ตอนที่ 44 นิเรียดวงตาเทพ
เสียงรถไฟ!!!!
รถไฟเหล็กที่ดูล้ำสมัยที่ที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติถึงเท่าตัว ตัวขบวนยาวกว่า 1 กิโลเมตร ด้านบนโบกี้รถไฟเต็มไปด้วยปืนใหญ่และระบบอาวุธป้องกันที่ทันสมัยที่สุดของมนุษย์นะตอนนี้ มันวิ่งไปบนรางด้วยความเร็วกว่า 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นิเรียมองไปที่ตามด้านข้างที่เต็มไปด้วยต้นไม้และสัตว์กลายพันธุ์ขนาดเล็กที่ต่างวิ่งหลบเจ้าอสูรเหล็กนี้
ตอนนี้เธอกังวลเป็นอย่างมากเนื่องจาก เมื่อสองวันก่อนเธอได้รับข่าวว่ามีซอมบี้จำนวนกว่า 6 แสนตัวที่ได้โจมตีค่ายลี้ภัย 101 ซึ่งทันทีที่ทราบข่าว ทางกองทัพของเมืองหลวงใหม่ของไทกีล่าก็เรียกรวมทหารและหน่วยโล่ที่มาจากค่ายลี้ภัยตะวันออก 101 และให้เดินทางกลับไปที่ค่ายในทันที พร้อมด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย
ถึงขบวนรถไฟจะออกเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด แต่มันก็ต้องใช้เวลากว่า 36 ชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก เพื่อเดินทางนับหมื่น ๆ กิโลเมตรจากเมืองหลวงใหม่ไปที่ค่ายลี้ภัย
หวอ!!!
ทันใดนั้นเสียงสัญญาณป้องกันของตัวรถไฟก็ดังขึ้นมา มันคือระบบแจ้งเตือนเมื่อตรวจพบพลังงานของสิ่งมีชีวิตที่สูง
“เกิดอะไรขึ้น?”
“มีสัตว์กลายพันธุ์ขนาดยักษ์กำลังบินเข้ามาใกล้ขบวนด้วยความเร็วสูง”
“ยืนยัน มันคือ นกยักษ์กลายพันธุ์ ขั้น 4 อินทรีทองคำ”
“เปิดใช้ระบบอาวุธ ฆ่ามันซะ”
“ครับ”
ระบบอาวุธทั้งหมดของรถไฟหันปากกระบอกปืนไปที่นกอินทรีทองคำในทันที
ปัง! ตูม!
ทั้งใหญ่และปืนกลยิงหนักไปที่อินทรีทองคำในทันทีแต่เพราะมันเร็วเกินไปจึงหลบหลีกได้ในทุก ๆ ครั้ง
ปัง!
อินทรีทองคำใช้กรงเล็บของมันโจมตีไปที่โบกี้รถไฟ แรงกระแทกของมันทำให้ทั้งขบวนสั่นสะเทือนในทันที
ถึงแบบนั้นตัวรถไฟก็ไม่ได้เสียหายมากนัก นอกจากรอยกรงเล็บของอินทรีทองคำเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ถึงแบบนั้นอินทรีทองคำก็ยังโจมตีที่ขบวนอย่างต่อเนื่อง
“แย่แล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ขบวนได้เสียหาย และอาจจะตกรางได้ ต้องรถความเร็วลง”
“ไม่ต้อง ไปเรียกร้อยเอกหญิงนิเรียมา บอกให้เธอใช้ปืนใหญ่พลังงาน E1” ทันใดนั้นก็มีชายอายุราว 50 ปีเดินเข้ามาที่ห้องควบคุม เขาคือพลโท มาราคอฟ
“ครับท่าน”
หลังจากที่ผ่านสักพักนิเรียก็เดินเข้ามา เธอทำความเคารพไปที่พลโทมาราคอฟในทันที จากนั้นก็เข้าไปแท่นปืนใหญ่พลังงาน นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เธอได้ยิงปืนกระบอกนี้
