re Zombie World โลกซอมบี้อีกครั้ง
ตอนที่ 66 ตัวล่อ
ไนเรลหันไปพูดกับนิมฟ์พี่สาวให้บอกพวกของเธอว่า “เขาจะพาทุกคนออกไปจากกรงก่อนแล้วจะไปช่วยราชินีนิมฟ์”
หลังจากนั้นไนเรลก็พาทั้งหมดเข้าไปในเงา ด้วยพื้นที่เงา 100 เมตรนั้นมันก็พอให้นิมฟ์เหล่านี้และมนุษย์เข้าไปได้ ที่ไนเรลตัดสินใจช่วยมนุษย์ด้วยเพราะไม่อยากให้พวกยักษ์เถื่อนได้ศึกษามนุษย์ไปมากกว่านี้ อีกอย่างเขาก็ยังถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์เช่นกัน
หลังจากจัดการช่วยนิมฟ์และมนุษย์เข้าไปในเงาแล้ว ไนเรลก็เดินไปที่หลุมที่มีศพจํานวนมาก ในตอนแรกไนเรลคิดว่ามีแค่ศพมนุษย์แต่ที่จริงกลับมีศพนิมฟ์อยู่ด้วย เขาจึงจัดการเก็บร่างบางส่วนของนิมฟ์มาเพื่อดูดซับความสามารถควบคุมพืชของนิมพ์ที่ไม่รู้ว่ามีจริงแท้แค่ไหนมาด้วย
เพราะถ้าได้ใช้ความสามารถ [ควบคุมพืช] รวมกับความสามารถ [เร่งการเจริญเติบโตของพืช A] ของเขาไนเรลก็คิดว่าในปานี้คงไม่มีใครสู้เขาได้ และมันจะเป็นอีกหนึ่งท่าไม้ตายของเขา
“ถือว่าร่างพวกนี้เป็นค่าตอบแทนบางส่วนก็แล้วกันที่ช่วยนิมพ์ในเผ่าก็แล้วกัน”
ไนเรลใช้เวลาสักพักหาที่พักของเลฟอนเจอ แต่เขายังไม่ได้เข้าไปเพราะมันกลับเต็มไปด้วยยักษ์เถื่อน ขั้น 4 ที่ดูเหมือนพึ่งจะเลื่อนระดับพลังขึ้นมาจํานวน 2 ตนยืนเฝ้าอารักขาอยู่รอบๆ
เขาคิดว่าสามารถจัดการกับพวกมันได้ แต่ก็คงต้องใช้เวลาและมันก็ต้องทําให้เลฟอนที่ตอนนี้น่าจะเป็นขั้น 4 เช่นกันก็รู้ตัวและออกมาร่วมกับยักษ์จัดการเขาแน่นอน
“ไม่รู้ว่าที่นี่ยังมียักษ์เถื่อน ขั้น 4 อยู่อีกกี่ตน” ไนเรลมองไปที่พวกมันและคิดหาวิธีที่จะล่อยักษ์เถื่อนพวกนี้ออกไปและจัดการช่วยราชีนีนิมพ์และจัดการฆ่าเลฟอนได้อย่างไรโดยที่ไม่มียักษ์เถื่อนตนอื่น ๆ มาขัดขวาง
ในขณะที่มองไปที่เงาที่ไหวไปมาตามเปลวไฟที่พัดตามแรงลมของยักษ์เถื่อนพวกนั้นไนเรลก็คิดแผนการขึ้นมาได้ เงา
หลังจากที่เตรียมการเสร็จเรียบร้อย ไนเรลก็มาโผล่อยู่อีกทางของค่ายยักษ์เถื่อนเผ่าอัคคี เขาก็ใช้ความสามารถ [เงา S] ในทันที เงาที่อยู่ทางด้านหลังของเขาเริ่มควบแน่นรวมตัวกันกลายเป็นร่างที่จับต้องได้ ไนเรลไม่ต้องพูดอะไร เงาก็รู้ได้ว่าเขาอยากให้มันทําอะไร
เงา ที่เปรียบดังสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ขั้น 4 เข้าสู่โจมที่ทางฝั่งตะวันตกของค่ายยักษ์เถื่อนในทันที
มันจัดการทําลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ใช้คบไฟเผ่าที่พักจนวุ่นวายไปหมด ดูเหมือนว่า เงา จะกลัวว่ายักษ์เถื่อนจะไม่เห็นตนเองที่ตัวดํามืดเป็นถ่านมันจึงครามและร้องตะโกนอยู่เป็นระยะ
