ตอนที่ 36 ต้นมันโลหิตกลายพันธุ์
ตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว ทุกคนก็เริ่มจะมีแรงกันมากขึ้นแต่ก็ยังคงหิวกันมากอยู่ดี ไนเรลจึงออกสำรวจรอบ ๆ เพื่อดูว่าจะสามารถล่าหรือหาอะไรกินได้หรือไม่
เอว่าที่เห็นดังนั้นก็อาสาไปด้วยเช่นกัน หลังจากที่ทั้งสองคนเดินออกไปจ่าคูเปอร์ก็มีสีหน้าและรอยยิ้มแปลก เขาหันไปเล่าเรื่องบางอย่างให้กันทหารและนักล่าคนอื่น ๆ ฟังทันที
ทหารหลายคนได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าแปลก ๆ พวกเขาไม่คิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ พวกเขายังคงทำเรื่องแบบนี้ได้ แต่ดูแล้วน้ำเสียงของพวกเขาจะอิจฉาซะมากกว่า
ไนเรลและเอวาเดินมาด้วยกัน เอวานั้นดูจะเงียบ ๆ ผิดจากทุกทีที่เธอจะถามเขาตลอด ไนเรลเองก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีก พวกเขาเดินเข้ามาในป่าด้วยความระมัดระวังด้วยความที่เขาไม่มีดาบคู่เขางู ไนเรลจึงต้องเปลี่ยนมาใช่อาวุธอื่นนั้นก็คือ มีดสั้นเขี้ยวงูสองเล่มที่เมสันทำขึ้นมาพร้อมกับดาบคู่เขางู
เขาต้องปรับตัวกับการใช้มีดสั้นเขี้ยวงูอยู่สักพัก ถึงจะชินมือ
ตัวมีดนั้นยาวประมาณ 25 เซนติเมตร สีขาวราวกับแสงสุดท้ายก่อนตาย ตัวมีดนั้นทำมาจากเขี้ยวงูมันจึงมีพิษ สิ่งที่โดนฟันด้วยมีสั้นจะโดนพิษอ่อน ๆ ถ้าโดนมาก ๆ ก็อาจจะตัวชาเป็นอัมพาตชั่วคราวได้
เขาเดินไปไม่ลึกมากเพราะตอนนี้มันเย็นพอสมควร แสงอาทิตย์เริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ ในตอนนั้นเองเขาก็สังเกตเห็นสงสีแดงจำนวนมากที่สองออกมาตามเถาวัลย์ที่พันอยู่ต้นไม้ขนาดใหญ่
“นั้นมัน ต้นมันโลหิต” ไนเรลรีบเดินไปที่มัน
เอวาเดินตามไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที
ไนเรลเด็ดผลของมันออกมาจากต้น ของเหลวที่เหมือนกับเลือดไหลออกมาตามรอยเด็ดที่ขั้วของผล
เขานึกถึงข้อมูลของมันโลหิตพวกนี้ทันที
ต้นมันโลหิตกลายพันธุ์ ผลของมันเป็นหัวมียางเหมือนเลือด ให้แป้งและสารอาหารที่มาก ดูดซับสารอาหารได้จำนวนมากโดยเฉพาะซากศพซอมบี้ ถ้าต้นมันตายจะสร้างเมล็ดพันธุ์ขึ้นมาสามเมล็ดเพื่อขยายพันธุ์ต่อ
นี่คือหนึ่งในพืชกลายพันธุ์ที่เป็นอาหารหลักของมนุษย์หลังจากวันสิ้นโลก เนื่องจากมันให้ผลผลิตที่มาก และไม่ต้องปลูกหลายครั้ง เพราะเพียงแค่มีสารอาหารให้มันเพียงพอ มันก็จะออกผลมาเรื่อย ๆ ทนต่อทุกสภาพอากาศ
อีกทั้งรสชาติของมันอร่อยมาก
“เธอไปเรียกทุกคนมาช่วยกันเก็บมันหน่อย เย็นนี้พวกเราจะกินมันโลหิตพวกนี้”
“อืม…” เอวาพยักหน้าและเดินกลับไปเรียกทหารและนักล่า
ในขณะที่ไนเรลมองเอวาเดินออกไป เขาหาหัวหลักของต้นมันโลหิตกลายพันธุ์ทันที มันมีลักษณะคล้ายกับหัวใจของมนุษย์ที่มีรากเป็นเส้นเลือดฝอย ขนาดแค่กำปั้นเท่านั้น “ดูเหมือนมันจะยังโตไม่เต็มที่”
