re Zombie World โลกซอมบี้อีกครั้ง
ตอนที่ 71 โดนวางยา
ไนเรลที่อธิบายความสามารถของตนเองให้ราชินีจนเสร็จ เขาก็ได้แต่มองหน้าราชินีนิมฟ์เพื่อรอคําตอบว่าตกลงเธอจะเห็นด้วยกับความคิดของเขาหรือไม่
“เจ้าสามารถทําได้อย่างที่พูดจริง ๆ ใช่หรือไม่”
“ถ้าต้นไม้มารดาเป็นพืชจริง ๆ ฉันก็สามารถทําได้ แต่คงต้องใช้ปุ๋ยเยอะพอสมควร”
“ปุ๋ย…” ราชินีนิมฟ์ถามออกมา
“ใช่ ปุ๋ย” ไนเรลไม่รอช้าเงาด้านหลังของเขาก็มีซากสัตว์กลายพันธุ์ขั้น 4 ที่เขาขโมยมาจากเมืองแลกเปลี่ยนโคลอสเซียม แต่ยังไม่หมดแค่นั้นเพรามีซากสัตว์กลายพันธุ์อีกหลายตัวที่เขาเอาออกมาจากคลังเสบียงของยักษ์เถื่อน
ต้องบอกก่อนว่ายักษ์เถื่อนนั้นต้องกินอาหารในแต่ละวันเป็นจํานวนมากจากขนาดร่างกายของพวกมัน อีกทั้งของที่กินยังต้องเป็นของที่มีระดับสูงมากพอ ดังนั้นในเสบียงส่วนใหญ่จึงเป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่ไม่ต่ำกว่าขั้น 3 ทั้งหมด ซึ่งไนเรลก็เอามาเท่าที่จะมาได้เช่นกัน
“ความสามารถนี้มัน…” ราชินีหิมพ์กล่าวออกมาอย่างสนใจต่อความสามารถของมนุษย์เพศชายผู้นี้ สําหรับเธอที่เกิดมายังไม่ถึงปีนั้น จึงไม่รู้เรื่องราวของมนุษย์มากนัก นอกจากมนุษย์ที่ถูกจับขังพร้อมกับเผ่าหิมพ์ และความทรงจําของนิมฟ์พี่สาวและน้องสาวที่ถ่ายทอดให้พวกเธอเหล่านิมพ์ได้รู้แต่เพียงว่ามนุษย์เป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอ แต่โลภมาก ฆ่าฟันกันเอง ในบางครั้งพวกเขาก็มีความซับซ้อนในอารมณ์ที่พวกเธอนั้นก็ไม่เข้าใจ
แต่เธอก็ยังสนใจเพราะได้ยินว่ามีมนุษย์ที่เรียกกันว่ามนุษย์ชั้นสูงที่มีพลังและความสามารถแปลก ๆ มากมาย
“นี่คือแหล่งกําเนิดพลังของมนุษย์ชั้นสูงสินะ” ราชินีนิมฟ์ที่ตอนนี้ใช้มือจับไปที่คริสตัลวิวัฒนาการตรงหน้าผากของไนเรลอย่างลืมตัวทันทีที่เธอสัมผัสมันก็รับรู้ได้ถึงพลังที่ไหลเวียนอย่างสงบอยู่ภาย
ไนเรลที่ตอนนี้ตัวแข็งที่อไปแล้ว เพราะขณะที่เขานําซากสัตว์กลายพันธุ์ออกมาจากเงาอยู่ ๆ ราชินีนิมฟ์ก็ยื่นหน้าเข้ามาแล้วยังมาจับที่หน้าผากของเขาอย่างอยากรู้อยากเห็น
ด้วยความที่ราชินีนิมฟ์นั้นใช่ชุดที่เหมือนกับใบไม้ปกปิดแค่ส่วนสําคัญของร่างกายไว้เท่านั้น มันจึงทําให้เขาเห็นเนินเหล่านั้นได้อย่างง่ายได้ กลิ่นหอมที่ลอยเข้ามาทําให้เขาเผลอสูดดมเข้าไปอย่างไม่รู้ตัว
