ตอนที่ 6 ดูดซับความสามารถ(รีไรท์)
ไนเรลรีบใส่เสื้อทันทีด้วยกลัวว่าจะมีใครเห็น
“พี่ชายเป็นอะไรหรือปล่าว?” นิเรียเดินเข้ามาดูพี่ชายของเธออย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอก เรามาฝึกกันต่อดีกว่า” ไนเรลลูบไปที่หัวของน้องสาวจากนั้นก็เดินไปเปิดประตูปล่อยซอมบี้เข้ามาอีก 10 ตัว
หลังจากทำแบบนี้อยู่ 3 ครั้งซอมบี้ที่อยู่หน้าบ้านก็ถูกฆ่าตายทั้งหมด พวกเขาเก็บศพออกไปกองทิ้งไว้อยู่ที่ด้านข้าง แต่ไมน่าเสนอว่าให้ฝังศพพวกเขาเพราะอย่างน้อยก็เป็นการให้เกียรติคนตาย
ไนเรลก็ไม่ได้ขัดอะไร แต่เขาให้พวกเขาขุมหลุมกันเองที่หลังบ้าน ตอนนี้ไนเรลรู้สึกกังวลว่าถ้าเขาอยู่กับซากซอมบี้นาน ๆ จะเผลอกินเนื้อซอมบี้ต่อหน้าทุกคนจริง ๆ แน่
หลังจากแยกตัวออกมา ไนเรลก็เข้าไปที่ห้องแช่อาหารทันที เนื่องจากว่าเขารู้สึกหิวมากจึงจัดการกินทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะเขายังหิวอยู่
“หรือว่าเราต้องกินเนื้อที่วิวัฒนาการถึงจะลดความหิวลงไปได้” ไนเรลคิดถึงความเป็นไปได้เรื่องนี้ เนื่องจากคริสตัลวิวัฒนาการที่อยู่ตรงหน้าอกเขามาจากเมล็ดพันธุ์แห่งวิวัฒนาการ ก็ต้องการสิ่งที่มีวิวัฒนาการแล้วเช่นกัน และดูเหมือนว่ามันจะไม่เลือกกินขอแค่เป็นสิ่งที่วิวัฒนาการแล้วเท่านั้นก็พอ
โชคยังดีที่บ้านหลังนี้อยู่เขตนอกเมืองมันน่าจะพอมีสัตว์วิวัฒนาการขนาดเล็กอยู่บ้าง
ระหว่างที่รอพวกเขาฝังศพซอมบี้อยู่ ไนเรลจึงออกไปข้างนอกแต่ก็สั่งกำชับให้ทุกคนอยู่แต่ในบ้านและระวังตัวไว้ตลอดเวลา
ไนเรลออกมาจากบ้านและตรงไปที่ท่อน้ำทิ้งทันที สัตว์เล็ก ๆ ที่วิวัฒนาการที่เขาหมายถึงก็คือ หนู
หนูแบบพวกมันจะขยายพันธุ์กันได้อย่างรวดเร็ว วงจรวิวัฒนาการจึงไปเร็วอย่างมากกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ อยู่พอสมควรที่สำคัญพวกมันล่าได้ง่ายมากถ้าอยู่ตัวเดียว แต่ถ้ามีพวกมันเป็นฝูงคงต้องตัวใครตัวมัน
เขาเดินเข้ามาในเขตหมู่บ้าน ตอนนี้มันดูเงียบเป็นอย่างมาก ราวกับเป็นหมู่บ้านร้างไปแล้ว
ในระหว่างทางเขาก็เจอซอมบี้สองตัวอยู่ในซอยเล็ก ๆ แห่งหนึ่งมันคือซอมบี้เด็กน้อย
ตัวหนึ่งเป็นแค่เด็กอายุ 3 ขวบ อีกตัวเป็นซอมบี้พี่สาวอายุประมาณ 8 ขวบ ทั้งสองกำลังกินกินบางอย่างอยู่