มันคือปืนใหญ่พลังงานที่ใช้แก่นพลังงานเป็นพลังงานหลัก ตัวลำกล้องยาวประมาณแค่ 3 เมตร น้ำหนักประมาณครึ่งตัน ติดตั้งอยู่ด้านบนรถไฟในการยิงแต่ละนัดนั้น มันต้องใช้แก่นพลังงานขั้น 2 หนึ่งชิ้น
นี่คืออาวุธพลังงานที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดและทันสมัยที่สุดของมนุษย์ มันสามารถฆ่าได้แม้แต่สัตว์กล้ายพันธุ์ขั้น 4 แต่มันก็มีข้อเสียนั้นก็คือ ถ้าเจอกับสัตว์กลายพันธุ์ที่เคลื่อนที่เร็ว แม้แต่ตัวเซนเซอร์ก็ตอบสนองไม่ทัน เพราะถึงแม้จะตรวจจับทันแต่ก็ไม่สามารถเล็งเป้าได้ทัน ดังนั้นจึงต้องใช้มนุษย์ชั้นสูงที่มีความสามารถ ที่สามารถคาดการและตอบสนองได้ทันเพื่อควบคุมปืนใหญ่พลังงาน เพราะถ้าการยิงไม่โดนหนึ่งครั้งก็เท่ากับโยนแก่นพลังงานทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์
นิเรียส่งสัญญาณว่าพร้อมแล้วในทันที
“ใส่แก่นพลังงาน ATP ได้”
“เริ่มชาร์จพลังงาน อยู่ที่ 10% 20% 50% 70% 80% 100%”
“พลังงานพร้อมแล้ว”
“ร้อยเอกจัดการได้”
“รับทราบค่ะ” นิเรียเริ่มใช้ความสามารถของเธอ ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีทอง ภาพที่เธอมองไปที่อินทรีทองคำก็ช้าลง ทั้งความเร็วและทิศทางของมันถูกเธอคลาดการในทันที
นกอินทรีที่ตอนนี้บินอยู่ด้านบนมันรู้สึกได้ถึงอันตรายจากจุดที่นิเรียอยู่ในทันที สัญชาตญาณบอกให้มันหนีแต่มันก็คิดว่ามนุษย์ตัวเล็ก ๆ จะทำอะไรกับมันได้
คำราม!
นกอินทรีทองคำบินโผลเข้าใส่ปืนใหญ่พลังงานหมายจะจัดการกับภัยคุกคามที่เป็นอันตรายกับมันก่อน และค่อยจัดการกับคนที่เหลือ
แต่มันก็สายไปนิ้วของนิเรียค่อย ๆ สัมผัสไปที่ปุ่มยิงอย่างช้า ๆ เสียงหายใจที่ค่อย ๆ ผ่อนออกมาอย่างแผ่วเบา
บูม!
พลังงานจำนวนมหาศาลถูกยิงออกไปในทัน นกอินทรีที่เห็นพลังงานที่เข้ามามันก็รู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก รีบบินถอยห่างออกไปในทันที แต่มันก็สายไปเสียแล้ว เพราะพลังงานที่ถูฏยิงออกมา ยิงเข้าไปที่กลางลำตัวของมันจนเป็นรูขนาดใหญ่ตายไปในทันที
ถ้ามันเชื่อสัญชาตญาณตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องตายลงแบบนี้
“สุดยอด สมกับเป็นนิเรียดวงตาเทพจริง ๆ”
“นี่คือ สัตว์กลายพันธุ์ขั้น 4 ตัวที่ 3 เธอได้ฆ่าแล้ว”
“เธอยังโสดอยู่หรือไม่? ฉันอยากแต่งงานกับเธอ”
“นายอยากตายก็เชิญ เธอถูกเรียกว่าเจ้าหญิงของหน่วยโล่มีผู้ชายหลายคนจ้องเธอตาเป็นมัน แต่นายเข้าไปจีบเธอละก็รับรองว่ามีมนุษย์ชั้นสูงเป็นร้อย ๆ ได้รุมฆ่านายแน่”
ยังไม่ทันที่ชายคนนั้นจะพูดจบหน่วยโล่หลายคนก็เข้ามารุมรฃล้อมชายคนนั้นในทันที
“เดี๋ยวฉันก็แค่พูดเล่น….อ๊าก”
หลังจากนั้นรถไฟก็จอดลงและเก็บซากของนกอินทรีทองคำขั้น 4 และออกเดินทางอีกครั้งเพราะพวกเขาเสียเวลามามากแล้ว