ที่พักของเลฟอน ขณะนี้เขากําลังจะศึกษาร่างกายของราชินีนิมฟ์ที่เปลือยเปล่าอยู่บนเตียงเหล็กกล้ามไว้ด้วยโซ่พร้อมกับจดบันทึกไว้ด้วย มันบันทึกทั้งจุดอ่านโครงสร้าง จนถึงรายละเอียดสิ่งต่าง ๆ โดยที่ราชินีนิมฟ์นั้นถูกจับมัดไว้ไม่สามารถขัดขืนได้เลย
“ร่างกายของเจ้าช่างสมบูรณ์แบบมาก ติดอยู่อย่างเดียวที่เกิดมาในเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำ” เลฟอนใช้มือขนาดใหญ่ของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของราชินีนิมฟ์ มือขนาดใหญ่ที่สัมผัสไปทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะหน้าอกที่สมบูรณ์แบบมือขนาดใหญ่ของยักษ์เถื่อนแบบเลฟอนก็ยังจับถนัดมือ
ราชินีนิมที่สูงศักดิ์กัดฟันมองไปที่เลฟอนและพยายามให้ความสามารถ [ล่อลวง S] กับเลฟอน แต่มันกับไม่ได้ผล อัญมณีที่หน้าอกของเลฟอนได้ส่องสว่างขึ้นมาปกป้องเขาไว้
มันคือหนึ่งในแร่หายากมากที่สามารถส่งคลื่นพลังในการรบกวนความสามารถพลังจิตใจที่โจมตีมาใส่ผู้ที่สวมใส่ได้
เพี้ยะ!!
เลฟอนตบไปที่หน้าของราชินีนิมฟ์อย่างแรงจนเลือดสีเขียวของเธอไหลออกมาจากปาก
“สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำแบบเจ้าคิดจะสะกดจิตข้าอย่างนั้นหรือค่อยดูเถอะถ้าเจ้าไม่บอกว่าเมล็ดพันธุ์แห่งมารดาซ่อนไว้ที่ไหน ข้าจะเฉือนเนื้อเจ้าออกทีละนิดทีละนิดให้สู้ตายดีกว่าอยู่”
“ถุย! ต่อให้ข้าตายเจ้าก็ไม่มีทางได้ไป”
ราชินีนิมฟ์พูดออกมาด้วยภาษาของยักษ์เถื่อน เนื่องจากเธอถูกจับมาหลายวันและทุกครั้งเธอก็จะแอบเรียนรู้ภาษาของยักษ์เถื่อน เพราะการที่รู้ว่าศัตรูพูดอะไรกันจะทําให้เธอมีโอกาสหลบหนีมากขึ้น
“โอ้ ดูท่าเจ้าจะพูดภาษาของพวกข้าคล่องแล้ว งั้นก็ดีจะยอมมอบมันมาให้หรือไม่”
“ไปตายซะ” ราชินีหิมพ์ใช้สายตาที่แนวแน่มองไปที่ยักษ์เถื่อนอย่างโกรธแค้น บัดซบยักเตือนตนนี้มันโหดเหี้ยมกับเผ่าพันธุ์ของเธอมาก ที่ผ่านมามันพยายามใช้ชีวิตของนิมพ์หลายตนในการข่มขู่เธอ
เธอพยายามที่จะใช้ร่างกายที่น่าหลงใหลและความสามารถล่อลวงของเธอจัดการกับมัน แต่เจ้ายักเลื่อนตนนี้ก็ไม่หลงกลสนใจร่างกายของเธอเลยแม้แต่น้อยกลับกันมันอยากจะผ่าวิจัยร่างกายของเธอที่เกิดขึ้นมาจากธรรมชาติมากกว่า
“เดี๋ยวก็รู้ว่าพลังชีวิตของเจ้าจะทําให้การทรมานนี้กลายเป็นฝันร้าย” (พลังชีวิตของนิมฟ์สูงมากมันจึงทําให้นิมฟ์ตายยาก)
ในขณะที่เลฟานกําลังจะใช้มีดลงมือกรีดลงไปที่หน้าท้องของอย่างช้า ๆ
