re Zombie World โลกซอมบี้อีกครั้ง
ตอนที่ 70 ต้นไม้มารดา
ก่อนหน้านั้นหลังจากที่ราชินีนิมพ์ได้รับการเสียสละของต้นไม้และผืนปารอบ ๆ ร่างกายของเธอก็ได้รับการฟื้นฟูหลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง
นิมฟ์ทุกตนที่เห็นว่าราชินีของตนไม่เป็นอะไรแล้วพวกเธอก็ดีใจกันจนน้ําตาไหลออกมา สําหรับพกเธอแล้วนั้นราชินีถือว่าเป็นทุกอย่างของชีวิต เพราะเผ่าพันธุ์จะอยู่รอดได้ก็ต้องอาศัยราชินี
“องค์ราชินี” นิมฟ์แต่ละตนพูดออกมาพร้อมกับที่ก้มหน้าลงไปเพื่อเป็นการแสดงความเคารพที่ราชินีกลับมาอย่างปลอดภัย
“เล่าเรื่องมาว่ามนุษย์ผู้นั้นเป็นใคร”
หลังจาที่ราชินีนิมฟ์ถามออกไป นิมพ์พี่สาวเพียงหนึ่งเดียวที่ดูเหมือนจะรู้เรื่องของในเรลมากที่สุดเธอก็ใช่การการสื่อสารเฉพาะของเผ่าพันธุ์ส่งต่อความจรงจําในหัวของเธอให้ทุกตนได้รับรู้ถึงเรื่องราวและความเป็นมาของในเรล
“เขาต้องการน้ําค้างแห่งชีวิต” ราชินีหิมพ์รู้สึกไม่ไว้วางใจในเรลพอสมควรเพราะในเรลนั้นรู้ความลับของเผ่า เธอในหลาย ๆอย่าง ไม่มีใครจะไว้ใจคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางของตนโดยที่ตัวเรานั้นไม่รู้ที่มาที่ไปของเขาแน่นอนแต่เมื่อมีบุญคุณก็ต้องทดแทน
ราชินีนิมพ์ได้พาทุกคนไปที่จุดนัดพบที่นิมฟ์สาวตกลงไว้กับในเรล และเมื่อไปถึงนิมฟ์น้องสาวและนิมฟ์เด็กน้อยที่บาดเจ็บก็รู้สึกปลาดใจจนน้ําตาไหลออกมาที่ราชินีและพวกพ้องนิมฟ์ของตนนั้นสามารถหนีออกมาได้
ตลอดเวลาที่ทั้งสองถูกทิ้งให้หลบซ่อนตัวอยู่นั้นพวกเธอก็ได้แต่จินตนาการไปว่าในเรลและนิมฟ์พี่สาวจะพลาดท่าโดนจับได้เมื่อนั้นก็จะไม่มีใครกลับมาและพวกเธอสองตนก็จะเป็นสองผู้เหลือรอดของนิมฟ์เผ่านี้
แต่ตอนนี้ความกังวลนั้นของเธอหายไปแล้วเมื่อนิมฟ์ทุกตนหนีนรอดกลับมาได้
ราชินีนิมพ์ที่เห็นว่านิมเด็กสาวนั้นบาดเจ็บหนักเธอก็รีบเข้าไปโอบกอดด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน หลังจากนั้นทั้งเผ่านิมฟ์ก็ออกมาหลบซ่อนตัวห่างจากจุดนัดพบกับในเรล เนื่องจากเธอต้องระวังตัวด้วยกลัวเหตุการณ์ไม่กี่อย่าง เช่นในเรลอาจจะแพ้โดนจับและเผยที่อยู่ของพวกเธอ หรือไม่ในเรลอาจจะมีแผนให้พาพวกของตนมาจับนิมฟ์ทั้งเผ่าไป
ซึ่งไม่ว่าสิ่งไหนเธอก็ไม่ยอมมันเกิดขึ้นอีกครั้ง
หลังจากที่เสียงของการต่อสู้ที่ตั้งอยู่ห่างไกลเงียบสงบลงไม่นานในเรลก็มาที่จุดพักแต่พอเขาเห็นว่าไม่มีใครอยู่ก็พูดออกมาว่าพวกตนนิมฟ์นั้นเป็นพวกไม่รักษาสัจจะหรือไม่และก็สลบไปในมุมมองของราชินีนิมพ์ที่รับรู้ผ่านต้นไม้
เมื่อรอสักพักก็ไม่มีวี่แววว่าในเรลจะมีพวกเธอจึงให้นิมพ์บางส่วนเข้าไปพาตัวในเรลมาและมุ่งหน้าเดินผ่านปาลึกไปโดยอาศัยต้นไม้บอกทางว่าตรงไหนมีสัตว์ร้าย ตรงไหนมียักษ์เถื่อนที่ออกไล่ล่าพวกตน