ประตูทางทิศเหนือตอนนี้จีซัสกำลังแช่แข็งซอมบี้จำนวนนับพันธุ์จนกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง แต่ในขณะเดียวกันเข้าก็เผชิญกับการลอบโจมตีของซอมบี้เงาขั้น 3 ในหลายครั้ง
ถึงแม้ว่าจะสามารถหลบได้ เนื่องจากตอนนี้มันเป็นเวลากลางวันทำให้เห็นพวกมันได้ชัด แต่ถ้าเป็นในเวลากลางคืนที่จะมาถึงละก็ความน่ากลัวของซอมบี้เงาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1 เท่าตัวอย่างแน่นอน
“ซอมบี้ไททันขั้น 3 อีกแล้ว”
“หน่วยดาบถอยก่อนเร็ว”
ที่ศูนย์บัญชาการใหญ่ ทั้งพลตรีวินเซนต์ และรัฐมลตรีพาลเมอร์ พร้อมด้วยนายทหารและเจ้าหน้าที่อีกหลายคนกำลังมองดูภาพจากแนวหน้าประตูทิศเหนือ ประตูตะวันตก และประตูตะวันออก
“ตอนนี้สถานการณ์น่าเป็นห่วงมาก แนวรบกว่า 10 กิโลบางจุดถอยร่นลงมาแล้ว เนื่องจากซอมบี้ไททันมันใช้ตัวเองบังกระสุนเพื่อให้ซอมบี้ตัวอื่น ๆ เข้ามาประชิดทหารของเรา”
“ปัญหาอีกอย่างคือพวกซอมบี้ระเบิดชีวะภาพ ถ้าเรายังไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ละก็ทหารของเราทั้งหมดได้กลายเป็นซอมบี้หมดแน่”
“ตอนนี้เหลือทหารเท่าไหร่”
“เหลือทหารที่ประตูทิศเหนือและแนวหน้าประมาณ 1 กองพล (1 กองพล = 11,264 นาย) ”
“ทางทิศตะวันตกอยู่ราว ๆ 4 กองร้อย และทิศตะวันออกอีก 2 กองร้อย (1 กองร้อย = 176 นาย) ”
“ยื้อเวลาให้ถึง เทียงคืนแล้วถอนกำลังทหารจากแนวหน้ากลับมาที่กแพงเราจะใช้กำแพงเป็นแนวป้องกันสุดท้าย ขอแค่ต้านให้นานที่สุดรอรถไฟกำลังเสริมที่จะมาถึงในตอนเย็นของวันพรุ่งนี้”
“ท่านพลตรีวินเซนต์ ทางประตูตะวันตกขอกำลังทหารสนับสนุนครับ เขาบอกว่ามีซอมบี้นับแสนอยู่ทางนั้นไม่สามารถต้านได้นาน”
“จะเป็นไปได้อย่างไร พวกเขาไม่ได้ขอให้พวกบริษัทพาราซัสช่วย? พาราซัสมีกองกำลังของตัวเองตั้ง 1,000 คน”
“ขอแล้วครับแต่ทางบริษัทพาราซัสบอกว่า ถ้าต้องการให้ช่วยก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน เพราะพวกเขาไม่ยอมให้คนของตัวเองไปตายแบบฟรี ๆ”
“บัดซบพวกพาราซัส ทั้งที่สำนักงานย่อยของตนเองตั้งอยู่ที่นั้น แต่ก็ยังจะมาเรียกร้องค่าตอบแทน ทำไมเบื่องบนถึงได้ทนกับพวกมันได้” พลตรีวินเซนต์ ด่าออกมาด้วยความเกี้ยวกลาด แต่คนที่ดูจะโกรธแบบสุด ๆ กลับเป็นรัฐมลตรีพาลเมอร์ ถึงแบบนั้นเขาก็พยายามสงบตัวเองไว้เพราะ ถึงอย่างไรฝั่งตะวันตกก็ยังมีประชาชนอีกหลายแสนคน จะปล่อยให้พวกเขาตายไม่ได้
“ตอบตกลงไป” รัฐมลตรีพาลเมอร์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นดังน้ำแข็ง
“ท่านจะให้พวกมันขูดเลือดขูดเนื้อเราในตอนนี้….” พลตรีวินเซนต์ รีบท้วงออกมาทันที แต่รัฐมลตรีพาลเมอร์ก็ยกมือห้ามเอาไว้
