ตอนที่ 4 กระสุนนัดแรกฆ่าเพื่อน(รีไรท์)
สายฝนยังตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง 7 คนกำลังนอนอยู่ในห้องนั่งเล่น ตอนนี้มีเงาร่างคนมายืนเกาะอยู่ที่กรงเหล็กหน้าประตูบ้าน 4 คนแล้วพวกมันเอาหัวโขกประตูส่งเสียง “แคร๊ง ๆ” อยู่ตลอดเวลา
ทำให้ทั้งทุกคนนั้นนอนไม่หลับด้วยความกลัวที่ไม่รู้ว่าคนพวกนี้เป็นอะไร ส่วนนิเรียมานอนหนุนตักไนเรลขณะที่เขากำลังบรรจุกระสุนใส่ปืนลูกโม่
“พี่รู้ใช่ไหมว่ามันคืออะไร?” นิเรียที่นอนหนุนตักเขาถามออกมา
“แน่นอน” เขาตอบพร้อมกับลูปไปที่หัวของเธอ “ถ้าพี่บอกให้น้องทำอะไร อย่างเช่นฆ่าคนน้องจะทำใหม่”
นิเรียไม่ตอบแต่เธอมองไปที่ปืนที่อยู่ในมือของไนเรล และกล่องไม้สองสามกล่องที่อยู่ด้านข้าง
“นอนเถอะ” เมื่อเห็นว่าน้องสาวไม่ยอมตอบไนเรลก็ไม่ได้บังคับอะไร
ตอนนี้สายฝนยังคงตกแรงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับพายุเข้าไม่มีผิด ลมกระชากบานหน้าต่างตีกันไปมาอย่างน่ากลัว ไนเรลลุกขึ้นเดินไปปิดหน้าต่างเพื่อไม่ให้พวกมันตีกันไปมาเสียงดัง และทันใดนั้นนาฬิกาแบบลูกตุ้มในบ้านก็ดังขึ้นมาบ่งบอกว่ามันเที่ยงคืนแล้ว
เต้ง ๆ ๆ ๆ!
หลังจากเสียงนาฬิกาหยุดลงเขาก็เดินไปเช็ครอบ ๆ บ้าน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีพวกมันหลงเข้ามาได้และกลับเข้ามาในห้อง มองดูทุกคนโดยอาศัยแค่แสงจากฟ้าที่ผ่าลงมาเป็นบางครั้งเท่านั้น
ทุกคนกำลังหลับฝันดี แต่มีหนึ่งคนที่ตอนนี้ ทั้งตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ ปากซีด ตาขาวขุ่นและมีอาการเกร็งตามกล้ามเนื้อ
ไนเรลจึงเดินไปปลุกนิเรีย “ตื่นเถอะใกล้เวลาแล้ว”
“อื้อ ๆ เวลาอะไรเหรอพี่ หาว ๆ ง่วงจังขอนอนต่ออีกนิดนะ” นิเรียกล่าวพร้อมกับบิดขี้เกียจและขยี้ตาเธอ
เมื่อเห็นว่านิเรียกำลังจะไปนอนต่อ ไนเรลจึงเดินไปเอาน้ำเเข็งในตู้เย็นมาหนึ่งก้อนจากนั้นก็ใส่ไปที่แผ่นหลังของเธอ
“อ้า!” ด้วยความเย็นของน้ำแข็งนิเรียถึงกลับสะดุ้งตกใจ ลุกดีดออกมาจากที่นอนทันที ทั้ง 4 คนที่ตอนนี้ดูเหมือนจะตื่นเพราะเสียงของนิเรียก็พากันพูดอย่างงัวเงียมองไปที่นิเรีย
“ลูกพี่เป็นอะไร?” คารอนมองไปที่นิเรียแล้วถาม
“กี่โมงเนี่ย” ดาลิธลุกขึ้นมาหาวขณะที่มองหานาฬิกา
ส่วนดามินคลำหาเเว่นตาที่ถอดไว้ด้านข้างในความมืด
ขณะที่ไมน่าเธอหันไปปลุก ซินน่า แต่ทันทีที่เธอแตะโดนตัวของซินน่าก็ต้องตกใจเพราะตัวของซินน่าเย็นเฉียบเป็นน้ำแข็งไม่มีผิด