ไม่รู้ว่าเดินทางมาตลอดทั้งคืนนั้นเป็นระยะทางเท่าไหร่แล้วจนพวกเธอเหล่านิมฟ์สาวที่น่าสงสารก็เจอเข้ากับปากทางเข้าถ้ําที่ตรงไปสู้หุบเขาที่สวยงาม ด้านในมีพื้นที่ให้เผ่านิมฟ์ของเธออยู่อาศัยกันได้อย่างปลอดภัยหลบซ่อนตัวได้จากอันตรายต่างๆไม่ว่าจะเป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่ดุร้ายมนุษย์ที่แสนโลภมากและยักษ์เถื่อนที่คิดจะค้นหาความลับในธรรมชาติของพวกเธอ
ซึ่งนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดหลังจากที่ในเรลได้สลบไปและเขาก็ตื่นขึ้นมาให้หลังจากนั้น
ในเรลที่เดินตามนิมพ์พี่สาวไปนั้น เขาก็สังเกตทุกอย่างรอบข้าง นิมฟ์เหล่านี้ไม่ได้สร้างที่อยู่อาศัยโดยการตัดต้นไม้หรือทําลายพืชพันธุ์เลยแม้แต่น้อย พวกเธอใช้ความสามารถในการควบคุมพืชจัดการสานกิ่งก้านต้นไม้ให้เป็นบ้าน ซึ่งก็มีหลาย ๆคนช่วยกันอยู่
ในขณะที่มีนิมฟ์บางส่วนที่จัดการเก็บน้ําค้างและพืชที่กินได้โดยที่พวกเธอเพียงแค่สัมผัสกับต้นไม้เหล่านั้นเพื่อขอผลไม้เท่านั้น
ถ้าผลไหนที่พร้อมจะมอบให้กับเผ่านิมฟ์ ผลไม้เหล่านั้นก็จะร่วงหล่นลงเอง ในขณะที่นิมฟ์บางตนก็ปลูกพืชและเมล็ดพันธุ์ที่แปลกประหลาดจนแม้แต่ตัวเขาก็ไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด
ภาพที่ในเรลเห็นอยู่นี้ เขาอาจจะเป็นมนุษย์คนแรกก็ได้ที่ ได้มองดูชีวิตประจําวันของเหล่านิมพ์แบบใกล้ชิดขนาดนี้
“ช่างเป็นภาพเจริญหูเจริญตาจริง ๆ” ในเรลพูดออกมาจากใจจริง เพราะที่นี่ต่างเต็มไปด้วยนิมฟ์สาวสวย บางตนนั้นก็น่ารักบางตนนั้นก็ดูบริสุทธิ์อ่อนโยน บางคนก็ดูดีสวยเหมือนกับนางแบบและดารา
แต่ที่ทุกตนนั้นมีเหมือนกันคือเสนในการดึงดูดชายทุกคน
ดินแดนแห่งนี้คงเป็นสวรรค์ในอุดมคติของชายหลาย ๆคนอย่างแน่นอน ที่จะได้มาใช้ชีวิตที่ห้อมล้อมไปด้วยหญิงสาว
เหล่านี้
หลังจากที่เขาชมภาพที่สวยงามอยู่สักพักก็เดินมาถึงใจกลางของหุบเขาแห่งนี้ มันมีมันมีแอ่งน้ําที่เป็นเหมือนกับทะเลสาปขนาดเล็กที่ตรงกลางนั้นมีเกาะอยู่
“ประเทศไทกีล่ามีที่ ๆ สวยขนาดนี้ด้วยหรือ” แม้แต่ตัวในเรลที่ผ่านอะไรมามากมายก็ยังคิดว่าที่นี่นั้นสวยเป็นอย่างมากมันเหมือนอยู่คนละโลกที่ไร้ซึ่งการฆ่าฟันและซอมบี้ ซึ่งดูเหมือนกับว่าหุบเขาแห่งนี้นั้นคงจะเกิดขึ้นมาหลังจากโลกที่เปลี่ยนไป
“ท่านราชินี ชายที่ช่วยพวกเราไว้ได้ฟื้นแล้ว ข้าได้พาตัวเขามาตามที่ท่านบอกไว้”
หลังจากที่เสียงของนิมฟ์พี่สาวพูดออกมาจบไปสักพักก็มมีเสียงที่แม้แต่ในเรลยังหลงไหลดังออกมา
“ขอบใจมาก เจ้าไปเถอะ” นิมฟ์พี่สาวได้รับอนุญาติเธอก็แยกจากออกไปในทันทีทิ้งในเรลไว้ตรงนั้นแต่เขาก็ไม่ได้ประหมาอะไร เพราะตอนนี้ในสายตาของในเรลกําลังมองไปที่ตรงกลางของเกาะด้วยความสามรถ [ตรวจจับความร้อน ]ของเขาจึงมองเห็นความร้อนจากตัวของราชินีนิมพ์ได้
