ตอนที่ 38 ข้อตกลง
ไนเรลนั่งอยู่ในห้องตรงข้ามเขา เป็นชายแก่มนุษย์ชั้นสูง ระดับ สีน้ำตาลนั่งอยู่ ท่าทีของเขาราวกับขุนเขาที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้
แค่ดุจากสีหน้าและท่าทางก็รู้ว่ารัฐมลตรีพาลเมอร์ไม่ชอบไนเรล
“ไอ้หนูตระกูลอาโรเดีย มีอะไรก็พูดมา” รัฐมลตรีพาลเมอร์มีสีหน้าที่จริงจังเป็นอย่างมาก
“ตอนนี้ค่ายคงกำลังขาดแคนอาหารใช่หรือไม่ ผมสามารถหาอาหารเป็นพืชที่กินได้ ประมาณ 200,000 ตันได้ภายใน 1 เดือน” ไนเรลกล่าวออกไป อย่างไม่รีรอ การเปิดก่อนได้เปรียบนั้นยังใช้ได้ในการเจรจาเสมอ
จากนั้นเขาก็หยิบผลมันโลหิตขึ้นมาสองชิ้น หนึ่งคือชิ้นที่เผาและอีกชิ้นยังสดอยู่
“หืม…” รัฐมลตรีพาลเมอร์ หยิบมันขึ้นมาดูและเขาก็ต้องแปลกใจ จึงได้ให้คนเอามันไปตรวจสอบทันที ใช้เวลาไม่นานก็ได้ผลมาว่ามันคือ พืชที่สามารถกินได้ แต่ผลที่ให้ไปมันไม่สามารถปลูกได้
ไนเรลเองก็รออย่างใจเย็นไม่ได้รีบร้อนอะไร
พาลเมอร์กำลังเคร่งเครียดในเรื่องของปริมานอาหารที่ลดลงอย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก ถ้าเจ้าเด็กนี่มันสามารถหาอาหารจะนวน 200000 ตันมาได้จริง ๆ ก็สามารถช่วยเรื่องปากท้องของคนในค่ายไปได้อีก 1 เดือน ไม่สิ สองเดือนท่ากินอย่างประหยัดอีกอย่างเมื่อถึงเวลานั้น ทางเมืองหลักก็คงส่งเมล็ดพันธุ์และเสีบงอาหารมาให้พวกเขาได้
ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าเมืองหลักกำลังวิจัยเมล็ดพันธุ์พืชที่กินได้อยู่น่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
ดูเหมือนว่าเด็กนี่จะมีพืชที่กินได้และให้ผลผลิตที่มากอยู่ รัฐมลตรีพาลเมอร์มองไปที่ไนเรล เขากำลังจะถามออกไปและกดดันไนเรลเพื่อยึดพืชชนิดนั้นมา แต่ก็ถูกขัดจังหวะโดยไนเรลก่อน
“ผมจะนับแค่ถึง 3 เท่านั้น ตกลงหรือไม่ ท่านตัดสินใจเองได้เลย แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าถ้าผมขายอาหารจำนวนมากขนาดนี้ให้กับพวกบริษัทพาราซัสละก็”
ปัง!!!!!
