ตอนที่ 39 ระดับสีน้ำตาล
แก่นพลังงาน ทั้ง 10 ชิ้นตามข้อมูลแล้วมันคือ แก่นพลังงานของนกกระจอกเทศสายฟ้ากลายพันธุ์ ส่วนเหตุผลที่ทำไมถึงมีแก่นพลังงานมากขนาดนี้ นั้นก็เพราะว่า มันคือฟาร์มนกกระจอกเทศ หลังจากที่มันกลายพันธุ์ ฝูงของนกกระจอกเทศสายฟ้านับหมื่นตัวก็ออกอาละวาด
สร้างความเสียหายไปเป็นจำนวนมาก แม้แต่ทางกองทัพก็ไม่สามารถจัดการได้ เพราะความเร็วในการเคลื่อนและความอึดของมัน มันสามารถวิ่งได้ถึง 300-500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พวกเขาไม่มีทางเลือกจึงได้แต่ใช้ระเบิด TNT ถึง 20 ตัน ทิ้งจากเครื่องบินกวาดล้างมันทิ้งทั้งฝูงในคราวเดียว และนั้นก็คือเหตุที่แก่นพลังงาน 10 ใน 30 ชิ้นที่ได้จากนกกระจอกเทศสายฟ้ากลายพันธุ์นับหมื่น ๆ ตัว
ไนเรลคาดหวังกับแก่นพลังงานทั้ง 10 นี้มาก ไม่ใช่พลังงานที่เซลล์ของเขาจะได้รับ แต่เป็นความสามารถที่เขาจะได้รับด้วย
ทันทีที่กลืนกินแก่นพลังงานชิ้นแรกลงไปเซลล์ในร่างกายก็ดูดซับมันทันที แต่ชิ้นเดียวไม่พอ เขาจัดการกินลงไปอีก 3 ชิ้น
ตอนนี้เขากินแก่นพลังงานไป 4 ชิ้น พลังงานที่อยู่ภายในเริ่มหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขามีคริสตัลของเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการและความสามารถ [ดูดซับความสามารถ???] ช่วยในการจัดการพลังงานทั้งหมดของเขาละก็ ตัวของเขาก็คงระเบิดตายไปแล้ว
มนุษย์ชั้นสูงปกติถ้าต้องการดูดซับพลังงานที่อยู่ในแกนพลังงานระดับเดียวกันกับตัวเองละก็ต้องใช้เวลาหลายวันและต้องค่อย ๆ ดูดซับมันไปอย่างระมัดระวัง
ไม่เช่นนั้นระบบเซลล์ในร่างกายจะเกิดการล้มลงแบบโดมิโน่ บางกรณีก็ยังรักษาได้ แต่บางกรณีร่างกายของมนุษย์ชั้นสูงจะเสียสมดุลและระเบิดออกเหมือนระเบิดมนุษย์ตายในทันที
ตัวเลขที่เครื่องวัดระดับพลังงานภายในเซลล์ เริ่มไต่ระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ จาก 395…400…450…499 และทันในนั้นมันก็ก้าวผ่านไปที่ระดับ 500…530 และไปหยุดอยู่ที่ระดับ 550
คริสตัลที่อยู่กลางหน้าผากของไนเรลเริ่มเปลี่ยนจากสีเทาไปเป็นสีน้ำตาลของปฐพี,ปฐวี,ปถพีอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เขารู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก เซลล์ในร่างกายของเขาราวกับมันมีชีวิตชีวามากกว่าเดิมหนึ่งเท่าตัว นี่คือการเลื่อนขึ้นของระดับชีวิต
ด้วยระดับสีน้ำตาล ทำให้เขามีอายุขัยถึง 200 ปี
“อ้วก!” ทันในนั้นอยู่ ๆ เขาก็สำลอกออกมามันคือ เมือกสีดำที่เหม็นเป็นอย่างมาก ไนเรลไม่ได้แปลกใจเพราะมันคือสารพิษที่สะสมอยู่ในร่างกายที่เซลล์ของเขาชะล้างมันออกมา
ไนเรลลุกขึ้นไปอาบน้ำทันที เพราะตามร่างกายของเขาก็มีเซลล์ผิวที่หลุดลอกออกมา ตอนนี้นี้มันให้ความรู้สึกที่คันมาก
หลังจากที่ชำระล้างอาบน้ำจนสะอาดแล้ว เขาก็ต้องแปลกใจเพราะใบหน้าที่อยู่ในกระจกนั้นมันดูดีเป็นอย่างมาก
ใบหน้าที่ดูเด็กราวกับชายหนุ่มอายุ 19 ปี ผิวที่ขาวและดูเรียบเนียนมากขึ้น ถ้าหญิงสาวส่วนใหญ่มาเห็นเขาตอนนี้จะต้องอิจฉาอย่างแน่นอน
กล้ามเนื้อที่ดูสวยงามและสมดุลราวกับผลงานชิ้นเอกของศิลปินชื่อดังที่สร้างสรรค์อย่างปรานีตไม่มีผิด
ถ้าไม่ติดว่านี้คือร่างกายของเขา ไนเรลจะต้องอิจฉาเป็นอย่างมากแน่นอน
