ตอนที่ 51 ไนเรลลืมตาตื่น (จบภาค 1 การกลับมาของไนเรล)
ณ ดินแดนที่ไม่รู้จักห่างจากดินแดนทางเหนือหลายแสนกิโลเมตร ผืนป่าขนาดใหญ่ที่กลายพันธุ์ จนต้นไม้มีความสูงอย่างต่ำหลายร้อยเมตร ที่นี่มีสัตว์กลายพันธุ์มากมายราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า พวกมันเจริญเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด เป็นดินแดนที่ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาทั้งหลาย
บริเวณรอยแยกจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวที่รุนแรงถึง 10.5 ริกเตอร์ พื้นดินยุบตัวลงไปเป็นหลุมขนาดใหญ่กระจายไปทั่วทั้งพื้นป่า หลังจากที่แผ่นดินไหวหยุดลงไป 1 วันอยู่ ๆ ก็มีสิ่งมีชีวิตจากโลกใต้ดินคลานขึ้นมาจากหลุม
ถ้าไนเรลมาอยู่ที่นี่เขาจะต้องจำมันได้อย่างแน่นอนเพราะมันคือ เผ่าพันธุ์ยักษ์เถื่อน รูปร่างและโครงสร้างของพวกมันไม่ต่างจากมนุษย์มากนัก ยกเว้นเขาที่อยู่บนหน้าผาก มีทั้งแบบเขาเดี่ยวและเขาคู่แตกต่างกันออกไป สีของเขาแตกต่างกันไปตามระดับพลังไม่ต่างจากคริสตัลของมนุษย์
ความสูงของพวกมันไม่ต่ำกว่า 4 เมตร พลังที่แสดงออกมาไม่ว่าจะทั้งความเร็ว พละกำลัง หรือความทนทานพวกมันไม่ต่างจากสัตว์กลายพันธุ์ ขั้น 3 เลยแม้แต่น้อย
ถึงแบบนั้นก็ไม่แปลกเพราะทันทีที่พวกมันเกิดขึ้นมาระดับพลังเท่ากับ สีน้ำตาลแล้ว
คำราม!!!!!!!!
เมื่อขึ้นมาเหนือพื้นดินพวกมันก็ร้องคำรามออกมาราวกับไม่ได้เห็นแสงเดือนแสงตะวันมานาน มันสูดอากาศที่บริสุทธิ์เข้าไปจนเต็มปอด
“ฮ่า ๆ ในที่สุดพวกเราก็ออกมาจากโลกใต้พิภพได้ คอยดูเถอะพวกเผ่าพันธุ์โฮโม กักขังเผ่าพันธุ์พวกข้ามาหลายแสนปี ท่านบรรพบุรุษพวกเราจะต้องยึดครองพิภพนี้และทำลายทั้งพวกเผ่าพันธุ์โฮโมและพวกเหล่าเทพพวกนั้นให้สิ้นซาก”
“เฮ้ ๆ ๆ ๆ”
เผ่าพันธุ์ยักษ์เถื่อนจำนวนมากที่ทยอยออกมาจากโลกใต้พิภพต่างร้องคำรามออกมา แสดงความยินดีที่เผ่าพันธุ์พวกมันขึ้นมาบนพื้นโลกได้อีกครั้ง
……………………….