“อ้าๆ!!” นิมพ์ราชินีพยายามกัดฟันแน่นแต่ไม่นานเธอก็กรีดร้องออกมาเพราะมีดที่กรีดมานั้นมันร้อนดังไฟลาวา แผดเผาเนื้อและรอยแผลของเธอ
สําหรับพวกนิมฟ์อย่างเธอแล้วไฟก็เป็นเหมือนกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในการสะกดข่มเผ่าพันธุ์นิมฟ์ของเธอ
แต่ก่อนที่รอยกรีดจะลงไปลึกกว่าเดิม อยู่ ๆ ด้านนอกก็มีเสียงทหารยักษ์เถื่อนรีบเข้ามารายงานสิ่งที่เกิดขึ้นทันที
“รายงานองค์ชาย มีสิ่งมีชีวิตประเภทเงาโจมตีที่อยู่ภายในค่าย ไม่รู้ที่มาที่ไป แต่อยู่ ๆ มันก็โผล่ออกมาขอรับ”
เลฟอนหยุดมือคิ้วที่ขมวดแน่นในทันที เขาวางมีดลงและเดินออกไปข้างนอกในทันที
“อยู่ ๆ ก็โผล่ออกมา พวกเจ้าจัดการมันไปหรือยังเล่ามาให้ละเอียด”
“เอ่อ..ยังขอรับ เนื่องจากสิ่งมีชีวิตตัวนี้ว่องไวเป็นอย่างมากระดับพลังของมันน่าจะเท่ากับระดับ 4 เลยทีเดียว อีกอย่างมันพยายามสร้างความวุ่นวายและกรีดร้องไม่หยุด” ทหารยักษ์เถื่อนรายงานออกมาด้วยสีหน้าแกรงกลัว
เลฟอนมองไปทิศทางที่เกิดขึ้น มันเต็มไปด้วยไฟที่ไม่และแผดเผาไปทุกที่ ถึงแบบนั้นมันก็ถูกดับลงด้วยความรวดเร็วเพราะความสามารถในการควบคุมไฟของเผ่าอัคคี แต่ถึงแบบนั้นความวุ่นวายก็ยังไม่จบมีแต่จะมากขึ้น
เงา นั้นถึงกลับฆ่ายักษ์เลื่อนขั้นที่ 3 ไปหลายตน
เลฟอนก็รู้ได้ทันทีว่าเงานั้นคือ เหยื่อล่อดึงความสนใจ “พวกเจาไปตรวจดูที่ขังสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอย่างพวกมนุษย์และนิมฟ์หรือยังว่ามีความผิดปกติอะไรหรือไม่”
“ยัง…”
“งั้นรออะไรอยู่รีบไปตรวจดูสิ” เลฟอนไล่ทหารยักษ์ออกไปในทันที หลังจากนั้นไม่นานทหารตนนั้นก็กลับพร้อมด้วยสีหน้าตกใจ เพราะพวกนิมฟ์และมนุษย์รวมถึงยักษ์เถื่อนที่เฝ้ายามอยู่ก็หายตัวไปทั้งหมด
เมื่อเลฟอนได้ยินแบบนั้นก็ปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดได้ในทันที
“คิดจะเล่นเกมกับข้างั้นหรือได้” เลฟอนยิ้มออกมา จากนั้นก็สั่งให้ยักษ์เลื่อนขึ้นที่ 4 ทั้งหมดออกไปจัดการกับเงานั้นทันที
หลังจากนั้นตัวเขาก็ออกไปด้วยเช่นกัน แต่ก่อนออกไปเขาก็ยิ้มอย่างมีเลห์ในออกมามองไปที่ที่พักที่ขังราชินีนิมพ์ไว้
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าพอเลฟอนอยากให้ตัวการที่สร้างเงานั้นหลงเชื่อว่าเขาพายักษ์เถื่อนออกไปจัดการกับเงาแล้ว
อันที่จริงเลฟอนกลับแบ่งกองกําลังบางส่วนโดยมียักษ์เลื่อนขั้น 4 ที่เป็นทหารองครักษ์ของเลฟอนจํานวน 2 ตน และยักษ์เลื่อนขั้นที่สามอีก 20 ตนมาแอบซุ่มดักรอโจมตีคนที่จะมาช่วยนิมฟ์ราชินี