ไนเรลนุ่งผ้าขนหนูเดินออกมาจากห้องน้ำ ในขณะที่ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กอีกผืนเช็ดผมที่ดูเหมือนจะยาวขึ้นมาเล็กน้อย
“ว้าย” ในตอนนั้นเองที่เสียงของเอวาก็ดังขึ้นมา เนื่องจากเธออยู่ ๆ ก็เปิดประตูห้องของเขาเข้ามาพอดี
“หืม เธอมาทำอะไรที่นี่” ไนเรลมองไปที่เอวาอย่างแปลกใจ ที่อยู่ ๆ ก็เปิดประตูเข้ามา
เอวาหันมองไปทางอื่นทันทีด้วยใบหน้าที่แดงชมพู เธอพยายามบอกกับตัวเองไม่ให้คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในป่า แต่กลับกลายเป็นว่าเธอไปคิดถึงมันซะแล้ว และแล้วหางตาของเธอก็แอบมองไปที่ไนเรล ตอนนี้เขาไม่ได้ใส่อะไรยกเว้นผ้าขนหนูสองผืนที่นุ่งอยู่ข้างล่างและอีกผืนที่พาดอยู่ที่ไหล
เธอมองไปที่ไหล่ กล้ามหน้าอก กล้ามท้อง ไล่ลงไปเรื่อย ๆ
“อะ..แฮ่ม” แต่ในตอนนั้นเองที่ไนเรลก็แกล้งไอออกมา
“เธอมีอะไรหรือเปล่า หรือแค่มา….”
“เออ…คือว่า…คือว่า…” เอวาดูจะร้อนรนเป็นอย่างมากเพราะว่าอยู่ ๆ ไนเรลเดินเข้ามา และกล้มหน้าเข้ามาหาเธออย่างช้า ๆ
‘ไม่นะ นี่มัน เขา…เขาจะทำอะไร ฉันยังไม่พร้อมเลย ต้องไปอาบน้ำก่อน’ ในหัวของเอวาเริ่มเต็มไปด้วยสีขาว พร้อมกับความคิดที่ไปไกลมากแล้ว เธอค่อย ๆ หลับตาลงในขณะที่ใจนั้นสั่นเป็นกลองรบไม่มีผิด
แต่ที่ไนเรลเดินเข้ามาหาเธอก็เพราะว่าเขาต้องการจะหยิบเอกสารรายงานที่เธอถือมาด้วย
เอวาที่หลับตาสักพักก็ไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้น เธอก็ลืมตามองไปที่ไนเรลทันที ซึ่งตอนนี้เขากำลังอ่านเอกสารอยู่
“เกือบไป” เอวาถึงกลับโล่งอกเล็กน้อย พร้อมกับถอนหายใจด้วยใบหน้าที่แดง
“เกือบอะไร?” เขาแกล้งถามเธอออกมาแบบยิ้ม ๆ และกล้มลงไปอ่านเอกสารที่อยู่ในมือ มันคือบัญชีรายจ่ายที่ตอนนี้ยังค้างจ่ายอยู่ทั้งหมด
“เกือบที่จะ….ไม่สิ คือว่าเรื่องนั้นช่างมันก่อน ที่ฉันมาหานายก็เพราะว่าตอนนี้ ตั๋วอาหารขแงเราทั้งหมด มีเหลือแค่จ่ายอีกแค่ 3 วันเท่านั้น”
“หลังจากนี้จะไม่มีจ่ายอีกแล้ว ทุกอย่างที่ทำมาก็จะล้มไม่เป็นท่าแน่นอน”
สีหน้าของเธอดูเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก
“อืนนั้นก็เป็นปัญหาพอสมควร แต่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้น ฉันมีแผนไว้อยู่แล้ว”
เขามีแผนรับมือเรื่องนี้ไว้อยู่ก่อนแล้ว เพราะเมื่อสองวันก่อนเขาได้เงินจากเมสันมาโดยแลกกับการจองผลคริสตัลวิวัฒนาการมา ซึ่งตั๋วอาหารที่ได้มา 300,000 ตัวนั้นเมื่อเทียบกับผลคริสตัลวิวัฒนาการแล้วมันน้อยเป็นอย่างมาก แต่มันก็แลกกับการที่เมสันจะมาเข้าร่วมกับสมาพันธ์นักล่าด้วย
หารที่มีผู้เชี่ยวชาญในการสร้างอาวุธมาเข้าร่วมนั้น มันถือว่าเป็นแต้มต่อที่มาก เพราะนักล่านั้นต้องใช้อาวุธและของที่ล่ามาได้ ด้วยวัตถุดิบต่าง ๆ เขาสามารถนำมาสร้างอาวุธได้เอง นั้นเท่ากับทางสมาพันธ์นักล่าสามารถจัดการกับวัตถุดิบเหล่านี้ได้มากขึ้น และสร้างผลกำไรจากตรงนี้ได้อีกนับเท่าตัว
เอวาที่ได้ยินว่าไนเรลมีแผนรับมืออยู่แล้วเธอก็รีบขอตัวออกไปทันที ราวกับกระต่ายน้อยที่วิ่งหนีหมาป่าไม่มีผิด
ไนเรลได้แต่ยิ้มออกมา กลับช่วงเวลาที่สงบสุขแบบนี้
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้วที่ทางสำนักงานนักล่าที่หน่วยงานของรัฐบาล ได้ปรากฏแผ่นปลายประกาศขนาดใหญ่เล็กเป็นจำนวนมาก
“นี่มันอะไร?”