“ทางฝั่งตะวันออกละ พวกเขาขอกำลังทหารเพิ่มหรือไม่”
“ไม่ครับ เพราะทางนั้นมีนักล่าที่อ้างว่าเป็นสมาพันธ์นักล่า และมนุษย์ชั้นสูงจำนวนมาก ออกไปสู้กับซอมบี้ และให้ทหารค่อยจัดการกับซอมบี้กลายพันธุ์ ซึ่งน่าจะยังสามารถต้านไว้ได้อยู่”
“หืมตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มีสมาพันธ์นักล่า”
“พวกเราตรวจสอบแล้ว คนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำคือ ไนเรล จากตะกูลชั้นสูง อาโรเดีย หลานชายของ เนโค อาโรเดีย”
“ไนเรล ไอ้หนุ่มนั้นนะหรือ เขาคิดจะทำอะไร?” พลตรีวินเซนต์กล่าวออกมาด้วยความแปลกใจในทันที
รัฐมลตรีพาลเมอร์ได้ยินเช่นกันก็ถึงกับเงียบลงไปในทันที และดูเหมือนว่าสายตาของเขาจะเป็นประกายเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้
“ช่างเป็นพวกที่ทะเยอทะยานจริง ๆ คิดที่จะรวบรวมนักล่าทั้งค่ายโดยการแสดงให้เห็นถึงอำนาจของตนเองในการสู้กับซอมบี้ และใช้อาหารเป็นแหล่งประกันในอำนาจ”
“แจ้งให้ทุกหน่วยจับตาดูพวกเขาไว้ ดูเหมือนเราจะมีขั้วอำนาจเกิดขึ้นมาอีกหนึ่งแล้วภายในค่ายลี้ภัยตะวันออก 101”
รัฐมลตรีพาลเมอร์สั่งการลงไปในทันที
ถ้าจบเรื่องนี้ลงค่ายยังอยู่ สมาพันธ์นักล่าจะกลายเป็นอีกขั้วอำนาจในค่ายลี้ภัยแห่งนี้ที่เกิดขึ้นมา แต่เขาหารู้ไม่ว่าประเมินความสามารถของสมาพันธ์นักล่าต่ำเกินไป
เพราะเขาคงคิดไม่ถึงว่าไนเรลไม่ได้ใช้แค่ผลมันโลหิตเป็นหลักประกัน แต่ใช้ผลคริสตัลวิวัฒนาการ ใครจะไม่อยากเป็นมนุษย์ชั้นสูง นี่คือสิ่งที่ช่วยให้ได้พลังและทำให้อายุยืนยาว ทุกคนต้องการมันอย่างแน่นอน และไนเรลก็คิดวิธีในการใช้มันไปไกลกว่าที่พาลเมอร์จะคาดถึงได้
ประตูทางทิศตัววันออก ไนเรล เอวา เอียนและ มนุษย์ชั้นสูงที่อาสาอีก 8 คนได้แอบออกไปที่ด้านข้างแล้ว โดยที่ไม่ให้ซอมบี้สติปัญญาสังเกตเห็น
ไนเรลไม่ได้พาพวก เจแดน ดีแลน เกรย์สัน ลีวาย แมทธิว เพราะทันทีที่กลุ่มของไนเรลไปจัดการกับซอมบี้สติปัญญา ที่จุดนี้จะต้องรับมือกับซอมบี้จำนวนมาก เขาจึงให้ทั้ง 5 คนคอยช่วยเสริมกำลังของผู้พิทักษ์ เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นศึกแรกของพวกเขา มันทำให้มีผู้พิทักษ์ที่ประมาทตายไปบ้างแล้ว และคาดว่าจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เตรียมตัว รอให้ซอมบี้ขั้น 2 และ ขั้น 3 มาถึงผู้พิทักษ์ เราจะอ้อมไปในทันที เวลาในการจัดการกับซอมบี้สติปัญญามีแค่เท่าที่พวกผู้พิทักษ์ถ่วงเวลาซอมบี้กลายพันธุ์พวกนี้ไว้ให้เท่านั้น”
“ถ้าพวกมันกลับไปช่วยซอมบี้สติปัญญาได้เราจะโดนล้อมหน้าล้อมหลัง อย่างแน่นอน”
หลังจากที่รออยู่ไม่กี่10 นาที ซอมบี้กลายพันธุ์ที่ซอมบี้สติปัญญาส่งออกมาก็มาถึง ผู้พิทักษ์แล้ว
“สู้มัน!!!”
