คุณมีสองทางเลือก
“หัวหน้ากิล พวกเขาเป็นคนคุ้นเคยของหัวหน้างั้นหรอ ?” อควาโรสถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นซือเฟิงพึมพำกับตัวเอง
ทวีปด้านตะวันตก และทวีปด้านตะวันออกนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมาก และแม้ว่าระยะห่างระหว่างทวีปทั้งสองด้านจะมีไม่มากเท่ากับระยะห่างระหว่างทวีปหลักกับโลกอื่นๆของ God domain แต่มันก็เหมือนกับว่ามีกำแพงกั้นอยู่ระหว่างทวีปทั้งสองด้าน
ไม่เพียงแต่ข้อมูลของทวีปทั้งสองด้านจะแยกออกจากกัน แต่วัฒนธรรมของทวีปทั้งสองด้านยังแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่นผู้เล่นที่มีอาชีพเดียวกันจะมีทิศทางการพัฒนาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในทวีปทั้งสองด้าน และรูปแบบการต่อสู้ของพวกเขาก็จะค่อนข้างแตกต่างกัน
ในทวีปด้านตะวันออก การต่อสู้นั้นมันจะเน้นไปที่การใช้เทคนิคการต่อสู้ผสมผสานกับสกิลและเวทย์เป็นหลัก โดยการควบคุมมานานั้นจะมีบทบาทเป็นแค่ผู้สนับสนุนเท่านั้น ในขณะเดียวกันในทวีปด้านตะวันตกการต่อสู้นั้นมันก็จะใช้ความสามารถในการควบคุมมานาของสกิลและเวทย์เป็นหลัก ในขณะที่เทคนิคการต่อสู้นั้นใช้เพื่อสนับสนุนเท่านั้น
นอกเหนือจากความแตกต่างในรูปแบบการต่อสู้แล้ว ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างทวีปด้านตะวันตกกับตะวันออกนั้นก็คือรูปแบบการจัดการต่างๆที่อาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆนำมาใช้
ในทวีปด้านตะวันออกนั้น อาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆของ NPC จะใช้กองทัพที่ขึ้นตรงกับเมืองหลวงเพื่อจัดการกับเมืองของตนเอง อย่างไรก็ตามที่ทวีปด้านตะวันตก เมืองส่วนใหญ่ของ NPC จะได้รับการจัดการโดยสมาคมนักผจญภัย กองทัพของอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆจะมีหน้าที่แค่รักษาความปลอดภัยพรหมแดนระหว่างประเทศ และมีหน้าที่ป้องกันกองกำลังหลักของสัตว์ปีศาจก็เท่านั้น
เนื่องจากสัตว์ปีศาจนั้นมีอยู่จำนวนมากในทวีปด้านตะวันตก ดังนั้นกองทัพของสัตว์ปีศาจจึงบุกเข้าสู่อาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆของทวีปด้านตะวันตกเป็นประจำ ในความเป็นจริงสัตว์ปีศาจเหล่านี้เปิดการโจมตีเมืองทุกๆสองถึงสามวันด้วย ซึ่งมันบ่อยกว่าเหตุการณ์ล้อมเมืองของมอนสเตอร์ในทวีปด้านตะวันออกมาก และบางครั้งสัตว์ปีศาจเหล่านี้นั้นก็สามารถจะยึดเมืองแถบชายแดนไปได้เลยด้วยซ้ำ
ซึ่งหากอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆในทวีปด้านตะวันตกล้มเหลวในการเข้ายึดเมืองคืนจากพวกสัตว์ปีศาจเหล่านี้ กิจกรรมของผู้เล่นก็จะถูกจำกัดลงไปอย่างมาก ในทางกลับกันยิ่งอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆเข้ายึดเมืองของปีศาจได้มากเท่าไหร่ กิจกรรมของผู้เล่นก็จะเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน ทวีปด้านตะวันตกนั้นไม่ได้มีแผนที่เป็นกลางที่ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน และดินแดนที่อาณาจักรกับจักรวรรดิต่างๆครอบครองอยู่นั้น มันก็ตกอยู่ในความผันผวนอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นทวีปด้านตะวันตกจึงถูกระบุว่าเป็น “ทวีปสัตว์ปีศาจ” และการต่อสู้ระดับชาติก็เกิดขึ้นที่นี่บ่อยกว่าที่ทวีปด้านตะวันออกมาก และมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย หากอาณาจักรบางอย่างที่ถูกทำลายไปก่อนหน้านี้จะกลับมาปรากฎขึ้นอีกครั้ง
ถ้าผู้เล่นทั้งสิบคนจากสภาสิบแปดปีกมีคนคุ้ยเคยคอยนำทางให้กับพวกเขาในทวีปด้านตะวันตกนั้นมันก็จะช่วยพวกเขาได้มาก เพราะท้ายที่สุดแล้วสถานการณ์ของทวีปด้านตะวันตกนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และผู้เล่นที่ไม่ได้คุ้นเคยกับทวีปด้านตะวันตกก็จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากในการจะรวมตัว และสร้างฐานอำนาจขึ้นที่นี่
“เราไม่ได้คุ้นเคยกัน เราเป็นแค่คนรู้จักน่ะ …” ซือเฟิงตอบพลางส่ายหัว ขณะที่เขามองไปยังหยานเซี่ยวเฉียนที่กำลังต่อสู้และบัญชาการรบไปด้วย
เขานั้นรู้จักหยานเซี่ยวเฉียนก็จากการแข่งขันเล่นแร่แปรธาตุภายในของหอการค้าอาซูเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินมาว่าหอการค้าอาซูนั้นได้มอบภารกิจสำคัญให้หยานเซี่ยว
เฉียนมาทำหน้าที่จัดการในทวีปด้านตะวันตก แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับผู้หญิงคนนี้ที่นี่
ปัจจุบันนั้นหยานเซี่ยวเฉียน นั้นเป็นนักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสาม เลเวลหนึ่งร้อยหกแล้ว นอกจากนี้เธอยังสวมใส่อุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลหนึ่งร้อยห้าอยู่จำนวนหนึ่ง และคทาคริสตัลสีม่วงที่เธอถืออยู่นั้นมันก็แผ่ออร่าของไอเทมระดับอีปิคออกมาอย่างชัดเจน และในภาพรวมนั้นก็เห็นได้ชัดว่าคทานี้เป็นอาวุธระดับอีปิค เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย ซึ่งในระยะนี้ของเกมนั้นมาตราฐานอุปกรณ์ของเธอจัดว่าแทบจะอยู่ในจุดสูงสุดของ God domain เลย
ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าการควบคุมมานาของเธอก็ยังจะได้รับการปรับปรุงอย่างมาก นับตั้งแต่ที่ซือเฟิงได้พบกับเธอครั้งสุดท้าย ตอนนี้เธอสามารถร่ายเวทย์ได้ด้วยอัตราความสำเร็จในการใช้สกิลเก้าสิบห้าเปอเซ็นต์หรือมากกว่านั้นแล้ว และพลังเวทย์ที่เธอแสดงออกมานั้น มันก็ชัดเจนเลยว่าสามารถเทียบกับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกันได้
ในขณะที่ทีมของซือเฟิงกำลังสังเกตการณ์เหตุการณ์ด้านล่างอยู่เงียบๆ ผู้เล่นที่ต่อสู้กันอยู่ก็สังเกตเห็นทีมของซือเฟิง
“พวกเขาเป็นใครกัน ? พวกเขาไม่รู้หรอว่านี่เป็นการต่อสู้ระหว่างหอการค้าอาซู กับ เผ่าศักสิทธิ์น่ะ …” ราชันเบอเซิกเกอร์ขั้นสาม ซึ่งเป็นผู้อาวุโสของหอการค้าอาซูพึมพำพลางขมวดคิ้ว ขณะที่เขามองไปยังเหล่าผู้เล่นที่อยู่บนอินทรีสายฟ้า