“พลังชีวิตที่มากมาย” ที่เขาต้องพูดแบบนั้นเพราะที่อยู่ด้านหลังของราชินีนิมฟ์นั้นกลับมีกลุ่มก้อนความร้อนที่ดูเหมือนจะเป็นแค่จุดเล็ก ๆ แต่มันกับอัดแน่นรวมตัวกันอยู่จนเป็นสีน้ําเงินซึ่งดูเหมือนว่ามันก็เชื่อมต่อกับตัวราชินีอยู่
“เจ้าสังเกตพอแล้วหรือไม่ ถ้าพอแล้วก็เชิญมาที่นี่ก่อน” เสียงของราชีนีนิมฟ์ที่เป็นเหมือนกับการปลุกเขาจากความสนใจในแสงนั้น เมื่อเขามองไปที่ด้านหน้าก็เห็นว่ามันมีทางเดินที่มาจากรากของต้นไม้ใต้น้ําสานต่อกันเป็นสะพานตรงไปยังใจกลางของเกาะ
ในระหว่างที่เดินไปบนสะพานรากไม้ เขาก็สังเกตุน้ําที่ล้อมรอบอยู่นั้นใสมากจนเหมือนกับมันไม่มีอยู่จริง เหนีอผิวน้ํามีหมอกไม่หนาไม่บางรอยตัวอย่างเงียบสงบยิ่งทําให้ที่นี้เป็นเหมือนกับสรวงสวรรค์ไม่มีผิด
เดินเพียงไม่กี่สิบก้าวก็มาถึงบนเกาะกลาง แต่มันก็ทําให้เขานั้นอึ้งกับภาพที่เห็น เพราะมีหญิงสาวนางหนึ่งยืนอยู่ เธอนั้นไม่อาจใช้คําว่าสวยมาบรรยายได้ ใบหน้าที่ดูสูงส่งรูปร่างที่แค่มองก็ทําให้ใจสัน กลิ่นหอมที่เหมือนกับดอกไม้ดึงดูดผู้ชายเป็นเหมือนดั่งราชินี่ที่สยบทุกสิ่ง มันคือการรวมตัวกันของความสมบูรณ์แบบที่ธรรมชาติเป็นผู้สร้างสรรค์มา
“เจ้าคงจะไม่ได้คิดไม่ดีไม่ร้ายกับเราอยู่ใช่หรือไม่” เสียงของราชินีที่หวานหยดย้อยดังออกมา
“ใช่ ไม่ใช่ เกิดอะไรขึ้นกับฉัน เธอทําอะไร?” ในเรลที่เสียกสติตัวเองมาได้รีบเบนสายตาหลบไปในทันที
“ขออภัยด้วย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่มันคือธรรมชาติของเผ่าหิมพ์ โดยเฉพาะราชินีอย่างเราที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อดึงดูดสิ่งมีชีวิตอื่น”
ในเรลได้ยินดังนั้นก็นึกถึงเรื่องบางสิ่งที่เป็นข่าวลือว่านิมฟ์สาวจะคัดสรรค์เพศชายของเผ่าอื่น ๆ เพื่อผสมพันธุ์สืบสายเลือดก็คงจะเป็นจริงดังนั้น
เขาจึงระวังตัวเต็มที่เพราะราชินีนิมฟ์นั้น มีความสามรถไล่อลวง S] อยู่ ซึ่งถ้าไม่ระวังตัวเขาอาจจะตกเป็นพ่อพันธุ์อยู่ที่นี่ไปจนตายก็ได้
แต่เขาก็แปลกใจที่ราชินีนิมฟ์นั้นมีความสามารถนี้อยู่แต่ทําไมถึงยังโดนยักษ์เถื่อนเหล่านั้นบุกจับตัวไปได้ หลังจากคิดดูยักพวกนั้นคงจะมีสิ่งที่ให้ต้านความสามรถจิตใจได้ เช่นสิ่งหนึ่งที่เขารู้จักก็คือ อัญมณีซอน ที่พวกยักเถื่อนนั้นเรียกหากันมานานที่มีความสามารถปกป้องคนที่สวมใส่มัน
แต่เมื่อคิดถึงมันนั้นก็หมายความว่ายักษ์เถื่อนของเลฟอนก็หน้าจะมีติดตัวไว้อยู่ถึงจัดการกับนิมพ์ราชินีได้น่าเสียดายรู้อย่างนี้เขาน่าจะจัดการชิงร่างของเลฟอนมาแต่เขาก็ไม่ได้ดายเพราะในอนาคตเขายังคงมีโอกาสได้รับมันมาอีกมา