“หอมจัง ไม่สิ…เธอกําลังทําอะไร?” ไนเรลรีบหลบสายตาและถอยออกมาเล็กน้อย ในตอนแรกเธอยังระมัดระวังเขาอยู่เลยไม่ใช่หรือไง ทําไมตอนนี้ถึงเข้ามาสัมผัสตัวของเขาแบบนี้
“ขออภัยเราก็แค่อยากรู้ถึงพลังของมนุษย์เท่านั้น” เธอกล่าวออกมาอย่างกลับว่ามันเป็นเรื่องปกติในการที่เธอจะตอบสนองต่อความอยากรู้อยากเห็นจนสัมผัสกับตัวของไนเรลก็เท่านั้น
มันไม่ได้มีอะไรของเจ้าที่บุบสลายไม่ใช่หรือไงก็แค่จับดูเท่านั้น ราชินีมองมาที่ไนเรลตาปิ้ป ๆ
“เออ…เรามาเริ่มกันเถอะฉันก็ไม่รู้ว่าปุ๋ยพวกนี้จะพอไหม” ไนเรลที่ตอนนี้ไม่รู้จะพูดอย่างไรก็ได้แต่เปลี่ยนหัวข้อกลับไปสนใจ รื่องต้นไม้มารดา ซากสัตว์ขนาดใหญ่ที่ถูกในไนเรลที่มีขนาดตัวเล็ก ว่ามาก ยกมันอย่างง่ายดายไปวางรอบ ๆ ต้นไม้มารดา
“เอาละมาเริ่มกัน” ไนเรลเดินเข้าไปที่ต้นไม้มารดา ขณะที่เขาวางมือลงไปที่ต้นไม้มารดาอย่างช้า ๆ โดยมีสายตาพิฆาตของราชินีนิมฟ์ที่ตอนนี้กําลังจับจ้องไปที่ต้นไม้มารดาและไนเรลอย่างไม่วางตา
ถ้าเกิดเขาทําอะไรที่เป็นอันตรายต่อต้นไม้มารดาละก็เธอจะจัดการเขาทันที
ไนเรลค่อย ๆ หลับตาลงพร้อมกับเริ่มใช้ความสามารถ [การเจริญเติบโตของพืช A] ต้นไม้มารดาที่ตอนนี้ได้รับการกระตุ้นจากความสามารถของไนเรลมันก็เริ่มแตกกิ่งก้านสาขาและรากที่ยืดยาวในทันที
ไนเรลไม่ได้ควบคุมรากของมันเพราะเขาไม่สามารถทําแบบนั้นได้ แต่สัญชาตญาณของพืชนั้นมันก็รู้ว่าตรงไหนที่มีสารอาหารให้พวกมันใช้ในการเจริญเติบโต
รากของต้นไม้มารดาสัมผัสเข้ากับซากของสัตว์กลายพันธุ์ที่อยู่โดยรอบมันค่อย ๆ ย่อยซากเหล่านั้นอย่างรวดเร็วจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
หลังจากนั้นต้นไม้มารดาที่จัดการสัตว์กลายพันธุ์ไปจนหมดก็เหมือนกับอัดอั้นพลังงานไว้ภายในจํานวนมากมันก็เติบโตสูงขึ้นอย่างรวดเร็วรากที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจนเกาะขนาดเล็กนี้ไม่สามารถลองรับ ได้มันจึงหยั่งรากลงไปในน้ําลําต้นที่สูงกว่า 10 เมตรทันตาเห็นพร้อมทั้งกิ่งก้านและใบที่งอกออกมา
ไนเรลที่เห็นถึงขบวนการเติบโตนี้แล้วเขาก็รีบหยุดตัวเองในทันที ด้วยความที่กลัวว่าจะเป็นเหมือนกับตอนต้นคริสตัลวิวัฒนาการที่ใช้ความสามารถเกินไปจนมันเกือบดูดกลืนพลังชีวิตของเขา
แต่เพราะความสามารถของไนเรลนั้นพัฒนาไปจนถึงระดับ A ดังนั้นจึงทําให้เขาไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากหลังจากที่ใช้พลังไปแค่นี้