ณ จุดนี้ แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังไม่สามารถจะประเมินผู้เชี่ยวชาญขั้นสามต่ำเกินไปได้ ในขณะเดียวกันสิ่งที่ผู้อาวุโสผู้นี้สามารถบอกได้เลยก็คือ ทีมสิบคนของซือเฟิงนั้นน่าจะประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่ทรงพลังมากๆ และสำหรับมหาอำนาจทั่วไป พวกเขาก็จะจัดว่าเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวแน่นอน
อย่างไรก็ตามสำหรับมหาอำนาจอย่างหอการค้าอาซู และเผ่าศักสิทธิ์นั้น ทีมสิบคนของผู้เชี่ยวชาญขั้นสามพวกนี้ ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลใดๆ
อย่างไรก็ตามในทวีปด้านตะวันตกนั้น สิ่งที่มหาอำนาจต่างๆคิดว่ามันมีปัญหามากที่สุดก็คือ เมื่อจู่ๆมีบุคคลที่สามปรากฎขึ้นในระหว่างการต่อสู้ของมหาอำนาจสองกลุ่ม เพราะท้ายที่สุดแล้วมันจะไม่มีใครรู้เลยว่าบุคคลที่สามนี้จะทำเพียงแค่ดูเฉยๆ และไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย หรือใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ ดังนั้นเมื่อมีบุคคลที่สามปรา
กฎตัวขึ้น มหาอำนาจทั้งสองจึงมักจะหยุดการต่อสู้ระหว่างกัน และหันไปจัดการบุคคลที่สามก่อน แล้วค่อยกลับมาต่อสู้กันอีกครั้ง
หอการค้าอาซูและเผ่าศักสิทธิ์ ทั้งสองล้วนเป็นมหาอำนาจที่ผู้เล่นในทวีปด้านตะวันตกรู้จักดี อย่างไรก็ตามตอนนี้กับมีใครบางคนไม่สนใจใดๆ และมาเฝ้ามองการต่อสู้ของพวกเขา ….
แบล๊คเฟรม ?! ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ?! หยานเซี่ยวเฉียนนั้นเต็มไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ เมื่อเธอเห็นซือเฟิงที่นั่งอยู่บนอินทรีสายฟ้า เขาปฎิบัติการอยู่แค่ในทวีปด้านตะวันออกไม่ใช่หรอ ?
หยานเซี่ยวเฉียนนั้นมีความประทับใจในระดับหนึ่งต่อซือเฟิง เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นผู้ที่ทำให้ไซเร้นวอร์นเดอร์เอาชนะเธอได้ในระหว่างการแข่งขันเล่นแร่แปรธาตุภายในของหอการค้าอาซู ซึ่งมันทำให้ตระกูลของเธอนั้นสูญเสียสิทธิ์ในการปกครองหอการค้าอาซูไป
เพราะนอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว ตัวตนของซือเฟิงในฐานะผู้เล่นขั้นสามนั้นมันก็ทำให้ทั่วทั้งสถานที่สั่นคลอน
ในตอนนั้นไม่มีมหาอำนาจแม้แต่กลุ่มเดียวที่มีผู้เล่นขั้นสาม แต่ซือเฟิงกับประสบความสำเร็จในการกลายเป็นผู้เล่นขั้นสามได้ด้วยตัวเอง และแม้แต่หลงเซี่ยงหลงซึ่งเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสสูงสุดของหอการค้าอาซูก็ยังต้องยอมรับความพ่ายแพ้ต่อซือเฟิง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนเลย
อย่างไรก็ตามเธอก็ได้เยาะเย้ยในความโง่เขลาของซือเฟิงไปเช่นกันที่ปฎิเสธโอกาสในการที่จะได้กลายเป็นพันธมิตรของหอการค้าอาซู และทิ้งโอกาสที่ดีเยี่ยมในการจะได้รับทรัพยากรของทวีปด้านตะวันตก ดังนั้นเธอจึงไม่เคยคิดเลยว่าซือเฟิงจะมาปรา
กฎตัวในทวีปด้านตะวันตกตอนนี้ !!!