“อ้า! ซินน่าตื่น…ตื่นสิ” ไมน่าพยายามเขย่าตัวเธอไปมาแต่มันก็ไม่มีประโยชน์ เธอหันไปขอความช่วยเหลือจากดาลิธ “ดาลิธๆ ซินน่าเธอเป็นอะไรไม่รู้”
ดาลิธที่เห็นไมน่าเรียกเธอไปดูซินน่า เธอจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปพลิกตัวซินน่า เธอเห็นซินน่าแน่นิ่งไปจึงเอามือไปอังที่จมูกก็รู้ว่าเธอไม่หายใจอีกแล้ว “แย่แล้วเธอไม่หายใจ รีบเรียกรถพยาบาลเร็ว”
เธอพยายามที่จะจัดท่าของซินเดียเพื่อปั๊มหัวใจในแบบที่เธอเรียนมาในคาบเรียนวิชาพลศึกษา ส่วนคนอื่น ๆ ก็หยิบโทรศัพท์และโทรไปที่เบื่อสายด่วนเรียกรถพยาบาล
“บ้าเอ๊ย! สายไม่ว่างเลย!” คารอนพยายามโทรหาอย่างไม่หยุดมือ
“เราจะทำอย่างไรดี?” ไมน่ากล่าวด้วยความกลัว ซินน่าเป็นเพื่อนรักของเธอ ถ้าเกิดมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกลับซินน่าเธอจะไปพบหน้าพ่อแม่ของซินน่าได้อย่างไร
“พอแล้ว เธอตายแล้ว” ไนเรลเดินเข้ามาหยุดเหตุการณ์ที่วุ่นวายของทุกคนทันที
“เดียว ตาเธอขยับ” ขณะนั้นดามินก็สังเกตเห็นบางอย่าง ตาของซินน่าจะขยับหมุนกลิ้งไปมา
“เฮ้ย” ดามินถึงกับตกใจทันที อยู่ ๆ เธอก็ลืมตาขึ้นมา แต่ดูเหมือนซินน่าจะไม่ได้สนใจการตกใจของดามินเธอหันไปมองไมน่าจากนั้นก็ทำจมูก “ฟืด ๆ”
“ซินน่าเธอเป็นอะไรไหม?” ดาลิธยืนมือออกไปเพื่อที่จะวัดไข้เธอแต่ทันใดนั้น ไนเรลก็ยืนมือมาจับมือดาลิธไว้ “อยู่ให้ห่างจากเธอ”
จากนั้นเขาก็เอาผ้ามามัดแขนทั้งสองข้างของซินน่าในทันที ซินน่าพึ่งจะกลายร่างดังนั้นการตอบสนองเธอจะหยุดนิ่งไปสัก 2-3 นาที
“พี่ไนเรลทำอะไรนะ เธอก็แค่ไม่สบาย” ดาลิธหันไปว่าไนเรลด้วยท่าทางไม่พอใจเล็กน้อย ที่ทำกับเพื่อนเธอแบบนั้น
“ไม่สบาย งั้นมาดูกัน” ไนเรลหันไปหาดามินจากนั้นก็กล่าว “เปิดไฟในห้อง”
ดามินได้ยินก็งง ๆ สิ่งอยู่ที่ตอนนี้ห้องมืดแต่มันเกี่ยวอะไรกับเปิดไฟเพื่อจะดูว่าซินน่าไม่สบาย
“กรีด!!!” ทันทีที่ไฟในห้องสว่างขึ้น ไมน่า และดาลิธก็กรีดร้องออกมาทันที
“นั้นคืออะไร?” นิเรียและดามินถามออกมาส่วนคารอนตอนนี้ยืนอึ้งเป็นหุ่นไล่กาไปแล้ว
“ซอมบี้” ไนเรลกล่าวพร้อมกับหยิบปืนลูกโม่ออกมาจ่อไปที่หน้าผากซอมบี้ซินน่า
“เดี่ยว พี่ไนเรลจะทำอะไรนะ เธออาจจะแค่ป่วยอยู่ก็ได้” ไมน่าเข้ามาขวางระหว่างซินน่ากับไนเรลไว้
“หลบไป!” ไนเรลกล่าวด้วยเสียงเย็นชา เธอถึงกลับถอยหลังด้วยความกลัวแต่ในจังหวะที่เธอถอยหลังไปนั้นเอง
“คำราม!!!!” ซอมบี้ซินน่าก็อ้าปากที่กว้างของมัน มันกว้างจนฉีกแกล้มออกจากกันจนถึงใบหู ฟันที่แหลมคม และเลือดสีดำเข้าไหลออกมาส่งกลิ่นเหม็นทันที