โต๊ะที่อยู่ด้านหน้าไนเรลถึงกลับพังยับด้วยกำปั้นของรัฐมลตรีพาลเมอร์ ไนเรลถึงกลับตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือมองไปที่รัฐมลตรีพาลเมอร์อย่างไม่สะทกสะท้าน
“โทษที…” รัฐมลตรีพาลเมอร์โกรธมากที่ไนเรลบอกว่าจะเอาอาหารจำนวน 200000 ตันแลกเปลี่ยนกับบริษัทพาราซัส แค่ตอนนี้มันก็คุกคามรัฐบาลจนแทบจะกดดันจากทุกด้านแล้ว ถ้าพวกมันยังคงควบคุมอาหารได้อีกก็คงมีแต่ยกค่ายให้พวกมันเลยไม่ดีซะกว่าหรือ
“ลองบอกสิ่งที่ต้องการมา” เสียงของรัฐมลตรีพาลเมอร์ดูไม่สบอารมณ์มากนัก ตระกูลอาโรเดียเป็นเหมือนกันหมดตั้งแต่ปูยันหลาน
“แก่นพลังงานขั้น 2 ต่ออาหาร 5000 ตัน แก่นพลังงานขั้น 3 ต่อ 50,000 ตัน และขั้น 4 ต่อ 500,000 ตันซึ่งแน่นอนว่าถ้าต้องใช้เวลา 2 เดือน ถ้าต้องการเป็นจำนวนมาก”
“ในขณะเดียวกันผมขอพื้นที่เขตติดประตูตะวันออกจำนวน 5,000 ตารางกิโลเมตร เป็นกรรมสิทธิ์ของผมแต่เพียงผู้เดียว และห้ามให้ใครหน่วยอะไรมายุ่งในบริเวณนั้นเป็นอันขาด แลกกับอาหาร 100,000 ตัน”
ไนเรลมองไปที่ รัฐมลตรีพาลเมอร์ที่ตอนนี้คิ้วแทบจะชนกันแล้ว สำหรับเขาที่เป็นรัฐมลตรีแล้ว ซึ่งมีสถานะไม่ต่างจากเจ้าเมืองในยุคโบราณ แค่พื้นที่ 5000 ตารางกิโลเมตรนั้นเขาสามารถยกให้ได้ บริเวณนั้นเป็นแค่พื้นที่แห้งแล้งที่อยู่ในกำแพงเท่านั้น
ปล่อยทิ้งไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่ว่าสิ่งที่เขาต้องการแลกเปลี่ยนอีกอย่างคือ แก่นพลังงาน แค่ใช้ในกองทัพและในรัฐบาลก็ยังไม่เพียงพอ แล้วจะเอาไปให้ไนเรลได้อย่างไร
“เปลี่ยนจากแก่นพลังงานเป็นอย่างอื่น ๆ” รัฐมลตรีพาลเมอร์พูดออกมาด้วยเสียงที่เย็นชาและข่มขู่
ไนเรลมองเข้าไปที่สาตายของรัฐมลตรีพาลเมื่ออย่างไม่ละสายตาและกล่าวออกมา พาราซัสสามารถจ่ายได้
‘บัดซบ พาราซัสอีกแล้ว’ พาลเมอร์ได้แต่เดือดดาลอยู่ในใจ หรือจะจับเด็กนี่ไปทรมาน เพื่อหาว่าเขาหาอาหารพวกนี้มาจากไหน ไม่ได้เดี่ยวปุของมันมาแก้แค้นเอาได้ มันยิ่งเป็นหมาบ้าที่ทำอะไรไม่ชอบคิดอยู่
“ตกลง แก่นพลังงาน ขั้น 2 จำนวน 10 ชิ้น และขั้น 3 หนึ่ง” รัฐมลตรีพาลเมอร์ตอบไปทั้งที่กัดฟัน ถ้าเขาไม่ตอบตกลง เดี่ยวเด็กนี่จะต้องไปหาพวกบริษัทเหล่านั้นเพื่อทำข้อตกลงแน่นอน
“พื้นที่ติดประตูทางตะวันออกด้วย” ไนเรลย้ำ
“ตามนั้น” พาลเมอร์ตอบแบบไม่ใส่ใจ กับแค่ที่มันจะไปมากอะไร ตอนนี้ที่เขาหนักใจคือ แก่นพลังงานต่างหากจะดึงจากส่วนไหนไปให้ไนเรล
และแล้วความซวยก็ไปออกที่หน่วยดาบซึ่งทำภารกิจล้มเหลวในการตามล่าจับตัวซอมบี้สติปัญญา ภายหลังจีซัสก็ได้รู้ว่าเหตุที่แก่นพลังงานทั้งหน่วยดาบโดนตัดไปนั้นก็เป็นเพราะเอาไปให้ไนเรล ซึ่งทำให้เขาแทบจะคลั่งเพราะไม่เพียงไนเรลไม่ถูกลงโทษแต่ยังได้แก่นพลังงานไปอีก
“แต่ก่อนหน้านั้น ข้าขอถามก่อน เจ้าได้ฆ่าไอแซคหรือไม่” ตอนนี้น้ำเสียงของรัฐมลตรีพาลเมื่อจริงจังเป็นอย่างมาก
“ความจริงของเรื่องนี้มีค่ามากกว่าข้อตกลงของเราหรือไม่?”