มือของไนเรลวางไปที่หัวหลักของมันจากนั้นก็ใช้ความสามารถ [เร่งการเจริญเติบโตของพืช F] ทันที เหตุผลจริงที่เขาให้เอวาไปเรียกทุกคนนั้น เพราะเขาไม่อยากให้เธอเห็นความสามารถนี้ของเขา
ไนเรลอยากจะให้ทุกคนคิดว่าเขาอาจจะมีความสามารถประเภทลึกลับที่ช่วยให้กลายร่างเป็นร่างกิ้งก่าได้มากกว่าที่ทุกคนคิดว่าเขามีความสามารถมากกว่าหนึ่งอย่าง
เพราะถึงอย่างไรทุกคนก็รู้ว่าคริสตัลที่หน้าผากของเขาเป็นรูปวงรีซึ่งเป็นประเภทลึกลับ
หัวหลักมันโลหิตก็เหมือนได้รับการกระตุ้นมันขยายเข้าออกอย่างต่อเนื่อง ผืนดินบริเวณรอบเริ่มแห้งและแตกร้าว สารอาหารรอบบริเวณถูกดูดซับโดยต้นมันโลหิตกลายพันธุ์
ผลที่อยู่ตามเถาวัลย์ของมันเติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนมีขนาดเท่าหัวมนุษย์ หลังจากผ่านไป 10 นาทีในที่สุดเขาก็ถึงขีดจำกัดของความสามารถและที่สำคัญสารอาหารในดินรอบ ๆ ก็มีเหลือแล้ว
เนื่องจากความสามารถเขามันเป็นแค่ระดับ F เท่านั้น มันจึงเร่งการเจริญเติบโตได้แค่นี้
ถ้าความสามารถของเขาพัฒนาไปจนถึงระดับ A ละก็มันสามารถเร่งการเจริญเติบโตของเมล็ดพืชให้กลายเป็นต้นไม้ใหญ่สูงหลายร้อยเมตรได้เลยในเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องให้ระดับพลังของเขาไปถึงระดับ สีน้ำเงิน ซึ่งเท่ากับชีวิตที่แล้วของเขา
เขาก็นั่งรอสักพักเอวาก็พากลุ่มทหารและนักล่ามา พวกเขาช่วยกันเก็บผลมันโลหิตกลายพันธุ์ทันทีอย่างเร่งรีบ
เนื่องจากพวกเขาได้ยินจากเอวาว่ามันสามารถกินได้ ทุกคนก็มีแรงฮึดกันขั้นมาทันที
หลังจากที่เก็บจนหมดก็ได้หัวของมันโลหิตกลายพันธุ์ให้พวกเขาทุกกินสามเวลาถึง 3 วันเลยทีเดียว
พวกพากันหอบกลับไปที่พักอย่างรวดเร็ว
ไนเรลเองก็ตามกลับไปแต่เขาก็ไม่ลืมที่จะขุดหัวหลักของมันมาด้วย ทันทีที่มันถูกขุดขึ้นมาจากผื้นดิน เถาวัลย์ของต้นมันโลหิตกลายพันธุ์ก็แห้งเหี่ยว หัวหลักที่เหมือนกับหัวใจก็กลายเป็นเปลือกแข็ง ห่อหุ้มเมล็ดทั้งสามไว้ภายในทันที
ไนเรลเก็บมันลงไปทันที เขามีแผนที่จะใช้เมล็ดพวกนี้ในการต่อรองกับทางรัฐบาลเพื่อแลกกับของที่เขาต้องการ
ตอนนี้ทุกคนกินผลมันโลหิตกันอย่างอร่อย วิธีการกินของพวกเขานั้นพื้นฐานที่สุดคือการวางมันไว้ใต้ขี้เถ้า เหมือนกับมันเผาปกติทั่วไป
ไนเรลลองกินมันดุเพราะเขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้ากินพวกพืชกลายพันธุ์ไปมันจะได้รับความสามารถอะไรมาหรือไม่ และก็เป็นดังคาดใบ้ไม้รอยสักก็งอกออกมา แต่แล้วมันก็แห้งเหี่ยวลงราวกับว่าความสามารถนี้นั้นมันไม่มีค่าพอให้สังเคราะห์ออกมา หรือก็คือมันมีระดับที่ต่ำเกินไป
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่ามันไม่ยอมสร้างความสามารถใหม่ ๆ ให้กับเขา ดูเหมือนว่าถ้าเป็นพืชจะต้องเป็นสิ่งที่มีค่าพอ หรือไม่ก็ระดับสูงพอ