แต่ด้วยร่างที่มันถูกผูกไว้ด้วยผ้า จึงล้มไปทันที แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ยอมแพ้พยายามอ้าปากงับขาของไมน่า
ไมน่า เธอถึงกลับกลัว แหกปากร้องและถอยออกมาราวกับคนเสียสติ
ดาลิธที่ปกติเป็นคนห้าว ๆ นั้นถึงกับอ้วกออกมา ส่วนผู้ชายทั้งสองคนก็ทำหน้าอะไรไม่ถูก พวกเขาทั้งกลัวและรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่นี่คือความจริง โลกความจริงได้เปลี่ยนไปแล้ว
ไนเรลมองไปที่ทุกคนแล้วส่ายหัวสิ่งที่เขาต้องการทดสอบและบอกกับน้องสาวเขามากที่สุดก็คือความจริง ให้เธอสามารถเข้าใจและยอมรับความจริงให้เร็วที่สุด
คนส่วนใหญ่ที่ตายไปในช่วงแรก ๆ ก็เป็นเพราะว่าไม่อาจจะยอมรับได้และยังมองพวกซอมบี้เป็นแค่คนธรรมดา คนป่วยเท่านั้น โดยหวังว่าจะมียารักษา แต่อดีตของไนเรลได้พิสูจน์มาแล้ว ไม่สิอนาคตนับจากนี้ได้พิสูจน์มาแล้วว่ามันไม่มีทางรักษา
เพราะคนที่กลายเป็นซอมบี้คือคนที่เกิดจากเส้นทางวิวัฒนาการของยีนที่ไม่สมบูรณ์ มันคือการย้อนกลับและทำลายสติ สำนึกคิด หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะทำให้เหลือแต่สัญชาตญาณในการกินและเอาชีวิตรอดเท่านั้น
อีกทั้งพวกมันยิ่งกินก็ยิ่งพัฒนาและหนึ่งในสัญชาตญาณของพวกมันก็คือการฆ่ามนุษย์ ซึ่งภายหลังได้มีนักวิจัยบงชี้ว่ามันคือการต่อสู้ระหว่างสองเส้นทางการพัฒนาเผ่าพันธุ์
แต่เขารู้ว่ามีเหตุผลอยู่อีกข้อหนึ่ง ก็คือซอมบี้เมื่อกินมนุษย์แล้วมันจะฉลาดขึ้น
ซึ่งเขาก็ไม่ได้สนมัน เพียงแค่ฆ่าพวกซอมบี้ให้หมดก็พอ จะไปสนทำไมเพราะยังไง พวกมันก็ต้องการที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่แล้ว
ไนเรลหยิบปืนขึ้นมา ครั้งนี้ไม่มีใครห้ามเขา แต่ไนเรลกลับส่งปืนให้กับนิเรียแล้วถาม “เพื่อนของน้อง จะให้พี่จัดการหรือว่าน้องจะจัดการเอง”
นิเรียลังเลทันที ดังนั้นไนเรลจึงบอก “ถ้าพี่เป็นแบบนี้ก็อยากที่จะให้คนรู้จักเป็นคนจัดการ”
เมื่อได้ยินดังนั้นความลังเลในสายตาของนิเรียก็หายไป เธอคว้าปืนมาจากมือของไนเรลและจ่อไปที่หน้าผากของซอมบี้ซินน่า
แต่ขณะที่จะยิง ไมน่าก็ดูเหมือนจะพูดบางอย่างแต่ถูกสายตาของไนเรลจ้องมองไป เธอจึงหุบปากทันที
“ถ้าพร้อมแล้วก็เหนี่ยวไก” ไนเรลบอกกับนิเรีย
ปัง!
เสียงปืนลูกโม่ดังมากจนถึงกลับที่หลายคนปิดหู ไนเรลยืนมือไปจับปืนที่อยู่ในมือของนิเรียที่กำลังสั่นอยู่
เธอหันไปหาเขาแล้วกล่าว “พี่หนู….”