หลังจากนั้นสักพักไนเรลก็ถูกปล่อยตัวโดยที่เขาถูกระบุว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับการตายของไอแซค
ไนเรลเดินออกมาพน้อมกับแก่นพลังงาน ขั้น 2 จำนวน 10 ชิ้น พร้อมด้วยเอกสารกรรมสิทธิ์ที่ดิน ซึ่งนี่คือค่ามัดจำ ถ้าเขาสามารถส่งอาหารจำนวน 200,000 ตันครบก็จะได้ส่วนที่เหลือ
ไนเรลกลับมาบ้านพัก ซึ่งที่บ้านก็มีคนรออยู่ครบ ทั้ง ดามิน เจคอบ สองแม่ลูก ลูน่า และโคล้อี้ แมวน้อยและคาปิบาร่า
ด้านข้างเป็น เอวา เอียน จูเรียและนักล่าอีก 5 คน
เมื่อพวกเขาเห็นไนเรลก็ดูโล่งอกกันทันที เนื่องจากพวกเขาคิดว่าไนเรลจะถูกจับและคุมขังซะแล้ว
“ขอโทษทีที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”
หลังจากที่ทุกเข้ามาด้านใน ไนเรลก็อธิบายถึงพื้นที่ที่เขาได้มาทันที แต่ไม่ได้บอกว่าแลกมันกับอะไร
“ต่อไปนี้พวกเราจะตั้งสำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์นักล่าที่พื้นที่นี้ แต่ที่สำคัญญมากกว่านั้นคือแรงงาน ซึ่งต้องให้ทุกคนช่วยหาแรงงาน บอกพวกนั้นไปว่าเราจะจ่ายเป็น อาหาร และ ตั๋วอาหาร”
“บอกไปว่าฉันยินดีรับทุกสายงาน ไม่ว่าจะเป็น ใครอายุเท่าไหร่ขอแค่ทำงานได้ก็พอ”
“เรื่องนั้นต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ฉันคิดว่าเราควรเริ่มจากเล็ก ๆ ก่อน” เอวาแย้งขึ้นมาเพราะถึงอย่างไรการที่ก่อสร้างบนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางตามที่ไนเรลบอกมามันไม่ใช่โครงการเล็ก ๆ เลยแม้แต่กับก่อนเกิดเหตุการณ์ซอมบี้วันสิ้นโลกก็ตาม
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นไปจัดการตามนี้ อย่างลืมว่าไม่ต้องบอกเหตุผลพวกเขาว่าเรากำลังทำอะไรรอให้ทุกอย่างพร้อมก่อนเราค่อยบอกทีเดียว”
ทุกคนได้แต่รับปากตกลงคำไป พร้อมกับที่รับตั๋วอาหารจากไนเรลมา100000 นี่คือทั้งหมดที่เขาสามารถให้ได้ในตอนนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามันยังไม่เพียงพอ
ขณะที่ทุกคนแยกย้ายกันไปก็เหลือแต่ จูเรียที่ตอนนี้ไม่มีที่ไปเธอจึงมาอาศัยอยู่กลับไปไนเรลไปก่อน
“เธอสามารถสร้างสิ่งนี้ให้กับฉันได้หรือไม่?” ไนเรลบอกสิ่งที่เขาต้องการให้เธอสร้าง นั้นก็คือ ระบบของสมาพันธ์นักล่า ที่มีสกุลเงินเป็นของตัวเองนั้นก็คือ G พร้อมด้วยระบบสมาชิก และฟังก์ชันอื่น ๆ
อันที่จริงแล้วนี่คือสิ่งที่ จูเรียเป็นคนสร้างขึ้นมาในชีวิตที่แล้ว เขาไม่ได้รู้ถึงทุกสิ่งที่เธอสร้างเพียงแค่บอกแนวคิดและรูปแบบคร่าวๆ ให้เธอก็ท่านั้น