“เซี่ยวเฉียน เธอรู้จักพวกเขางั้นหรอ ?” ผู้อาวุโสที่เป็นราชันเบอเซิกเกอร์ถาม เมื่อเขาสังเกตเห็นความตกใจบนใบหน้าของหยานเซี่ยวเฉียน
ณ จุดนี้ หยานเซี่ยวเฉียนนั้นนับเป็นว่าที่ผู้อาวุโสสูงสุดของหอการค้าอาซูในอนาคต ซึ่งเธอก็ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีมากๆ แม้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นเพียงแค่ผู้อาวุโสทั่วไป แต่ตำแหน่งของเธอรวมกับตัวตนของเธอนั้น มันก็ทำให้เธอมีสถานะสูงกว่าผู้อาวุโสทั่วไปมาก และเธออยู่ในอำนาจที่จะสามารถโต้เถียงกับรองหัวหน้าของหอการค้าได้ด้วยซ้ำ
ถ้าทีมของซือเฟิงเป็นคนรู้จักของหยานเซี่ยวเฉียน พวกเขาก็จะมองข้ามการล่วงละเมิดของทีมซือเฟิง อย่างไรก็ตาม หากไม่ใช่หอการค้าอาซูจะไม่ปล่อยให้พวกเขาหลุดจากเบ็ดไปแน่นอน
“เราเป็นแค่คนรู้จักกัน พูดให้ถูกคือพวกเขาเป็นเพื่อนของไซเร้นวอร์นเดอร์” หยานเซี่ยวเฉียนกล่าวหลังจากครุ่นคิด
ถ้าเป็นไปได้หยานเซี่ยวเฉียนนั้นก็ไม่ต้องการที่จะยอมรับเลยว่าเธอรู้จักกับซือเฟิง เพราะท้ายที่สุดไซเร้นวอร์นเดอร์นั้นก็เป็นคู่แข่งของเธอ และสภาสิบแปดปีกก็เป็นผู้สนับสนุนของไซเร้นวอร์นเดอร์
“เพื่อนของวอร์นเดอร์งั้นหรอ ?” เมื่อผู้อาวุโสที่เป็นราชันเบอเซิกเกอร์ได้ยินคำพูดของหยานเซี่ยวเฉียน ดวงตาของเขาที่มองไปยังทีมของซือเฟิงก็เปลี่ยนไป “อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จะเป็นปัญหาแน่นอน เพราะพวกเผ่าศักสิทธิ์จะไม่ปล่อยให้พวกเขาหลุดจากเบ็ดไปแน่”
ตระกูลหลงนั้นได้ถือว่าไซเร้นวอร์นเดอร์เป็นทายาทลำดับที่หนึ่งของตระกูลแล้วในอนาคต และเนื่องจากตอนนี้ตระกูลหลงได้รับสิทธิ์ในการปกครองหอการค้าอาซู ดังนั้นตำแหน่งในตอนนี้ของไซเร้นวอร์นเดอร์จึงสูงกว่าผู้อาวุโสสูงสุดของหอการค้าบางคนด้วยซ้ำ
ดังนั้นเพื่อนของไซเร้นวอร์นเดอร์จึงถือเป็นเพื่อนของหอการค้าอาซูเช่นกัน
เพียงแต่ว่าตอนนี้นั้นพวกเขายุ่งอยู่กับการปกป้องเหมือง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถแบ่งกำลังคนไปช่วยทีมของซือเฟิงได้
ในขณะที่ผู้อาวุโสที่เป็นราชันเบอเซิกเกอร์พูดจบ กองทัพของเผ่าศักสิทธิ์ก็ได้ส่งผู้เล่นนับร้อยไปเพื่อสกัดกั้นทีมของซือเฟิง และในบรรดาผู้เล่นเหล่านี้มีมากถึงยี่สิบคนที่เป็นผู้เล่นขั้นสาม และผู้ที่นำทีมนี้ก็คือแม๊คอาฟรี่ หนึ่งในรองผู้บัญชาการกองกำลังหลักของเผ่าศักสิทธิ์