ไนเรลที่ถอยออกมาก็ยืนมองไปที่ต้นไม้มารดาอย่างพึงพอใจ ส่วนราชินีนิมฟ์นั้นก็รีบวิ่งเข้าไปกอดที่ต้นไม้มารดาในทันที เหมือนดังเด็กสาวที่รู้ว่าแม่ของตนนั้นกลับมาแล้ว
ไม่ใช่เพียงแค่ราชินีนิมฟ์เท่านั้นที่เป็นแบบนี้ แต่นิมพ์ตนอื่น ๆ ที่สัมผัสได้ถึงต้นไม้มารดาที่กลับฟื้นขึ้นมาแล้วก็พากันมาล้อมรอบทะเลสาบและสัมผัสไปที่รากของต้นไม้มารดาที่ยื่นออกมาจากผิวน้ําเหมือนกับการติดต่อกับต้นไม้มารดา
หลังจากรอให้ราชินีนิมพ์ที่ตอนนี้เหมือนดังเด็กน้อยอ้อนหาแม่อยู่นั้น ไนเรลก็จัดการเก็บกวาดสิ่งที่เหลืออยู่จากตอนที่ต้นไม้มารดาย่อยสลายซากสัตว์กลายพันธุ์ไป
มันมีพวกกรงเล็กเขี้ยวและกระดูกที่ไม่ได้ย่อยสลายไปด้วย เหมือนกับตอนของซากจิ้งจกหางหอกก็เช่นกันที่หางกระดูกของมันไม่ได้ย่อยสลายไป
ซึ่งวัตถุพวกนี้เขาคิดว่าจะไปมอบให้เมสันจัดการอีกเช่นเคย มันคงจะสามารถสร้างอาวุธและของอย่างอื่นได้อีกมาก
ผ่านไปสักพักราชินีนิมฟ์ก็ผลักออกมาจากต้นไม้มารดาและเดินเข้ามาหาไนเรลอย่างชื่องช้า
“ขอบคุณเจ้ามาก” ราชินีหิมพ์พูดออกมาอย่างจริงใจ
“เรื่องนั้นไม่จําเป็นที่ฉันช่วยก็เพราะน้ําค้างแห่งชีวิต ตอนนี้ในเมื่อต้นไม้มารดาก็ฟื้นกลับมาพอสมควรแล้วถ้างั้นก็คงสามารถสร้างน้ําค้างแห่งชีวิตได้แล้วใช่หรือไม่” ไนเรลถามออกไปถึงเป้า หมายของเขาในทันที
“ถึงอย่างใจก็ขอบคุณมาก ส่วนน้ําค้างแห่งชีวิตนั้นถึงท่าน (ต้นไม้มารดา) จะฟื้นมาไม่ถึงหนึ่งในสิบของเมื่อก่อนแต่ท่านสามารถทําได้แล้ว แต่มันคงจะยังไม่ใช่ตอนนี้”
“ หมายความว่ายังไง” ไนเรลถามออกมาอย่างสงสัยหรือจะมีเงื่อนไขอื่น ๆ อีก ในการสร้างน้ําค้างแห่งชีวิต
“การจะสร้างน้ําค้างแห่งชีวิตได้นั้นต้องรอการมาของแสงแรกแห่งวันเท่านั้น ซึ่งก็คือเช้าวันพรุ่งนี้ อีกทั้งปริมาณที่ได้ก็ยังมีจํากัด” ราชินีนิมฟ์อธิบายออกมาอย่างคร่าวๆ
“ถ้าเจ้าไม่รังเกียจก็อยู่พักที่นี่ก่อนสักหนึ่งคืน ในกลางวันนี้เรามีอาหารให้เจ้าเพื่อขอบคุณสําหรับทุกเรื่องเช่นกันด้วย”
“เธอหมายถึงงานเลี้ยง”
“ใช่ ถ้าตามภาษาของมนุษย์”
งานเลี้ยงตอนกลางวัน ปกติแล้วงานเลี้ยงจะจัดกันตอนกลางคืน แต่มันก็ไม่แปลกเพราะนิมฟ์นั้นกําเนิดมาต้นไม้ พวกเธอคงเคยชินกับแสงอาทิตย์ในตอนกลางวันส่วนกลางคืนคือการนอนหลับใหล เหมือนดังต้นไม้