บางครั้งคนที่มีความสามารถและพรสวรรค์อยู่แล้วเราก็ไม่ต้องไปทำอะไรมาก แค่บวกทิศให้พวกเขาก็พอ เพราะพวกเขาสามารถหาเส้นทางไปเองต่อได้ นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่า พรสวรรค์
จูเรียที่ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตื้นเต้นเลือดลมฉูบฉีดทันที ความรู้สึกของเธอตอนนี้ยิงกว่าการอ่านนิยายวาย หรือดูอนิเมะเรื่องที่ชอบซะเอง แต่แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่า เธอไม่มีคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อะไรเอลยที่สำคัญ ระบบอินเตอร์เน็ตก็ล่มไปหมดแล้ว
ไนเรลที่รู้ถึงปัญญาของเธออยู่แล้ว เขาก็พาเธอไปที่ห้างแห่งหนึ่งที่นี่คือถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นคลังเก็บของของรัฐบาล แต่มันก็ยังเป็นที่ที่ไว้ให้คนมาแลกเปลี่ยนตั๋วอาหารเป็นสิ่งของและสินค้าเช่นกัน
ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่มีค่าน้อยที่สุดนอกจากเงินกระดาษก็คืออุปกรณ์ไอที เพราะถึงแม้ว่าจะมีไฟฟ้า แต่มันก็ไม่มีอินเทอร์เน็ต อีกอย่างไม่มีใครยอมแรกตัวอาหารเพื่อของพวกนี้เพราะลำพังแค่แลกเปลี่ยนเป็นอาหารก็ยังจะไม่พอกินเลย
เขาแทบจะเหมาของทั้งหมดในราคา 90,000 ตั๋วอาหาร ตอนนี้เขาจนเป็นอย่างมาก นอกจาก แก่นพลังงานทั้ง 10 ชิ้นแล้วเขาก็แทบจะตัวเปล่าเปลือยกันเลยทีเดียว
แม้แต่บ้านพักที่ตอนนี้ก็คาดว่าจะมีเงินพอจ่ายเพื่อเช่าอยู่ แต่เข้าก็ไม่ได้เสียดายเพราะพวกเขาจะต้องย้ายไปอยู่ที่ใหม่อยู่แล้ว
ส่วนในเรื่องของสัญญาณอินเทอร์เน็ตนั้นเขาไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อยเพราะทันทีที่นิเรียกลับมาจากภารกิจทางรถไฟที่เชื่อมต่อไปยังเมืองหลักแห่งใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาได้ทางรัฐบาลกลางของที่นั่นก็จะสร้างระบบอินเทอร์เน็ตรูปแบบใหม่ขึ้นมาที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาดาวเทียมในการเชื่อมต่อสัญญาณกันอีกแล้ว
เมื่อถึงเวลานั้นระบบเหล่านี้ก็จะกระจ่างไปตามค่ายลี้ภัยต่าง ๆ ที่ยังคงมีอยู่ที่เป็นค่ายของรัฐบาล
ตอนนี้ถึงแม้เขาจะไม่เห็นแต่ก็รู้ว่าหลังจากที่เกิดเรื่องมาจะเกือบเดิน รัฐบาลได้ทุ่มเททุกอย่างเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี ถ้าจะพูดให้ถูกต้องบอกว่า แค่เกือบเดือนกว่า เทคโนโลยีของมนุษย์ก็กล้าวหน้ามากถึง 50 ปีเลยทีเดียว มันคือช่วงการก้าวกระโดดของเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริงแต่นั่นก็เป็นเพราะว่าถ้าพวกเขาไม่พัฒนาก็มีแต่ตายเท่านั้น
