบอก
“สุดยอด!” คารอนถึงกับอุทานออกมา แต่เมื่อคิดว่านี่คือพี่ชายของลูกพี่แล้วของที่ขวัญให้จะธรรมดาได้อย่างไร
“ราคาของมันไม่ใช่ถูก ๆ เลย น่าจะเป็นตัวใหม่ล่าสุดด้วย ปืนลูกโม่ทังสแตน โมเดล 500 ขนาด 500 แม็กนั่ม จัดเป็นอาวุธผิดกฎหมายที่ทางประเทศไทกีล่าประกาศไว้ในกฎหมายอาวุธปืน” ดามินขยับแว่น ขณะที่พูดออกมา
เมื่อเห็นว่าไนเรลมองมาเขา ดามินก็รีบแก้ตัวทันที “พอดีผม สนใจอาวุธปืนนะครับ พอจะได้อ่านเกี่ยวกับอาวุธแบบนี้มาบ้าง ปืนลูกโม่นี้อาจจะเป็นรุ่นอื่นก็ได้ครับ”
“ไม่ผิดหรอก” ไนเรลตอบตามตรงออกมา
ดามินที่ได้ยินดังนั้นก็เสียวสันหลังแวบและคิดในใจ ‘ดูเหมือนว่าพี่ชายของลุกพี่จะไม่ธรรมดาจริง ๆ ด้วย’
“เล่นปืนไปก่อนนะ ระวังด้วยละ” ไนเรลเดินออกมา ถึงอย่างไรการที่เขาอยู่ด้วยก็รังแต่จะทำให้ทุกคนหมดสนุก อีกอย่างมันคงใกล้แล้วเช่นกัน
เขาเดินมาเปิดทีวีดูก็เห็นข่าวว่ามีคนป่วยเป็นจำนวนมากคนพวกนี้ที่ป่วยจะเป็นชุดแรกจะมีบางส่วนที่เริ่มกลายเป็นซอมบี้ในอีก 6 ชั่วโมงจากนั้นคนที่โดนกัดก็จะเริ่มกลายล่างในอีก 3 ชั่วโมงเวลาในการกลายบ่างจะค่อย ๆ น้อยลงไปเรื่อย ๆ จนเหลือแค่ 10 นาที
ส่วนพวกมีพลังพิเศษจะเกิดการวิวัฒนาการหลังจากที่ฝน 7 วันหยุดตก และกลายเป็นหนึ่งในพวกมนุษย์ที่วิวัฒนาการหรือที่ต่อมาถูกเรียกว่ามนุษย์ชั้นสูง
การที่จะเป็นซอมบี้หรือมนุษย์ชั้นสูงได้ มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าจะโดนฝนที่ตกลงมาหรือไม่ แต่เกี่ยวกับร่างกายของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป
ส่วนอีกวิธีที่จะเป็นมนุษย์ชั้นสูง ก็คือการกินเนื้อสัตว์กลายพันธุ์หรือพืชกลายพันธุ์แต่มันก็มีเงือนไขอีกหลาย ๆ อย่าง นั้นรวมถึงสภาพจิตใจ และยีนของแต่ละคนด้วย
ส่วนความสามารถของเขาในชาติที่แล้วมันคือ [การเร่งการเจริญเติบโตของพืช F] ซึ่งเป็นประเภทลึกลับที่ไม่มีความสามมารถต่อสู้อะไร เพราะมันทำได้แค่เร่งการเจริญเติบโตได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถควบคุมพืชการกระทำชองพืชได้
แต่แล้วมันอย่างไร เพราะในชีวิตที่แล้วเขาก็ยังสามารถขึ้นไปจนถึงระดับที่หลาย ๆ คนยังไม่สามารถแม้แต่จะไปถึง
ในชีวิตนี้ไนเรลมันใจว่าจะไปได้ไกลกว่าชีวิตที่แล้วแน่นอน เพราะเขามีทั้งความทรงจำและประสบการณ์ต่อสู้จากชีวิตที่แล้ว และเขาจะไม่ไปตัวคนเดียวอีกต่อไป เพราะเขาจะไปพร้อมกับทุกคน