คริสตัลที่หน้าอกของเขานั้นมันมีความแปลกประหลาดเกินไป เขาคงต้องเรียนรู้มันให้มากกว่านี้ ถึงจะเข้าถึงความลับของมันทั้งหมด
เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน คืนนี้พวกเขาได้นอนกันรวดเร็ว
แต่แล้วในตอนกลางคืนที่ กองไฟเริ่มหรี่แสงลง เรียงของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์อีกชนิดก็เริ่มบินเข้ามาใกล้พวกเขา
“หืม…” ไนเรลที่มีการตอบสนองเร็วสุดลืมตาตื้นขึ้นมาทันทีโดยที่ในมือทั้งสองข้างของเขาจับมีดสั้นเขี้ยงงูไว้ พร้อมที่จะโจมตีออกมา
สิ่งที่เขาเห็นนั้นมันคือ ฝูงยุงป่ากลายพันธุ์ มีขนาดตัวประมาณนิ้วมือ บินวนไปมา
สีหน้าเขาจิงจังขึ้นมาทันที สิ่งที่น่ากลัวในป่านั้นไม่ช่สัตว์นักล่าหรือซอมบี้ แต่มันคือการป่วยเป็นไข้ป่า
“ลุกขึ้นเร็ว” ไนเรลปลุกคูเปอร์และทุกคน
“เกิดอะไรขึ้น”
“พระเจ้า…ทำไมถึงมีกลุ่มควันสีดำเยอะขนาดนี้”
“ไม่ใช่นั้นมันฝูงยุงป่า”
“ทุกคนรีบหาไม้มาก่อกองไฟให้ได้เยอะที่สุด พวกมันกลัวแสงสว่างและไฟ” ไนเรลรีบนำทุกคนจัดการก่อกองไฟขึ้นมาจำนวนมาก
ยังไม่ทันที่พวกเขาจะทำการก่อกองไฟเสร็จยุงทั้งฝูกก็ไม่รอช้าบินลงมาใส่พวกเขาทันที
“เสียงยุงบิน!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“บัดซบเอ๊ยไม่ทันแล้ว”
“ทุกคนหยิบไฟขึ้นมาเร็ว”
ทักคนหยิบท่อนไม้ที่ติดไฟฟาดไปที่ฝูงยุงทันที
การเหวี่ยงท้อนไม้ที่ติดไฟแต่ละครั้ง ยุงจำนวนมากก็โดนไฟเผาทันที ปีกของพวกมันไหมจากนั้นก็ตัวร่วงหล่นลงพื้นดินเป็นจำนวนมาก
แต่ยุงที่ตายไปยังไม่ได้เศษเสี้ยวของฝูงยุกทั้งหมดด้วยซ้ำ
หลายคนโดนยุงป่ากลายพันธุ์เหล่านี้กัดเป็นจำนวนมาก ทุกคนเริ่มหันหลังชนกัน และก่อกองไฟมากขึ้น
แสงที่ส่งออกมาจากกองไฟทำให้พวกยุงเริ่มบินหนีบ้างแล้ว ใช้เวลาไม่นานเขาก็ไล่ฝูงยุงป่าออกไปได้ แต่พวกมันก็บินวนอยู่รอบ ๆ ไม่ห่าง
ในคืนนี้ทั้งคืนพวกเขาต้องผลัดกันเวรยามเฝ้ากองไฟเพื่อไม่ใช้ยุงป่ากลายพันธุ์เข้ามาใกล้พวกเขาได้อีก
เช้ามันต่อมาฝูงยุงทั้งหมดก็หายไป แต่ก็มีทหารตายไปอีก 2 และนักล่า อีก 1 ตามตัวของพวกเขามีรอยกัดของยุงอยู่หลายแห่งและมีคนที่เริ่มแสดงอาการไข้อีกจำนวนหนึ่ง
ตามศพของพวกเขามีทากและแมลลงกินเนื้อจำนวนมากกำลังจัดการซากของทั้งสาม
“ฝังศพพวกเขาก่อน” จ่าคูเปอร์บอกกับทหาร ในขณะที่นักล่าคนอื่น ๆ ก็ช่วยกันฝังศพของนักล่าเช่นกัน
หลังจากจัดการฝังศพทั้ง 3 แล้วพวกเขาก็ออกเดินทางกันต่อ แต่ด้วยความที่ตอนนี้เขาไม่มีเครื่องมือระบุตำแหน่งแล้วเพราะมันถูกกินไปพร้อมกับทหารสื่อสาร จึงได้แต่ต้องเดาทิศทางสุ่มและเดินทรงไปตามที่เคยเห็นในเครื่องมือระบุตำแหน่งเท่านั้น
ทั้งกลุ่มใช้เวลาเดินอยู่สามชั่วโมงก็เจอเข้ากับเนินดิน ด้านบนมีรางเหล็กอยู่
“รางรถไฟ”