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบไนเรลก็ดึงตัวเธอเข้ามากอดทันที ทั้งสองคนไม่พูดอะไรอยู่สักพัก คนอื่น ๆ ในห้องก็ได้แต่เงียบ ส่วนไมน่าเธอเอาผ้าห่มมาคุมที่ซินน่าแล้วร้องไห้ออกมา คารอนจึงเข้าไปปลอบเธอ
หลังจากนั้นไนเรลก็เช็ดน้ำตาของนิเรีย สายตาของเธอดูเหมือนว่าจะกล่าวผ่านบางสิ่ง ไนเรลไม่อยากให้นิเรีย น้องสาวของเขาตายเพราะความใจอ่อนต่อเพื่อนเหมือนในชีวิตที่แล้วของเขาอีก
ตอนนี้ทุกคนรอฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นจากเขาแล้ว
“ทุกคนคงได้ยินข่าวที่ฝนตกหนักทั่วทั้ง 7 ประเทศ แล้วก็ข่าวลือเรื่องคนกินคนแล้วใช่ไหม”
ทุกในห้องพยักหน้าจะมีก็แต่ไมน่าที่ตอนนี้ดูจะโกรธนิเรียอยู่
“ทั้งหมดคือความจริง แต่มันจะร้ายแรงกว่านั้นสัตว์ พืช สภาพอากาศ ภูมิประเทศ ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไป” ไนเรลพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“มันคือวันสิ้นโลก” ดามินพึมพำออกมา
แต่ก็ถูกไนเรลพูดสวน “ไม่ใช่วันสิ้นโลก แต่เป็นการเริ่มต้น แต่ถ้าจะบอกคือวันสิ้นเผ่าพันธุ์มนุษย์เราก็ใช่”
ทุกคนที่ได้ยินแบบนั้นก็หน้าซีดทันที ชีวิตแบบเดิมของพวกเขาจะไม่มีอยู่ต่อไปอีกแล้วใช่ไหม
“ไม่ ๆ พวกเราอย่าพึ่งทำหน้าแบบนั้นยังไงรัฐบาลก็ต้องจัดการปัญหาพวกนี้ได้” คารอนพูดแต่ไม่มีใครตอบสนองอะไร
“ใช่ไหม” คารอนจึงถามซ้ำอีกครั้ง
“ไม่หรอกถ้ารัฐบาลจัดการได้คงจัดการไปแล้วไม่มีทางที่ข่าวลือจะมาถึงพวกเรา นายอย่าลืมคิดว่าแค่ในประเทศเรามีคน 450 ล้านแล้ว ไม่มีทางที่จะไล่ฆ่าพวกมันหมด” ดามินกล่าวพร้อมกับขยับแว่นขึ้นแล้วเขาก็หันไปมองไนเรล
“พี่ไนเรล ผมไม่รู้ว่าพี่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง แต่ผมเชื่อว่าพี่ได้เตรียมรับมือเรื่องนี้ไว้นานแล้วใช่ไหม” ดามินพูดออกมาทุกคนก็หันไปมองไนเรลทันทีด้วยสายตาเดียวกัน ที่พึ่ง
“หึ นายฉลาดดีนี่ ใช้ฉันเตรียมพร้อมไว้แล้ว”
“ถ้างั้น…” ดามินรีบพูดออกมาแต่ถูกขัดจังหวะโดยไนเรล
“อยากได้บางอย่างก็ต้องพิสูจน์คุณค่าในตัวเองซะก่อน”
“ยังไง?” ดามินถามออกมาราวกับว่าตอนนี้เขามีสิทธิ์พูดกับไนเรลแค่คนเดียว
ไนเรลหยิบมีดสั้น ออกมาสองเล่มจากนั้นก็โยนมันไปที่หน้าทุกคน “ไปฆ่าตัวที่อยู่หน้าประตู อีกอย่างอย่าให้โดนกัดหรือข่วนไม่งั้นจะตายในไม่กี่ชั่วโมงและกลายร่างเป็นซอมบี้ แต่ไม่ต้องให้บอกนะว่าฉันคงไม่รอให้ถึงตอนนั้น”
ทั้ง4 คนได้ยินดังนั้นก็เกิดกลัวขึ้นมาทันที
“แล้วถ้าเรา พวกเราทำไม่ได้” ดาลิธกล่าวออกมา
“คนที่ทำไม่ได้ต่อไปนี้ก็จงพึ่งตัวเองซะ”
หลังจากกล่าวจบไนเรลก็เดินกลับไปนั่งที่โซฟาตอนนี้เขารู้สึกตัวร้อนเป็นอย่างมาก ‘มันเริ่มขึ้นแล้วสินะ พรุ่งนี้พอฝนหยุดตกข้าก็จะกลายเป็นมนุษย์ชั้นสูงและนิเรียเองก็ด้วย’
ไนเรลหันไปเรียกนิเรียให้มานั่งที่โซฟากับเขาจากนั้นก็ส่งปืนและกระสุนสอนวิธีใช้ให้กลับเธอ
ทั้ง4 คน มองกันไปมองกันมาสักพัก เมื่อเห็นว่าไนเรลดูจะไม่ล้อเล่น คารอนก็เดินไปหาทั้งคู่แล้วกล่าว “ลูกพี่ผมขอยืมปืนได้หรือไม่?”