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ๆ ไนเรลก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนมันคือ ศพของผู้หญิงคนหนึ่ง เขาไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่า ผู้หญิงคนนี้คือแม่ของซอมบี้เด็กทั้งสองตัว เพราะเสื้อผ้าที่ทั้งสามใส่นั้นคือเสื้อแม่ลูก
ดูเหมือนว่ามันจะได้ยินเสียงคนที่เดินมาด้านหลัง จึงหันกลับมาจ้องมองพร้อมกับเศษเนื้อที่ติดอยู่ในปากและเลือดที่ท่วมไปทั้งตัว
อ๊าค! กึด ๆ ๆ
ซอมบี้ผู้พี่ร้องออกมาแล้วก็กัดฟันกระทบกันไปมาราวกับมันต้องการจะงับไนเรล
“ฉันจะช่วยให้พวกเธอพ้นทุกเอง” เขาเดินเข้าไปใช้ดาบตัวหัวทั้งสองตัวออก จากนั้นก็ยกร่างของทั้งสองตัวไปวางที่ข้าง ๆ ศพของแม่พวกเขา
ไนเรลอยากจะสวดขอให้พวกเขาไปสู่สุคติ แต่เขากลับไปสามารถทำได้เพราะตอนนี้เขาไม่นับถือพระเจ้าหรือเทพตนไหนแล้วนอกจากตัวเอง
หลังจากจัดการเสร็จเขาก็รีบเดินออกมาทันที เนื่องจากเมล็ดพันธุ์แห่งวิวัฒนาการส่งความรู้สึกมาให้เขากินมัน กินมันอยู่ตลอดเวลา เขาตัดสินใจเดินหลบออกห่างจากบริเวณถนนหลักที่ตอนนี้เต็มไปด้วยซอมบี้ที่กำลังไปรวมตัวกันอยู่ตรงนั้น
ในระหว่างทางไนเรลเห็นคนที่ยังรอดชีวิตหลบอยู่ในบ้าน แต่เมื่อพวกเขาเห็นไนเรลก็แสดงสีหน้าไม่เป็นมิตรบางคนรีบปิดประตูและหน้าต่างราวกับกลัวว่าไนเรลจะเข้าไปวุ่นวายกับพวกเขา
เมื่อเดินไปสักพักตามแม่น้ำสายเล็ก ๆ เขาก็เจอกลับอุโมงค์ระบายน้ำที่ออกมาจากตัวเมือง มันกว้างแค่ 3 คูณ 3 เมตรเท่านั้น
เขากำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ “มันก็อันตรายพอสมควรแต่ก็ดีกว่าหาจากข้างนอก”
และใช้เวลาเพียงไม่นานเขาก็เจอหนูตัวเท่าสุนัขกำลังกัดกินร่างของมนุษย์อยู่ ดูเหมือนว่าจะมีคนหนีแล้วหลงมาที่อุโมงค์ระบายน้ำ
ร่างของมนุษย์ตอนนี้เหลือแต่โครงกระดูกแล้ว แต่ก็ยังมีหนูอีกสองสามตัวกัดแทะกระดูกกันอย่างเมามัน
เขาเอามีดพกทังสแตนที่ยึดคืนมาจากคารอนออกมาจากนั้นก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปหามันอย่าช้า ๆ
จี๊ด ๆ!
ดูเหมือนมันจะได้กลิ่นบางอย่างแต่ก็ช้าไปเสียแล้ว ไนเรลแทงไปที่หลังของมันอย่างแรง
มีดพกทังสแตนแทงเขาตัวของมันเลือดไหลออกตามร่องเลือดที่ใบมีดทันที
จี๊ดๆ! จี๊ดๆ!
มันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ไนเรลจึงแทงซ้ำไปที่หนูกลายพันธุ์อีกรอบที่หัวใจ หนูกลายพันธุ์ดิ้นไปมาอยู่สักพักมันก็นอนแน่นิ่งไป
ส่วนอีกสองตัวที่เหลือมันก็หนีออกไปนานแล้วตั้งแต่ที่เขาแทงหนูตัวแรกตายไป
“คงจะต้องเร็วขึ้นหน่อย” เขารีบแบกร่างของหนูกลายพันธุ์ออกมาทันที หลังจากที่เขาออกไปไม่นานก็มีกองทัพหนูกลายพันธุ์เกือบร้อยตัวออกมาหยุดอยู่ที่เขาฆ่าหนูตัวแรก แต่เมื่อมันไม่พบก็แยกย้ายกันกลับไป
ไนเรลเอาหนูกลายพันธุ์ออกมาที่ริมแม่น้ำแล้วก็ล้างทำความสะอาดจากนั้นก็จัดการแล่เอาขนออกอย่างชำนาญ
“น่าจะพอทำเป็นเสื้อคลุมให้นิเรียได้” เขามองไปที่หนังของหนูกลายพันธุ์ สภาพอากาศหลังจากนี้จะเปลี่ยนแปลงบ่อยเป็นอย่างมาก
เมื่อก่อนประเทศไทกีล่านั้นจะมีสภาพอากาศอยู่ 3 ฤดู คือ ร้อน ฝน หนาว แต่ทุกอย่างจะมีความรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่าตัว เช่น ร้อนปกติก็จะเป็น ร้อนมาก ๆ ฝนตกก็จะตกหนักมาก ๆ หนาวก็จะหนาวมาก ๆ
ที่สำคัญบางสภาพอากาศก็จะเปลี่ยนทุกวันก็ยังมี ซึ่งไม่สามารถคาดเดาช่วงสภาพอากาศนั้นยากพอสมควร
เนื่องจากตอนนี้บนชั้นบรรยากาศมันเเถบจะถูกปกคุมไปด้วยพลังงานที่ออกมาจากกล่องแพนโดร่าอยู่ตลอดเวลา
และมันก็จะหนาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ อีกไม่นานการสื่อสารก็คงจะถูกตัดขาด สิ่งที่ให้ได้คงมีแต่วิทยุ แต่เขาก็ไม่ได้ห่วงเพราะหลังจากนี้ เดียวทางทั้ง 7 ประเทศก็จะพัฒนาเครือข่ายขึ้นมาใหม่
นี่คงเป็นสิ่งเดียวของมนุษย์ที่สามารถไปสู้กับเผ่าพันธุ์อื่นนั้นก็คือ การพัฒนาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องสติปัญญาที่เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย การก่อตั้งระบบสังคมที่ชัดเจนก็เช่นกัน
ไนเรลล้างทำความสะอาดเนื้อหนูกลายพันธุ์เสร็จก็โยนซากของเครื่องในลงไปที่ข้าง ๆ ตลิ่งแม่น้ำเขารออยู่สักพักก็มีปลาขนาดใหญ่ยาว เมตรกว่า ๆ กระโดดงับไปที่เครื่องในหนูกลายพันธุ์
“ตอนนี้ละ! ฮ้า!” ไนเรลใช้ดาบยาวทังสแตนแทงไปที่ปลาตะเพียนกลายพันธุ์ ที่ตอนนี้กำลังนอนเกยตื้นหายใจพะงาบ ๆ ขณะที่พยายามกลืนกินไส้หนูกลายพันธุ์
มันดิ้นสุดความสามารถแต่ไม่นานมันก็ตาย
จากนั้นเขาก็ยกมันขึ้นมาบนริมฝั่งแม่น้ำ แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นเงาขนาดใหญ่ใต้น้ำว่ายเข้ามาอย่างช้า ๆ ไนเรลรีบลากปลาตะเพียนกลายพันธุ์ออกห่างจากฝั่งทันที
ตูม!
แต่ดูเหมือนจะช้าไป หัวของมันโผล่ออกมาจากใต้น้ำอย่างรวดเร็วกัดเขาไปที่ตัวปลาหายไปในปากมันครึ่งหนึ่ง
“บัดซบ! เต่ายักษ์กลายพันธุ์” ไนเรลรีบดึงปลาตะเพียนกลายพันธุ์ที่เหลืออีกครึ่งหนีออกมาพร้อบกับเนื้อหนูกลายพันธุ์
เนื้อของปลาตะเพียนกลายพันธุ์ที่หายไปครึ่งหนึ่งและเนื้อหนูกลายพันธุ์ นั้นเมื่อรวมกันก็ไม่หนักมากเท่าไหร่เขาจึงแบกมันหนีออกมาจากริมฝั่งแม่น้ำได้อย่างไม่มีปัญหา
เมื่อหันไปมองเต่ายักษ์กลายพันธุ์ ดูเหมือนมันจะไม่ได้ไล่ตามไนเรลมา
เต่ายักษ์กลายพันธุ์นั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก เพราะมันมีพลังชีวิตที่มหาศาลความอึดและกระดองที่เป็นเครื่องป้องกันที่แข็งแกร่ง
ถ้าจะให้ไปเทียบมันคงจะเป็นรถถังดี ๆ นี่เอง
ไนเรลรีบตรงกลับไปที่บ้านทันที เนื่องจากเขาต้องการที่จะกินมันแล้ว
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ทั้ง 5 คนก็ยังคงขุดหลุมฝังร่างของซอมบี้กันไม่เสร็จยังเหลือศพของซอมบี้อีกประมาณ 20 ตัว
ไนเรลที่เห็นหลุมที่ขุดไปจำนวนมากก็หมดคำพูด เขาเดินเข้าหาคนทั้ง5 จากนั้นก็พูด “ทำไม! ไม่ขุดหลุมใหญ่ ๆ เพียงหลุมเดียวแล้วฝังรวมกัน?”