ขณะที่เขานั้งดูทีวีอยู่นั้น ไมน่าเดินเข้ามาด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ “พี่ไนเรล คือว่าที่หน้าบ้านมีคนแปลก ๆ ยืนเกาะรั้วประตูอยู่”
ทุกคนที่อยู่ในห้องนั่งเล่นมองไปตามทิศทางที่ไมน่าชี้ไป มีชายรูปร่างผอม ใส่เสื้อผ้าที่ดูจะขาดรุ่งริ่งราวกับขอทานเอาหัวโขกรั่วประตูอยู่
“ให้ผมไปไล่ให้หรือไม่พี่ไนเรล?” คารอนอาสาออกไปจัดการให้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยกลัวอะไร ขณะที่ถือปืนลูกโม่เล่นอยู่ ซึ่งนิเรียเป็นคนอนุญาติให้เขาจับปืนเล่น
“ไม่ต้องปล่อยไปก่อน” ไนเรลไม่ได้สนใจคนแปลกหน้านั้น เพราะเขารู้ว่ามันคืออะไร และเขาเชื่อว่าพวกมันจะไม่สามารถผ่านเข้ามาได้
สิ่งเขารอจริง ๆ คือ เพื่อนทั้ง5 คนของนิเรียเขากำลังรออยู่ว่าจะมีคนป่วยหรือไม่? ต่างหากตอนนี้เวลาใกล้เย็นแล้ว
หลังจากที่ทุกคนเห็นแบบนั้นก็ไม่มีใครมีกะจิตกะใจจะทำอย่างอื่นต่อ ได้แต่มองดูชายคนนั้นและรอว่าเมื่อไหร่ไนเรลจะให้ออกไปไล่
หลังจากตกเย็นบริเวณรอบบ้านก็มืดลงไนเรลจึงให้ดามินไปเปิดไฟ เขารู้สึกถูกชะตากับดามินเป็นพิเศษอาจจะเป็นเพราะดามินเหมือนกับตัวเขาในโลกในนั้น ก่อนที่จะถูกรถชนจนพิการ
“เดี่ยว…ก่อนทำไมมีคนแปลก ๆ มาเพิ่มอีกละ” ดาลิธตระโกนออกมาพร้อมกับเอามือปิดปากเพราะว่าคนที่มาใหม่ ดันแขนขาดไปข้างและที่มือก็ถือแขนและกัดกินแขนตัวเองอยู่
แต่แล้วจู่ ๆ มันก็โยนแขนทิ้งและพุ่งชนรั้วประตูเหล็กทันที
“อ๊ากก ๆ” มันร้องออกมาเสียงดังเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นหัวของมันก็ติดกับรั่วเอาออกไม่ได้ รั้วเหล็กหนีบเข้าที่คอของมันทำให้มันร้องไม่ได้ ได้แต่คางและเสียงของเล็บที่ข่วนพื้นปูน อยู่แบบนั้น
“คาก ๆ คะ คาก”
“พี่มันคืออะไร?” นิเรียถามออกมาด้วยความสงบ
ไนเรลมองไปที่น้องสาวของตัวเองเขารู้ว่าเธอกำลังกลัวอยู่ แต่ เธอก็ควบคุมมันได้
ทุกคนนั้นมีความกลัวเพราะพวกเขายังมีชีวิต ถ้าไร้ซึ่งความกลัวก็ถือว่าคนคนนั้นได้ตายไปแล้ว ก็เหมือนกับเขาที่ครั้งหนึ่ง เคยไร้ซึ่งความกลัว จิตใจตายไปและออกเดินทางสู่มิสทราล เขาได้ความกลัวกลับมา และได้มาอยู่ตรงนี้
“นอนกันเถอะ วันนี้ทุกคนนอนรวมกันที่นี้แหละ” ไนเรลกล่าว เขาไม่ได้ตอบคำถามของนิเรีย