พวกเขารีบวิ่งไปที่รางรถไฟทันที การที่เจอรางรถไฟนั้นหมายความว่าพวกเขาเจอเข้ากับเส้นทางที่กลับไปค่ายแล้ว
หลังจากที่เดินตามรางรถไฟไปได้สักพักก็เจอเข้ากับสถานี่รถไฟที่ตอนนี้เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำและพืชกลายพันธุ์จำนวนมากเกาะอยู่ตามตัวอาคาร
“สถานีรถไฟ”
“เร็วรีบเข้าไปสำรวจดุว่ามีวิทยุสื่อสารหรือไม่”
จ่าคูเปอร์ดูจะตื่นเต้นมากเขารีบสั่งทหารสำรวจดูทันที
ในขณะที่ไนเรลก็สำรวจดูรอบ ๆ ที่นี่ไม่มีทั้งสัตว์กลายพันธุ์หรืออันตรายอะไร แต่ตอนนั้นในสายตาของเขาที่ใช้ความสามารถตรวจจับความร้อนก็เจอเข้ากับคนที่หลบอยู่หลังประตูของในตัวอาคารที่แยกออก
ทหารที่กลับออกมาด้วยความผิดหวัง
“ไม่เจอวิทยุ ดูเหมือนจะมีคนขนมันไป” ทหารรายงานจ่าคูเปอร์
“เป็นไปได้อย่างไรที่นี่มันสถานีรถไฟจะต้องมีสักเครื่องที่ทิ้งไว้บางสิ”
“มีคนอยู่ในนั้น เขาอาจจะรู้ก็ได้ว่าวิทยุไปไหน” ไนเรลบอกกับจ่าคูเปอร์
ทุกคนระวังตัวทันที เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าคนที่แอบอยู่นั้นมีเจตนาอะไรกันแน่
“ออกมาพวกเราคือทหารจากค่ายลี้ภัยตะวันออก 101 ถ้านับถึง 3 แล้วยังไม่ออกมาพวกเราจะยิงทันที”
“หนึ่ง…”
“สอง….”
“สา…”
“เดี๋ยว…เดี๋ยวฉันยอมแล้ว” คนที่แอบอยู่รีบเปิดประตูทันทีด้วยความกลัว
แต่ที่น่าแปลกคือเขา ไม่สิเธอกลับเป็นแค่ผู้หญิงพิการอายุประมาณ 18 ผมสีน้ำตาลแดง ใส่แว่นตาหนาเตอะ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัว เธออัมพาตครึ่งท่อนล่าง
จ่าคูเปอร์ที่เห็นดังนั้นก็ยกมือให้ทุกคนเอามือลงทันที เมื่อเห็นว่าเธอไม่เป็นอันตราย
“เธอชื่ออะไร ที่นี่เกิดอะไรขึ้น ซอมบี้หรือคนหายไปไหนกันหมด”
“คนส่วนใหญ่ตายไปตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ซอมบี้โดนนกยักสีทองจับกินไปแล้ว”
ทหารหลายคนก็แปลกใจทันทีที่ได้ยิน นั้นหมายความว่าที่ผ่านมาผู้หญิงพิการตัวเล็กพิการนั่งรถเข็น อาศัยอยู่ที่สถานีแห่งนี้คนเดียวตั้งแต่เกิดเรื่อง
“ว่าแต่เธอชื่ออะไร?”
“เออ…” ดูเหมือนเธอจะลังเลเล็กน้อย แต่แล้วก็ตอบออกมา “กา…กาเบรียล”
ทุกคนที่ได้ยินก็รู้ทันทีว่าเธอโกหก คนอะไรจะชื่อกาเบรียล ชื่อของหนึ่งในทูตสวรรค์
แต่คนที่ยืนหนึ่งไปทันทีและมีสีหน้าที่ประหลาดใจที่สุดกับเป็นไนเรล
“กาเบรียล ชื่อนี้มัน……หรือว่าเธอคือ จูเรีย กาเบรียล ฉายาทูตสวรรค์แห่งโลกไซเบอร์” ไนเรลพูดออกมาอย่างตกใจ
“นายรู้ได้อย่างไร?!!!” จูเรียตกใจมาก อันที่จริงไม่มีใครรู้ชื่อ จูเรียของเธอ ปกติแล้วเธอจะใช้ กาเบรียลเป็นหลัก ส่วนฉายา ทูตสวรรค์ไซเบอร์นั้นเป็นชื่อที่ใช้ในโลกอินเตอร์เน็ต
“เยี่ยมไม่คิดว่าจะได้มาเจอกับตัวตนที่สุดยอดแบบเธอที่นี่” ไนเรลถึงกลับยิ้มออกมา ที่โชคชะตาพาให้เขามาเจอกับเธอ
……………………………………….