เนื่องจากมรดกพิเศษของเขา มันจึงทำให้แม๊คอาฟรี่นั้นมีร่างกายขนาดมหึมาสูงสามเมตร ซึ่งทำให้เขาได้รับฉายาว่า “เครื่องจักรยักษ์” และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม ขอบเขตโดเมนบางคนก็ยังไม่สามารถจะต่อสู้กับเขาได้นานนัก
ในช่วงเวลาต่อมา แม๊คอาฟรี่ที่ขี่ค้างคาวยักษ์ก็บินมาถึงตรงหน้าทีมของซือเฟิงที่ขี่อินทรีสายฟ้าอยู่ และเขาก็จ้องมองไปยังทีมของซือเฟิงพลางแผ่ออร่าออกมาปกคลุมพื้นที่รอบๆ
“ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่เนื่องจากคุณกล้าที่จะก้าวเข้าสู่สนามรบของเผ่าศักสิทธิ์ ดังนั้นอย่าคิดว่าจะจากไปได้ง่ายๆ” แม๊คอาฟรี่พูดน้ำเสียงที่หยาบกระด้าง และดังมาก “คุณทุกคนมีสองทางเลือก อย่างแรกเลยคือขอโทษ และมอบอุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยมาให้พวกเราสิบชิ้น แล้วสำหรับอีกตัวเลือกหนึ่ง ฉันเชื่อว่าคุณคงจะไม่ชอบมันนัก …”
เมื่อได้ยินคำพูดของแม๊คอาฟรี่ สมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์รอบๆตัวเขาก็หัวเราะออกมา ในขณะที่พวกเขามองไปยังทีมของซือเฟิง ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ได้หยิบม้วนคัมภีร์วงเวทย์ขึ้นมาใช้ปิดผนึกพื้นที่โดยรอบ และติดตามวิญญาณของสมาชิกสภาสิบแปดปีกไว้
ซึ่งมันก็เห็นได้ชัดจากการกระทำของเหล่าสมาชิกเผ่าศักสิทธิ์ว่าพวกเขานั้นมีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้กับผู้เล่นที่มีอะเม้าท์บินได้อย่างมาก
อย่างไรก็ตามแม๊คอาฟรี่ และคนของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อทีมของซือเฟิงยังคงสงบอยู่ แม้จะได้ยินคำเตือนที่พวกเขาถือว่าเป็นมิตร และในความเป็นจริง แววตาของพวกเขาจ้องมองมายังแม๊คอาฟรี่และทีมของเขาอย่างสงสารด้วยซ้ำ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?
ครู่หนึ่งสมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์นั้นถึงกับสับสนเลยด้วยซ้ำว่าฝ่ายไหนที่แข็งแกร่ง และฝ่ายไหนที่อ่อนแอ
“ฉันจะให้คุณสองทางเลือกเช่นกัน อย่างแรกคือขอโทษและจ่ายค่าชดเชย โดยฉัไม่ต้องการอะไรมาก ฉันต้องการแค่อุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย หนึ่งร้อยชิ้น สำหรับอีกตัวเลือกหนึ่ง ฉันเชื่อว่าคุณก็คงจะไม่ชอบมันมากนักเช่นกัน” ซือเฟิงตอบโต้กลับ และเขาก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชาพลางมองไปยังเหล่าสมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์