“คงไม่มีทางเลือก เอาแบบนั้นก็ได้” ถึงอย่างไรเขาก็ต้องรอน้ําค้างแห่งชีวิตอีกสักอยู่ที่นี่อีก 1 วันอยู่แล้ว
ตอนกลางวันที่ราชินีนิมฟรอคอยก็มาถึงอย่างรวดเร็ว ไนเรลที่ตอนนี้รู้สึกแปลก ๆ กับงานลี้ยงของราชินีนิมฟ์ที่ถูกจัดขึ้นในบ้านต้นไม้แห่งนี้ ดูเหมือนที่นี่จะเป็นที่อยู่อาศัยของราชินีนิมพ์
แถมในงานนั้นมันไม่มีนิมฟ์ตนไหนอยู่เลยนอกจากราชินีนิมฟ์และตัวเขา
ไนเรลมองไปที่สายตาของราชินีนิมฟ์ที่เหมือนกับจะมีความในอะไรอยู่ แต่ทุกอย่างนั้นดูเป็นธรรมชาติเกินไปจนตัวเขาก็ไม่สามารถเดาความคิดของเธอออกได้เลย
“นิมฟ์ต้นอื่น ๆ ไปไหน?” ไนเรลนั้นถามออกมาตรง ๆ
“ตนอื่น ๆ นั้นต้องอยู่ด้านนอกนี่คือธรรมเนียมของพวกเรา นิมฟ์” เธอเองก็ตอบไนเรลออกไปแบบปกติ
ไนเรลได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้คิดมากเริ่มจัดการอาหารที่อยู่ตรงหน้าในทันที แต่ทั้งหมดนั้นมันเต็มไปด้วยผลไม้ทั้งหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะนิมพ์ไม่กินเนื้อสัตว์
เมื่อเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม ไนเรลที่ปกติชอบกินเนื้อก็เริ่มลงมือจัดการผลไม้ที่เขารู้จักอยู่ไม่กี่ชนิดแค่นั้น เนื่องด้วยความที่เขาไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวาน อีกทั้งเนื้อสัตว์กลายพันธุ์ทั้งหมดก็โดนต้นไม้มารดาย่อยสลายไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงจัดการกินผลไม้ เหล่านี้อย่างเต็มที่
ถึงของทั้งหมดนี้จะเป็นผลไม้แต่ก็อย่าได้ดูถูกพวกมันเพราะผลไม้บางลูกนั้นเป็นผลไม้กลายพันธุ์ระดับสูง แม้แต่สัตว์กลายพันธุ์ขั้น 4 เองก็ยังอยากที่จะกินมัน
ผลไม้บางลูกอย่างผลบลูเบอรี่ยักษ์ มันให้พลังงานเท่ากับการกินสัตว์กลายพันธุ์ขั้น 3 เข้าไปทั้งตัวเลย ดังนั้นหลังจากเขากินมันเข้าไปก็ได้รับการเติมเต็มพลังงานที่สูญเสียไปเมื่อตอนใช้ความสามารถ [เร่งการเจริญเติบโตของพืชอย่างรวดเร็ว]
แต่หลังจากที่จัดการกับผลไม้บางอย่างไป เขากับรู้สึกแปลกมากร่างกายร้อนแปลก จากประสบการณ์ของเขาไนเรลรู้ได้ในทันทีว่ามันคือ “พิษ
“นี่มันหมายความว่าไง” ไนเรลรีบโยนผลไม้ในมือทิ้งทันที
“เจ้าไม่เป็นอะไรเลยหรือ?” ราชินีถามออกมาและมองไนเรลอย่างแปลกใจ