บางครั้งการที่คนเรารู้ถึงข้อมูลในอนาคต แต่ก็ใช้ว่าจะใช้มันทุกอย่างได้เสมอไป เพราะเราไม่ใช้พระเจ้าบางครั้งเพียงแค่จ้องมองอนาคต ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ในเรลพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ถ้าจะพูดตรง ๆ ก็คงจะเป็นเขาที่ลืมมันก็แค่นั้น
“แก๊ก ๆ” ในเรลก็แกล้งไอกลบเกลือนความคิดของตนเองและหันมาสนทนากับราชินีนิมฟ์ต่อ
“เธอ เรียกฉันมาเพระอะไร? ใช่เรื่องของน้ําค้างแห่งชีวิตหรือไม่ตามข้อตกลงกับนิมฟ์สาวนั้นใช่หรือไม่”
“มันทั้งใช่และไม่ใช่”
“ทั้งใช่และไม่ใช่” ในเรลถามออกมาอย่างแปลกใจตกลงมันยังไงกันแน่
“เรื่องของน้ําค้างแห่งชีวิตนั้นเราราชินีนิมฟ์สามารถมอบให้กับเจ้าได้แต่มันยังไม่ใช่ในเวลานี้ ถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือตอนนี้ยังไม่มีน้ําค้างแห่งชีวิต จะต้องรอให้ต้นไม้มารดาท่านกลับคืนสภาพดังเดิมซะก่อน” ราชินีนิมอธิบายพร้อมกับชี้ไปที่แสงความร้อนที่ในเรลสั่งเกตุเห็นในตอนแรก
“นี่มัน..” เขามองไปที่ต้นอ่อนของต้นไม้ที่ดูเหมือนจะเติบโตอย่างช้า ๆ
“นั้นคือมารดาของพวกเรา ท่านที่กําเนิดมาใช่ช่วงที่พลังงานแห่งการเปลี่ยนแปลงจํานวนมหาศาลนั้นกระจายตัวออกมาเมื่อร้อยห้าสิบราตีก่อน พืชอย่างท่านมารดานั้นได้รับผลกระทบมากกว่าสิ่งมีชีวิตมากมายนัก จนท่านวิวัฒนาการและให้กําเนิดอสูรอย่างพวกเรา”
ในเรลฟังเธอและก็คิดตาม “พลังงานเปลี่ยนแปลงที่เธอหมายถึงก็คงจะเป็นพลังงานวิวัฒนาการที่ออกมาจากกล่องแพนโดร่าในช่วงแรกที่เร่งการวิวัฒนาการทุกสิ่งถ้าต้องรอให้ต้นไม้แห่งมารดานั้นโตขึ้นมาเท่ากับการวิวัฒนาการนั้นคงจะใช้เวลาอีกนาน ถ้าเป็นแบบนั้นมันคงไม่ดีแน่นอนแต่จะให้ทิ้งน้ําค้างแห่งชีวิตไปแบบนี้มันก็คงไม่ได้ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงต้องใช้
“เธอสามารถให้ฉันลองใช้ความสามารถในการเร่งการเจริญเติบโตดูหรือไม่” จากนั้นเขาก็อธิบายในถึงความสามารถที่เขาทําได้ให้เธอฟังแบบคราว ๆ จนแม้แต่ตัวของราชินีนิมพ์นั้นก็ยังคงอ้าปากค้างอยู่
อะไรนะมนุษย์เพศชายคนนี้มีความสามารถในการเร่งการเจริญเติบโตของพืชที่แม้แต่เผ่าพันธุ์ของเธอที่กําเนิดมาโดยตรงก็ยังไม่มี นี่มัน
ในเรลที่พูดอธิบายถึงความสามารถของตนเองอยู่นั้นไม่ได้รู้เลยว่าความสามารถของเขานั้นสําคัญกับเผ่าพันธุ์นิมฟ์มากแค่ไหนตอนนี้เขาโดนราชินีนิมพ์หมายหัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Witterry : ชี้แจงที่พระเอกใช้ เธอ นาย ฉัน แก เนื่องจากมาจาโลกปัจจุบันส่วนอสูรยักษ์เถื่อนอยากให้เป็นแบบโรราณหน่อย ๆ เลยใช้ เจ้า ข้าตามสถานการณ์ไป มีความคิดเห็นอย่างไรก็สามารถคอมเม้นมาคุยกันได้นะ