ไนเรลคิดว่านิเรียน่าจะกลับมากอีกไม่ 2 ถึง 3 วันหลังจากที่ไปถึงเมืองหลักหรือเมืองหลวงไทกีล่าแห่งใหม่
หลังจากนั้น 3 วันซึ่งเป็นวันปกติทั่วไป แต่ที่น่าเป็นพวกมากกว่านั้นก็คือ ซอมบี้ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น อย่างต่อเนื่อง ทางค่ายลี้ภัย 101 ได้เร่งสร้างกำแพงทุกด้านให้แล้วเสร็จจึงแทบจะใช้ทุกแรงงานที่หาได้
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฝูงซอมบี้ของซอมบี้สติปัญญานั้นได้เข้าใกล้มาแล้ว เขาไม่รู้ว่ามันทำไมถึงมาช้า แต่ก็คงมีแค่เหตุผลเดี่ยวนั้นก็คือ การรวมตัวกับฝูงซอมบี้กลายพันธุ์หลายฝูง ก่อนที่จะมาถึงค่ายลี้ภัย
ไนเรลมองไปอาคารสำนักงานของสมาพันธ์นักล่าแห่งนี้ที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากแล้ว มันน่าเหลือเชื่ออย่างมากที่ตอนนี้มีคนนับพันมาช่วยการสร้าง
มีทั้งวิศวะ มีทั้งนักออกแบบ ผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ มาช่วยกัน ส่วนพวกปูนนั้นในเรลเลือกให้ใช้โครงสร้างแบบปูนและผสมด้วยหินตัดก้อนใหญ่ มันจึงเร็วเป็นอย่างมาก
มันเหมือนกับอาคารยุคโบราณแต่ดูหรูหราไม่มีผิด
เขาเดินตามเส้นทางไปจนถึงส่วนที่เป็นพื้นที่หวงห้ามบริเวณนี้กินพื้นที่กว่า 3000 ตารางกิโลเมตร ล้อมรอบไปด้วยกำแพงที่พึ่งสร้างเสร็จ
มันคือที่ที่เขาเอาไว้ปลูกต้นหัวมันโลหิต และต้นคริสตัลวิวัฒนาการ ตอนนี้ด้วยความที่เขายังไม่มีเงินมากพอที่จะจ้างคนมาเฝ้ายามดังนั้นเขาจึงใช้ให้เจ้าแมวน้อย คาปิบารามาเฝ้าไปก่อน ซึ่งมันก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งแต่ค่าตอบแทนที่มันเรียกร้องก็สูงเช่นกันนั้นคือ 10 ผลคริสตัลต่อเดือน
ตอนที่ได้ยินในตอนแรกเขาก็อ้าปากค้างไปในทันที แต่ก็ต้องทำใจเพราะเขาไม่ไว้ใจให้คนอื่น ๆ มาเฝ้า
จากนั้นเขาก็ไปดูจูเรียที่อยู่ในอาคารอีกหลังซึ่งเธอนั้นก็เอาแต่หมกตัวและหัวเราะอยู่คนเดี่ยวตลอดเวลา ไนเรลจึงเดินออกมาเพราะมไอย่างไปรบกวนเธอ
เขากลับมาที่บ้านหลังเล็ก ๆ นี่คือบ้านชั่วคราวหลังจากที่เขาย้ายออกมา มันก็ยังอยู่ในพื้นที่ของเอา
ไนเรลหยิบแก่นพลังงานที่ได้จากรัฐมลตรีพอลเมอร์ออกมา และเริ่มกินมันทันที เพราะถึงเวลาที่เขาจะต้อเลือนเป็นระดับ สีน้ำตาลแล้ว