“ฉันถามเธออยู่นี่มันหมายความว่าไง ทําไมผลไม้ถึงมีพิษ ตกลงเธอจะทําอะไรกันแน่” ไนเรลรู้สึกงงมากทําไมเธอต้องวางยาพิษเขาด้วย ทั้งที่เขาก็ช่วยเผ่าของเธอไว้ เผ่าหิมพ์นั้นไม่น่าจะทําเรื่องแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าทุกอย่างที่เขากินไปจะโดนเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการจัดการย่อยสลายทั้งหมด เขาก็คงจะโดนพิษนั้นเล่นงานแล้ว
แต่แล้วเขานึกถึงบางอย่างที่กินเข้าไปได้ และนึกถึงเรื่องหนึ่งนั้น ก็คือเรื่องที่นิมฟ์จะจับเพศชายในสายพันธุ์อื่น ๆ โดยจะพาชายที่คนเลือกมามอมเมาด้วยผลไม้
หรือว่าที่เธอบอกว่านิมฟ์ตนอื่นต้องรอข้างนอกมันเป็นธรรมเนียม เพราะคงไม่มีใครอยากทําเรื่องแบบนั้นต่อหน้าคนอื่น ๆ
แน่นอน
“เดียวสิเธอไม่ได้จะ…” แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร นิมฟ์ราชินีก็จู่โจมเขาในทันที ด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยเสน่ของเธอ
เธอเข้ามาผลักตัวของเขาล้มลงไป พร้อมกับใช้ร่างกายที่ไม่รู้ว่าไปเอาความว่องไวมาจากไหนค่อยมาที่บนตัวของเขา
ไนเรลก็คิดอยากจะผลักออกอยู่หรอกแต่เพราะเธอเป็นผู้หญิง เขาคงทํารุนแรงไม่ได้ (จริงๆ นะ)
“ในเมื่อกินผลไม้ปลุกกําหนัดที่แม้แต่หมีกินแล้วยังต้องทําการบ้านยังไม่มีผลต่อเจ้า เช่นนั้นกคงต้องใช้วิธีที่รุนแรง” ราชินีนิมฟ์พูดออกมาตรง ๆ อย่างไม่ปิดบัง แต่มันกลับไม่ได้ทําให้ภาพลักษณ์ในฐานะราชินีของเธอดูน่ารังเกียจเลยแม้แต่น้อยกับการที่เธอจะขืนใจชายหนุ่มอย่างไนเรล เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันก็เป็นเรื่องปกติของเผ่านิมฟ์แบบเธอ
“เดี๋ยวสิ หยุดก่อน ค่อย ๆ คุยกันก่อน…” ไนเรลพยายามจะหยุดเธอแต่เขากลับโดนความสามารถ [ล่อลวง S] ของราชินีนิมฟ์เข้าไปอย่างเต็ม ๆ
เขาพยายามที่จะใช้ความสามารถประเภทพลังจิตใจของตนคําบัญชาเผ่าพันธุ์ ] เข้าต้านทานเต็มที่ แต่ระดับของความสามารถทั้งสองห่างเกินไป
ไนเรลพยายามประคองสติของตนเต็มที่ แต่มันก็ไม่ไหว สติและตัวตนของเขาเริ่มหลุดจนจะคุ้มไว้ไม่อยู่ ร่างกายท่อนร่างเริ่มร้อนขึ้นมาทุกที่
แต่สิ่งที่ทําให้เขาหลุดจริง ๆ กลับเป็นเสียงกระซิบของราชินีนิมฟ์ที่แผ่วเบาข้างหูของตนเองว่า “เราต้องการได้สายเลือดของเจ้า ช่วยเราราชินีผู้นี้ได้หรือไม่”
Witterry : อะแฮ่ม….คงจะมีฉาก++ ได้เท่าที่เด็กดีจะมีให้ได้ละนะ ไรท์กลัวปลิวไปกับสายลม เพราะฉะนั้นเอาเท่าที่ได้เนอะในตอนต่อไป