ที่เหมืองหลวงประเทศมิสทาลใจกลางของการระเบิดพลังงานวิวัฒนาการจากกล่องแพนโดร่า ตอนนี้ซอมบี้ที่ไม่ได้ต่างจากมนุษย์ได้นำกล่องใบนั้นไปเก็บไว้ในวังจุดศูนย์กลางของวังกระดูกของมันที่สร้างขึ้นมาจากกระดูกมนุษย์ชุปทองคำสร้างเป็นวังทองคำของจักรวรรดิทองคำ
ถึงมันจะชื่อจักรวรรดิทองทำแต่ที่จริงมันก็คือ เมืองของซอมบี้ดี ๆ นี่เอง ที่ปกครองโดยซอมบี้สติปัญญาระดับสูงผู้ก้าวข้ามระดับชีวิตและตั้งตนเป็นจักรพรรดิซอมบี้
ที่นี่มีแต่ซอมบี้ แต่แน่นอนก็ยังมีเหล่าทาสซึ่งทั้งหมดเป็นมนุษย์ชั้นสูงที่ถูกเลี้ยงดูไว้เยี่ยงสัตว์ป่า เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมนุษย์ปกตินั้นทนต่อพลังงานที่ระเบิดออกมาในตอนแรกไม่ได้จึงมีแค่มนุษย์ชั้นสูงเท่านั้นที่มีชีวิตอยู่รอด
แต่สภาพของพวกเขานั้นสู้ตายดีกว่าอยู่ยังจะดีซะอีก ที่นี่พวกเขาจะถูกจับกินโดยซอมบี้สติปัญญาในทันที ถ้าเกิดพวกมันถูกใจ
นั้นก็เป็นเพราะว่าเนื้อของมนุษย์ชั้นสูงก็ไม่ต่างจากเนื้อมนุษย์ระดับ พรีเมี่ยม เนื้อระดับแรร์เลยแม้แต่น้อย พลังงานภายในเซลล์นั้นอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมากถ้าพวกมันได้กินบ่อย ๆ ก็จะสามารถเลื่อนผ่านระดับพลังชีวิต หรือขั้น 6 ไปเป็นซอมบี้ชั้นสูง มีพลังอำนาจมากขึ้นไปอีกได้
ดังนั้นพวกมันจึงมีแผนการสร้างอาณาจักรกระจายออกไปและจับเหล่ามนุษย์มาเลี้ยงเพื่อเป็นอาหาร
สำหรับซอมบี้ระดับสูงแล้วพวกมันมีความคิดและสติปัญญาไม่ต่างจากมนุษย์เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งพวกมันยังมีเหล่าซอมบี้กลายพันธุ์เป็นองครักษ์ ที่ไม่ได้มีแค่สายพันธุ์ไททัน ปีก เงา หรือ ระเบิดชีวะภาพ แต่ยังมีซอมบี้นางพญาที่วางไข่ซอมบี้ได้และอื่น ๆ อีก
ที่นี่วิวัฒนาการไปได้ไกลมากเนื่องมาจากมันเกิดเหตุการณ์กลายพันธุ์ก่อนที่อื่น ๆ
…………………..
ห่างออกไปจากสุดขอบดินแดนทางเหนือ ที่นี่คือรอยต่อตะเข็บชายแดนของผืนป่าระหว่างประเทศมิสทาล ประเทศไทกีล่า และประเทศจีนาส ที่นี่คือรอยต่อของทั้ง 3 ประเทศ
ฐานวิจัยนานาชาติ ขนาดใหญ่กินพื้นที่กว่า 10 กิโลเมตร ถึงแม้มันจะผ่านทั้งเหตุการณ์ซอมบี้และแผ่นดินไหวมา แต่ฐานแห่งนี้ก็ยังมั่นคง พวกเขาก็ยังคงทำงานกันต่อ ฐานวิจัยแห่งนี้ล้อมรอบถ้ำที่ภายในมีหลุมลึกลงสู่เบื้องล่างของอารยธรรมโบราณที่ว่าเป็นพระเจ้าผู้สร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์
ภายในมีพีรมิดโบราณอยู่มากมาย ขณะที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวมันก็ปลดปล่อยพลังงานจำนวนมากออกมา กระจายออกไปเป็นวงกว้างทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดในระยะกว่า 200 กิโลเมตรไม่สามารถใช้งานได้
ห่างจากฐานวิจัยไปประมาณ 100 กิโลเมตร ตอนนี้มีกลุ่มของมนุษย์ชั้นสูงกำลังถูกฆ่าโดยชายชราอย่างป่าเถื่อน ที่หน้าอกของเขามีชื่อปักไว้อยู่ “เนโค อาโรเดีย”