ต้องบอกให้รู้ก่อนการที่ศัตรูใช้แผนนี้แสดงว่าพลังของพวกมันต้องไม่แข็งแกร่งมากและอาจจะอ่อนแอกว่าขั้น 4 จึงให้แผนนี้บางที่เจ้าหนูตัวน้อยนี้อาจจะมีความสามารถในการอําพางตัว จึงทําให้เทพไททันแบบพวกเขาตรวจไม่พบ ซึ่งนี้ก็คือความคิดของเลฟอน
แต่มันกลับผิดพลาดตรงไหนหรือไม่ก็ไม่รู้เพราะอยู่ ๆ ก็มียักษ์เถื่อนรายงานกลับเลฟอนว่ามีมนุษย์โจมตีที่คลังเสบียงอาหารมาจนของทั้งหมดเสียหาย
แม้แต่ทหารระดับ 3 ก็ไม่สามารถหยุดมันได้
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือข้าจะคิดผิด” เลฟอนรู้สึกงงมากเพราะแทนที่มนุษย์นั้นจะสร้างสถานะการณ์เพื่อเข้ามาช่วยราชินีนิมฟ์ แต่มันกลับไปโจมตีที่คลังเสบียงแทน หรือว่าที่มันทําทั้งหมดก็เพื่อ สิ่งของเหล่านั้น
ยิ่งเลฟอนคิดก็ยิ่งสมเหตุสมผล มนุษย์ที่เป็นเผ่าพันธุ์โลภมากแบบพวกโฮโม จะมาสนใจช่วยคนอื่น ๆ ได้อย่างไร
คาดว่าที่ช่วยนิมพ์ในกรงนั้นออกไปก็คงเป็นเพราะว่าจะจับตัวไปเป็นทาส ส่วนตัวล่อก็เพื่อดึงดูดความสนใจและตัวเอง แอบเข้าไปขโมยของในคลังที่มีทั้งเนื้อของสัตว์กลายพันธุ์ และอาวุธของยักษ์เถื่อนบางส่วนเก็บรักษาไว้อยู่ แต่แบบนี้มันจะเรียกแอบได้อย่างไรทั้งที่เสียงดังขนาดนี้ หรือมนุษย์นั้นลงมือพลาดก็เป็นไปได้
แต่เลฟอนยังสงสัยในหนึ่งเรื่องนั้นก็คือ มนุษย์นั้นใช้วิธีการไหนในการพานิมพ์และทาสมนุษย์จํานวนมากออกไปโดยที่ไม่มีใครเห็นดูเหมือนว่าเขาจะเจอเข้ากับพวกมีความสามารถแปลก ๆ เข้าแล้ว
ใบหน้าของเลฟอนมีรอยยิ้มที่น่าขนลุกขึ้นมาทันที มันคือใบหน้าแห่งการหลงไหลและตื่นเต้นเมื่อได้เจอกับของเล่นใหม่ ๆ
“ไป!” เลฟอนไม่รอช้าและรีบตรงไปหามนุษย์คนนั้นในทันที ด้วยกลัวว่ามันจะหนีไปซะก่อน
ไนเรลที่ตอนนี้กําลังฆ่ายักษ์เลื่อนขั้น 3 ที่มีเขาสีน้ำตาลที่หัวอย่างเมามัน ยักษ์เถื่อน 20-30 ตนก็ลุ่มล้อมเข้ามาจัดการหยุดเขาไม่ให้ทําความเสียหายไปมากกว่านี้
“ฆ่ามันก่อนที่ของทั้งหมดจะเสียหายไปมากกว่านี้”
“ใช้ขบวนทัพล้อมมันไว้ ระวังไฟของมันหลบก่อน”
“ตายซะเจ้าหนูสกปรก อ๊ากกก”
ไนเรลใช้ความสามารถไฟในในการจัดการกับยักษ์เถื่อนที่ลุมล้อมเข้ามาได้อ่างเต็มที่ แต่ยักษ์นั้นพวกมันกลับต้องคอยระวังในการเผ่าสิ่งขิงและเสบียลของตนอยู่ตลอดเวลาทําให้แม้ว่าพวกมันจะมีพวกมากกว่าแต่ก็ไม่สามารถแสดงพลังออกมาได้อย่างเต็มที่
ในขณะที่พวกมันถูกมนุษย์ที่สูงไม่ถึงเอวจัดการจนแทบจะหมดสภาพอยู่ ๆ ก็มีเสียงสั่งการดังขึ้น