“ถ่วงเวลาไว้ตามที่ท่านประทานไนเรลสั่ง”
“ใครบอกว่าเราจะแค่ถ่วงเวลา พวกเราจะฆ่ามันตั้งหาก”
“ทุกคนลุย”
คนของสมาพันธ์ไม่มีใครกลัว พวกเขาดูออกจะกระหายเลือดเป็นอย่างมาก เข้าไปล้อมจัดการกับซอมบี้ขั้น 2 ในทันที ถึงพวกเขาจะลุมฆ่ามันลงได้โดยใช้จำนวนคนเข้าว่า แต่เมื่อเจอกับซอมบี้ขั้น 3 ก็ต้องยอมถอยออกมา เพราะพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้
“อ๊าก!!!”
“บัดซบผู้พทักษ์ตายไปอีกคนแล้ว”
“อย่าหันหลังให้ซอมบี้เงา พยายามจับกลุ่มกันไว้”
ผู้พิทักษ์พยายามล้อมและหลอกล่อ เพื่อให้พวกทหารที่อยู่ด้านบนกำแพงใช้ปืนใหญ่ยิงพวกมัน นั้นจึงทำให้สถานการณ์ของพวกเขายังสามารถยื้อไว้ได้แต่กลับกัน คนธรรมดาที่ตามออกมาตอนนี้เมื่อไม่มีผู้พิทักษ์คอยเป็นกำแพงให้ ก็มีซอมบี้จำนวนมากถาโถมเข้าใส่พวกเขา ทำให้ผู้คนนับพันนับหมื่นพากันล้มตายลงไปเรื่อย ๆ
“ช่วยด้วย…”
“ถอยเร็ว”
“กลับไปที่ประตู”
“รวมกัน พวกเราต้องรวมกัน อย่าแยกออกไป”
คนที่แยกออกไปตายลงไปในทันทีโดยซอมบี้เงาที่อ้อมมาจัดการ แต่ซอมบี้ตัวนั้นก็โดนพกทหารฆ่าตายไปเช่นกัน นั้นทำให้ทุกคนจับกลุ่มสู้ต่อในทันที
ไนเรลเคลื่อนที่เข้าหาซอมบี้สติปัญญาโดยอาศัยฝูงซอมบี้เป็นที่กำบัง เขาจัดการฆ่าพวกมันและหายไปในจุดต่อไปในทันที
ทั้งกลุ่มอยู่ห่างจากซอมบี้เพียงแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น
ในขณะที่ซอมบี้สติปัญญาที่ตอนนี้กำลังสนใจในการออกคำสั่งฆ่ามนุษย์ที่หน้าประตูอยู่จนมันไม่ได้สั่งเกตุถึงพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
“ลงมือ”
ทันใดนั้น ปืนที่ร้อมเมตรรอบตัวของซอมบี้สติปัญญาก็มีสนามแรงโน้มถ่วงที่อึ้งขึ้นมาในทันที
“เกิดอะไรขึ้น” มันพูดออกมาในแบบภาษาของมนุษย์ด้วยความแปลกใจ แต่แล้วสนามแรงโน้มถึงก็หนักขึ้นกว่าเดิม
ซอมบี้ไททันที่แบกบัลลังก์กระดูกอยู่ถึงกลับ รับน้ำหนักของตัวเองไม่ไหว คุกเข่าลงไปข้าง ซอมบี้สติปัญญาที่นั้งอยู่เสียหลังหล่นลงมาในทันที
ขณะที่ซอมบี้เงาที่ตอนนี้ก็ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้เช่นกันจะมีก็แต่ซอมบี้ปีกที่บินถ่อยหนีออกไปได้ทัน
ในตอนนี้เองที่ซอมบี้สติปัญญาเห็นดาบของไนเรลที่ถูกปาเข้ามาดังหอกตรงไปที่หัวของมัน
“ไม่…”