เขาใช้มือเปล่าหักคอของมนุษย์ชั้นสูงระดับสีน้ำตาลคนสุดท้ายจากนั้นก็ใช้ความสามารถประเภทลึกลับ [สูบวิญญาณ S] กลืนกินวิญญาณของคนตายทุกคนในทันที
[สูบวิญญาณ S] มันคือการสูบทั้งพลังกายและวิญญาณของคนที่ถูกตัวเองฆ่า และนำพลังมาพัฒนาร่างกายและจิตใจของตนเอง
กล้ามเนื้อและร่างกายของเนโคแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดเขาก็วิวัฒนาการเป็นระดับ สีเขียว ที่อยู่สูงกว่าระดับสีน้ำตาล 1 ขั้นหรือก็คือเทียบเท่ากับสัตว์กลายพันธุ์ขั้น 4
เนโคหยิบรูปของครอบครัวขึ้นมา พร้อมกับมองไปที่มัน เขาจำทั้งสามคนได้นั้นก็คือ ลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลานสาวนิเรียได้ แต่คนสุดท้ายคือ เด็กชายที่ชื่อไนเรล
ตั้งแต่ที่เกิดระเบิดพลังงานของพีระมิดมันก็เหมือนกับทำลาย ไม่สิเรียกคืนความทรงจำที่บิดเบี้ยวของเขากลับมา
และตัวตนของความบิดเบี้ยวนั้นก็คือ ไนเรล อาโรเดียที่กลับกลายเป็นหลานชายของเขา
“เจ้าเป็นหลานชายของข้าหรือเป็นใครกันแน่”
เขาเก็บรูปใบนั้นลงไปและมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางในทันทีนั้นก็คือ บ้านเกิดของเขา คฤหาสน์ตระกูลอาโรเดีย
เพราะในจดหมายที่เขาจำได้ว่าเขียนถึงคฤหาสน์แห่งนั้นไว้และฝากให้เมสันส่งให้ไนเรล ซึ่งตอนนั้นความทรงจำของเขาเกี่ยวกับตัวตนของไนเรลยังบิดเบี้ยวอยู่
เขาต้องไปดักรอไนเรลให้ได้ เพราะไนเรลต้องไปที่นั่นแน่นอน
………………………..
ก่อนหน้านั้นหลังจากที่ไนเรลหมดสติลงไป เขาก็เหมือนหลับลึกลงไปและถูกเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการห่อหุ้มไว้ จนไม่สามารถออกไปได้
มันเหมือนกับตอนที่เขาข้ามผ่านโลกใบนั้นมาและมาอยู่ในร่างของไนเรล อาโรเดีย เมื่อชีวิตก่อนจากนั้นก็ย้อนกลับมาอีกครั้งในร่างของไนเรล
เขาเหมือนลงอยู่ในความมืดเดินไปมาหาทางออกไม่ได้
“ไม่ นายอย่าเป็นอะไรนะ”
แต่เขากลับรู้สึกและสัมผัสได้ถึงมือของเอวาที่จับอยู่มันคือแสงที่อบอุ่น และต่อมาก็เป็นเจ้าแมวน้อยที่เขาสามารถรู้ได้อีกเช่นกันว่ามันกำลังดูดซับพลังงานของเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการอย่างสบายใจ
“เหมียว มี้ๆ แม้วๆ ม้าว เหมียว ม้าว ม้าว ม้าว (มะลิขอพลังงานนี้หน่อยนะ ถ้าไนเรลยังไม่ตอบภายในนับ 3 2 1 แสดงว่าตกลง) ”
“ถ้าฉันออกไปได้คงต้องเก็บค่าตอบแทนจากเจ้าแมวน้อยสักหน่อยแล้ว” ถึงเขาจะพูดแบบนั้นแต่ก็ดีใจอยู่เพราะยิงแมวน้อยดูดซับพลังงานไปมากเท่าไหร่ พลังที่กักขังเขาอยู่มันก็อ่อนแอลงเรื่อย ๆ
“พี่…เกิดอะไรขึ้น พี่เป็นอะไร แมวน้อยพี่เป็นอะไร”
ในตอนนั้นเองที่เขาสัมผัสได้ถึงนิเรียที่เธอพยายามเรียกเขา แต่ไนเรลก็ไม่สามารถทำอะไรได้
เขาได้แต่รอให้พลังงานลดลงไปในระดับหนึ่ง และในตอนนั้นเองความมืดรอบด้านก็เป็นเหมือนกับเปลือกไข่ที่แตกออก แสงที่สาดสองเข้ามา แต่น่าเหลือเชื่อก็คือมันคือแสงของดวงอาทิตย์