“เหลือเชื่อมีคนรับซื้อซากซอมบี้ตัวละ 100 ตั๋วอาหาร หรือแลกกับเนื้อกลายพันธุ์และอาหารได้ 100 กรัมต่อ 1 ตัว”
“จริงหรือเปล่า เมื่อวานตอนออกไปหาของตามหมูบ้านข้าเจอกับศพซอมบี้นอนตายทิ้งไว้อยู่เป็นจำนวนมาก”
“ข้าก็เจอ ตามทางก็มีทิ้งไว้ ทุกคนฆ่ามันแล้วก็ทิ้งไว้อย่างไม่สนใจ นั้นเท่ากับตั๋วอาหารจำนวนมาก”
“ไปเร็วก่อนที่ คนโง่นี้จะปิดรับซื้อ”
นักล่าแต่ละคนมองหน้ากันทันที พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงหาอาหารในเมืองหรือหมู่บ้าน ก็สามารถเก็บซากซอมบี้ที่มีอยู่จำนวนมากมาแลกกับอกหารได้
ตอนนี้มีซอมบี้จำนวนมาก ได้มุ่งตรงมาจากประตูทางเหนือนั้นทำให้นักล่าจำนวนมากออกไปหาของแต่ทิศทางใต้ ตะวันออกและตะวันตกเท่านั้น ทำให้เกิดการปะทะและแย่งชิงอาหารมากขึ้น
ในขณะที่ตอนนี้ภายในค่ายอาหารเริ่มขาดแคลนแล้ว
ข้าวสารแค่ 1 กิโลกับตอนนี้เพิ่มราคาไปถึง 1200 ตั๋วอาหารแล้ว และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลังจากนั้นข่าวในการรับซื้อครั้งนี้ของไนเรลก็กระจายออกไปเป็นวงกว้างแม้แต่รัฐมลตรีพาลเมอร์ก็ยังทราบเรื่องนี้ เพราะเขาให้คนไปคอยจับตาการเคลื่อนไหวของไนเรลไว้
“เด็กนี้กำลังทำอะไรกันแน่?” เขาได้แต่คิดและก็สงสัย
“ตามการคาดการ เขาคงจะนำซากซอมบี้มาทำเป็นปุ๋ย แต่มันก็ไม่ได้ผลมากขนาดนั้นเนื่องจากพืชไม่ได้ดูด….” เลขาที่อยู่ด้านข้างรายงานออกไป
“ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ ตอนนี้ซอมบี้ทางทิศเหนือเป็นอย่างไรบ้าง”
“ทางกองทัพรายงานมาว่าระเบิดนั้นไม่เพียงพอต่อการสังหารพวกมันทั้งหมด แต่ว่าพอที่จะถ่วงเวลาได้อีก 2 วัน ในขณะเดียวกันเราศูนย์เสียเฮลิคอปเตอร์ไปถึง 3 ลำซึ่งตอนนี้ทางค่ายเหลือแค่เฮลิคอปเตอร์อีกแค่ 4 ลำเท่านั้น”
“เกิดอะไรขึ้น ถึงจะมีซอมบี้ปีกแต่พวกมันก็ไม่น่าจะสร้างความเสียหายได้ขนาดนี้”
“ทางกองทัพก็ได้ใช้วิธีการโจมตีทางอากาศโดยเลือกตำแหน่งที่ไม่มีซอมบี้ปีก แต่มันกลับมีซอมบี้อีกสายพันธุ์ ตอนนี้พวกเราตั้งชื่อมันว่า ซอมบี้ระเบิดชีวะภาพ มันคือซอมบี้ที่ระเบิดตัวเองได้ แก๊สที่ออกมาจากแรงระเบิดถ้ามนุษย์ธรรมดาสูดเข้าไปแม้แต่เพียงเล็กน้อยก็จะกลายเป็นซอมบี้ทันที”
“ดังนั้นพวกเราต้องถอยออกมาก่อน ที่สำคัญตอนนี้มีข่าวจากทางเมืองหลักว่ามีซอมบี้สายพันธุ์ต่าง ๆ มากมายได้ปรากฏออกมา และฝูงซอมบี้จำนวนมากก็กวาดล้างค่ายลี้ภัยของไปถึง 25 แห่งแล้ว”