ทั้ง5 คนก็หันมามองหน้ากันอยู่สักพัก เขาสามารถอ่านสีหน้าทุกคนได้เลยว่า ‘ทำไมพวกเราไม่ทำแบบนี้ตั้งแต่เเรก’
“พี่ชายแบกอะไรมาด้วย?” นิเรียรีบเปลี่ยนเรื่องและหันไปถามสิ่งที่ไนเรลแบกมาข้างหลัง
“หนูกลายพันธุ์” เขาวางมันลงเมื่อให้ทุกคนได้ดูจากนั้นก็หันไปกล่าวกับทั้ง 5 คน “รีบจัดการให้เสร็จแล้วมากินหนูกลายพันธุ์กัน”
ดามินรู้สึกตกใจมาก “หนูมันตัวใหญ่ขนาดนี้แล้วเหรอ”
“นี่เล็กสุดแล้ว” ไนเรลกล่าวพร้อมกับเดินเอาเนื้อหนูกลายพันธุ์และปลากลายพันธุ์ เข้าไปในครัว
……………………………….
ใช้เวลาไม่นานมากพวกเขาก็มารวมตัวกัน ตอนนี้บนเตามีเนื้อหนูกลายพันธุ์ย่างอยู่และปลาตะเพียนกลายพันธุ์เผ่าเกลือวางอยู่ด้วย
กลิ่นของเนื้อทั้งสองนั้นหอมเป็นอย่างมาก จนทุกคนนั้นน้ำลายไหลออกมาทันที
ไนเรลไม่รอช้าลงมือกินเนื้อกลายพันธุ์ในทันที เขากินมันเท่าที่จะสามารถกินได้ ในแต่ละคำที่กัดลงไป ไนเรลดื่มด่ำกลับรสชาติที่ดูเหมือนว่าพึ่งเคยได้ลิ้มลองของที่อร่อยขนาดนี้เป็นครั้งแรกทั้งที่เขาก็กินมันมาตลอด
นิเรียและทั้ง 4 คนมองไปที่ไนเรลอย่างเหลือเชื่อ ที่เขากินมันอย่างตะกละขนาดนี้แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นคือแม้แต่กระดูกเขาก็เคี้ยวมันอย่างง่ายดาย
อันที่จริงแล้วพฤติกรรมที่ไนเรลแสดงมาทั้งหมดนี้มาจากความหิวของเมล็ดพันธุ์แห่งวิวัฒนาการ มันส่งผลต่อความรู้สึกของเขา
เมื่อกินไปได้สักพักเขาก็เพิ่งสังเกตว่าตัวเองสามารถเคี้ยวกระดูกที่แข็งๆ ของหนูกลายพันธุ์ได้อย่างง่ายดาย
เขาได้แต่คิดในใจ ‘หรือว่ามันจะเป็นความสามารถตะกละ’
หลังจากผ่านไปสักพักเนื้อหนูและปลาก็ถูกเขากินไปเกือบหมดคนอื่นได้กินแค่เพียงเล็กน้อย เพียงแค่ไม่กี่ขีดเท่านั้น
“ทำไมจมูกนายถึงเลือดไหล” ดาลิธมองไปที่คารอนซึ่งเขาก็เป็นอีกคนที่กินมันไปเยอะ
“จริงด้วย” ดามินที่อยู่ด้านข้างพูดออกมา แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้ว่าจมูกของตัวเองเลือดไหลเช่นกัน
ทั้งสองคนรีบเงยหน้าทันที
“มันเพราะพวกนายกินเนื้อกลายพันธุ์เยอะเกินไป คราวหลังกินแค่ครึ่งกิโลกรัมพอไม่ควรเกินจากนี้ คนอื่น ๆ ก็ด้วยยกเว้นคนที่วิวัฒนาการแล้ว”
“คนที่เลือดกำดาวไหลให้หาอะไรอุดจมูกแทน อย่าเงยหน้า เดี่ยวเลือดไหลย้อนไปแข็งตัวทางเดินหายใจ” ไนเรลยังคงกินไปด้วยพร้อมกับบอกทั้งสองคน อันที่จริงแล้วคนธรรมดานั้นไม่ควรกินเนื้อกลายพันธุ์มากไปโดยเฉพาะระดับที่สูงกว่านี้