นิเรียมองไปที่ไนเรลเป็นสัญญาณว่าให้ถามเขา
“เออ…เออ…คือ..ผม” คารอนรู้สึกกลัวไนเรลเป็นอย่างมากตั้งแต่ที่เขาพูดเรื่องซอมบี้และโลกที่กำลังจะเปลี่ยนไป
พี่ชายของลูกพี่พูดออกมาแบบไร้ความรู้สึก ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับไนเรล ตัวเขาสามารถอยู่รอดได้อย่างสบาย และไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
‘ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องคือเลือดเย็นไร้ความรู้สึก’ คารอนได้แต่ให้คำนิยามของไนเรลอยู่ในใจ
ไนเรลเงยหน้ามองไปที่คารอน ด้วยตอนนี้การเปลี่ยนแปลงของเขาดูจะรุนแรงกว่าเก่า ทำให้ได้แต่กัดฟันทนมันเท่านั้น
คารอนที่ตอนนี้เห็นสายตาที่ดุดันของไนเรลราวกับว่ามันมีแสงออกมาจากดวงตาคู่นั้น
เขารีบกลืนน้ำลายหุบปากและเดินกลับไปหยิบมีดทันที ดามินที่เห็นแบบนั้นก็หยิบมีดอีกเล่มแล้วเดินตาม
“รอฉันด้วย” ดาลิธรีบวิ่งตามทั้ง 2 คนไป เหลือแต่ไมน่าที่ลังเลอยู่สักพักก็วิ่งตามคนทั้ง 3 ไป
ไม่รู้ว่าเธอกลัวไนเรลกับนิเรียหรือเพราะไม่อยากถูกทิ้งออกจากกลุ่มของดาลิธ ดามิน และคารอนเพียงคนเดียว แต่น่าจะเป็นทั้งสองอย่าง
ไนเรลได้แต่ส่ายหัว…อีกไม่นานเธออาจจะตายถ้ายังเป็นแบบนี้ เขาได้แต่ลืมเรื่องไร้สาระนี้ไป จากนั้นก็หันไปถามนิเรีย “น้องเป็นอย่างไรบ้างรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
“นอกจากตัวร้อนก็รู้สึกเจ็บที่ตาและข้อมือ หนูอาจจะร้องไห้หนักและ เจ็บเพราะแรงของปืนที่ถีบตอนยิง…” เธอมองไปที่ร่างของซินน่าที่ถูกคุมด้วยผ้า
“นอนเถอะ” ไนเรลลูปหัวนิเรียขณะที่เธอนอนหนุนตักเขา
“ตัวของพี่ชายอุ่นมาก” นิเรียพร้อมหลับไป
ไนเรลนึกถึงพลังของนิเรียคือประเภทพลังสนับสนุน [ดวงตาเทพ ระดับ s] มันทำให้เธอมองเห็นได้ไกล และเเม่นยำแม้ในกลางคืน ที่สำคัญคือการตอบสนองของเธอจะเร็วมากจนแม้ร่างกายก็แทบตามไม่ทัน ทำให้เธอต้องฝึกควบคุมมันอยู่นาน
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บปวดมาก มันเจ็บถึงขนาดที่เขาไม่สามารถหลับได้ลง ไนเรลรีบหยิบผ้าขึ้นมากัดทันทีเพื่อหวังจะบรรเทาความเจ็บปวด แต่ดูเหมือนมันก็จะไม่ได้ผลมากนัก
“ฉันจะต้องทนให้ได้” เขาไม่รู้ว่าทำไมในชีวิตนี้การวิวัฒนาการถึงได้รุนแรงมากนัก ถึงแม้อาการแต่ละคนจะไม่เหมือนกันแต่เขาเคยผ่านมันมาในชีวิตที่แล้วมันไม่รุนแรงขนาดนี้มาก่อน ‘ทำไมถึงเป็นแบบนี้’
เขาได้แต่มองไปที่น้องสาวที่นอนหลับอยู่ที่ตักของเขาและทั้งคืนก็ได้ผ่านไปทั้งแบบนี้