“ทั้งหมดที่เป็นขั้น 3 ถอยออกมาจัดขบวนทัพรักษาพื้นที่โดยรอบไว้ส่วนขั้น 4 ทั้งหมดโจมตีมัน”
เสียงที่ดังมานั้นก็คือเสียงของเลฟอนที่สั่งการออกมา ซึ่งเมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็พากันจัดรูปขบวนใหม่ในทันที
ไนเรลที่ได้ยินเสียงสั่งการ เขาก็เดาได้ว่านั้นคือเลฟอน ถึงแม้จะไม่เคยเจอตัวจริง แต่ชื่อเสียงของเลฟอนในฐานะยักษ์เถื่อนที่ต้องฆ่าก็ถือว่าดังมาก
เลฟอนที่ตรงเข้ามาพร้อมกับองครักษ์ขั้น 4 อีก 2 คนก็มองไปที่ไนเรลอย่างสนใจ ในตอนแรกเลฟอนคิดว่าไนเรลจะหลบหนีไปเมื่อเจอขัน 4 แบบพวกเขาแต่เขากับคิดผิด
ไนเรลไม่เพียงแต่จะกล้าเผชิญหน้ากับเขาแต่ยังกล่าวท้าทายเขาอีกด้วย “นายคือ เลฟอน องค์ชายแห่งเผ่าอัคคีใช่หรือไม่”
“หึมเจ้ารู้เรื่องของพวกข้าเยอะพอสมควรเลย ทําไมเจ้าไม่หนีไป หรือคิดว่ามีพลังเท่ากับ ขั้น 4 แล้ว คิดจะเข้ามาในค่ายหรือออกไปเมื่อไหร่ที่ใจต้องการอย่างนั้นหรือ ข้าขอบอกให้เจ้าขัดแขนขาของตนและยอมแพ้ซะไม่งั้นจะโดนตัวตนขั้น 5 ของพวกเราจัดการ”
“ฮ่า ๆ นายคิดว่าฉันไม่รู้งั้นหรือว่าโล่พลังที่กักขังพวกยักษ์ตัวเหม็นจึงพังแค่ชั้นนอกเท่านั้น มันมีแค่พวกไม่เกินขั้น 4 เท่านั้นที่ออกมาได้ หรือถ้าจะมีขั้น 4 ที่เลื่อนเป็นขั้น 5 ได้มันก็คงไม่อยู่ที่ค่ายนี้แน่นอนไม่งั้นคงออกมาจัดการกับฉันแล้ว ไม่ต้องลําบากให้องค์ชายเผ่าอัคคีออกหน้าเองหรอก”
เลฟอนที่ตอนนี้ก้มหน้าหรี่ตามองไนเรลอย่างเย็นชา แต่ภายในใจกลับเริ่มกลัวไนเรลขึ้นมาบ้าง เพราะไนเรลรู้ข้อมูลเกี่ยวกับพวกมันเยอะเกินไป รู้ทั้งเรื่องเขาและเผ่าอัคคี รู้แม้กระทั่งโล่พลังที่กักขังพวกเขา
มนุษย์นี่รู้เรื่องของพวกเขาเยอะเกินไป ต้องจับมาตรวจสอบความจริงให้ได้ว่าพวกมันได้ข้อมูลมาจากไหน หรือมีเผ่าพันธุ์ยักษ์เลื่อนตนไหนที่คิดคดทรยศ
“ไปจับมันมาให้ได้ไม่ต้องสนใจว่าจะเสียอะไร” เลฟอนไม่รอช้ารีบสั่งยักษเลื่อนขั้น 4 สองข้างของตนในทันที
พร้อมทั้งให้ทหารคนอื่น ๆ ล้อมไนเรลและคอยลอบโจมตีในการต่อสู้เป็นตายไม่มีคําว่าเกียรติมีแต่แพ้ชนะเท่านั้น
ไนเรลที่เห็นว่าความสนใจของยักษ์เหล่านี้มาอยู่ที่ตนเองและเงาแล้วก็ยิ้มออกมาทุกอย่างยังคงเป็นไปตามแผน
แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันดีใจก็ต้องจัดการกับยักษ์เถื่อนที่ล้อมเขาก่อน
Wittterry : ไรท์ต้องขออภัยที่ช่วงนี้ลงช้า เพราะอากาศหนาวแล้วพิมพ์ไม่ไหว ขอให้รีดเดอร์ทุกคนรักษาสุขภาพกันด้วยนะ ห่มผ้ากันด้วยโดยเฉพาะตอนอาบน้ำ ส่วนไรท์ขอเปิดน้ำให้ไหลเท่ ๆ พอ