เพราะพลังงานที่อยู่ในเนื้อกลายพันธุ์มันมีมากกว่าที่ร่างกายคนธรรมดาจะรับไหวแต่มันกลับเป็นขุมทรัพย์ของมนุษย์ชั้นสูงในการวิวัฒนาการต่อ ๆ ไป
หลังจากที่กินเสร็จไนเรลก็รู้สึกได้ถึงการย่อยของเนื้อในกระเพาะที่รวดเร็วของร่างกาย
“การเผาผานที่หน้าเหลือเชื่อ” ทันในนั้นเขาก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเขาจึงขอตัวออกมาก่อนทันทีและเข้าไปในห้องของตัวเองยืนอยู่หน้ากระจก
“มีบางอย่างเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน” หลังจากมองหาอยู่สักพักเขาก็เจอมันคือหนึ่งในกิ่งของรอยสักที่ออกมาจากคริสตัลตรงหน้าอกของเขา
มันมีใบไม้งอกออกมา!
ไนเรลเอามือไปลูบที่มัน ก็เหมือนกับผิวหนังปกติ ใบไม้งอกออกมา สองใบ ใบหนึ่งเต็มใบบนใบไม้มีรูปของหนูกลายพันธุ์อยู่ ส่วนอีกใบเป็นรูปปลาตะเพียนกลายพันธุ์มันงอกออกมาแค่ 1 ใน 100 เท่านั้น
ทันในนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอีกอย่างมันคือพลังพิเศษนอกเหนือจาก [การเร่งการเจริญเติบโตของพืช ระดับ F]
“ใบไม้ 1 ใบแทน 1 ความสามารถอย่างนั้นก็หมายความว่าที่เรากัดกระดูกได้ก็เป็นเพราะความสามารถ [การกัดแทะ] ของหนูยักษ์” ไนเรลจับไปที่ฟันของเขามันดูเหมือนจะเเข็งแรงเป็นอย่างมากเมื่อเขาใช้พลัง แต่ถ้าไม่ใช้มันก็จะกลับมาเป็นปกติ
หลังจากที่ทดลองดูความสามารถอย่างอื่นดูว่ามีอีกหรือไม่ แต่เขาก็ต้องผิดหวังดูเหมือนมันจะสังเคราะห์ความสามารถมาได้เฉพาะแค่ความสามารถที่โดดเด่นของสิ่งที่กินไปเท่านั้น
“มันคงจัดอยู่ในประเภทลึกลับได้หรือไม่ แต่ก็คงไม่ได้เพราะคริสตัลมันไม่เหมือนกัน เรื่องนั้นช่างมันก่อน ข้าจะเรียกความสามารถนี้ว่า…”
“ [ดูดซับความสามารถ ???] ก็แล้วกัน แต่ว่าระดับของมันได้ถึงแค่ไหนก็ต้องลองดู” เขาลองมองดูอีกหลายอย่างจากนั้นก็ดูใบไม่ที่มีรูปปลาตะเพียนอยู่เขาคงต้องไปล่ามันเพิ่มเพื่อที่จะได้ดูดซับความสามารถของมัน ‘แล้วถ้าข้ากินสิ่งที่วิวัฒนาการระดับสูงกว่านี้หรือคนเขาไปข้าจะได้พลังนั้นมาไหม’
นั้นเท่ากับว่าเขามีความสามารถ สามอย่างแล้วนั้นก็คือ [การเร่งการเจริญเติบโตของพืช ระดับ F] [การกัดแทะ] [ดูดซับความสามารถ ???]
แค่คิดเขาก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว ในขณะเดียวกันก็กลัวด้วยเช่นกัน ความสามารถแบบนี้จะต้องเป็นที่อิจฉาอย่างแน่นอนและอาจจะถูกจับไปเป็นหนูทดลองก็ได้ ซึ่งเคยมีกรณีของมนุษย์ชั้นสูงถูกจับไปทดลองในช่วงแรกอยู่เหมือนกัน ‘เขาคงให้ใครรู้ไม่ได้’