“ทางเมืองหลักจึงได้แต่ยกระเบิดนิวเคลียเพื่อถล่มค่ายเหล่านั้นทิ้ง และหวังว่าค่ายลี้ภัยตะวันออก 101 จะไม่เป็นค่ายที่ 26”
เลขาสาวอ่านรายงานและเอกสารลับที่ส่งมาจากเมืองหลักทันทีที่ รัฐมลตรีพาลเมอร์ได้ยินก็ยิ่งเคร่งเครียดทันที
ตอนนี้การจัดการกับฝูงซอมบี้นับแสนตัวก็ยังเป็นปัญหา ถึงระเบิดจะลดปริมานมันไปมากแต่มันก็ยังมีอีกจำนวนมาก
อีกทั้งอาหารก็ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ถ้าเกิดฝูงซอมบี้ที่เข้ามาประชิดในอีก 2 วันมันจะต้องกระจายตัวโอบล้อมค่ายลี้ภัย 101 อย่างแน่นอน เมื่อนั้นถึงพวกมันจะเข้ามาไม่ได้แต่พวกเขาก็ออกไปไม่ได้และตอนนั้นที่นี่จะกลายเป็นนรกจริง ๆ ไม่ต้องรอให้ซอมบี้เข้ามาฆ่าพวกเขา คนในค่ายก็คงฆ่ากันเองอาหารจนตายหมดก่อน
ส่วนรถไฟที่เดินทางมาจากเมืองหลักพร้อมอาวุธรูปแบบใหม่ก็ต้องใช้เวลาอีก 5 วันซึ่งล่าช้าไปเพราะต้องจัดการกับสัตว์กลายพันธุ์อื่น ๆ
“ข้าต้องถ่วงเวลารักษาสถานการณ์ไว้ให้ได้ ขอแค่ขบวนรถไฟนั้นมาถึงก็พอ”
ที่สมาพันธ์นักล่า ประตูทิศตะวันออก หน้าตัวอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่มันกลับเต็มไปด้วยผู้คนที่เข้ามาต่อแถวจำนวนมากพร้อมกับซากศพซอมบี้นับหมื่น
พวกเขามาตามประกาศที่ไนเรลไปติดไว้ ในตอนแรกนักล่าหลายคนคิดว่ามันเป็นแค่การแกล้งกันเท่านั้น จะมีใครที่โง่พอที่จะซื้อศพซอมบี้ที่ไร้ประโยชน์พวกนี้ แต่ก็มีบางคนอยากลองและก็ได้นำศพซอมบี้มาขาย เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ได้เสียอะไร
ผลปรากฏว่าพวกนี้รับซื้อจริง ๆ แถมยังปริมานไม่จำกัดอีกด้วย
“เอาละต่อแถว ใครแตกแถวพวกเราจะไม่ซื้อ”
“ทั้งหมด 10 ตัว ต้องการรับเป็นตั๋วอาหาร เนื้อกลายพันธุ์ หรือผลมันโลหิต”
“เอาผลมันโลหิตครึ่งหนึ่ง และเนื้อกลายพันธุ์อีกครึ่ง”
ที่ด้านหน้าจุดรับซื้อนั้นวุ่นวายเป็นอย่างมาก ผู้คนส่วนใหญ่ปฏิเสธตั๋วอาหาร และเลือกที่จะเอามันโลหิตแทน หรือไม่ก็เนื้อกลายพันธุ์ เนื่องจากพวกเขาคิดว่าการที่เอาตั๋วอาหารไปนั้นมันพวกเขาก็ต้องไปซื้ออาหาจากข้างนอกอยู่ดี
สู้แลกเป็นอาหารที่กินได้โดยตรงดีกว่า อีกอย่างตอนนี้อาหารข้างนอกก็มีราคาแพงมากขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ถ้าไปซื้อ มันจะได้ในปริมาณที่น้อยกว่าที่นี่อย่างแน่นอน
และที่สำคัญสิ่งที่เรียกว่าผลมันโลหิตนั้นก็อร่อย และได้ในปริมาณที่มาก มันจึงเป็นที่ต้องการของทุกคนเป็นอย่างมาก