เพราะตอนนี้เขากำลังมองมันอยู่ ทันใดนั้นภาพมันก็เคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ เขามองดูดวงดาว อุกกาบาต ดาวเคราะน้อย กลุ่มแก๊สที่สวยงาม มันเหมือนกับว่าเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการนั้นกำลังพาเขาไปที่ไหนสักแห่งและทันใดนั้นก็เหมือนมีกำแพงขวางทางไม่ให้เขาไปต่อ
มันไม่ใช่กำแพงแต่เป็นโดรมใสที่กังขังไม่ให้สิ่งใดออกไป
“เกิดอะไรขึ้น” ไนเรลยืนมือออกไปเตะมันด้วยความสงสัย แต่ทันใดนั้นอยู่ก็มีข้อความส่งเข้ามาในทางความคิดของเขา มันคือโดรมนี้ที่ส่งมา
“ตรวจพบ สิ่งผิดปกติ…ทำการตรวจสอบ”
“ตรวจสอบเสร็จสิ้น…..ระบุ…เป็นสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่”
“กำลังรอการอนุญาตเพื่อกำจัดทิ้ง…..อนุญาตเพื่อกำจัดทิ้ง”
“เฮ้ เดี่ยวสิหมายความว่าไง ใครกันที่เป็นสิ่งผิดปกติ….” แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้คำตอบพลังงานจำนวนมหาศาลก็จู่โจมเข้ามาในทัน โดยไม่สนใจเสียงของไนเรลเลยแม้แต่น้อย
แต่ก่อนที่พลังงานเหล่านั้นจะสัมผัสโดนเขา เมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตก็พาไนเรลกลับไปในทันที
ภาพของเขาเป็นเหมือนกับการย้อนกับถอยหลัง แม้แต่พลังที่จู่โจมเข้ามาก็ไม่สามารถไล่ตามทันได้
แต่ในขณะที่เข้าถุกดึงกลับมามันก็มีภาพความทรงจำ ในความทรงจำเหล่านั้นมันคือ ต้นไม้ขนาดยักษ์ที่เพียงแค่ 1 รากของมันก็ปกคลุมทั่วทั้งจักรวาล แต่ละใบมีโลกที่แปลกประหลาดมาก ภายในยังมีสิ่งมีชีวิตและยานอวกาศ บินไปมา
มันถูกเรียกว่าต้นไม้โลก แต่แล้วอยู่ก็มีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวกวาดทำลายทุกสิ่งจนหายไป แม้แต่ไนเรลที่มองดูความทรงจำเหล่านี้ก็ยังคงสั่นไปด้วยความกลัว ต้นไม้โลกพยายามที่จะใช้ทุดสิ่งขัดขวางมันแต่ก็ทำไม่ได้ ต้องตายลงไป และภาพทุกอย่างก็หายไป
พร้อมกับที่ไนเรลถูกดึงกลับเข้ามาร่างของตนเอง ในที่สุดเขาก็รู้สึกได้ถึงร่างกายและสิ่งรอบข้าง เขาสัมผัสได้ถึงความสามารถ [เร่งการเจริญเติบโตของพืช F] ที่ยกระดับไปเป็นระดับ A ในทันที
เขาไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่หน้าจะเกี่ยวข้องกับเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการแน่นอน
ไนเรลค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ในสายตาของเขามองไปที่นิเรียที่อยู่ด้านข้าง เธอกำลังนั่งหลับพร้อมกับมีหนังสือวางเปิดทิ้งไว้อยู่
“อรุณสวัสดิ์ น้องสาวของพี่” ไนเรลค่อย ๆ เลื่อนมือไปที่หัวของเธอและลูปไปมา ดูเหมือนว่าเธอจะยังคงงัวเงียอยู่มองไปที่ไนเรล และทันใดนั้นน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาในทันที เมื่อเห็นว่าไนเรลฟื้นขึ้นมา
“พี่….” เธอโผล้เข้าไปกอดไนเรลในทันทีด้วยความดีใจพร้อมน้ำตาที่หยดลงมา
……………………………………..
Witterry : จบภาค 1 การกลับมาของไนเรล ไว้เดี่ยวหลังปีใหม่มาต่อกันภาค 2 ยักษ์เถื่อน สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าครับ